วันที่ 29 พฤศจิกายน 2024

“อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน”

People Unity News : “อนุทิน”วอนสภาฯ! ฉุกคิดสักนิดก่อนตัดงบ”ห้องฉุกเฉิน” เผยปี 63 เสนอโครงการพัฒนาศักยภาพทั้งระบบเพียง 492 ล้าน

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ได้เซ็นหนังสือเสนอของบประมาณเพิ่มเติม ของกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีการแปรญัตติ ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งกำลังพิจารณากันในชั้นกรรมาธิการวิสามัญ ของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องหลักๆ ก็คือ ขอเพิ่มเติมงบประมาณก่อสร้าง ต่อเติม ขยายอาคารผู้ป่วย เพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น เครื่องมือแพทย์ให้บริการประชาชน ได้ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น และ ระบบกำจัดขยะ ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

ผมพิจารณากลั่นกรองหลายรอบแล้ว เห็นว่าเรื่องที่เสนอของบประมาณเพิ่มเติม ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องได้รับงบประมาณ จึงจะดูแลประชาชน ให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้นได้

จึงอยากจะขอความกรุณาท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกท่าน ได้โปรดให้การสนับสนุนงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่เสนอให้ท่านพิจารณา ด้วย เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่ผมอยากจะกราบขอร้องทุกท่านช่วยกันพิจารณาสนับสนุนเป็นพิเศษ ก็คือ เรื่องการพัฒนาศักยภาพการทำงานของห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล ทั้งด้านการบริการจัดการพื้นที่รองรับผู้ป่วย พื้นที่ญาติ การจัดหาเครื่องมือแพทย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์วิกฤต และ ค่าตอบแทนแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ ตามความเหมาะสม

ในปีงบประมาณ 2563 ได้เสนอจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพห้องฉุกเฉินทั้งระบบ ในโรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไป รวม 39 แห่ง ต้องใช้งบประมาณ 492,733,800 บาท

อันที่จริง อยากจะทำมากกว่านี้ แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ และเข้าใจความจำเป็นของทุกหน่วยงาน เราจึงขอเพียงเท่านี้ก่อน ซึ่งประมาณการว่าน่าจะพัฒนาการทำงานของห้องฉุกเฉิน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีขึ้น และป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ในห้องฉุกเฉินได้

ขอความกรุณาทุกท่านช่วยกันสนับสนุน เพื่อการดูแลรักษาชีวิตของประชาชนทุกท่าน ที่มาถึงห้องฉุกเฉิน

“นิพนธ์”ขานรับ WHO ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนทุกระดับทั่วประเทศ

People Unity News : “นิพนธ์้”เปิดรับฟังความเห็น ขานรับ WHO ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนทุกระดับทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 พ.ย. 2562 ณ ห้องกมลมาศ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานการประชุมนำเสนอผลและรับฟังความคิดเห็นต่อรายงานทบทวนสถานะประเทศไทยโดยใช้กรอบเป้าหมายโลกดำเนินการด้านความปลอดภัยทางถนน โดยมี นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายนิกร จำนง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาความปลอดภัยทางถนนและคมนาคม , นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. พร้อมผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วม

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ ทุพพลภาพ และสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยมาก ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา และความสามารถในการแข่งขัน จากการรายงานฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลก พบว่า ในปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 22,491 ราย และอีก 4 หมื่นคนต้องเป็นผู้พิการใหม่ หากนับรวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้พิการ จะมีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทั้งหมด กว่า 2 แสนราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งที่
ความสูญเสียเหล่านี้สามารถป้องกันได้ รัฐบาลตระหนักถึงปัญหานี้ จึงกำหนดให้ทำโครงการสร้างความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องเร่งทำให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว โดยมีกลไกการขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนให้คลอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะในระดับตำบลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในชุมชน

ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย เน้นการสร้างจิตสำนึกและวัฒนธรรมความปลอดภัย การเฝ้าระวังและลดปัจจัยเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงการพัฒนากลไกและสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทุกระดับ พร้อมผลักดันให้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการความเร็วในพื้นที่ การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทุกรายเมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุ โดยสนับสนุนเครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมาย สนับสนุนให้มีการบูรณาการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้มีเอกภาพ และให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และท้องถิ่น(ศปถ.อำเภอ) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมทั้งต้องปรับแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ให้เหมาะสมและสอดคล้องเป็นพลวัตรกับสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป

มท.3 ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาความต้องการบึงกาฬ

People Unity News : มท.3 ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาความต้องการ พร้อมมอบนโยบาย ส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชน อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย. 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนบุ่งคล้า” โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อำเภอ ผู้บริหาร/สมาชิก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาว อ.บุ่งคล้า ให้การต้อนรับ รวมถึงเข้าให้ข้อมูลปัญหาความต้องการต่อ รมช.มท.

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มท. ได้รับฟังปัญหาความต้องการ และได้กล่าวมอบนโยบาย แนวทางดำเนินการในพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยได้ยึดตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัด โดยนำปัญหาความต้องการของประชาชนมาเป็นหลักในการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของพี่น้องประชาชน เพื่อให้ จ.บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่เกิดการพัฒนาทัดเทียมจังหวัดอื่นๆ โดยในอนาคตยังจะมีการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งการขยายถนนเส้นทางคมนาคม ปรับปรุงส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว การส่งเสริมสินค้า/ผลิตภัณ์ OTOP การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า จ.บึงกาฬ จะเป็นอีกจังหวัดที่เกิดการพัฒนาด้านการค้าชายแดน และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ได้ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดนบุ่งคล้า ซึ่งดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อนพบปะพี่น้องประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในการร่วมพัฒนา จ.บึงกาฬ ต่อไป

“เพื่อไทย”ผุดโมเดลซอยลงทุนภาครัฐสร้างงานให้ประชาชน

People Unity News : “เพื่อไทย”จี้รัฐบาลเร่งสร้างงานให้ประชาชน ผุดโมเดลซอยลงทุนภาครัฐเป็นโครงการย่อย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การจ้างงาน ปัญหากำลังซื้อของประชาชน และแนวทางการลงทุนภาครัฐช่วงเศรษฐกิจขาลงว่า ปัญหาปัจจุบันเหมือนห่วงโซ่ ประชาชนขาดกำลังซื้อ ภาคเอกชนจึงไม่ลงทุน เพราะลงทุนไปก็ไม่มีคนซื้อ เมื่อเอกชนไม่ลงทุน ก็ไม่เกิดการจ้างงาน ประชาชนก็ยิ่งไม่มีงานทำ ก็ยิ่งไม่มีกำลังซื้อหนักเข้าไปอีก เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถามว่าแก้วงจรนี้อย่างไร จะหวังให้เอกชนลงทุนในภาวะแบบนี้ก็คงยาก

การลงทุนภาครัฐจึงต้องเป็นคำตอบในการสร้างงานให้ประชาชนในระยะเริ่มแรก แต่การลงทุนภาครัฐอย่างที่ทำๆกันมา มันยังไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ ต้องมาคิดกันใหม่ ปัจจุบันการลงทุนภาครัฐ ส่วนมากเป็นเมกะโปรเจกต์ ทุนใหญ่ไม่กี่บริษัทที่ได้รับประโยชน์ ห่วงโซ่การผลิตจึงแคบมาก การจ้างงานจึงเกิดในวงแคบ ประชาชนเลยรู้สึกว่าไม่มีงานทำ ผลต่อระบบเศรษฐกิจเกิดขึ้นช้า กว่าเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบใช้เวลา 1-2 ปี เป็นอย่างน้อย

ในสภาวะเช่นนี้ เราต้องการ “ความรวดเร็ว” ของเม็ดเงินพุ่งสู่มือประชาชนผ่านการจ้างงาน เราต้องการเห็นผู้ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐให้มากรายที่สุด รัฐบาลควรขับเคลื่อนด้วย “การลงทุนภาครัฐขนาดเล็ก แต่มากโครงการ” แทนโครงการขนาดใหญ่ไม่กี่โครงการ ซอยผู้ได้ประโยชน์ให้แก่บริษัทให้มากรายที่สุด สร้างห่วงโซ่การผลิตที่กว้างขึ้น.. SMEs อุตสาหกรรมกลางน้ำจะเกิดขึ้นเป็นทวีคูณ และจะเกิด “การจ้างงานในวงกว้างและทั่วถึงให้กับประชาชน” เกิดกำลังซื้อขึ้นรวดเร็ว และเงินเข้าสู่ระบบเร็วกว่า

การลงทุนภาครัฐเป็นเครื่องสำคัญ แต่ต้องใช้ให้เหมาะกับสภาวการณ์ ซึ่งถ้ารัฐบาลยังคงทำแบบเดิมอยู่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ กำลังซื้อจะไม่ฟื้น ประชาชนอดตายก่อน ภาคเอกชนรายเล็กอดตายตาม และในที่สุดภาคเอกชนขนาดใหญ่ก็จะไม่รอด ถ้าถึงขั้นนั้นแล้ว ก็พยุงเศรษฐกิจจะยิ่งยากเป็นทวีคูณ

“มนัญญา”สำรวจบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์การเกษตรในจีน

People Unity News : “มนัญญา”สำรวจบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์การเกษตรในจีน เพื่อเป็นแนวทางนำมาพัฒนาในไทย

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อสำรวจบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์การเกษตร อาทิ ข้าว นม เนื้อสัตว์ พืชผัก ผลไม้ เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางนำมาพัฒนาและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าการเกษตรในประเทศไทย ให้มีรูปแบบหลากหลายสวยงามดึงดูดความน่าสนใจให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงช่วยยกระดับรูปลักษณ์ให้ดูดีมีคุณค่า ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพที่ดี เป็นการสานงานต่อเนื่อง

จากการมีนโยบายให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำการเชื่อมโยงสหกรณ์การเกษตรที่ผลิตสินค้ากับสหกรณ์ร้านค้าในกรุงเทพฯ เพื่อผลักดันให้เกิดซุปเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ และให้ปรับปรุงรูปแบบร้านค้าของสหกรณ์ทันสมัย ดูสวยงาม สะอาด ซึ่งช่วงแรกเริ่มจากมีการจัดตั้งซุปเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ที่ร้านสหกรณ์พระนคร จำกัด เป็นแห่งแรก ในอนาคตจะสนับสนุนให้มีซุปเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ในจังหวัดต่างๆ เพื่อขยายช่องทางจำหน่าย ควบคู่ไปกับจะส่งเสริมให้มีการออกแบบมุมจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ การพัฒนามาตรฐานสินค้า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้นที่ต้องการทั้งคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามน่าซื้อต่อไป

“สุชาติ”ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

People Unity News : “สุชาติ ธาดาธำรงเวช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​รัฐบาลทักษิณ ชี้รัฐบาลไม่ควรแตะต้อง”กองทุนประกันสังคม”

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ศ.ดร.สุชาติ​ ธาดาธำรงเวช​ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ เปิดเผยว่า รัฐบาลที่ไม่เข้าใจเรื่อง​เศรษฐกิจ​และไม่ควรแตะ​ต้อง กองทุนประกันสังคม​ กองทุนบำเหน็จบำนาญ​ รวมถึง กองทุนอื่นๆและการที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีส่งหนังสือข้อสั่งการ​ของนายกรัฐมนตรี ถึงสำนักประกันสังคม​ เพื่อให้บริหารจัดการ​กองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์​ ตอบสนองแก่ความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น​ เช่น​ การกู้ยืมเพื่อการลงทุน​ หรือการกู้ยืมเพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ​ เงินประกันสังคมเป็นเงินออมของลูกจ้าง​ ของกรรมกร​ ทั้งประเทศ เพื่อใช้ดูแลชีวิตลูกจ้างและกรรมกร​ ให้ดีขึ้น​ รัฐบาลทั่วโลกมีกฎหมายให้หักเงินรายได้ของลูกจ้างและกรรมกร​ เพื่อไว้ใช้จ่าย เมื่อต้องหยุดงาน​ อันเนื่องมาจาก ว่างงาน​ เจ็บไข้ได้ป่วย​ ทุพพลภาพ​ คลอดบุตร​ สงเคราะห์บุตร ชรา​ภาพ และเสียชีวิต​

“เงินประกันสังคมเหล่านี้​ ไม่ใช่เงินของรัฐบาล​ที่จะสั่งการได้ และเงินเหล่านี้ก็มีการใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่อยู่แล้ว​​ โดยมีการลงทุนในรูปเงินฝาก​ ซื้อพันธบัตรฯ ซื้อกองทุน​ ซื้อหลักทรัพย์​ ฯลฯ​ สถาบันที่กองทุนประกันสังคม​ นำเงินไปลงทุน​ ก็ได้ไปใช้จ่ายไปลงทุนแล้ว​ ไม่มีเม็ดเงินประกันสังคมเหลืออยู่เลย​ นอกจากเงินที่เตรียมไว้จ่ายให้ลูกจ้างและกรรมกรแต่ละท่าน​ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์”

นอกจากนี้ ศ.ดร.สุชาติ ยังย้ำว่า เป็นความเข้าใจผิด​ของรัฐบาลที่คิดว่า​ มีเงินประกันสังคมกว่า​ 2.1 ล้านล้าน​บาท​ เก็บไว้ทำไม​ ทำไมไม่ไปให้กู้เพื่อเป็นประโยชน์​ต่อประเทศและที่สำคัญการบริหารระบบเศรษฐกิจ​ เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญา บวกกับความรู้ในระดับปรัชญา​ รวมถึง ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลที่ไม่รู้เศรษฐกิจที่จะคิดๆ​เอา​แบบง่าย ๆ เพราะการคิดง่ายๆ​ ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตต่ำ​มาก ผลผลิตขายไม่ได้​ คนตกงานมาก​มายและ กำลังเหี่ยวแห้งตาย…ในทุกวันนี้..

“นิพนธ์”เดินหน้ามอบโฉนดที่ดินจำนวน 354 แปลงสงขลา

People Unity News : “นิพนธ์”เดินหน้ามอบโฉนดที่ดินจำนวน 354 แปลงแก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอสิงหนคร และ อำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดิน ตามโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” มีนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ปลัดจังหวัดสงขลา รองอธิบดีกรมที่ดิน ผู้อำนวยการสำนักมาตราฐานการออกหนังสือ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา นายอำเภอสิงหนคร นายอำเภอสทิงพระ ตลอดจนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และราษฎรผู้รับมอบโฉนดที่ดินร่วมในการ”มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้กับประชาชน” ณ ศาลาอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2562 กรมที่ดินได้จัดทำโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” โดยได้ดำเนินการสำรวจรังวัดทำแผนที่ เพื่อออกโฉนดที่ดิน ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามโครงการที่ดินสำรวจจัดทำรูปแปลงโฉนดที่ดิน และเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินด้วยระบบ RTK GNSS Network ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐ ที่ต้องการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของราษฎรที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในจังหวัดสงขลา โดยมีเป้าหมายจำนวน 8000 แปลง และในครั้งนี้เป็นโฉนดที่ดิน ที่ได้ดำเนินการในท้องที่ ตำบลวัดจันทร์ อำเภอสทิงพระ และตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนครจำนวน 354 แปลง

นายนิพนธ์ กล่าวว่าการออกโฉนดที่ดินได้ดำเนินการสำรวจรังวัดทำแผนที่ เพื่อออกโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามโครงการเดินสำรวจจัดทำรูปแปลงโฉนดที่ดิน และเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินด้วยระบบ RTK GNSS Network ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร ที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน โดยกรมที่ดินกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก ในการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งขณะนี้มีโฉนดที่ดินตามโครงการแล้วเสร็จ พร้อมที่จะมอบให้แก่พี่น้องประชาชน ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน ในตำบลวัดจันทร์ อำเภอสทิงพระ และตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา จำนวน 354 แปลง ซึ่งถือว่าโฉนดที่ดินเป็นเอกสารสิทธิ์ที่มีความสำคัญมาก สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และใช้เป็นแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งนับวันที่ดินจะหายาก และมีราคาสูงขึ้น จึงตัองรู้จักหวงแหนโฉนดที่ดินของตน ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิฺ์ที่สำคัญไว้ให้ดี และถ้าหากประสงค์จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมประเภทใด สามารถที่จะขอคำปรึกษาจากเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินได้ทุกแห่ง

“ภท.”ยันรัฐบาลไร้รอยร้าวซัดพวกปล่อยข่าวขัดแย้งพรรคร่วม

People Unity News : “ภท.”ยันรัฐบาลไร้รอยร้าวซัดพวกปล่อยข่าวขัดแย้งพรรคร่วม ถ่วงความเจริญบ้านเมือง ชี้หยุดพฤติกรรมหากอยากเห็นประเทศเดินหน้า

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามถึงประเด็นความขัดแย้งกับพรรคภูมิใจไทยว่า การที่ท่านนายกฯ ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน เพราะในความเป็นจริง พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอยู่เวลานี้ไม่มี รอยร้าว หรือความขัดแย้ง และขอยืนยันตรงนี้พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้ง กับ พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย รวมถึง ส.ส.ไม่เคยตีรวนให้เกิดรอยร้าว ทุกคนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม

“พรรคภูมิใจไทย เป็นสถาบันการเมือง มุ่งมั่นทำงาน เพื่อประชาชน ไม่เคยคิดสร้างความขัดแย้ง ปั่นป่วน ให้ประเทศชาติต้องเสียหาย เวลานี้แม้เราจะถูกป้ายสี ทำลายความเชื่อมั่น เราก็พยายามอดทน ไม่เคยมาเล่นนอกเกมอย่างที่ถูกกระทำ ขอให้ประชาชน ยังคงเชื่อมั่น ในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ว่าทั้ง 2 คนจะทำงานโดยยึดประโยชน์ของชาติ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยังกล่าวอีกว่า การทำงานที่ผ่านมาในฐานะรัฐบาล ที่มาจากหลายพรรค ทุกฝ่ายทำงานเป็นหนึ่งเดียว มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเพื่อรัฐมนตรีจะได้นำไปดำเนินการ ดังนั้นข่าวความขัดแย้งกันในพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดขึ้นเป็นการพยายามสร้างประเด็นมากกว่า และขอให้หยุดการ
กระทำดังกล่าว เพราะประเทศกำลังจะเดินหน้า หากไม่ช่วยก็อย่าถ่วงความเจริญของบ้านเมือง นอกจากนี้ ตนยังเชื่ออีกว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เสียสมาธิ กับเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้

คุมเข้ม”กมธ.”ห้ามเชิญคนนอกมั่ว! “ชวน”ออกกฎเหล็กต้องรายงานให้รู้ก่อน

People Unity News : “ชวน” ออกกฎเหล็ก คุมเข้ม กมธ.ห้ามเชิญมั่ว ให้ปธ.กมธ.รายงาน ปธ.สภาฯ ทุกวันศุกร์ พิจารณาเรื่องไหน ประเด็นอะไร เชิญใคร กันทำงานซ้ำซ้อน ให้อำนาจปธ.สภาฯ ชี้ขาดใครดำเนินการ หากทำมากกว่าหนึ่งคณะแล้วตกลงกันไม่ได้

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกประกาศระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะอาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 90 วรรคหก แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พศ. 2562 ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกันของคณะกรรมาธิการหลายคณะ พ.ศ. 2562

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตันไป

ข้อ 3 ในระเบียบนี้
“ประธานสภา” หมายความว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร
“คณะกรรมาธิการ” หมายความว่า คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร
“ที่ประชุม” หมายความว่า ที่ประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการ
ที่เกี่ยวข้องทุกคณะ

ข้อ 4 เมื่อคณะกรรมาธิการจะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ให้ประธานคณะกรมาธิการทุกคณะรายงานต่อประธานสภาทราบภายในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ ว่าจะมีการพิจารณา
เรื่องใด ประเด็นใด และเชิญผู้ใด หรือหน่วยงานใดเข้าร่วมการพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป

ข้อ 5 ให้ประธานสภาตรวจสอบรายงานตามข้อ 9 หากพบว่ามีคณะกรรมาธิการมากกว่าหนึ่งคณะ
จะกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดที่มีความเกี่ยวข้องกัน ให้ประธานสภาแจ้งให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทราบโดยไม่ชักข้า และจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างประธานสภาและประธานคณะกรรฆาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะ พื่อร่มกันดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คณะกรมาธิการที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำกิจการ
พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องนั้นไว้เป็นการชั่วคราว ในกรณีที่ไม่อาจยุติการดำเนินการดังกล่าวได้ ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจไปพลางก่อนได้ แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ประธานสภาแจ้งให้ทราบ

ข้อ 6 การร่วมกันดำเนินการตามข้อ 5 อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยตกลงร่วมกันให้ประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องคณะใดคณะหนึ่งเป็นประธานในการดำเนินการดังกล่าว หากไม่อาจตกลงกันได้ ให้ประธานสภาเป็นผู้กำหนด
(2) ให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะร่วมกันกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง
หรือศึกษาเรื่องนั้น โดยให้คณะกรรมาธิการคณะใดคณะหนึ่งเป็นหลักในการดำเนินการ และให้คณะกรรมาธิการคณะอื่นที่เกี่ยวข้องส่งกรรมาธิการตามจำนวนที่ที่ประขุมกำหนดเข้าร่วมการดำเนินการนั้นด้วย
(3) แนวทางอื่นที่ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ เมื่อที่ประชุมเห็นขอบให้ร่วมกันดำเนินการตาม (1)(2) หรือ (3) แล้ว ให้ประธานสภาแจ้งคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ 7 ในกรณีที่มีญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ประธานสภาเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของประธานสภาให้ถือเป็นเด็ดขาด

ข้อ 8 ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้

ประกาศณวันที่ 31ตุลาคม พ.ศ.2562 ลงชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ระเบียบดังกล่าวออกมาภายหลัง เกิดปัญหากรรมาธิการปปช ออกหนังสือเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 โดยไม่ถูกต้องเนื่องจากยังถวายสัจไม่ครบถ้วนถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดมีการอ้างถึงการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกตามพระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาด้วย ซึ่งในขณะนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มาตรา 5 มาตรา 8 และมาตรา 13 เกี่ยวกับการใช้อำนาจออกคำสั่งเรียกรวมถึงบทลงโทษทางอาญาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 129 หรือไม่ตามคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ

“ภูมิธรรม”เชื่อเยาวชนคืออนาคตของชาติ

People Unity News : “ภูมิธรรม”เชื่อเยาวชนคืออนาคตของชาติ ชี้กระบวนการคิดคือสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาประเทศ

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางมาเยี่ยมชมพร้อมพูดคุยกับเยาวชนที่ร่วมโครงการ “Pheu Thai Top Secret ไขความลับพรรคเพื่อไทย” ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวว่า เด็กๆมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพียงแต่ที่ผ่านมาเด็กไทยไม่ได้ถูกทำให้มีโอกาสได้ใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์วิจารณ์ เพื่อดูสภาพแวดล้อมและสิ่งต่างๆรอบตัว ดังนั้น หัวใจสำคัญในการทำกิจกรรมของน้องๆ ครั้งนี้ คือการที่ทุกคนได้ลงพื้นที่ได้ไปเจอสภาพปัญหา และเริ่มตั้งคำถามกับปัญหาที่เจอ แล้วมองว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งสังคมต้องการคนแบบนี้ คนที่ตื่นรู้ และเข้าใจในสภาพของปัญหา แล้วนำไปคิดว่าจะหาทางออกอย่างไร โดยเหล่านี้เป็นกระบวนการคิดเพื่อมองหานโยบายที่จะตอบสนองกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็คือประชาชน

“บางคนคิดแต่เรื่องโครงสร้าง คิดแต่การเปลี่ยนแปลงในเรื่องใหญ่ๆ บางทีก็ลืมปัญหาเล็กๆที่เรากำลังเผชิญอยู่ การไปพบเจอปัญหาเป็นจุดเริ่มต้นของการมองภาพรวมทั้งหมด ซึ่งต้องขอชื่นชมน้องๆ อายุเท่านี้ยังมองโลกได้ขนาดนี้ ไม่ได้บอกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนแล้วดีแบบที่ใครพูด”

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า การจัดโครงการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมความคิดเห็นและออกแบบนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน โดยภายในงานมีการโต้วาทีร่วมกันระหว่างเยาวชนและนักการเมือง การเสวนาในหัวข้อต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง พร้อมการลงพื้นที่เพื่อเรียนรู้ร่วมกับชุมชนจริง

Verified by ExactMetrics