วันที่ 18 เมษายน 2025

ยุทธพล”ที่ปรึกษา”วราวุธ” รุดดูผลกระทบ”วาฬบรูด้า”

People Unity : “ยุทธพล” ที่ปรึกษา “วราวุธ” รมว.ทส.ลงพื้นที่สำรวจวาฬบรูด้า เดินหน้าวางแผนบูรณาการเพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์วาฬอย่างยั่งยืน

วันที่ 20 ตุลาคม 2562 จากกรณีกลุ่มเจ็ทสกี โซไซตี้ จัดทริปท่องเที่ยวทางน้ำ โดยขับเรือเจ็ทสกีกว่า 20 ลำ เพื่อเฝ้าดูวาฬบูรด้า บริเวณอ่าวไทยรูป ตัว ก จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการหากินและระบบนิเวศในพื้นที่อยู่อาศัยของวาฬบรูด้าและสัตว์ทะเลในบริเวณดังกล่าว จนเป็นข่าวโด่งดังในช่วงที่ผ่านมาโดยอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับกลุ่มเจ็ทสกีดังกล่าวแล้ว และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีนั้น

เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้(20ต.ค.) นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรีว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.ได้สั่งการให้ตนเร่งรัด กำกับ และติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด อีกทั้งให้ลงพื้นที่เป็นการเร่งด่วน และให้เชิญผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวชมวาฬและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนมาประชุมหารือร่วมกันในวันนี้เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทั้งการประชาสัมพันธ์ การอบรมให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึง ประชาชนและชุมชนบริเวณใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้หากมีการกระทำใดเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด และจะได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบถึงผลการประชุมหารือต่อไป อย่างต่อเนื่อง

“ผมขอยืนยันว่า วาฬบรูด้าเปรียบเสมือนของขวัญจากธรรมชาติ ที่มอบให้แก่คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทาง ให้วาฬได้อาศัยอยู่ในถิ่นที่อยู่ของเขาในระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ท่าน รมว.ทส.ได้ยกตัวอย่างพื้นที่เกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์ฉลามวาฬ และนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างมีกฎกติกาตลอดจนประชาชนในท้องถิ่นสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนมาเป็นพื้นที่ต้นแบบให้บริเวณอ่าวไทยรูป ตัว ก.นี้ไปเป็นแนวทางในการบริหารจัดการด้วย” นายยุทธพล กล่าวถึงนโยบาย รมว.ทส.

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวเสริมว่า สำหรับประเทศไทยสามารถพบวาฬบรูด้าได้บ่อยที่แถบจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ และบริเวณเขตอ่าวไทยรูปตัว ก.เนื่องจาก มีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ โดยวาฬบรูด้าจะกินแพลงตอน, เคย, ปลาขนาดเล็ก และหมึก ดังนั้น จึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 เฝ้าระวังและตรวจตราพื้นที่ พร้อมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ สร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการชมวาฬบรูด้าอย่างถูกวิธี ระหว่างผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวชมวาฬบรูด้า ชาวประมง และนักท่องเที่ยว ให้รับทราบถึงข้อควรพึงปฏิบัติในขณะชมวาฬ ดังนี้

เรือต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 4 น็อต ในรัศมี 100 – 300 เมตร และความเร็วเรือไม่เกิน 7 น็อต ในรัศมี 400 เมตร ให้เข้าชมครั้งละไม่เกิน 3 ลำ เข้าหาด้านข้าง ไม่ควรแล่นเรือขวางทาง หรือไล่ตามวาฬ เพราะวาฬอาจได้รับบาดเจ็บ และตื่นตกใจ ควรหยุดเรือ และลอยลำทันทีหากวาฬเข้าใกล้ และไม่เปลี่ยนความเร็วเรือกะทันหัน ไม่เร่งเครื่องตาม เพราะอาจจะทำให้วาฬตื่นตกใจ หากพบวาฬแม่ลูก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 300 เมตร ดูวาฬจากเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินสูงไม่น้อยกว่า 300 เมตร เฮลิคอปเตอร์ สูงไม่น้อยกว่า 500 เมตร อากาศยานไร้คนขับ สูงไม่น้อยกว่า 50 เมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้เจ็ทสกี และสปีดโบ๊ทในการชมวาฬ วาฬอาจจะได้รับบาดเจ็บ เกิดความเครียดจากเสียงเครื่องยนต์ และผู้ขับขี่อาจได้รับอันตรายจากวาฬ ไม่ทิ้งขยะลงทะเล และแม่น้ำลำคลอง ไม่ควรให้อาหารวาฬในธรรมชาติ และลดเสียงให้เบา จากกิจกรรมบนเรือ ไม่สร้างความเครียดให้กับวาฬ

อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวทิ้งท้ายว่า วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวน ฝ่าฝืน โทษจำคุก 3 – 15 ปี ปรับ 300,000 – 1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ในกรณีครอบครอง มาตรา 17 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน หรือซากสัตว์ป่าสงวน โทษครอบครองคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม

“ขอให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เฝ้าชมวาฬบรูด้าอย่างถูกวิธี และปฏิบัติตามข้อแนะนำของ ทช. อีกทั้ง ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าระวังการกระทำที่อาจจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ หากการกระทำใดที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขอให้แจ้ง กรมฯ ทช. เพื่อทราบและแก้ไขโดยทันที หากการกระทำเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ก็จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด” อธิบดี ทช. กล่าวยืนยัน

“เสรีพิศุทธ์”อภิปรายนอกสภาฯ! ย้ำรบ.ไม่ชอบธรรมจัดงบฯปี63

People Unity : “เสรีพิศุทธ์”อภิปรายนอกสภาฯ! ยันรัฐบาลที่มาไม่ชอบธรรม แจงเหตุลผลไม่ร่วมอภิปรายงบฯปี 2563 ขณะลงพื้นที่ขอโอกาส “ลาวัลย์” ผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทย เป็นปากเสียงในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 วันที่ 23 ต.ค.นี้

วันที่ 20 ต.ค.2562 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงเหตุผลของการไม่ขอขึ้นอภิปรายงบประมาณปี 2563 ของรัฐบาลว่า รัฐบาลนี้มาโดยไม่ชอบธรรมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตนจึงไม่สามารถที่จะร่วมอภิปรายได้ และวันนี้ก็ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครปฐม เขต 5 คือนางลาวัลย์ สิงห์สถิต ผู้สมัครเบอร์ 4 จึงขอฝากพี่น้องชาวจังหวัดนครปฐมด้วย และพรรคมีความพร้อมที่จะเข้ามาช่วยพี่น้องชาวเกษตรกรมีความตั้งใจในการหาอาชีพเสริม และวันที่ 23 ต.ค.นี้ ขอโอกาสให้พรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 4 เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ

รองโฆษกพปชร.คุยโว! ฝ่ายค้านงดออกเสียง คือหนุนหลักการงบฯปี63

People Unity : รองโฆษกพลังประชารัฐ มอง ส.ส.ฝ่ายค้าน งดออกเสียง สะท้อนไม่คัดค้านหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ขอบคุณทั้ง 2 ฝ่ายอภิปรายสร้างสรรค์ ยังยัน จำนำข้าวเหลวเป็นภาระผูกพันรัฐบาล”บิ๊กตู่”

วันที่ 20 ต.ค.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระแรก วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ว่า ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ด้วยคะแนนเสียง 251 เสียง โดย ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน งดออกเสียง 234 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง สะท้อนว่าฝ่ายค้านไม่คัดค้านหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีในสภาฯ

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ข้อเสนอแนะต่างๆ ไปพัฒนาประเทศตามกรอบงบประมาณ โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ตอบอภิปรายได้อย่างครบถ้วน ชี้ให้เห็นถึงการจัดสรรงบประมาณที่เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม กระจายไปในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม แม้จะมีการปรับเปลี่ยนโครงการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ แต่ก็เป็นไปอย่างสอดคล้องและครอบคลุมกับสถานการณ์โลก โดยจะเห็นได้ว่าแผนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล มุ่งพัฒนาทักษะทรัพยากรมนุษย์ที่ตรงกับความต้องการของประเทศและแนวโน้มเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากนี้พรรคพลังประชารัฐจะเดินหน้าทำตามนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด

ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์การกู้เงินเพื่อชดเชยการจัดทำงบประมาณขาดดุลนั้น น.ส.ทิพานัน ระบุว่า จะเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามกู้เท่าที่จำเป็น และคำนึงถึงขีดความสามารถในการชำระคืน อีกทั้งการหารายได้ให้กับประเทศ และข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับก็คือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแบกภาระความล้มเหลวของการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว และเกิดความเสียหายกว่า 9 แสนล้านบาท ทั้งที่เป็นโครงการที่ดีแต่มีการทุจริตทุกขั้นตอน ดังนั้น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการพูดถึงปัญหาดังกล่าวซึ่งภาระงบประมาณ อีกทั้ง ภาระหนี้ก้อนนี้ไม่ได้เป็นวงเงินคงที่ ดอกเบี้ยย่อมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทุกวันอย่างปฏิเสธไม่ได้นอกจากนี้ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวถึงการวิจารณ์งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ได้รับงบประมาณวงเงิน 2.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมาย เนื่องจากกระทรวงกลาโหมตกเป็นเป้าในการจับจ้อง มีที่มาจากประเด็นทางการเมืองมากกว่าการพิจารณารายละเอียดข้อเท็จจริงและความจำเป็นที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งงบประมาณส่วนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้เพื่อใช้ดูแลสวัสดิการของข้าราชการ ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซ่อมแซม รวมทั้งจัดหาเครื่องมือช่วยเหลือประชาชน ซ่อมปรับปรุงยุทโธปกรณ์ ขณะที่การซื้อทดแทนยุทโธปกรณ์ที่ไม่สามารถหาชิ้นส่วน หรือซ่อมแซมได้ เป็นไปตามแผนพัฒนากองทัพ และเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ คิดเป็น 1 ใน 3 กองกำลังที่มีทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบวงเงินงบทหาร งบความมั่นคง และกลาโหมของกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่าจะมีค่าเฉลี่ยสากลอยู่ที่ 2.2 ของจีดีพี แต่ของไทยอยู่ที่ 1.3 ต่อจีดีพีเท่านั้น

“จะเห็นได้ว่า หลายครั้งที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์นักฟุตบอลทีมหมูป่า อะคาเดมี ติดถ้ำหลวงที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เครื่องมือต่างๆ ทางการทหารนั้นสามารถเข้าไปช่วยเหลือนสถานการณ์วิกฤติดังกล่าวได้”

ขณะที่งบกลางจำนวน 4 แสนล้านบาทนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แม้วงเงินอาจจะสูง แต่ต้องมีไว้เพื่อรองรับในกรณีที่ประชาชนประสบปัญหา เช่น ปัญหาอุทกภัย การแก้ไขปัญหาและโครงการต่างๆ ในพื้นที่ ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลเป็นโครงการเร่งด่วน ก็จะนำเงินงบประมาณจากงบกลางนี้ไปจัดสรร เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงทีและทันต่อการพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ โดยหลังจากนี้ทางพรรคพลังประชารัฐจะเร่งเดินหน้าตามกรอบนโยบายต่างๆ ต่อไป

ไม่เป็นอะไรมาก! “บิ๊กป้อม”ลื่นล้มในสภาฯ

People Unity : ไม่เป็นอะไรมาก! “บิ๊กป้อม”ลื่นล้มในสภาฯ “บิ๊กตู่” เข้าประคอง หลังโหวตผ่านงบฯปี 63

วันที่ 19 ต.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการลงคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ได้ลุกออกที่นั่ง โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินตามหลัง เมื่อถึงทางต่างระดับด้านหลังบัลลังก์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นมือมาเพื่อจะจับ พล.อ.ประวิตร แต่ปรากฎว่าจังหวะดังกล่าว พล.อ.ประวิตรได้ลื่นล้มเสียหลักล้มก้นกระแทกกับพื้น จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รีบเข้าไปประคองพล.อ.ประวิตรทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อพล.อ.ประวิตรเดินออกมาจากลิฟท์ ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินด้วยท่าทีปกติไม่ได้มีอาการว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

“ธนาธร”มาแล้ว! ฝ่ายค้านงดออกเสียง234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251เสียง

People Unity : ฝ่ายค้านงดออกเสียง 234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาปรับปรุงแก้ไข “อนาคตใหม่” เผยเหตุงดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร”มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เห็นชอบ 251 งดออกเสียง 234

อนาคตใหม่”เผยเหตุ”งดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร” มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีพรรคอนาคตใหม่มีมติงดออกเสียง ในการรับหรือไม่รับร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยระบุว่าในเรื่องของวงเงิน 3.2 ล้านล้าน นั้นเป็นกรอบที่พรรครับได้ ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เรามีปัญหาคือเรื่องของรายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น มติของพรรคจึงเป็นการงดออกเสียงในชั้นรับหลักการ เพื่อจะไปดูรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งเราจะทำอย่างเต็มที่ ภายใต้ 4 หลักคิดได้เสนอไปแล้วในการอภิปราย คือ 1.ลดงบดำเนินการแล้วเพิ่มงบการลงทุน 2. เปลี่ยนจากงบประมาณและการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลาง ไปเป็นงบประมาณและการตัดสินใจที่ท้องถิ่น 3. ปรับการลงทุนเมกะโปรเจคเป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน และ 4. ลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์โดยสร้างสวัสดิการสำหรับทุกคน โดยในชั้น กมธ. จะนำทีมโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากในรายละเอียดไม่มีการปรับปรุงตามที่เราพยายามผลักดันให้เหมาะสมการพัฒนาประเทศ ก็พร้อมที่จะโหวตคว่ำในวาระสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับรายชื่อ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายณธีภัทร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และ นายวีรศักดิ์ เครือเทพ

ฝ่ายค้านพลิกให้โอกาส”บิ๊กตู่”! ดันงบฯปี63ผ่านช่วยชาวบ้าน

People Unity : รัฐไม่ได้เอื้อเจ้าสัว! “บิ๊กตู่” แจงงบฯปี 63 ย้ำรูปแบบลงทุน เอกชนต้องรับความเสี่ยงมากกว่ารัฐ ฝ่ายค้านให้โอกาสรัฐบาลดันให้ผ่านไปก่อนเพื่อช่วยชาวบ้าน

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงการตั้งข้อสังเกตของสมาชิกพรรคฝ่านค้านหลายคำถามรวมถึงโครงการอีอีซีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า มีการบอกว่าโครงการอีอีซี เอื้อเจ้าสัว ซึ่งหากเราไม่พัฒนาประเทศก็จะไม่มีแรงจูงใจให้กับนักลงทุน วันนี้โครงการต่างๆ เป็นรูปแบบรัฐร่วมเอกชน รัฐออกน้อย เอกชนออกมาก และรับความเสี่ยงแทนรัฐ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการ “ชิมช้อปใช้” ด้วยว่า คนที่บอกไม่ดีให้ไปบอกประชาชนที่พอใจในโครงการนี้ เพราะเงินไปยังร้านค้ารายย่อยจำนวนมากไม่ใช่เฉพาะเจ้าสัวที่ได้ประโยชน์ เอกชนก็พอใจ ถ้าไม่เชื่อไปดูข้อเท็จจริงสถิติทางอิเล็กทรอนิกส์ได้

ช่วงท้ายนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายสรุปว่า ฝ่ายค้านจะค้านไม่ให้ผ่านก็สงสารชาวบ้าน จึงจะให้โอกาสรัฐบาลโดยให้ผ่านไปก่อน ในวาระที่สองค่อยปรับแก้

ทั้งนี้นายสุทิน อภิปรายว่า 3 วันที่ฝ่ายค้านได้ท้วงติง และแนะทางออกก็ขอให้รัฐบาลเปิดใจกว้างให้รับฟังและนำไปแก้ไขเพราะเรามองไปข้างหน้าว่ามีปัญหาแน่และมีแนวโน้มว่าจะขาดดุลต่อเนื่อง ทำให้มองไปข้างหน้าว่าเมื่อไหร่จะสมดุล และมีความหวังหรือไม่จะหมดหนี้หมดสิน แต่ดูแล้วเหมือนปีนี้จะหมดหวังในปี 2563 ประเทศอยู่ในภาวะหนี้สูงที่สุด หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดความเหลื่อมล้ำสูงที่สุด ขาดดุลมากที่สุด คนตกงานมากที่สุดและการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำสุดและการลงทุนใน 5 ปี เบิกจ่ายงบไม่ทันกว่า 40 เปอร์เซ็นต์แล้วจะไปกู้เศรษฐกิจได้อย่างไร แต่กลับไปลงทุนในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ถ้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์เข้าไม่ทำกัน ส่วนโครงการเมกกะโปรเจ็กเรายังไม่เห็นความหวังอะไรเลยส่วนโครงการอีอีซีที่คิดว่าจะเป็นพระเอกกำลังจะล้มซ้ำรอยโฮปเวลล์เพราะนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นและไม่เข้ามาลงทุนด้วย แต่งบประมาณของรัฐบาลกลับไปกระจุกอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ดังนั้นอยากให้ตัดงบกระทรวงกลาโหมมาพัฒนาเศรษฐกิจดีกว่า และพัฒนาการศึกษา หรือพัฒนาด้านสาธารณสุข

“ดังนั้นเงินนอกงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ พวกผมจะยื่นตีความ เพราะนำไปไว้อยู่นอกงบประมาณ และงบกลางตั้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านำไปใช้อะไร ดังนั้นอยากให้ท่านยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจมีปัญหา ชาวบ้านยากจนถ้ายอมรับความจริงจะแก้ไขปัญหาได้ เราถึงจะมีความหวัง และขอให้เกลี่ยงบประมาณใหม่ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าจะยกมือให้ตกเราก็ห่วงประเทศ แต่จะยกมือให้ทำใจลำบาก จะยกมือให้ตกใจไม่ด้านพอ เพราะห่วงชาวบ้าน เพราะฉะนั้นวันนี้จะให้โอกาสท่านผ่านไป แต่ในวาระสองหวังว่าจะทำให้ดีขึ้น ถ้าไม่ทำวาระสามเราจะคว่ำเลย” นายสุทิน กล่าว

“บิ๊กตู่”สรุปปิดท้ายงบฯปี 63 มุ่งหวังประชาชน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ต่อจากนั้น พลเอกประยุทธ์ ได้ชี้แจงสรุปก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ

“สนธิรัตน์”แจงเหตุเลิกอุดหนุนแก๊สโซฮอล์หวังแก้ปาล์มน้ำมัน

People Unity : รมว.พลังงาน แจงปมเลิกอุดหนุนแก๊สโซฮอล์-ไบโอดีเซล มั่นใจยกบี10 แทนบี7 แก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบอย่างยั่งยืน เหตุน้ำมันไทยต่างเพื่อนบ้านเพราะโครงสร้าง พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าอาเซี่ยน พ้องบน้อยแต่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร กรณีที่สมาชิกมีความเป็นห่วงต่อพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะมีการยกเลิกสนับสนุนเรื่องแก๊สโซฮอล์หรือไบโอดีเซลในอีก6 ปีข้างหน้าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่งก็ตระหนักถึงปัญหานี้ และกระทรวงพลังงานจะต้องดำเนินการในการขับเคลื่อนให้สามารถดำเนินการได้อย่างไร สาเหตุที่พ.ร.บ.ตัดกองทุนน้ำมันออกไปเพราะประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเรื่องไบโอดีเซล แก๊สโซฮอล์ในอดีต ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนเอาน้ำมันบี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานของไบโอดีเซล โดยจะเริ่มวันที่ 1 ม.ค.2563 ซึ่งการใช้บี10 เป็นพื้นฐานขับเคลื่อนไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ของจุดเริ่มในการแก้ปัญหาที่จะพิสูจน์ว่าเป็นการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบอย่างแท้จริง

ประเทศไทยประสบปัญหาปาล์มน้ำมันมา 20-30 ปี เราไม่สามารถหาทางออกได้เพราะเรามีตัวซัพพลายมากกว่าความต้องการในตลาดในประเทศ 4-5 แสนตันต่อปี ไม่มีความสามารถในการแข่งขันที่จะส่งออกปาล์มน้ำมันไปสู่ประเทศอื่นเพราะเราเป็นผู้ผลิตปาล์มน้ำมันของโลก เพียงแค่ประมาณ 5% เทียบแล้วเรามีขนาดเล็กมาก และมีต้นทุนของเกษตรกรสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทางออกเดียวที่จะรักษาเสถียรภาพปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจสำคัญคือการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง

“กระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยการให้บี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานจากบี7 คาดว่าไม่เกินไตรมาสที่ 2 เราสามารถที่จะเพิ่มปริมาณการใช้ CPO ขึ้นมาประมาณ 4 แสนตัน โดยจะใช้มาทำบี10 บี20 ประมาณปีละ 2.2 ล้านตันต่อปี ถือเป็น 2 ใน 3 ของผลผลิตปาล์มน้ำมันของประเทศ และเป็นครั้งแรกของประเทศที่ซัพพลายของปาล์มน้ำมันจะสมดุลย์กับดีมาน และเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาสเถียรภาพของราคาปาล์มน้ำมัน”

นอกจากนี้กระทรวงพลังงานจะให้ความใส่ใจในการดูแลสต๊อกB100 เพราะจะเป็นพื้นฐานในการนำมาผลิต บี7 บี10 บี20 โดยการที่จะใส่มาร์กเกอร์ลงไปในB100 ว่า CPO ทุกลิตรจะถูกควบคุมไม่ให้มีการลักลอบ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้จะมีโอกาสในการแก้ปัญหาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างชัดเจน ดังนั้นความสำเร็จเหล่านี้มีความสำคัญมากในการเป็นเครื่องพิสูจน์ที่จะให้กระทรวงพลังงานหาทางแก้กฎหมายกองทุนให้ได้รับการสนับสนุนอย่างเดิม

นายสนธิรัตน์กล่าวว่าเรื่องของไบโอฟูเอล หรือเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่ได้เป็นเพียงช่วยเกษตรกร แต่ตอนนี้ไทยพบปัญหาที่ใหญ่มากคือPM2.5 ซึ่งจะเป็นเรื่องของไบโอดีเซล หรือเอทานอลก็ดีที่มาใช้กับแก๊สโซฮอล์ เป็นนโยบายที่กระทรวงพลังงานจะขับเคลื่อนเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับเกษตรกรต่อไป

ส่วนเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมันที่มีคำถามว่าทำไมราคาน้ำมันในไทยถึงแพงกว่าราคาน้ำมันในมาเลเซีย เพราะไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันเกือบจะ 90% หมายความว่าทุกบาททุกสตางค์ต้องสูญเสียเงินออกนอกประเทศ มีการคำนวณราคาน้ำมันแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือเนื้อน้ำมันที่เราอิงราคามาตรฐานของโลก ซึ่งในเนื้อน้ำมันก็มีคุณภาพของน้ำมันยกตัวอย่างไทยใช้ยูโร4 มีเพียงสิงคโปร์เท่านั้นที่ใช้ยูโร5 แต่พม่า อินโดนีเซีย ลาว เขมร หรือแม้แต่มาเลเซีย ตัวน้ำมันดีเซลก็ยังเป็นยูโร3 ส่วนที่ 2 เนื่องจากเราเป็นประเทศนำเข้า ได้อาศัยโครงสร้างของน้ำมันซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนคือ ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีท้องถิ่น ในภาษีเหล่านี้ก็คือรายได้ของรัฐบาลที่ใช้ในงบประมาณแผ่นดิน เพราะเราต่างจากมาเลเซียที่ผลิตและส่งออกน้ำมัน ดังนั้นจึงไม่มีโครงสร้างเหล่านี้

ส่วนที่3 เรามีกลไกในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันโดยมี 2 กองทุนใหญ่ๆคือ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะใช้รักษาสมดุลช่วงเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงานซึ่งจะใช้ในการส่งเสริมเรื่องพลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงาน และส่วนที่ 4 ค่าการตลาด ซึ่งในยุคของตนจะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามที่โครงสร้างแตกต่างจากเพื่อนบ้าน ไทยก็ไม่ได้ราคาสูงอย่างที่เข้าใจ มีสิงคโปร์ ลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา หรือแม้แต่อินโดนีเซีย ที่เป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันก็ยังมีราคาดีเซลสูงกว่าเรา ส่วนที่ต่ำกว่าเราจริงๆนั้นก็มี พม่า เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน

“อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ส่วนเวียดนามโครงสร้างราคาน้ำมันคล้ายของไทย ในอดีตที่ราคาน้ำมันของไทยเทียบเท่ามาเลเซีย เพราะรัฐชดเชย ผมตระหนักดีว่าราคาน้ำมันมีผลกับประชาชน เราจะดูแลโครงสร้างเหล่านี้”

ส่วนเรื่องความสามารถในการแข่งขันค่าไฟฟ้า ไทยจะแข่งขันได้จะต้องมีต้นทุนราคาพลังงานที่แข่งขันได้ ซึ่งเราเรียกว่า Competitive Energy ซึ่งเรามุ่งมั่นจะทำเรื่องค่าไฟให้ได้มาตรฐาน มีราคาที่แข่งขันได้ ประเทศไทยมีจุดอ่อนคือไม่มีแหล่งพลังงาน เช่น นิวเคลียร์ หรือถ่านหิน โรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดได้ยากมากในไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เราไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเหล่านั้นได้ แต่ก็มีแผนPDP 2018 ที่จะสร้างโครงสร้างสมดุลใน 20 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายให้มีต้นทุนราคาไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและแข่งขันได้ในอนาคต มีเป้าหมายทำไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าไฟฟ้าภูมิภาคอาเซี่ยน โดยใช้จุดแข็งคือการเป็น Center of Asean และพยายามพัฒนาเรื่องพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีต้นทุนถูกลงในอนาคต

“กระทรวงพลังงานมีงบน้อยมาก 2,100 กว่าล้าน เทียบกับงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน คิดเป็น 0.06% แต่เราจะใช้งบเหล่านี้อย่างมีคุณภาพและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยให้ได้มากที่สุด” นายสนธิรัตน์กล่าว

“ไพศาล”ตบะแตก! ฉะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายส่งเดช แหกตาปชช.

People Unity : “ไพศาล”ตบะแตก! ฉะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายส่งเดช แหกตาปชช. ยันกู้เงินชดเชย 5 แสนล้านไม่เกี่ยวขาดทุนจากการรับจำนำข้าว

วันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพาค์เฟซบุ๊ก ระบุว่า น่ารำคาญการอภิปรายส่งเดช

อภิปรายไปได้อย่างไร ว่าที่ต้องกู้เงินชดเชยงบประมาณเกือบ 5 แสนล้าน เพราะขาดทุนจากการรับจำนำข้าว!
มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย
เหตุที่ ต้องกู้เงินชดเชยงบประมาณเกือบ 500,000 ล้าน เพราะตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.2 ล้านบาท แต่หารายได้ ทุกประเภทรวมกันไม่พอ
ยังขาดอีกเกือบ 5 แสนล้าน จึงต้องกู้ยืมเงิน มาชดเชยงบประมาณ
เรื่องมันก็เท่านี้
อภิปรายส่งเดชแหกตาประชาชนแบบนี้
แย่มากๆๆ

อย่าขัดแย้งกันเอง!”นคร”แนะ”เพื่อไทย-อนาคตใหม่”

People Unity : “นคร”แนะ”เพื่อไทย-อนาคตใหม่” อย่าขัดแย้งกันเอง ใช้ “สติ ปัญญา ความจริง ความถูกต้อง ความเป็นธรรม และเหตุผล” เข้าสู้

วันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยตั้งหัวข้อว่า “อย่าขัดแย้งกันเอง เพื่อไทย อนาคตใหม่” ต่อจากนั้นเป็นการวิจารณ์ี่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่เสนอโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรีที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎ

นายนครได้แนะนำให้ฝ่ายประชาธิปไตยใช้ สติ ปัญญา ความจริง ความถูกต้อง ความเป็นธรรม และเหตุผลเข้าสู้ และมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยต้องหยุดโจมตีให้ร้ายกัน มาร่วมอุดมการณ์เดียวกัน มาร่วมพลังกันอย่างมีเอกภาพโค่นเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตยชุดนี้ให้ได้ เราจะล้างมรดกบาปแผ่นดิน ที่เผด็จการทำไว้ ให้สิ้น เพื่อประชาชนและประชาธิปไตย

“อนุทิน”น้อมรับข้อเสนอแนะศึกอภิปรายงบฯ63

People Unity : “อนุทิน”น้อมรับข้อเสนอแนะศึกอภิปรายงบฯ63 ยืนยัน สธ.ทำงานเต็มที่เพื่อสุขภาพคนไทย “พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด ช่วยก.อุตุฯพยากรณ์ -เกษตรกรไทยวางแผนเพาะปลูกแม่นยำ ตั้งเป้า3 ปีไทยขยับเกณฑ์มาตรฐานสากล ย้ำปี 64 ราชการไทยมีคลาวด์เป็นของตนเอง เพื่อความปลอดภัย-ประหยัดงบ แจงงบฯเวิด์ลเอ็กซ์โปร์ 800ล้านสุดคุ้ม

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ว่า ขอบคุณทุกประเด็นที่เสนอมาในการอภิปรายครั้งนี้ อันสะท้อนว่าท่านสมาชิก มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสุขภาพคนไทย ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ได้จดบันทึกทุกคำแนะนำเพื่อนำไปปฏิบัติ ให้เห็นผล

“รัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชน ตนตั้งใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะอยากให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อคนไทยมีสุขภาพดี และนั่นคือภารกิจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องดูแลสุขภาพคนไทย ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก และเมื่อถึงวัยเกษียณ คนไทย ต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ยิ่งหลังจากนี้ ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ จึงต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่ถูกทอดทิ้ง ให้ได้ตระหนักถึงคุณค่าที่มีต่อประเทศ ให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง ขอยืนยันว่าข้าราชการทุกคน และบุคลากรทุกท่านในกระทรวงสาธารณสุข ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถแน่นอน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง

“ส.ส.ราชบุรี”แนะ สาธารณสุข เน้นซื้อเครื่องมือแพทย์ของในประเทศ

ทั้งนี้ น.ส.กุลวดี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข มีความจำเป็นอย่างมาก ตนขอแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข เน้นดารใช้เครื่องมือที่ผลิตในประเทศไทย อย่างเช่น การจัดซื้อเครื่องล้างไต จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่ล้างไตได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การใข้ชีวิตประจำวันมีคุณภาพที่ดีขึ้น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่นำมาใช้ในวงการแพทย์ตอนนี้มีคุณภาพที่ดีมาก และผู้ป่วยสัมผัสรังสีได้น้อยลง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้นการอดีต

“ปารีณา”ติงส.ส.อภิปรายงบด้านเดียว ชี้รบ.จำต้องกู้เงินตามล้างหนี้จากรบ.ชุดก่อน

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจน จากที่ได้ฟังสมาชิกอภิปรายหลายคนในลักษณะเหรียญด้านเดียว ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้สินมากจริง ซึ่งเกิดจากการกู้ของรัฐบาลที่ผ่านมา การกู้เงินมาบริหารประเทศเป็นความจำเป็น และเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แต่หนี้สินส่วนหนึ่งเกิดความปัญหาความทุจริต คอรัปชั่น โกงจำนำข้าว 6 แสนล้านบาท โกงหวยบนหิน จีทูจี โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีที่หนีไปต่างประเทศ สร้างหนี้ไว้ให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทรฺโอชา จนต้องตั้งงบประมาณจำนวน4.6 หมื่นล้านบาทมาชดใช้หนี้โครงการจำนำข้าวดังกล่าว ส่วนคนโกงก็ไปอยู่ต่างประเทศ ชาตินี้ก็กินไม่หมด

น.ส.ปารีณากล่าวว่าเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ปัจจุบันนี้ทุกประเทศทั่วโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดจากสงครามการค้าจีน สหรัฐ ประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาทั่วโลก แต่ไทยถือว่าได้รับผลกระทบน้อย รัฐบาลสามารถสร้างเสถียรภาพการเงิน การคลังได้อย่างมั่นคง เห็นชัดเจนค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้ ไทยได้รับความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และในบรรยากาศทั้งหมดนี้เวิด์ล อิคอมนอมิค ฟอร์รั่ม ยังจัดอับดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้อยู่ในอันดับที่ 40 จากทั่วโลก เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง ครองแชมป์อยู่ ส่วนปัญหาความยากจนเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานทุกรัฐบาลยังแก้ไม่ได้ จึงไม่เป็นธรมที่จะกล่าวหารัฐบาลนี้เป็นต้นเหตุความยากจน

ส.ส.ราชบุรีกล่าวว่า แต่รัฐบาลมีการจัดงบประมาณและทำนโยบายแก้ไขเศรษฐกิจโดยส่วนหนึ่ง มีการนำภาษีมาช่วยอัดฉีดเงินช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่ ผู้มีรายได้น้อย ทั้งการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าว ประกันราคาข้าว 15,000 บาทต่อตัน ประกันราคายาง ราคาสินค้าเกษตร เป็นการใช้งบที่ประชาชนรออยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14.6 ล้านคน ซึ่งใช้งบ4 หมื่นล้านบาท สวัสดิการผู้สูงอายุ 7.6 หมื่นล้านบาท คนเหล่านี้รองบประมาณจากรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้ฝ่ายที่เห็นต่างมาร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย ไม่ดึงรั้งว่าเมื่อไหร่จะได้เงินตามนโยบาย ก็ขอให้ช่วยกันโหวตให้กับร่างงบปนะมาณนี้ อย่าดึงรั้งประเทศไทย ขอให้ทุกคนเดินหน้าประเทศไทย ประชาชนรออยู่

“ส.ส.สระบุรี”เชื่องบกระทรวงดิจิตอลสำคัญต่อภาคเกษตร

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่ากระทรวงดิจิตอลฯได้งบมาไม่ถึง 25 % ซึ่งเป็นดระทรวงที่สำคัญ โดนเฉพาะหากนำไปประยุกต์กับการทำเกษตรกรรม ที่จะทำให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบการพยากรณ์ได้ ก็ตะทำให้ผลผลิตที่จะได้สามารถลดต้นทุนและลดความเสี่ยง นอกจากนี้สาธารณภัย โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ถ้าเราเทียบกับญี่ปุ่น เขาจะมีเครื่องตรวจวัดสภาพอากาศกว่า 3000 เครื่องเพื่อตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งประเทศไทยเราต้องพัฒนาระบบดิจิตอลให้ก้าวหน้ามากกว่านี้

“พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงกรณีที่สมาชิกอภิปรายการจัดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องดิจิทัลวัดพยากรณ์อากาศ ให้กับเกษตรกรในการวางแผนเพาะปลูกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยมีนโนยายเกษตรดิจิตอล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ใส่ไว้ในงบประมาณในการเพิ่มจุดวัดพยากรณ์อีกประมาณ100 กว่าจุด ซึ่งเป็นจุดสถานีชี้วัดผลพยากรณ์อากาศแบบย่อม ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีสถานีชี้วัดทั่วประเทศทั้งหมด 125 จุด ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีถึง3,600กว่าจุด โดยรัฐบาลได้พยายามผลักดันในงบประมาณปี63 ขอเพิ่ม100 กว่าจุด เพราะเห็นถึงความสำคัญว่าหากมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการช่วยพยากรณ์ให้เกษตกรได้ทราบ และสามารถวางปฎิทินการเพาะปลูกต่างๆได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยจำนวนมาก และงบประมาณก็ไม่ได้มาก

“เราพยายามวางแผนเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มจุดตัวชี้วัดทั่วประเทศให้มีความแม่นยำเหมือนนานาประเทศ เพราะที่ผ่านมามีคำถามว่าทำไมกรมอุตุนิยมวิทยาถึงไม่มีความแม่นยำในการพยากรณ์อากาศ แต่ภายในระละเวลาอันใกล้นี้ ไทยจะสามารถขยับเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานสากลได้ และใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้”

นายพุทธิพงษ์ยังได้ชี้แจงงบประมาณโครงการทำ GDCC  หรือ การจัดเก็บข้อมูลในCloud (คลาวด์) ของภาครัฐ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มองเห็นการปรับเปลี่ยนการปรับตัวเข้าสู่ฐานข้อมูลรวมที่ถูกต้อง และปลอดภัย ของภาครัฐ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีเคยมีการใช้หน่วยงานสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ (สปร.) มาดูแล และสนับสนุนให้หน่วยงานราชการบางหน่วยงานใช้คลาวด์ แต่ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลได้บูรณาการว่าจากนี้ต่อไปถึง2564 ทุกหน่วยราชการของรัฐบาลไทยจะต้องใช้ระบบคลาวด์อันเดียวกัน และป้องกันข้อมูลราชการให้ปลอดภัยเหมาะสม ที่สำคัญคือประหยัดงบประมาณ

“ที่ผ่านมาทุกหน่วยตั้งงบประมาณเช่าใช้คลาวด์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นการสิ้นเปลืองและมาตรฐานก็ต่างกัน แต่จากนี้ไปเมื่อมีการรวมศูนย์คลาวด์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณอีก ต่อไปรัฐบาลไทยจะมีคลาวด์เป็นของตนโดยใช้ CAT โทรคมนาคมเป็นคนทำให้ ยืนยันว่าจะไม่เป็นการซ้ำซ้อน แต่จะเป็นการถ่ายโอนทั้งหมดเพื่อให้เป็นระบบบูรณาให้เหมาะสม และดีที่สุด”

ส่วนประเด็นการใช้งบประมาณจัดเวิลด์เอ็กซ์โปร ปี63 ซึ่งประเทศไทยจะไปร่วมจัดงานที่ดูไบ ซึ่งเป็นงบผูกพัน3 ปี โดยรวมประมาณ 800 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างและทำระบบทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้พื้นที่จัดแสดงมากที่สุดเท่าที่เคยได้มา คือไซด์L โดยปีที่แล้วเราได้ไซด์M แต่ใช้งบประมาณเท่ากัน เราจะยึดมั่นในแนวทางและวัฒนธรรมประเพณีไทย โดยใช้ดอกไม้ และสิ่งที่คนไทยให้ความนับถือในการบอกเล่าความเป็นคนไทย โดยใช้ดิจิทัลที่ทันสมัย ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและระมัดระวังต่อการใช้ภาษีของประชาชนอย่างมาก ไม่ให้เสียความที่จะเอาประเทศไทยไปเผยแพร่ต่อสายตาชาวโลกโดยคงคุณภาพ ใช้งบเหมาะสม และประหยัด อย่างไรก็ตามส่ิงที่สมาชิกได้แนะนำตนก็จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป

Verified by ExactMetrics