วันที่ 29 พฤศจิกายน 2024

สยบข่าวเกาเหลา! “อนุทิน” ยันไม่มีปัญหา “บิ๊กตู่-พรรคร่วม”

People Unity News : สยบข่าวเกาเหลา! “อนุทิน” ยันไม่มีปัญหา “บิ๊กตู่-พรรคร่วม” แจง สมาชิก ภท.แจ้งความสื่อ เป็นเรื่องสิทธิ์ส่วนตัว เพื่อปกป้องชื่อเสียง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่าพรคภูมิใจไทยมีความขัดแย้งกับพรรคร่วมว่า เป็นการตีความกันไปเอง เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยเหลือกัน ถ้าทำงานอย่างสุจริต พรรคภูมิใจไทย พร้อมสนับสนุนเต็มที่

ภาพที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่งในเรือร่วมกับตนเองนั้น เกิดจากว่ามีรูปพอดี และตนก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ทำงานร่วมกัน มีความสุข ที่ผ่านมาเวลาทำงานรายงานนายกฯตลอด ทางนั้น ตอบรับเป็นอย่างดี มีทั้งคำขอบคุณ และคำชมเชย

“แต่กับสื่อบางสำนัก ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องของสมาชิกพรรคแต่ละคนที่ไปฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเขา เพราะเขาต้องใช้ชื่อพรรคหาเสียง สำหรับตนเอง ยังไม่ฟ้อง เพราะมีประเด็นจำนวนมาก ขอเวลาปรึกษานักกฎหมายก่อน ต้องยอมรับว่าที่สื่อสำนักนั้นนำเสนอ ได้สร้างความเสียหายให้กับพรรค คนของพรรคก็ต้องปกป้องตัวเอง สำหรับสื่อ มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์แต่ต้องรับผิดชอบ และทำงานอย่างสร้างสรรค์”

เมื่อถามถึงความพร้อมของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อม เพราะทำงานเพื่อชาติ ด้วยใจสุจริต แต่ถ้ารู้ว่ามีการคอร์รัปชั่น หัวหน้าพรรคจะลุยจัดการอย่างแน่นอน สำหรับพรรคร่วม เชื่อว่าทุกท่านทำงาน และมีข้อมูลไปตอบฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ถ้าทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการโกง พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนเต็มที่

“เสรีพิศุทธ์”เมิน”พปชร.”ส่ง”ไพบูลย์”นั่งกมธ.ป.ป.ช.

People Unity News : “เสรีพิศุทธ์”เมิน”พปชร.”ส่ง”ไพบูลย์”นั่งกมธ.ป.ป.ช. แทน “ดล” แจงยกเลิกคำสั่งลักไก่แต่งตั้งที่ปรึกษาประธาน กมธ.แล้ว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ กล่าวถึงกรณีที่นายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา ลาออกจากการเป็นรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยพรรคพลังประชารัฐ จะส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มาทำหน้าที่แทนว่า ยังไม่ได้รับการหนังสือลาออกจากนายดล และไม่กังวลที่พรรคพลังประชารัฐ จะส่งนายไพบูลย์มาทำหน้าที่แทน เพราะเชื่อว่า เป็นการกดดันจากฝั่ง ส.ส.รัฐบาล เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนตัวให้นายสิระ เจนจาคะ และนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐ กรรมาธิการก็มีแต่ป่วน

ส่วนกรณีที่นางสาวปารีณาไปแจ้งความเอาผิดพลตำรวจเอกเสรีศุทธ์ กรณีฝืนมติที่ประชุมธรรมาธิการที่ให้ออกหนังสือเรียกนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีแบบธรรมดา แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กลับสั่งการให้ออกเป็นหนังสือคำสั่งเรียกนั้น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ชี้แจงว่า เป็นความไม่เข้าใจของนางสาวปารีณา พร้อมยืนยันได้ดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญที่ในเชิญนากยรัฐมนตรี แต่รูปแบบการออกหนังสือนั้นไม่มีการกำหนดรูปแบบ จึงต้องใช้รูปแบบของหนังสือคำสั่งเรียก

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังชี้แจงถึงการออกประกาศแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการฯ ที่ระบุมติที่ประชุมในวันที่ 20 พฤศจิกายน แต่กลับมีการเผยแพร่ก่อนเมื่อ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ได้ยกเลิกหนังสือดังกล่าวไปแล้ว เพื่อเปลี่ยนหนังสือใหม่ เป็นเพื่อให้ทราบ

“หญิงหน่อย”ปลุกนศ.ร่วมแก้ไข รธน.อาสาตัวเป็นนั่งร้านให้คนรุ่นใหม่ต่อยอด

People Unity News : “หญิงหน่อย”ลั่นต้องเลิกโครงสร้างรัฐราชการ เปลี่ยนปชช. เป็นศูนย์กลาง ปลุกนศ. ร่วมแก้ไข รธน. พร้อมอาสาตัวเป็นนั่งร้าน ให้คนรุ่นใหม่ต่อยอด ยันเพื่อไทยพร้อมสู้เลือกตั้งขอนแก่นเขต 7

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. ที่ห้องออดิทอร์เรียม พิพิธภัณฑ์ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อไทยจัดโครงการ เพื่อไทยพลัสยุคใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ปาฐกถา“เพื่อไทยยุคใหม่ ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” ตอนหนึ่งว่า การจัดงานวันนี้ไม่ใช่เพื่อความแข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เราอยากให้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น โดยใช้ช่องทางพรรคการเมืองนำไปสู่การทำงาน การทำนโยบาย เพราะวันนี้โลกเปลี่ยน การเมืองบริบทเดิมไม่ตอบโจทย์ประเทศ วันนี้เป็นโลกยุคดิจิทัล ถ้าผู้นำ ผู้บริหารคว้าเป็นจะเกิดโอกาส แต่ถ้าผู้นำไม่ปรับตัวจะตกยุกต์แบบตามไม่ทัน อย่างไรก็ตามวันนี้ผู้นำประเทศต่างๆ เด็กลงทุกวัน เพราะการมีเทคโนโลยีสมัยใหม่บีบให้ทุกองค์กร แสวงหาคนที่คิดใหม่ ไม่ใช่เพราะคนเบื่อการเมือง แต่ตอนนี้ต้องการคนมีความรู้ที่ทันต่อโลกยุคใหม่ การที่ได้คนดี คนซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ มาเป็นผู้นำวันนี้อาจไม่พอแล้ว แต่ผู้นำจึงต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพื่อจะได้คว้าโอกาสเหล่านี้เป็นเครื่องมือทำมาหากินให้กับประชาชน แต่ถ้าไม่เข้าใจมันก็ไปต่อไม่ได้

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ต่อไปนี้สิ่งที่จะออกแบบให้ประเทศไทย คือจะต้องเลิกโครงสร้างรัฐราชการที่เป็นศูนย์กลาง ให้กลายเป็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง กระจายอำนาจ กระจายโอกาส จะรวยกระจุกจนกระจายไม่ได้ สังคมประเทศต้องถูกปรับเพราะไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เช่น งบประมาณปี 63 ที่ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้เงินมากสุดเท่าที่มีรัฐบาลมา และจัดงบขาดดุลมาทุกปีต่อเนื่องมาแล้ว 5-6 ปี แต่เศรษฐกิจก็ยังไปไม่ได้ เพราะเงินที่ใช้ลงไปไม่ตอบโจทย์เนื่องจากรัฐส่วนกลางคิด เช่น การทำงานของกระทรวงดีอี จะเปลี่ยนเป็นกระทรวงแห่งออแกไนซ์เซอร์ จัดงานอย่างเดียว หรืองบการลงทุนหลายหมื่นล้าน ที่มีแต่จะสร้างตึก ไม่กระจายลงท้องถิ่น หรือแม้แต่โครงการประชานิยมที่รัฐบาลแจกเงิน ซึ่งเพื่อไทยไม่เคยแจกเงินมีแต่ตั้งกองทุน เช่น กองทุนหมู่บ้าน ทั้งนี้วันนี้เรามีปัญหาคือ 1.การกระจายอำนาจ 2. ประเทศไทยจะไปทางไหนกับโลกในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับสงครามการค้า และสงความเทคโนโลยี เรื่องเหล่านี้เราจะไม่สามารถเอาชนะด้วยเรือดำน้ำ หรือรถถังที่ประโคมซื้อ นอกจากนี้ในช่วง5 ปีที่ผ่านมา เราไม่เตรียมความพร้อมติดอาวุธ ซึ่งคือปัญญาให้เด็กไทยให้พร้อมเข้าสู่การแข่งขัน รวมถึงไม่สนับสนุนคนรุ่นใหม่มากพอ อย่างไรก็ตามปี 2563 เด็กจบใหม่จะหางานยากขึ้น และคาดว่าจะตกงานมากถึง 5 แสนคน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี รวมถึงเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงเรา

“นอกจากนี้ในเรื่องของรัฐธรรมนูญที่มีความบิดเบี้ยว ที่เราเห็นผลจากการเลือกตั้ง พรรคที่ได้ส.ส. อันดับหนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล และถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกนาน ทั้งยังขัดขวางการพัฒนาประเทศ เพราะเขียนล็อคประเทศไว้ทั้งหมด ดังนั้นน้องๆ ต้องสนใจในเรื่องนี้ เนื่องจากจะต้องอยู่ในประเทศนี้ เราต้องการคนรุ่นใหม่มาดูแลประเทศต่อ โดยเราจะเป็นนั่งร้านที่คลุกกับดินให้คนรุ่นใหม่มาเหยียบต่อยอด เราจะนิ่งเฉยให้เขาปู้ยี่ปู้ยำอนาคตแบบนี้ไม่ได้ และประเทศนี้จะไปต่อไม่ได้ถ้าเราไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกิจกรรมโฟกัสกรุ๊ป “เพื่อไทยพลัส เพื่อไทยยุคใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม” เป็นกิจกรรมที่พรรคเพื่อไทยได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาสถาบันการเมือง โดยกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ในรูปแบบของกิจกรรมระดมความคิดเห็นผ่านตัวอักษรและภาพ โดยกำหนดจัดกิจกรรม 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ

เพื่อไทยพร้อมสู้เลือกตั้งขอนแก่นเขต 7

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการเตรียมส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น แทนนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคอยู่ระหว่างดำเนินการ ขอยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องสู้กันอย่างหนัก เพราะการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐมาก ซึ่งการเลือกตั้งเพียงเขตเดียว แต่คาดว่าจะระดมทุกสรรพกำลังลงไป ต้องฝากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ช่วยตรวจสอบและทำให้การเลือกสุจริต

“ยืนยันว่าพร้อมจะสู้ เนื่องจากอีสาน เป็นที่เกิดของพรรคไทยรักไทยและเพื่อไทยในปัจจุบัน และมีความผูกพันกัน ที่ผ่านมาในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คนอีสานก็ถูกทอดทิ้ง ดังนั้นการเลือกตั้งเขต 7 จะเป็นนัยเตือนรัฐบาล ที่ต้องเร่งทำงานให้กับคนจน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า ส่วนจะมีชื่อของนายอดิศร เพียงเกษ เป็นผู้สมัครของพรรคหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน

“ธนาธร”ยันพร้อมสู้คดีอาญาแม้จะจบชีวิตในคุก ชี้อนาคตใหม่กู้เงินไม่ผิด

People Unity News :  “ธนาธร”อัดอภิสิทธิ์ชนทำชาติล้าหลัง ยันพร้อมสู้คดีอาญาแม้จะจบชีวิตในคุก ชี้อนาคตใหม่กู้เงินไม่ผิด

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ในการอบรมนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 10 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้จัดการเสวนาในหัวข้อ “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นวิทยากรด้วย และได้กล่าวว่า ตนเป็นคนที่มั่งคั่ง ภูมิใจในความรวยมากเพราะไม่เคยรวยจากเงินภาษีของประเทศ เนื่องจากบริษัทของตนไม่เคยเป็นคู่สัญญากับรัฐ แต่รวยจากการสร้างนวัตกรรม สร้างเทคโนโลยีที่ทำให้มีการจ้างงานกว่า 20,000 อัตรา วันนี้คนบางกลุ่มมีอำนาจทางการเมืองโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โครงสร้างที่ค้ำยันกลุ่มอภิสิทธิ์ชน คือทหาร ทุนผูกขาด ระบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ และกระบวนการยุติธรรม ประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะสร้างรัฐสวัสดิการที่ดีกว่านี้ แต่กลับถูกฉุดรั้งโดยกลุ่มคนที่ต้องการให้เห็นวันนี้ในทุกๆวันเป็นเมื่อวาน เพื่อให้เขามีฐานอำนาจ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา เราเถียงกันอำนาจประเทศเป็นของประชาชน ผู้นำจากการเลือกตั้ง หรือมาจากกลุ่มที่มีอำนาจโดยไม่ได้มาจากประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่าอำนาจเป็นของประชาชน ไมว่าจะไทยเจ๊ก ไทยลาว ไทยใต้ นามสกุลสูงศักดิ์ หรือชาวนา ทุกคนควรมีสิทธิเท่ากัน ต้องได้รับการบริการจากรัฐที่ดีเท่าเทียมกัน ได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน แต่ประชาชนภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ถูกทำให้ไม่มีความหมาย

นายธนาธร กล่าวอีกว่า อำนาจของรัฐถูกแบ่งเป็น 3 ขา ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เพื่อให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุล โดยรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือเผด็จการ เมื่อมีนโยบายสาธารณะที่อาจตัดสินใจถูกหรือผิดก็ได้ แต่ รธน.60 คณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งแต่งตั้งโดยคสช. ไม่ได้มาจากประชาชน อยู่เหนือรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ชี้เป็นชี้ตายให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนได้ นี่คือดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน ฝ่าย นิติบัญญัติ ส.ว .250 คนไม่มาจากประชาชน เขากลัวประชาชนจะออกกฎหมายลดอภิสิทธิ์ทางการปกครอง การดำรงอยู่ของส.ว.เพื่อนำคนที่ประชาชนไม่ได้เลือกมาเป็นนายกฯ หากเอาคะแนนปอบปูล่าโหวตมาดู จะพบว่า 75% เป็นคะแนนรวมจากพรรคที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พรรคที่สนับสนุนมีคะแนนเพียง 25% เท่านั้น ขณะที่อำนาจตุลการ และองค์กรอิสระก็ได้รับการแต่งตั้งหรือยืดอายุโดย คสช. อำนาจ 3 ฝ่ายถูกควบคุมไว้ทั้งหมด ตนเชื่อมั่นแรงกล้าว่า ประชาธิปไตยจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ดีกว่าเผด็จการ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแล้วจะย้อนกลับมายอมรับอำนาจเผด็จการไม่ได้ เรามาไกลเกินกว่าที่จะย้อนประเทศไทยกลับไปดั้งเดิม ประชาชนทุกคนเป็นประธานของประโยค ไม่ได้เป็นกรรม

“ผมชื่นชมทกคนที่ออกมาต่อต้านคอรัปชั่น แต่ถ้าคนเหล่านั้นไม่พูดถึงกองทัพ สัมปทานช่อง 7 กี่ปี และช่อง 5 หายไปไหนไม่มีอยู่ในงบประมาณ หรือแม้แต่เงินภาษีที่ใช้จ้างพลทหาร แต่ถูกเอาไปดูแลบ้านนายพล เป็นการคอรัปชั่นหรือไม่ เราพูดถึงแต่นักการเมือง ไม่แตะคนที่ตรวจสอบไม่ได้ การแสดงทรัพย์สิน นายพล ในสนช.รวยเป็นพันล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร คนที่ไม่กล้าตรวจสอบคนเหล่านี้ ผมถือว่าเฟคทั้งหมด วันนี้ผมไม่ได้เป็นส.ส. ไม่มีอภิสิทธิ์ แต่ถ้าจะเดินหน้าประเทศต่อไป ก็ขอเสนอแนวทางไทยแลนด์ 3D ทำให้ประเทศกับมาเป็นประชาธิปไตย, ลดบทบาทกองทัพ ,และยุติอำนาจรวมศูนย์ในกรุงเทพกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น มีคนบางคนบอกว่าถ้าคุณทำดีจะมีอายุอยู่ถึง 90 หรือ 100 ปี แต่ผมไม่สนใจอายุขัย ไม่สนใจว่าจะจบสวยหรือไม่ ถ้าผมพูดความจริง ยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจที่ได้สร้างสังคมที่เท่าเทียมส่งต่อให้ลูกหลาน และภูมิใจที่ชีวิตอาจจะจบไม่สวย แต่ไม่เลียท็อปบู๊ททหารแน่ๆ” นายธนาธร กล่าว

ลั่นพร้อมสู้คดีอาญาชี้อนาคตใหม่กู้เงินไม่ผิด

นายธนาธร กล่าวถึงกรณีอาจจะถูกดำเนินคดีภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ว่า ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ใครเป็นผู้ฟ้อง พร้อมจะสู้อย่างเต็มที่ และที่เดินทางมาร่วมอภิปรายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) วันนี้(21 พ.ย.) ไม่ได้คุยนอกรอบเกี่ยวกับกรณีกกต.จะดำเนินคดีอาญาเรื่องสมาชิกภาพ ส่วนคดีที่ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน ถ้าถามนักบัญชีหรือนักกฎหมายจะได้คำตอบว่าเงินกู้เป็นหนี้สิน อยู่ในงบดุลไม่ใช่รายได้และไม่อยู่ในงบกำไรขาดทุน จึงไม่ได้รู้สึกกังวล และมองไม่ออกว่าจะขัดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร

นายธนาธร กล่าวว่า อยากทำงานการเมืองโปร่งใส อยากให้สาธารณชนรับทราบ จึงไม่แน่ใจว่าการทำอย่างนี้จะผิดกฎหมายได้อย่างไร ขณะนี้ได้รับหนังสือแจ้งจากกกต.ให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมแล้ว แต่ได้ตอบกลับด้วยวาจาไปก่อนว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่งานเยอะมาก ทำให้ไม่ทัน จึงจะขอขยายระยะเวลาส่งเอกสารออกไปก่อน ยืนยันพรรคจะทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ทั้งการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ การทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่เสนอต่อสภา ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ส่วนการแก้ไขปัญหาโครงสร้างอำนาจต้องกระทบกับผู้มีอำนาจรัฐจะทำอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ต้องเจรจาต่อรองกัน ถ้าจริงใจต่อการปฏิรูปประเทศเพียงพอ ต้องกลับมาพูดเรื่องอำนาจว่าใครมีอำนาจมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมายิ่งปฏิรูปคนกลุ่มเดิมยิ่งมีอำนาจมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ไม่เรียกว่าปฏิรูป ถ้าอยากปฏิรูปให้สังคมไทยกลับมาเท่าเทียมกัน ต้องให้อำนาจกลับคืนสู่ประชาชน เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เพื่อให้บ้านเมืองไปต่อได้

เมื่อถามถึงการอภิปรายเรื่อง “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” โดยระบุว่า จะไม่เลียท็อปบู๊ททหาร ถือเป็นความอึดอัดส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากคดีหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ใช่แต่ถามว่าใครไม่อึดอัดบ้าง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมากับสิ่งที่เกิดขึ้น คิดว่าประชาชนคงเห็นกับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่พร้อมยืนหยัดต่อสู้ เพื่อทวงคืนความเป็นธรรมความถูกต้อง เรายังคงยืนยันเรื่องการต้องลดอำนาจของกองทัพลง ต้องปฏิรูปกองทัพให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน เป็นทางเดียวที่จะทำให้สังคมเดินต่อไปข้างหน้าได้ ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต

เมื่อถามย้ำว่าหากมีส.ส.เขตลาออกเพื่อเปิดทางให้ จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่หรอก เราตั้งพรรคการเมืองนี้มา ไม่ใช่เพื่อให้พวกเราเป็นรัฐมนตรีหรือส.ส. ไม่เคยคิดว่าตำแหน่งส.ส. รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี คือเป้าหมายสุดท้าย สิ่งที่ต้องการคือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ดังนั้น การเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ซึ่งตนพร้อมทำงานต่อไป

“ธนกร”แนะ”ธนาธร”ตั้งสติ อย่ายึดติดเคารพคำตัดสินศาลรธน.

People Unity News :  “ธนกร”แนะ”ธนาธร”เคารพคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ อย่าวิพากษ์จนกลายเป็นละเมิดอำนาจศาล จี้ตั้งสติ อย่ายึดติด เพราะยังมีสิ่งที่ทำเพื่อประเทศได้อีกมาก

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นจากสมาชิกภาพส.ส.ว่า ตนเข้าใจความรู้สึกของนายธนาธร แต่อยากให้นายธนาธรเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าพยายามวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลเหมือนที่กระทำอยู่ ระวังจะละเมิดอำนาจศาล ทั้งนี้ จากการฟังคำวินิจฉัยของศาลนั้น มีความชัดเจนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย ตนเชื่อว่าพี่น้องคนไทยทั่วประเทศที่ดูการถ่ายทอดอยู่ก็เข้าใจเหมือนที่ตนเข้าใจ จึงไม่อยากให้นายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ วิพากษ์วิจารณ์แล้วยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีใครไปกลั่นแกล้งได้

นายธนกร กล่าวอีกว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนั้น ตนรู้สึกแปลกใจมากที่นายธนาธรมีการเชิญชวนมวลชนไปที่สยามเพื่อรณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทันที เหมือนต้องการทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตนพูดมาตลอดว่า หากมีอะไรขอให้นำเข้าสู่กลไกรัฐสภาจะดีกว่า ไม่อยากให้ใครปลุกระดมมวลชนลงถนนอีก อย่างไรก็ตาม ตนยังดีใจที่นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เคยออกมาบอกว่า จะไม่นำมวลชนลงถนนเด็ดขาด ดังนั้น แม้ตนจะเห็นใจนายธนาธร แต่นายธนาธรจะโทษใครคงไม่ได้ เพราะทุกอย่างมาจากการกระทำของนายธนาธรเอง อย่าโทษรัฐบาลหรือโทษใคร เพราะกรรมของใครก็ต้องรับไป ขอให้นายธนาธรมีสติ ยังมีงานอีกมากมายที่นายธนาธรสามารถทำให้กับประเทศชาติและประชาชนได้ อย่ายึดติด

32ส.ส.ซีกรัฐบาลยิ้มแก้มปริ! ทีมกม.ลั่นมีลุ้นหลุดหลังคำวินิจฉัยคดี”ธนาธร”

People Unity News : ทีมกฎหมาย 32 ส.ส.รัฐบาลถือหุ้นสื่อมีความหวัง ลุ้นหลุดคดี หลังคดี”ธนาธร”ศาลรธน. ชี้ความเป็นสื่อดูที่จดแจ้งการพิมพ์ ยันทั้ง 32 คน ไม่เคยจดแจ้ง ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานกฎหมาย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกร้องให้พ้นสถานภาพความเป็นส.ส.จากการถือหุ้นบริษัทสื่อ กล่าวถึงผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. โดยมีเนื้อหาระบุถึงบริษัทที่ถือว่าเป็นสื่อมวลชนต้องมีการจดแจ้งการพิมพ์ตามพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 และต้องมีรายได้จากการผลิตสื่อว่า คำวินิจฉัยดังกล่าว ทำให้มีความหวังมากขึ้น เพราะศาลได้เทียบเคียงให้เห็นว่า ผู้ที่จะประกอบกิจการสื่อต้องมีการไปจดแจ้งการพิมพ์แต่กรณีของส.ส.ประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีการจดแจ้งการพิมพ์ เพราะมีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการจัดตั้งบริษัทว่าไม่ใช่กิจการสื่อ ดังนั้นทุกคดีของส.ส.ประชาธิปัตย์จึงไม่มีใครไปจดแจ้งการพิมพ์ กับสำนักหอสมุดแห่งชาติ หรือต่างจังหวัดก็ไม่มีใครจดแจ้งต่อสำนักงานศิลปากรเขต ซึ่งในการต่อสู้คดีเรามีการขอเอกสารเหล่านี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ได้รับคำยืนยันกลับมาชัดเจนว่าไม่มีทั้งการจดแจ้งและการยกเลิกจดแจ้งการพิมพ์ เป็นเครื่องยืนยันว่าส.ส.ประชาธิปัตย์ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อตามที่ระบุในคำร้อง

“ผมคิดว่าเมื่อดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้วเรามีความหวังขึ้น อย่างน้อยที่สุดความหวังเรื่องเจตนาที่บริสุทธิ์ใจในการตั้งต้นบริษัทและถ้าเห็นที่ศาลอธิบายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ก็ค่อนข้างชัดว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ส.ส.ก้าวก่ายแทรกแซงหรือครอบงำ ฉะนั้นการก้าวก่ายแทรกแซงหรือครอบงำ ศาลก็ต้องกลับไปตั้งต้นว่าบริษัทนั้นเป็นสื่อจริงหรือไม่ ถ้าเริ่มต้นไม่มีการประกอบกิจการสื่อ ไม่ได้มีการจดแจ้งการพิมพ์ก็จะนำไปสู่การครอบงำไม่ได้อยู่แล้ว” นายราเมศ กล่าว

ด้านนายทศพล เพ็งส้ม ทีมกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ ก็ระบุเช่นเดียวกันว่า คำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจดแจ้งการพิมพ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะยืนยันได้ว่า สส.รัฐบาลไม่มีใครถือหุ้นสื่อ เนื่องจากทุกบริษัทไม่ได้มีการจดแจ้งการพิมพ์แต่อย่างใด จึงมีความมั่นใจในการทำคดีมากขึ้น โดยจะไปขอคัดลอกสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีของนายธนาธร มาประกอบการพิจารณาว่าจะต้องจัดส่งเอกสารหรือทำคำชี้แจงใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสู้คดีเพิ่มเติมอีกหรือไม่

สำหรับส.ส.รัฐบาลที่ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อมีทั้งหมด 32 คน ประกอบด้วย ส.ส.พลังประชารัฐ 21 คน ประชาธิปัตย์ 8 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน ชาติพัฒนา 1 คน และประชาภิวัฒน์ 1 คน

“หญิงหน่อย”ลั่นทหารต้องเปลี่ยนเป็นฮีโร่ มาเน้นกระจายอำนาจยึดปชช.เป็นศูนย์กลาง

People Unity News :  “คุณหญิงสุดารัตน์” ระบุประเทศหยุดพัฒนา-ผู้มีอำนาจเลือกปฏิบัติ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม ชี้ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดทหารเป็นฮีโร่ แนะกระจายอำนาจเน้น ปชช.เป็นศูนย์กลาง

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเสวนาผู้นำการเมือง กับอนาคตประเทศไทย โดยมีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปริญ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสวนา และดำเนินรายการโดยนายยุทธพร อิสระชัย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การพัฒนาประเทศกับการพัฒนาประชาธิปไตยต้องไปด้วยกันอย่างแน่นอนเพราะประชาธิปไตยเป็นเหมือนโครงสร้าง รัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายที่ควบคุม ที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ ดังนั้นการพัฒนาประชาธิปไตยจึงมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

พร้อมระบุว่า วันนี้ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบบที่ต้องส่งเสริมโอกาสและในยุคที่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตเป็นการชับเคลื่อนต่างๆ ซึ่งเป็นระบบเปิด ที่จะกระจายโอกาสให้ทุกคนสามารถต่อยอดได้ กลับมาถึงประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ยังเป็นระบบการคิดเหมือน 50 ปีที่แล้ว และไม่ได้ใช้งบประมาณเพื่อเตรียมคนให้มีความรู้ความสามารถ

และต้องมีการปรับโครงสร้างอำนาจของประเทศ จากรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นการกระจายอำนาจท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นดูแลตัวเองได้ จึงจะเกิดการพัฒนา ซึ่งถ้าไม่มีเตือนให้ประชาชนเป็นตัวกลางประเทศไทยจะตกยุค อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทหาร เป็นส่วนสำคัญ แต่ต้องปรับความคิดว่า มีนักการเมืองทุจริต แล้วต้องเป็นฮีโร่เข้ามารัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทุกครั้ง จึงไม่สามารถปล่อยไว้เป็นแบบนี้อีกต่อไป ตราบใดที่การทำรัฐประหารไม่ผิดกฎหมายทหารอยู่เหนือรัฐบาลประเทศจะย่ำอยู่กับที่

ดังนั้นจึงต้องปรับให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ยังขอว่า อย่าดูถูกคนต่างจังหวัดว่าเป็นทาสของเงินเพราะทุกวันนี้ฉลาด และการที่นักการเมืองใช้เงินซื้อเสียงของชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการใช้เงินเปล่า 80% จึงเกิดคำพูดที่ว่า “รับเงินสุนัข กาพรรคการเมืองอื่น”

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวด้วยว่า ปี 2540 มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เมื่อถูกบังคับใช้ฝ่ายที่มีอำนาจกลับนำมาใช้ต่ออำนาจ ทำให้องค์กรอิสระไม่เป็นความอิสระแต่ใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝั่งตรงข้าม และเลือกปฏิบัติ บางคนยืมนาฬิกาเพื่อนหลายเรือนไม่ผิด แต่บางคนยืมรถเพื่อนคันเดียวมาขับกลับติดคุก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ผู้นำยุคใหม่นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐาน สิ่งที่สำคัญคือต้องเป็นผู้นำที่เข้าใจโลกยุคใหม่ทำตัวให้ทันสมัยเพื่อไปคว้าโอกาสมาพัฒนาประเทศให้ได้ และไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของอำนาจพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลง และหยุดการผูกขาดกลุ่มทุนขนาดใหญ่

“บิ๊กป้อม”ฮึ่มใส่ “ธนาธร” อย่าอาศัยปมรณรงค์เลิกเกณฑ์ทหารปลุกม็อบ

People Unity News : “บิ๊กป้อม”ฮึ่มใส่ “ธนาธร” อย่าอาศัยปมรณรงค์เลิกเกณฑ์ทหารปลุกม็อบ ไม่ผิดกฎหมายก็ทำไป ลั่นไม่ต้องเคลียร์ “อนุทิน” ปมภท.เปิดศึกสื่อค่ายใหญ่เดี๋ยวเขาก็คุยกัน

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ภายหลังศาลรัฐธรรมมีคำตัดสินให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ถือเป็นความพยายามในการปลุกมวลชนหรือไม่ ว่า ก็ทำไป ปล่อยเขา ไม่ผิดกฎหมายก็ทำไป

เมื่อถามว่าหน่วยงานความมั่นคงประเมินแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นการรณรงค์ ไม่ใช่การปลุกระดมเชิญชวนให้คนออกมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าเขาทำไม่ผิดกฎหมาย อยากทำก็ทำไป ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์เรื่องการเกณฑ์ทหารหรืออะไรก็ว่ากันไป เมื่อถามย้ำว่าประเมินดูแล้วคงไม่มีการปลุกม็อบลงถนนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ได้มั้ง”

เมื่อถามต่อว่า ในอีกมุมเราต้องบอกสังคมหรือไม่ว่าการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ต้องมีขั้นตอนรองรับอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้ว ว่ามันมีขั้นตอนมาก เพราะเราใช้มาหลาย 10 ปีแล้ว เมื่อถามอีกว่าเห็นว่าขณะนี้กำลังศึกษาการยกร่างยกเลิกการเกณฑ์ทหารอยู่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเราจะเอากำลังที่ไหนมาใช้ รวมถึงการรับสมัคร และงบประมาณจากไหน เมื่อรับสมัครไปแล้วอายุเท่าไหร่ถึงจะปลดประจำการ

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับสื่อดังค่ายหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้หารือหรือไม่ ว่า “ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวเขาก็คุยกัน”

เมื่อถามต่อว่า ในฐานะผู้ใหญ่ในรัฐบาล ได้เคลียร์เรื่องความไม่เข้าใจกันตรงนี้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า”เคลียร์กับใคร ไม่เห็นต้องเคลียร์ ไม่ได้มีอะไรกับนายอนุทิน”

เมื่อถามย้ำว่าแต่นายอนุทิน มีปัญหากับพรรคอื่น ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่จะต้องไปเคลียร์เรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามอีกว่า “พรรคไหน ถ้ามีปัญหากับสื่อ เดี๋ยวเขาก็คุยกัน ไม่มีอะไร”

“นิพนธ์”ขอให้ใช้น้ำประปาอย่างประหยัดเพราะทุนมีน้อย

People Unity News : “นิพนธ์”ขอให้ใช้น้ำประปาอย่างประหยัดเพราะทุนมีน้อย พร้อมให้นำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการบริการกับประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 จัดโดย สมาคมการประปาแห่งประเทศไทย (สปปท.)เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เพื่อปรับปรุงงานด้านการประปา โดยมีสมาชิก สปปท. ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมจำนวนมาก

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า โลกในยุคปัจจุบันมีความเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่อง “น้ำ” มนุษย์ได้นำความก้าวหน้า ทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งด้านอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในด้านธุรกิจอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ขณะเดียวกัน ความสะดวกสบายทางนวัตกรรม ทำให้มนุษย์ใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย โดยขาดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ปริมาณน้ำหายากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลนี้จึงได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะต้องอาศัยการบูรณาการและความร่วมมือจากหลายฝ่ายร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศขับเคลื่อนไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแนวนโยบายของรัฐบาล

“สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 นั้น จากสถิติย้อนหลังพบว่าปริมาณน้ำในปีนี้มีน้อยกว่าปกติส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก จึงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ภัยแล้งเพราะน้ำต้นทุนในการผลิตน้ำน้อยกว่าปกติ แต่ทั้งนี้การประปามีความมั่นใจและยืนยันว่าจะบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนร่วมกันใช้น้ำประปาอย่างประหยัด โดยใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่า และใช้เท่าที่จำเป็น หากทุกคนร่วมมือกันประหยัดการใช้ทรัพยากรน้ำ และเห็นคุณค่าของน้ำอย่างจริงจัง ก็จะสามารถประหยัดน้ำได้เป็นปริมาณมาก” นายนิพนธ์ กล่าว

ส.ส.ผู้ทรงเกียรติขัดแย้งกันอย่างหนัก “ปารีณา”ฟ้อง”เสรีพิศุทธ์”-“มาดามเดียร์”ส่งทนายฟ้อง”ช่อ”

People Unity News : “ปารีณา” แจ้งความ “เสรีพิศุทธ์” กลางดึก รุ่งขึ้นเข้าสภาฯ ฟ้อง “ชวน” สอบจริยธรรม ถูกปิดไมค์ให้ไปเคลียร์กันเองใน กมธ. สอนไม่ควรขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง ขณะที่ “มาดามเดียร์” ส่งทนายฟ้อง “ช่อ” แล้ว ปมบิดเบือนข้อเท็จจริงถือหุ้นและครอบงำสื่อ พร้อมเรียกร้องอย่าใช้เอกสิทธิ ส.ส.หลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในศาล

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือปัญหาความต่างๆ โดยน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หารือว่า ขอเรียกร้องให้นายชวนสอบจริยธรรมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพราะทนกับพฤติกรรมของพลต.อ.เสรีพิศุทธ์มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่คุ้นเคย และไม่ชอบ รู้สึกว่า ประธานกมธ.ใช้คำพูดดูหมิ่นเช่น เดี๋ยวจะโดน การโดนชี้หน้า อยากให้ประธานสภาฯตั้งกรรมการสอบจริยธรรมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย

อย่างไรก็ตามก่อนที่น.ส.ปารีณาจะพูดต่อ นายชวนกล่าวตัดบทไม่นำเรื่องภายในกมธ. มาหารือ หากมีอะไรให้ทำหนังสือส่งมาที่ตนได้ แต่น.ส.ปารีณายังพยายามพูดต่อโดยระบุว่า การทำหน้าที่ประธานกมธ.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีลักษณะดูถูก ดูหมิ่น ดังนั้นต้องสอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำให้นายชวนต้องปิดไมค์ไม่ให้น.ส.ปารีณาพูดต่อ พร้อมตักเตือนว่า การหารือในที่ประชุมสภาฯ ต้องไม่พูดกระทบผู้อื่น ปัญหาภายในกมธ. ต้องจัดการกันเอง อยากให้ทุกคนทำงานเพื่อประชาชนร่วมกัน ไม่ขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง

ทั้งนี้เมื่อ​ช่วงดึกวันที่​ 20 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ปารีณา​ ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ​ พ.ต.ต.ณพพล​ มักการุณ สารวัตร (สอบสวน)​ สน.ทองหล่อ​ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ​ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในข้อหาเอกสารเท็จ

“มาดามเดียร์” ส่งทนายฟ้อง “ช่อ” แล้วปมบิดเบือนข้อเท็จจริงถือหุ้นและคลอบงำสื่อ

ที่รัฐสภา น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ได้มอบอำนาจให้ทนายไปดำเนินการยื่นฟ้อง      น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษก  พรรรอนาคตใหม่ต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ในคดีหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีจากการที่ น.ส.พรรณิการ์ บิดเบือนข้อเท็จจริงของตนเองและคู่สมรส ในประเด็นการถืิอหุ้นและคลอบงำสื่อ

พร้อมยืนยันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดังนั้นการที่ น.ส.พรรณิการ์ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่พรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นความเท็จ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงตนเองและคู่สมรส ไม่ได้เป็นเจ้าของและเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อใดๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นไม่ว่าจะตีความคู่สมรสทั้งทางนิตินัยหรือพฤตินัย ตนเองก็ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ

น.ส.วทันยา กล่าวด้วยว่า จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา สื่อมวลชนย่อมรู้ดีเสมอว่าผู้บริหารนั้นไม่สามารถแทรกแซงกองบรรณาธิการได้ สื่อมวลชนทุกคนล้วนมีเสรีภาพทางความคิดและอิสระในการทำงาน ซึ่งส่วนตัวตระหนักและเคารพการทำงานของกองบรรณาธิการสื่อทุกสำนักมาโดยตลอด นอกจากนี้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันที่เข้ามาทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนเองยึดมั่นมาโดยตลอดว่าต้องมีวุฒิภาวะในการแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องของงานออกจากกัน ดังนั้นขอให้ น.ส.พรรณิการ์อย่าใช้เอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการหลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล ควรมาสู้ด้วยข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถ้ารักจะกล่าวหาผู้อื่นต้องกล้าพิสูจน์ความจริงอย่างมีความรับผิดชอบด้วย

อย่างไรก็ตามศาลรับคำฟ้องไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563

Verified by ExactMetrics