พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 มกราคม 2568 อากาศหนาวต่อเนื่องถึง 20 ม.ค. ฤดูร้อนนี้ร้อนน้อยกว่าปีที่แล้ว กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุช่วงอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศไทยผ่านพ้นไปแล้ว แต่จะยังคงเย็นต่อเนื่องถึงวันที่ 20 ม.ค. จากนั้นจะค่อยๆ อุ่นขึ้น แล้วเข้าสู่ฤดูร้อนกลางเดือน ก.พ. โดยฤดูร้อนปีนี้จะไม่ร้อนเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในสภาวะลานีญากำลังอ่อน ทำให้มีความชื้น และจะมีฝนตกลงมาคลายความร้อนเป็นระยะ ๆ
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า มวลอากาศเย็นกำลังแรงที่แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง โดยช่วงที่หนาวเย็นที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว วันที่อากาศหนาวเย็นที่สุดคือ วันที่ 13 ม.ค.68 ระยะ 2 – 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งอากาศหนาวเย็น โดยหนาวถึงหนาวจัดบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นสภาพอากาศที่หนาวที่สุดในรอบ 2 – 5 ปี
ในช่วงวันที่ 16 – 20 มกราคม 2568 บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน และทะเลจีนใต้ จะทำให้อุณหภูมิลดลงอีกครั้งกับมีลมแรง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นต่อเนื่อง แต่จะไม่หนาวถึงหนาวจัดเหมือนกับช่วงวันที่ 12 – 13 มกราคม ส่วนภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก อากาศจะเย็นในตอนเช้า จนถึงประมาณวันที่ 20 มกราคม จากนั้นจะค่อยๆ อุ่นขึ้น แล้วเข้าสู่ฤดูร้อนกลางเดือนกุมภาพันธ์ตามปกติ
ปัจจุบันปรากฏการณ์เอนโซอยู่ในสภาวะลานีญากำลังอ่อน โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เข้าสู่ฤดูร้อนจะยังคงเป็นลานีญาและเข้าสู่สภาวะเป็นกลางประมาณกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน คาดว่าฤดูร้อนปีนี้อุณหภูมิจะไม่สูงเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยฤดูร้อนปี 2567 อยู่ในสภาวะเอลนีโญ ทำให้ปีนี้มีความชื้นมากกว่า
ในเดือนมีนาคมและเมษายนปีนี้ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ร้อนที่สุด อาจมีวันที่ร้อนถึงร้อนจัด บางพื้นที่ที่อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส แต่คาดว่าจะไม่ร้อนต่อเนื่องหลายวันและอาจมีฝนตกลงมาคลายความร้อนได้บ้าง ดังนั้นจึงถือว่าในปี 2568 เป็นปีที่ฝนมาเร็ว คาดว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนประมาณกลางเดือนพฤษภาคมตามปกติและการกระจายตัวของฝนในต้นฤดูจะกระจายได้ดี แต่การประเมินฝนตลอดฤดูว่า จะฝนมากหรือน้อยนั้น ต้องติดตามในช่วงใกล้ฤดูฝนอีกครั้งเนื่องจากปรากฏการณ์เอนโซจะประเมินทุก 3 เดือน
นายสมควร กล่าวว่า ตั้งแต่ 15 ม.ค. ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยต้องเตรียมรับสถานการณ์ฝนเนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น จึงทำให้ภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง โดยภาคใต้ตอนล่างต้องระวังฝนตกหนักบางแห่ง
นอกจากนี้ยังต้องระวังคลื่นลมที่มีกำลังแรงขึ้นทั้งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายฝั่งต้องระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งตั้งแต่วันที่ 16 – 18 มกราคมนี้
Advertisement