วันที่ 22 เมษายน 2025

พล.อ.ประวิตร สั่งเร่งพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำขนาดเล็กในทุกพื้นที่

People Unity News : 16 มีนาคม 2566 “พล.อ.ประวิตร” พอใจการบริหารจัดการน้ำ หลังลงตรวจหลายพื้นที่ กำชับ ต้องตื่นตัว สั่งเร่งพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำขนาดเล็กในทุกพื้นที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ( กนช.) ครั้งที่ 1/66  ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ หลังจากลงตรวจกำกับในหลายพื้นที่จังหวัด โดยที่ประชุมรับทราบ ผลการดำเนินงานที่สำคัญของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 6 คณะ และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการแก้ปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วน ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จำนวน 205 โครงการ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลาง ปี 66 วงเงิน 1,455 ล้านบาท และรับทราบสรุป ผลการถอดบทเรียนการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 65 ที่ให้ความสำคัญกับ การบริหารจัดการน้ำเชิงภาพรวม ให้สอดรับกับสถานการณ์น้ำและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ตลอดจนการทำงานเชิงรุกและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนมากขึ้น และรับทราบความคืบหน้าแผนงานบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 66 และปี 67

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบ ร่างมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 66  และแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม ปี 66 โดยใช้แนวทางปี 65 ไปพลางก่อน ซึ่งให้ความสำคัญกับ หน่วยรับผิดชอบหลักและหน่วยสนับสนุนการจัดเตรียมและการใช้ประโยชน์ข้อมูล การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดจากภาวะน้ำท่วม การจัดทำระบบเตือนภัยและการเผยแพร่ข้อมูลกับประชาชน วิธีการระบายน้ำที่รวดเร็วและถูกต้องตามหลักวิชาการ การกักเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวพอใจภาพรวมการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมไปมาก หลังลงตรวจติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำและพื้นที่น้ำท่วมในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งย้ำ การบริหารจัดการน้ำ เป็นเรื่องที่ต้องตื่นตัวตลอดทั้งปี ทั้งกลไกระดับนโยบายและระดับปฏิบัติงานในพื้นที่ ในการเตรียมการป้องกันและการแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งต่อเนื่องกันไป

พร้อมกันนี้ ขอให้ สทนช.และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและทุกจังหวัด ให้มีความตื่นตัว เตรียมพร้อมรับกับทุกสถานการณ์น้ำท่วมและสภาพอากาศที่ผันแปร โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยให้เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและเร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภทไปพร้อมกัน  ทั้งนี้ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาขยายผลการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พลเอกประวิตร กำชับ ขอให้กระทรวงมหาดไทยเร่งส่งเสริมการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กในทุกพื้นที่ เพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝนแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้ง ขอให้ทุกส่วนราชการเตรียมมาตรการรับมือฤดูฝนและแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม ปี 66 ที่กำหนด เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบความเสียหายและความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นอย่างมีพัฒนาการร่วมกัน

Advertisement

พล.อ.ประวิตร ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมพัฒนา ปท.อย่างยั่งยืน

People Unity News : 8 มีนาคม 2566 3 เมษายน 2566 “พล.อ.ประวิตร” ประชุม กพย. ให้ความสำคัญพลังเยาวชน-เอกชน-ภาคีเครือข่าย ควบคู่หลัก ศก.พอเพียง ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน รองรับความท้าทายใหม่  ตั้งเป้าบรรลุ กรอบ UN ปี 2030

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมรับทราบสรุปผลการดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย (Thailand’s  SDG  Roadmap) โดยมีผลการดำเนินการ 6 ด้านหลักได้แก่ 1.การสร้างการตระหนักรู้ 2. ความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กับแผน 3 ระดับของประเทศ 3. กลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน 4. การดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5.ภาคีการพัฒนา และ 6. การติดตาม ประเมินผล

ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ออกกฎระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การขับเคลื่อน SEA มีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม โดยสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐนำไปจัดทำแผนในทางปฏิบัติสอดคล้องกัน และเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการและคณะทำงานภายใต้ กพย. เพื่อให้การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ตอบสนองและรับมือกับความท้าทายใหม่

ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ผ่านคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พลังเยาวชนขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน และคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของไทยตามกรอบ UN

พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณคณะทำงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติงานตามแผนงาน อย่างต่อเนื่อง และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชน เอกชน ที่มีความรู้ความสามารถ เข้าร่วมดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้บรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ในปีค.ศ. 2030 ร่วมกับประชาคมโลก โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกต่อไป

Advertisement

“พล.อ.ประวิตร” ทำบุญวันมาฆบูชา วัดชนะสงคราม

People Unity News : 6 มีนาคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปทำบุญที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา โดยนำพวงมาลัยไปไหว้ศาลสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท และเข้ากราบสักการะพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ พระประธานประจำพระอุโบสถ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้ถวายสังฆทานแด่ท่านเจ้าคุณ พระพิศาลกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร โดยในระหว่างทำบุญได้มีชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญมาขอถ่ายรูป และพ่อค้าแม่ค้าได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และเชียร์ให้สู้ๆ

ภายหลังทำบุญ พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปที่ร้านปาท่องโก๋คาเฟ่ ย่านบางลำพู ซึ่งเป็นร้านดัง โดย พล.อ.ประวิตร สั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ พร้อมกับเกี๊ยวน้ำ มารับประทาน ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนมาขอถ่ายรูป พร้อมกับให้กำลังใจ และเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง

Advertisement

จ่อยกระดับ อบต. เป็นเทศบาลเร็วๆนี้

People Unity News : 2 มีนาคม 2566 มท 1.จ่อยกระดับ อบต.เป็นเทศบาลเร็วๆ นี้ ระบุประมวลกฎหมายท้องถิ่นใกล้เสร็จแล้ว คาดขึ้นค่าตอบแทน ประกาศราชกิจจาฯ 6 มี.ค.นี้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะยกระดับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)เป็นเทศบาล ว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการตราในประมวลกฎหมายท้องถิ่น ซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ที่จะมีผลกับอบต.ทั่วประเทศ  โดยถือว่าเป็นไปตามหลักสากลให้เป็นนายกเทศมนตรี ซึ่งสถานะของอบต.ก็จะเป็นเทศบาลทั้งหมด

ส่วนการเพิ่มค่าตอบแทน อบต. นั้น พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กฎหมายเสร็จแล้วอยู่ในขั้นตอนพิจารณาในรายละเอียด คาดว่าในวันที่ 6 มี.ค.นี้ จะประกาศได้ในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลในช่วงประมาณเดือนต.ค. โดยหลักการนั้นจะคำนวณจากรายได้ ที่จะมีหลักเกณฑ์อยู่

Advertisement

“สุดารัตน์” วางมาตรการเชิงรุก “แก้หนี้ประเทศ ด้วยการสร้างรายได้”

People Unity News : 1 มีนาคม 2566 “สุดารัตน์” ชี้ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายโลก 5 เรื่องใหญ่ที่ผู้นำประเทศต้องเข้าใจ และวางมาตรการเชิงรุก ”พลิกวิกฤติโลกให้เป็นโอกาสหาเงินเข้าประเทศ” ระบุไทยสร้างไทยจะมุ่ง “แก้หนี้ประเทศ ด้วยการสร้างรายได้” ให้คนไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ประเทศไทยต้องเผชิญและรับมือกับ 5 ความท้าทายของโลก หากรับมือได้ทันก็รอด แต่หากรับมือไม่ทันก็ร่วง ถ้าผู้นำมีวิสัยทัศน์ วางยุทธศาสตร์ประเทศให้ดี ก็จะสามารถพลิกวิกฤติโลกให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยได้ และสำหรับ 5 วิกฤติและความท้าทายที่กล่าวถึงคือ

1.ความท้าทายของโรคระบาด ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ (Emerging Diseases) อย่างโควิด-19 ที่เป็นปัญหากระทบทั่วโลก ทั้งด้านชีวิต สุขภาพ และเศรษฐกิจ ต่อเนื่องเข้าปีที่ 3 มีการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ กระทบซัพพลายเชน และรายได้การท่องเที่ยวทั้งโลก ดังนั้น ในวิกฤติโรคระบาด ไทยเราสามารถพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสได้ เพราะเรามีระบบสาธารณสุขที่ดีมาก เราต้องทำให้ไทยเป็นหลุมหลบภัยจากโรคระบาดให้คนทั้งโลก มา Work from Thailand เราต้องเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพครบวงจรของโลก โดยเฉพาะการชูสมุนไพรไทย ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ

2.ความท้าทายการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ (Climate Change) ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ทุกประเทศจึงให้ความสำคัญกับการรับมือกับสภาวะโลกร้อน ไทยต้องปรับตัวให้เกิดการผลิตพลังงานทดแทนอย่างเร่งด่วน สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแต่รัฐต้องเลิกเอื้อประโยชน์ให้โรงงานไฟฟ้ารายใหญ่ แล้วหันมาสนับสนุนให้ภาคครัวเรือน, เอกชน และท้องถิ่น สามารถผลิตไฟฟ้าของตนเองได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการนำของเหลือจากภาคเกษตรมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน และ Bio Plastic ได้อย่างมากมาย ลดการเผาที่ทำให้โลกร้อนและเกิด PM 2.5 ทั้งหมดนี้ต้องทำอย่างเร่งด่วนเพราะทั้งสหรัฐและยุโรป ได้ผ่านกฎหมายที่จะเก็บภาษีเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานที่ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบในการส่งออกของธุรกิจ SMEs อย่างมหาศาล

3.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรโลก (Population Ageing) ซึ่งไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยมากที่สุด อีกทั้งคนไทย “แก่ก่อนรวย” และสุขภาพไม่ดี ดังนั้น นอกจากคนวัยทำงานจะน้อยลง ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย ปีละเป็นแสนล้าน เราจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ อย่างโครงการ ”บำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท” ที่ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งต้องเข้าโปรแกรมการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมทั้งการให้ความรู้ด้านอาชีพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงกลับไปทำงานได้ และเงินของผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้ฟื้นตัว ซึ่งจะยกระดับให้เศรษฐกิจทั้งประเทศดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพผู้สูงอายุ “Thai Hospitality” และทำเป็นที่พำนักระยะยาว สำหรับผู้สูงอายุจากทั่วโลกได้อีกด้วย

4.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว (Technology Destruction) ซึ่งเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสของโลกยุคใหม่ เพราะปัจจุบันโลกเรากำลังอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Big Data, Internet of Things, Robots และ Quantum Computing ได้เข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งไทยต้องเร่งส่งเสริมปรับหลักสูตรการศึกษา ให้เด็กไทยได้เข้าถึงโอกาสเหล่านี้ พร้อมทั้งต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย ให้รองรับการสร้างธุรกิจจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ Startup ได้ระเบิดศักยภาพของตนเองได้เต็มที่

5.ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์โลก (Geopolitics) ที่ส่งผลกระทบทั่วโลกในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านดุลอำนาจของ 2 ขั้วอำนาจระหว่างชาติตะวันตก กับตะวันออก, สงครามรัสเซีย-ยูเครน, สงครามการค้า ซึ่งเราต้องใช้โอกาสนี้ที่เราเป็นประเทศที่เป็นมิตรที่แน่นแฟ้นกับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงรัสเซีย วางตำแหน่ง ภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศให้ถูก และควรจะยืนอยู่กลางความถูกต้อง ค้าขายกับประเทศใดก็ได้ ใครอยากจะมาลงทุนก็ยินดีรับหมด เพื่อดึงดูดการย้ายฐานการผลิต และใช้ทำเลที่ตั้งที่เราอยู่ใจกลางภูมิภาค มาเป็นโอกาสในการทำให้ไทยศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องย้ายฐานการผลิต อย่างรถ EV และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

Advertisement

นายกฯชวนประชาชนร่วมงานวันมาฆบูชา

People Unity News : 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ เชิญชวนร่วมงานวันมาฆบูชา พ.ศ. 2566 “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” ตั้งใจทำดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้วันมาฆบูชา โดยตัวแทนนักเรียนโรงเรียนวัดอินทาราม กรุงเทพฯ จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล และชมการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ บทสรรเสริญพระพุทธคุณ โดยคณะนักเรียนระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา ทีมรางวัลชนะเลิศ ประเภททีมหญิงล้วน ระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ประจำปีพุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด และกล่าวว่าเป็นบทสวดที่จำได้เคยสวดตอนเด็กและท่องจำมาโดยตลอด ซึ่งศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความร่มเย็น เป็นศาสนาแห่งความสมานฉันท์ การสวดมนต์ในช่วงเวลาว่างช่วยให้จิตใจร่มเย็นและควรเข้าใจถึงความหมายของบทสวดต่างๆ ซึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริง

“ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมวันมาฆบูชา ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนาที่วัดใกล้บ้าน หรือนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมที่บ้านตามความสะดวก หากไม่สะดวกสามารถร่วมกิจกรรมทางศาสนาผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่วมกันตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอให้ความสุขสวัสดีเกิดขึ้นแก่ตัวเอง ทุกคน และทุกครอบครัว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ งานส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 กำหนดจัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2566 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 6 มีนาคม 2566 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวียนเทียน และกิจกรรม Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ และในส่วนภูมิภาคกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 – 6 มีนาคม 2566 ตามบริบทของแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดทำบัตรอวยพรวันมาฆบูชาออนไลน์ (E-Card) และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ ผ่านทาง www.dra.go.th อีกด้วย

Advertisement

นายกฯ ขอ ผบ.ตร.เร่งกวาดบ้านตัวเอง

People Unity News : 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ นำถก ก.ตร. ย้ำข้าราชการเลวมีทุกที่ ขอ ผบ.ตร.เร่งกวาดบ้านตัวเอง สร้างความเชื่อมั่นประชาชน ยันให้ความเป็นธรรม หากผิดว่าไปตามหลักฐาน บ่นอารมณ์ดีก็ถูกว่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2566 ว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลการประชุม เพราะทุกเรื่องมีระเบียบและขั้นตอนอยู่ ทั้งเรื่องของ พ.ร.บ.ตำรวจ กฎกระทรวง ก.ตร. มีหมดทุกอย่าง ซึ่งวันนี้ได้คุยกันแล้ว ได้กำชับให้ ผบ.ตร.กวาดบ้านตัวเอง เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นเชื่อถือ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย ขณะนี้ข้อกล่าวหาต่างๆ ต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนขยายผล ตนได้ย้ำไปว่า ขอให้เกิดความเป็นธรรมก็แล้วกัน หากผิดก็ว่ากันไปตามหลักฐาน หลายๆ อย่างมีช่องทาง ก็ขอให้ดูด้วยว่า บางอย่างก็ทำเร็วไม่ได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตามกฎหมาย หลายอย่างไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจอย่างเดียว เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงานที่ร่วมกันสอบสวน ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตามที่เขาร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะข้าราชการที่ดีก็มีมากกว่า 99% คนชั่วก็มีทุกที่แหละ แต่จะทำอย่างไรให้เขาดีขึ้นหรือไม่ ก็ต้องขจัดออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า อารมณ์ดีก็ว่ากันอีก แล้วนายกรัฐมนตรีก็หันมายิ้มกับสื่ออย่างอารมณ์ดี

Advertisement

นายกฯปลื้ม “ชาไทยเย็น” คะแนนโหวตติดอันดับโลก ต่อยอดท่องเที่ยว

People Unity News : 25 กุมภาพันธ์ 2566 โฆษกรัฐบาล เผย TasteAtlas จัดอันดับ “ชาไทยเย็น” ติด 1 ใน 10 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World)

วันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกได้จัด 10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) (https://www.tasteatlas.com/best-rated-non-alcoholic-beverages-in-the-world#!#modal) โดย “ชาไทยเย็น” ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลกสะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2018 ชาเย็นไทย ก็ได้รับการจัดอันดับที่ 27 ใน 50 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก (World’s 50 most delicious drinks) จากเว็บไซต์ CNN Travel เช่นเดียวกัน (https://edition.cnn.com/travel/article/most-delicious-drinks-world/index.html)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดว่า ชาไทยเย็น ได้รับคะแนนโหวต 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยถือเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีระหว่างชาดำเข้มข้น นมข้นหวาน/จืด น้ำตาล และสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง โดยปัจจุบันจะพบชาไทยเย็นได้ ทั้งใน Street Food และร้านอาหารทั่วไป

ทั้งนี้ การจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. Hong Kong-Style Milk Tea จากฮ่องกง 2. Aguas Frescas จากเม็กซิโก 3. Chai masala จากอินเดีย 4. Maghrebi Mint Tea จากเมืองอัลมัฆริบ (Maghreb) และโมร็อกโก 5. Horchata จากเม็กซิโก 6. Salep จากตุรกี 7. ชาไทยเย็น จากไทย 8. El submarino จากอาร์เจนตินา 9. Ristretto จากอิตาลี และ 10. Darjeeling จากอินเดีย

“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการส่งเสริม Soft power ประเภทต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารไทยถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการตอกย้ำเป้าหมายของไทยในการขับเคลื่อนนโยบายครัวไทย สู่ครัวโลก ชูจุดเด่นด้านอาหารของไทยที่มีความหลากหลาย รสชาติอร่อย ซึ่งเป็นสิ่งนานาชาติให้การชื่นชมและยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังสามารถต่อยอดไปสู่การส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการบริโภคได้เพิ่มเติมในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯบอก เตรียมลดราคาน้ำมันช่วย ปชช.

⇒นายกฯบอก เตรียมลดราคาน้ำมันช่วย ปชช.

People Unity News : 24 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ ชี้นโยบายลดราคาน้ำมันของ พปชร. ใครก็พูดได้ แต่ต้องดูสัญญาและกฎหมาย เผย คุย “สุพัฒนพงษ์” แล้ว ให้รอดู ยันทำในฐานะรัฐบาล ไม่ได้หาเสียง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค นำเสนอนโยบายลดราคาน้ำมันดีเซลและเบนซิน ว่า เรื่องนี้จะใครพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องพิจารณาเรื่องของสัญญา กติกาและกฎหมายซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา หากจะทำอะไรก็ต้องแก้กฎหมายกันใหม่ ซึ่งต้องเริ่มต้นใหม่ และหากจะทำเรื่องใหม่ ๆ ก็ต้องทำให้ดี

เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีนโยบายเกี่ยวกับการลดราคาน้ำมันบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ให้รอดู ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะนายกรัฐมนตรีจะดูแลให้ จะมากน้อยก็ดู ซึ่งหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้วซึ่งกำกับดูแลเรื่องนี้ ว่าจะลดได้เท่าไหร่อย่างไร แต่ต้องดูว่ามีปัญหาในภาพรวมหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะลดให้ แต่ไม่ได้เป็นการหาเสียง เพราะพูดในนามนายกรัฐมนตรี

ส่วนที่หลายพรรคมีนโยบายขายฝัน จะทำได้จริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้พวกเราช่วยตรวจสอบว่านโยบายต่าง ๆ ต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าใด และต้องดูว่ามีงบประมาณพอเพียงหรือไม่

Advertisement

เลขาฯ กกต. มั่นใจระบบนับคะแนน ECT Report โปร่งใสแม่นยำ

People Unity News : 24 กุมภาพันธ์ 2566 เลขาฯ กกต. ยืนยันระบบนับคะแนนเลือกตั้ง ECT Report โปร่งใสแม่นยำ ตรวจสอบได้ คาดรู้ผลไม่เป็นทางการคืนวันเลือกตั้ง รอศาล รธน.วินิจฉัยราษฎรแบ่งเขต เชื่อไม่กระทบไทม์ไลน์

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการรายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบเรียลไทม์ หรือ ECT Report ว่า ยังทำเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนคนกรอกข้อมูล เพราะงานของ กกต. ความถูกต้องต้องมาก่อน เพราะเป็นหน่วยงานราชการ ผิดไปคะแนนเดียวก็ไม่ได้ นี่คือเป้าหมาย ถ้าให้กรรมการประจำหน่วย (กปน.) ซึ่งเป็นชาวบ้านกรอกก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ถูกต้อง เมื่อตรวจสอบเอกสารรายงานผลคะแนนหน้าหน่วย (แบบ ส.ส. 5/18) ถูกต้องแล้วติดหน้าหน่วย จากนั้นคะแนนจะไหลเข้าไปในระบบ จะทยอยเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วให้สื่อมาเชื่อมต่อกับเรา

“เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็จะมาตกลงกับสื่อมวลชนว่าจะนำเสนอข้อมูลอย่างไร จะไม่นำเสนอกับประชาชนเอง ส่วนรูปแบบการนำเสนอก็อยู่ที่สื่อจะนำเสนอ ข้อมูลที่สื่อจะได้รับก็ตั้งแต่คะแนนแรกที่ กกต.กลางได้รับข้อมูล ผมไม่สามารถระบุเวลาได้ เมื่อแต่ละหน่วยตรวจสอบความถูกต้องแล้ว แล้วกรอกข้อมูลในเอกสาร 5/18 แล้วนำไปติดหน้าหน่วย แล้วนำสำเนาของ 5/18 ในระบบ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ คนที่บวกคะแนนไม่สำคัญเท่ากับเอกสาร 5/18 ที่ติดหน้าหน่วยกับเอกสาร 5/18 ในระบบที่ตรงกัน ซึ่งในเอกสาร 5/18 มี กปน.ลงชื่อทั้งหมด 9 คน ยืนยันไม่มีใครแก้คะแนน” เลขาธิการ กกต. กล่าว

เมื่อถามว่า จะรายงานผลเลือกตั้งเป็นระยะหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสื่อที่จะนำข้อมูลไปเผยแพร่ แต่การคำนวณสัดส่วนประชากรต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง อาจเกิดการผิดพลาดทางเทคนิคแล้วระบบล่มได้ จึงเป็นเรื่องทางเทคนิค

ส่วนกรณีการนับคะแนนเลือกตั้งที่มาจากต่างประเทศครั้งที่ผ่านมาเกิดข้อผิดพลาดที่นับคะแนนไม่ทัน ครั้งนี้วางแนวทางแก้ไขเพื่อไม่ให้คะแนนตกน้ำหรือไม่ เลขาธิการ กกต. กล่าว กกต.เตรียมการแก้ไขไว้แล้ว เพราะมีบทเรียนและจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยจะติดตามถุงส่งบัตรลงคะแนนไม่ให้คลาดสายตา เพื่อจะให้มาถึงก่อนวันเลือกตั้งแล้วนำส่งไปยังหน่วยเลือกตั้งของผู้ใช้สิทธิ ยืนยันว่ามีแนวทางป้องกันคะแนนสูญเปล่าไว้แล้ว ประชาชนสามารถเข้าถึงการรายงานผลตามระบบ ECT Report ได้ โดยติดตามได้ที่หน่วยเลือกตั้ง และเข้าเว็บไซต์ของ กกต.แต่ละจังหวัด

“ขณะนี้ ECT report กำลังพัฒนาใกล้จะเรียบร้อยแล้ว ไม่เหมือนกับระบบเดิม เพราะ กกต.เป็นผู้ดำเนินการเอง การรายงานผลคะแนนครั้งนี้น่าจะได้รับความสนใจและเร็วที่สุด ภายในคืนวันเลือกตั้งน่าจะรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ทั้งนี้ หากซักซ้อมให้ดี อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการนับคะแนน และการให้ประชาชนลงคะแนน ภายในคืนนั้นก็น่าจะทราบผลทั้ง 77 จังหวัด กกต.ตั้งเป้าหมายการรายงานผลถูกต้องทั้งคะแนน และทุกอย่างถูกต้อง 100% โดยนำบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วพิจารณาว่าทำอย่างไรให้มีเงื่อนไขให้น้อยที่สุด ในส่วนของ กกต. ยังไม่มีเงื่อนไขอะไร และอยากทำให้การเลือกตั้งเรียบร้อยและถูกต้องที่สุด” นายแสวง กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการคำนวณสัดส่วนราษฎรต่อการแบ่งเขตเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว ขอให้สบายใจได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนไทม์ไลน์การแบ่งเขตอาจจะขยับบ้าง แต่ไม่เกินตามที่วางไว้ ซึ่งพยายามเร่งเวลาการทำงาน เพราะ กกต.ต้องให้เวลากับพรรคการเมืองในการทำไพรมารี ซึ่งการดำเนินการยึดตามอายุครบของสภาฯ คือเวลาที่นานที่สุดแล้ว แต่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่พรรคการเมืองจะทำไพรมารี ซึ่ง กกต.ให้เวลาพรรคการเมืองทำไพรมารี 10 วัน

นายแสวง กล่าวว่า ช่วงเลือกตั้งยังสามารถทำโพลสำรวจได้ แต่อย่าชี้นำหรือจูงใจ และอย่าเปิดเผยก่อน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง แต่ให้ไปเปิดเผยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถามกรณีนายแสวง ระบุว่า ในช่วงการเลือกตั้ง 18 ชั่วโมง หากไม่ทำให้เรียบร้อยจะอยู่ไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า การบริหารจัดการของสำนักงาน กกต. ต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนพูดกับพนักงานของตนเสมอว่า เราทำงานเหนื่อยขนาดนี้ ยังมีคนไม่เข้าใจ อย่างเรื่องบัตรหรือเรื่องอื่น ๆ ที่พนักงาน กกต.ไม่ได้ทำ แต่ กปน.ทำ โดย กกต.เป็นคนออกแบบให้ กปน.ทำงาน ซึ่งต้องไม่มีความผิดพลาดในหน่วยเลือกตั้ง อย่าให้ประชาขนเคลือบแคลงใจในการทำงาน

เมื่อถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าโปร่งใส นายแสวง กล่าวว่า คำว่าโปร่งใส บางอย่างเห็นได้ หากผลในเอกสาร 5/18 ผิด ระบบก็จะแจ้งขึ้นมาทันที เราออกแบบเพื่อให้โปร่งใสที่สามารถดูได้ทุกครั้ง ดูได้ทุกอย่าง แต่บางอย่างถ้าเกิดความสงสัย ก็สามารถตรวจสอบได้ จึงออกระบบมาเช่นนี้ การนับคะแนนเหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนคนกรอก ระบบก็จะเปลี่ยน เพราะคนกรอกแสนแผ่นก็กรอกไม่ไหว จึงต้องเปลี่ยนระบบให้โปร่งใสและดีขึ้น

Advertisement

Verified by ExactMetrics