วันที่ 28 พฤศจิกายน 2024

เผย”บิ๊กตู่”สั่ง”ครม.”เปิดหน้าตัก โชว์ผลงานให้ปชช.รับรู้

People Unity News : โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย “บิ๊กตู่” สั่งทุกกระทรวงรวบรวมข้อมูล ก่อนนำครม.แถลงผลงานครบ 6 เดือน กำชับทีมโฆษกเพิ่มการรับรู้ประชาชน

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ได้มีการประชุมโฆษกกระทรวงครั้งที่ 1/2562 ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการโฆษกกระทรวง ที่นายกรัฐมนตรีลงนามเอาไว้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งนายกฯอยากให้แต่ละกระทรวงเอาผลงานของตัวเองออกมา โดยสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ เพื่อที่จะเตรียมสำหรับการแถลงผลงาน 6 เดือนต่อรัฐสภา รวมถึงที่จะนำเสนอให้ประชาชนรับทราบว่า ในแต่ละกระทรวงทำอะไรไปบ้าง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร

โดยจะแบ่งหมวดหมู่ อาทิ ด้านสังคม เศรษฐกิจ สวัสดิการของประชาชน ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลจากแต่ละกระทรวงแล้วจะมาจัดกลุ่มและรูปแบบในการนำเสนอ เพื่อนำเสนอในช่องทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมายต่อไป ส่วนรูปแบบอาจจะมีการให้นายกฯ กับรองนายกฯ แถลงเหมือนในอดีต และอาจจะมีอินโฟกราฟฟิก คลิปวิดีโอ รูปเล่ม ประกอบการแถลงด้วย ซึ่งตอนนี้รัฐบาลทำงานผ่านมา 4 เดือน แต่ละกระทรวงเริ่มมีผลงานออกมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม การแถลงผลงานต่อรัฐสภา จะใช้นโยบายเร่งด่วน 12 ด้าน ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเอาไว้ โดยจะให้แต่ละกระทรวงจะเติมเข้ามาด้วย ซึ่งรัฐบาลจะทำงานครบ 6 เดือน ในกลางเดือน ม.ค.63 ส่วนจะแถลงต่อรัฐสภาเมื่อไรยังไม่ได้กำหนด

นางนฤมล กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯกำชับให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ เพิ่มการรับรู้ประชาชนให้มากขึ้น และประชาชนเข้าใจง่ายว่าเราทำอะไรไปบ้าง และจะอะไรบ้าง

“สุริยะ”มั่นใจมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายถูกต้องตามกฎหมายไร้ปัญหา

People Unity News : “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ลั่นมั่นใจมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ยันไม่ได้เข้าใจผิดตามที่”อนุทิน”กล่าวอ้าง

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมขอยืนยันว่ามติการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ที่มีตนเป็นประธานเมื่อวันที่ 27 ต.ต. ที่ผ่านมา ถือเป็นมติที่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย และไม่ได้เข้าใจผิดตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขได้กล่าวอ้าง เนื่องจากได้ตรวจสอบจากฝ่ายกฏหมายที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าวแล้ว ว่าที่ประชุมฯได้ปฎิบัติตามระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง

“การประชุมมีมติและถูกต้องอย่างแน่นอน และไม่ได้เข้าใจผิดอย่างที่มีการกล่าวถึง เพราะได้ตรวจสอบจากฝ่ายกฏหมายที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าวแล้ว ว่าที่ประชุมฯได้ปฎิบัติตามระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่างแล้ว อย่างไรก็ตามผมขอยืนยันอีกครั้งว่ามติดังกล่าวถูกต้อง” นายสุริยะ กล่าวและว่า

สำหรับมติ คณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ที่มีตนเป็นประธานเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้กำหนดวัตถุอันตรายพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ เลื่อนจาก 1 ธ.ค.62 เป็น 1 มิ.ย. 63 ส่วนวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61พร้อมทั้งมอบหมายให้ กรมวิชาการเกษตรและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำมาตรการรองรับในการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสม รวมถึงลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป และให้นำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาภายใน 4 เดือน นับจากวันที่มีมติ

โดยก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ย้ำว่าได้คุยกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แล้ว ซึ่งนายสุริยะเข้าใจว่า การที่พูดออกไปโดยไม่มีใครโต้แย้ง สามารถเป็นมติได้ และอาจไม่สามารถใช้ได้ในยุคสมัยนี้ ซึ่งได้เสนอไปยังนายสุริยะแล้วว่าเพื่อความชัดเจน ต้องเปิดให้มีการโหวต ย้ำว่าประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาต้องโหวตให้ชัดเจน

ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอรัปชั่น ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้เลื่อนการแบน 2 สารพิษออกไปอีก 6 เดือน และอีกหนึ่งสารพิษให้ใช้ต่อไปได้ว่า “ชัดเจนแล้วที่แท้เป็นนโยบายของรัฐบาล..นี่เอง”

“นิพนธ์”ย้ำประปานครหลวงต้องเป็นเลิศทั้งคุณภาพและบริการ

People Unity News : “นิพนธ์”ย้ำประปานครหลวงต้องเป็นเลิศทั้งคุณภาพและบริการ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โวกทม. ปริมณฑลมีน้ำใช้ไม่ขาด วอนสังคมใช้น้ำประหยัดรู้ค่า เหตุปีนี้น้ำต้นทุนน้อยกว่าปกติ

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานในการเปิดงาน “สานสัมพันธ์เพื่อความยั่งยืน” และได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บริการสาธารณะ พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน” โดยการประปานครหลวง(กปน.)

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า  หน่วยงานที่เกี่ยวกับการบริการสาธารณะไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟฟ้า รวมถึงการจัดการน้ำเสียอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย มีการมอบนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของกระทรวงมหาดไทยในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งการจัดงาน “สานสัมพันธ์เพื่อความยั่งยืน”  ของการประปานครหลวง (กปน. )ในวันนี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนผู้บริโภคได้เข้าถึงการบริการสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม  และมีแระสิทธิภาพ ปัจจุบันการประปานครหลวง ได้นพเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำประปามาก ท่านเพียงแค่โหลดแอพพลิเคชั่นในมือถือ พี่น้องประชาชนก็สามารถตรวจเช็คการให้บริการทุกระดับของการประปานครหลวงได้ เป็นการอำนวยความสะดวกที่การประปานครหลวงนำเทคโนโลยีมาให้บริการพี่น้องประชาชน จึงขอให้ความมั่นใจ กับประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปีนี้การประปานครหลวงสามารถให้บริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไม่ขาดแคลนแน่นอน แต่ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาน ขอให้ร่วมกันประหยัดทรัพยากรน้ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เนื่องจากปี้นี้เรามีปริมาณน้ำต้นทุน น้อยกว่าปีที่ผ่านมา จึงขอความร่วมมือให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัดและเห็นคุณค่าของทรัพยากรน้ำด้วย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า  ในวันนี้การประปานครหลวงใช้หลักธรรมาภิบาบในการบริหารจัดการ โปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นไปตามหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี และเรายังนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว นอกจากนี้ในอนาคตการประปานครหลวงมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนในระยะที่ 9 เพิ่มศักยภาพการลำเลียงน้ำดิบนำมาเพื่อผลิตน้ำประปาให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกกว่า 8 แสนล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในปี 2564 เพื่อเชื่อมโยงการใช้น้ำของพื้นที่กรุงเทพฯทั้งจากฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกและเพื่อเป็นการรองรับการเจริญและจำนวนผู้ใช้น้ำเพื่อให้ครอบคลุมและให้บริการมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ขอกลับไปอยู่กับประชาชน! “ธนาธร” แถลงลาออก กมธ.งบฯ

People Unity News : ขอกลับไปอยู่กับประชาชน! “ธนาธร” แถลงลาออก กมธ.งบฯ – เดินหน้ารณรงค์ ร่าง พ.ร.บ. สำคัญ – พบปะรับฟังปัญหา ปชช. – ลั่นเพื่อเปลี่ยนอนาคต ปท.ให้คนเท่าเทียม – หยุดอภิสิทธิ์ชนกินรวบ

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวลาออกจากการเป็น กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยระบุว่า จากความผันผวนทางการเมืองช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ กมธ. แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานของพรรคอนาคตใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร ยังคงมี อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้นำ ซึ่ง อ.ปิยบุตร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เป็นนักกฎหมาย ทำหน้าที่ในสภา ได้อย่างมีพลังสร้างสรรค์ ส่วนตน ตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไปอยู่กับประชาชน ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นตนอยู่ในสภา ตนก็ไม่อยู่ในสภา ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นตนในสภา ก็จะกลับไปอยู่กับประชาชน โดยเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อพี่น้องประชาชน ลุกขึ้นยืนตรง ไม่ยอมก้มหัวให้กับระบอบเผด็จการ ไม่ยอมทนกับระบอบที่กดหัวประชาชนไว้อีกต่อไป ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน

“สิ่งที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชนกำลังทำอยู่กับสังคมไทยในเวลานี้คือ การรวบอำนาจเข้าสู่ตัวเอง เอาผลประโยชน์ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เข้าสู่กลุ่มตัวเองและพวกพ้อง ด้วยการใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญ ที่พวกเขาแต่งตั้งมาเอง นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือการรวบอำนาจกลับอยู่ที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชนคนส่วนน้อยของประเทศ แต่สิ่งที่พวกเราจะทำ คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้อนาคตของประเทศไทย เป็นอนาคตที่ทุกคนเท่าเทียมกัน อนาคตที่ดอกผลการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ กระจายไปสู่ทุกคนอย่างเท่าเทียม ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้ พวกเขาจึงต้องการทำลายเรา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะเห็นความตั้งใจของเรา เห็นความพยายามของเราที่อยากจะนำความเปลี่ยนแปลงที่ดีสู่สังคมไทย และย้ำอีกครั้งว่า ในเมื่อพวกเขาไม่อยากให้ผมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ผมก็จะไม่อยู่ในสภา ผมก็จะกลับไปอยู่กับประชาชน” นายธนาธร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแรงกดดันในการทำงาน กมธ. หรือไม่ รวมถึงถ้าเสนอชื่อนายธนาธรเป็น กมธ.ชุดอื่นในอนาคตจะว่าอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มีแรงกดดันในการทำงานแต่อย่างใด บรรยากาศการทำงานราบรื่น เราทำงานอย่างมุ่งมั่นแข็งขัน ไม่เกี่ยวการทำงานร่วมกับเพื่อนกรรมาธิการ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ กมธ. เป็นการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสภา ดังนั้น เมื่อความเป็น ส.ส.ของตนโดนตัด แม้ว่าความเป็น กมธ. จะไม่โดนตัด แต่พวกเขาไม่ต้องการให้อยู่ตรงนี้ ตนก็ไม่อยู่ ส่วนในอนาคตถ้ามีการเสนอชื่อเป็น กมธ.ชุดอื่นๆ นั้น ต้องดูเป็นกรณีไป กรณีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ก็อาจมีความจำเป็น แต่ถ้าไม่ ก็คงขอทำงานข้างนอกดีกว่า

“ในการทำงานการเมือง เราไม่ได้ตั้งพรรคเพราะอยากมียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้ตั้งพรรคเพราะอยากเป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี เหล่านี้ไม่ได้มีความหมาย เราตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อนำความเปลี่ยนแปลง นำสิ่งที่ดีกว่าสู่ประชาชนคนไทย การเป็น ส.ส. หรือไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้หยุดยั้งผมและพรรคอนาคตใหม่ในการก้าวเดินไปข้างหน้าได้ แม้ไม่ได้เข้าสภา ผมยังเชื่อว่า ยังทำประโยชน์กับพี่น้องประชาชนได้ ออกไปพบปะ ทำความเข้าใจถึงปัญหาของเขา มีปัญหาอะไร ผมก็นำปัญหา นำข้อเสนอนั้นส่งต่อให้กับ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ในสภาเพื่อจะแก้ไขได้ และผมยังได้ใช้โอกาสที่ไม่ได้อยู่ในสภานี้ ร่วมรณรงค์ ร่วมทำงานทางความคิดกับพี่น้องประชาชน ให้เข้าใจปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเชิงโครงสร้าง ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นเครื่องมือของอภิสิทธิ์ชนอย่างไร ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้กดขี่ประชาชนอย่างไร โดยจะเดินทางไปรณรงค์ ร่าง พ.ร.บ. ต่างๆ ที่พรรคเสนอเข้าสู่สภาเรียบร้อยแล้ว และต้องการการสนับสนุนจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.รับราชการทหาร, พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิแรงงาน, พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. เหล่านี้เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน” นายธนาธร กล่าว

“ธนาธร”เสนอลดงบฯซื้ออาวุธ 40% เหตุเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง

People Unity News : “ธนาธร”เสนอลดงบฯซื้ออาวุธ 40% ยืนยันไม่กระทบความมั่นคง เพราะที่ผ่านมาเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณปี 2563 ตั้งคำถามถึงการของบประมาณของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ว่าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะมีการคืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้บริหารโดยหน่วยงานราชการปกติภายในปี 2565 ได้มีการเตรียมความพร้อมถ่ายโอนภารกิจไปยังหน่วยงานราชการเหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากหากมีการเตรียมพร้อม จะต้องสะท้อนออกมาในงบประมาณ ที่ต้องมีการใช้งบในหน่วยงานทหาร โดยเฉพาะกอ.รมน.น้อยลง

นายธนาธรยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าแนวทางแก้ปัญหาชายแดนใต้ที่ใช้ความมั่นคงเป็นหลัก ได้สะท้อนแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณแก้ปัญหาชายแดนใต้ถึงวันละ 56 ล้านบาท ก็ยังไม่สามารถยุติความขัดแย้งในพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้แนวทางสันติภาพ ยึดประชาชนเป็นหลัก จึงจะนำไปสันติภาพอย่างแท้จริง

จากนั้นนายธนาธรได้พูดถึงรายละเอียดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยเน้นที่งบผูกพันข้ามปี ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีงบประมาณผูกพันข้ามปีกว่า 69,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 2 ของทุกกระทรวง คิดเป็น 27% ของงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงกลาโหม และคิดเป็น 22% ของงบผูกพันทุกกระทรวง ซึ่งทำให้กระทรวงอื่นเสียโอกาสในการลงทุนที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ

โดยหลังรัฐประหาร 2557 จะเห็นการเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญของงบส่วนนี้ โดยเกือบ 100% ของงบผูกพันดังกล่าว เป็นงบพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นายธนาธรยังตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและหอประชุม ซึ่งมีจำนวนมาก และถูกใช้เพื่อสร้างความโอ่อ่าหรูหราให้บุคคลระดับสูงในกองทัพมากกว่าเป็นสวัสดิการของทหารจริง ๆ

นายธนาธรยังชี้ให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะกองทัพบก ในขณะที่รายจ่ายลงทุนในแต่ละปีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังรัฐประหาร จาก 3,780 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 59,000 ล้านบาทในปี 2562 แต่การเบิกจ่ายกลับไม่มีประสิทธิภาพ เบิกได้เพียง 42% ต่ำกว่ามาตรฐานของหน่วยงานราชการอื่น ๆ อย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ นายธนาธรจึงเสนอตัดงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์ 22,441 ล้านบาท และงบลงทุน 15,434 ล้านบาท ลง 40% เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดีนัก ไม่อยู่ในสภาพที่ควรเพิ่มหนี้สินให้ประเทศ นอกจากนี้ไทยยังไม่มีภัยสงครามที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตอันใกล้ และที่สำคัญที่สุด เมื่อมองย้อนหลังไป การใช้งบประมาณรายจ่ายลงทุนของกองทัพก็ไม่ถึง 60% อยู่แล้ว การตัดงบ 40% จึงไม่กระเทือนต่อความมั่นคง และยังลดภาระหนี้สินของประเทศอีกด้วย

ตัวแทนกองทัพบกได้ตอบข้อซักถามของนายธนาธร โดยยืนยันว่า อาจจะเป็นจริงที่ใน 20 ปีข้างหน้า ไม่มีโอกาสเกิดสงครามขนาดใหญ่ แต่อาจเกิดความขัดแย้งเป็นจุด ๆ ซึ่งกองทัพจำเป็นต้องจัดเตรียมกำลังให้พร้อมอยู่เสมอ นอกจากนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ของกองทัพก็อยู่ในสภาพเก่า จำเป็นต้องมีการปรับปรุงซื้อใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนกรณีการเบิกจ่ายได้ต่ำ เป็นเพราะการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต้องจัดทำอย่างรอบคอบ และมีการเจรจายาวนาน กว่าจะเสร็จสิ้นจึงกินเวลาหลายปี การเบิกจ่ายจึงมีสัดส่วนต่ำ และมีงบผูกพันข้ามปีจำนวนมาก

ส่วนการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ผู้รับผิดชอบการบูรณาการหลักคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนผู้ปฏิบัติคือกอ.รมน. ในส่วนการคืนพื้นที่ชายแดนใต้ให้หน่วยงานปกติบริหารภายในปี 2565 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป้าหมายคือการลดงบประมาณลงให้ได้ร้อยละ 10 ต่อปี และความรุนแรงต้องลดลงร้อยละ 50 ในปี 2565 แต่เมื่อมีเหตุความรุนแรง ก็ยังจำเป็นต้องคงกองกำลังไว้ และปรับการใช้กฎหมายพิเศษในแต่ละพื้นที่ตามสถานการณ์

“ธนาธร” จี้ถาม”ผบ.เหล่าทัพ” มีงบฯ IO มีจริงหรือไม่แต่ไร้คำตอบ

People Unity News : “ช่อ”ข้องใจเงินนอกงบฯกลาโหม 1.8 หมื่นล้าน “ธนาธร” จี้ถาม”ผบ.เหล่าทัพ” มีงบฯ IO มีจริงหรือไม่แต่ไร้คำตอบ

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ‘ช่อ’ ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ Pannika Wanich ระบุว่า…เมื่อวานได้เข้าสังเกตการณ์ในกมธ.งบประมาณฯเป็นครั้งแรก เป็นวาระงบกลาโหม ซึ่งเราตั้งข้อสังเกตว่าเป็นงบที่ซับซ้อนชวนงงที่สุด #ธนาธร ตั้งข้อสังเกตความไม่โปร่งใสของเงินนอกงบประมาณ ที่กลาโหมมีมากกว่า 1.8 หมื่นล้าน และยังถามว่ากองทัพเอางบไปทำ IO จริงหรือไม่ แต่ไม่มีคำตอบจากผบ.เหล่าทัพ

เมื่อวานได้เข้าสังเกตการณ์ในกมธ.งบประมาณฯเป็นครั้งแรก เป็นวาระงบกลาโหม ซึ่งเราตั้งข้อสังเกตว่าเป็นงบที่ซับซ้อนชวนงงที่สุด #ธนาธร ตั้งข้อสังเกตความไม่โปร่งใสของเงินนอกงบประมาณ ที่กลาโหมมีมากกว่า 1.8 หมื่นล้าน และยังถามว่ากองทัพเอางบไปทำ IO จริงหรือไม่ แต่ไม่มีคำตอบจากผบ.เหล่าทัพ

อย่างไรก็ตาม เพจ “Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ได้รายงานการชักถามของนายธนาธรถี่หยิบ โดยตั้งหัวข้อว่า “ธนาธรขอกลาโหมเผยสัญญาสัมปทานวิทยุ-ทีวี ขอรายละเอียดสนามม้า-มวย-หวย-งบไอโอ สงสัยทำไมเหล่านายพลรวยผิดปกติ”

“อนุทิน”แนะตีความลื่อนแบนสารพิษโดย”ไม่มีการลงมติ”

People Unity News : “อนุทิน”แนะตีความที่ประชุมเลื่อนแบนสารเคมีให้ชัด หลัง คกก.วัตถุอันตรายเผย “ไม่มีการลงมติ” “เด็กเพื่อไทย” ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลอยตัวเหนือปัญหาการแบน 3 สารพิษไม่ได้

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2562 ที่ให้เลื่อนการแบนสารเคมีทางการเกษตรว่า ทราบว่ามีกรณีที่ รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตรายประกาศลาออก โดยบอกว่าที่ประชุมไม่ได้มีการลงมติ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปโทษใคร เพราะตนก็เจอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ท่านก็บอกว่า เข้าใจว่าการที่พูดแล้วไม่มีคนโต้แย้ง น่าจะเป็นมติได้ โดยท่านได้พูดในสิ่งที่ท่านอยากให้เป็น แต่ตนมองว่าสมัยก่อนอาจจะได้ ยุคนี้มันไม่ได้ ซึ่งตนได้เรียนท่านไปว่า อยากให้โหวตเลย อย่าเกรงใจ เพราะคณะกรรมการที่เห็นต่างอาจมองว่า คนระดับรัฐมนตรีมาเป็นประธานลยไม่กล้าพูดอะไร ต่างคนต่างเข้าใจผิด อีกทั้ง เลขานุการคณะกรรมการวัตถุอันตราย ควรทำบันทึกถึงประธาน เนื่องจากมีความสุ่มเสี่ยง เพราะถ้าตีความว่า ไม่มีการลงมติ แปลว่ามติวันที่ 22 ต.ค.2562 ยังอยู่หรือไม่ ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการพูดคุยกับนายสุริยะ มีท่าทีจะทบทวนมติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูในการประชุมครั้งต่อไป คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาคุยไหม เอารายงานการประชุมครั้งก่อนมาดู ถ้ารายงานระบุว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องโต้แย้ง เพราะคนเป็นคณะกรรมการต้องรักษาสิทธิตัวเอง

“ส่วนตัวเราไม่ก้าวก่ายกัน แต่ถ้ามันเป็นประเด็นขึ้นมา ท่านก็คงต้องไปหารือ และวันที่ 1 ธันวาคม เกิดไม่ประกาศขึ้นมา โดยอ้างมติที่ประชุม เดี๋ยวมีคนไปร้อง เดี๋ยวก็ยุ่งอีก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคืนกรมวิชาการเกษตร ที่อยู่ภายได้การกำกับดูแลของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนคืนต้องจัดการปัญหาก่อน การทำงานร่วมกันต้องมุ่งสัมฤทธิผล เป้าหมายต้องเหมือนกัน

“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาของ รมช.มนัญญา กับกรมวิชาการเกษตร ที่ท่านบอกว่ามอบนโยบายอะไรไปก็ไม่ทำ ก็ต้องไปดูว่าทำไมไม่ทำ เราต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย” นายอนุทินกล่าว

“เด็กเพื่อไทย” ชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ลอยตัวเหนือปัญหาการแบน 3 สารพิษไม่ได้

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นกรณีปัญหาการแบน 3 สารพิษ ที่มีปัญหาความขัดแย้งหลายประการ นั้น จึงเห็นว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้ เพราะทุกองค์กรล้วนอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแลของรัฐบาลทั้งสิ้น รัฐบาลควรรับฟังองค์กรทางวิชาชีพเฉพาะที่ดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน คือ แพทยสภา ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดทางการแพทย์ ผู้ใดก็แทรกแซงไม่ได้

“บิ๊กป้อม”ห่วงใยสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพคนไทยและนักท่องเที่ยว

People Unity News : พล.อ.ประวิตรห่วงใยสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาพคนไทยและนักท่องเที่ยว กำชับ คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ขับเคลื่อนโครงการฯภายใต้มาตรการ EIA เคร่งครัด

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่7/ 2562 โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เข้าร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุม อารีสัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ที่ประชุมได้รับทราบ การรายงานสถานสภาพการเงินกองทุน สิ่งแวดล้อมสิ้นไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2562 และผลการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการ ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปีพ.ศ. 2557-2564 และรับทราบรายงานท่าทีของไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา มินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่3 จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ เรื่องที่สำคัญได้แก่โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กทม.และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง ของสำนักการระบายน้ำ กทม.และเห็นชอบรายงานการปรับปรุงสถานีรถไฟฟ้าตากสินของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามมาตรการ EIA อย่างเคร่งครัด นอกจากนั้น คณะกรรมการยังได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก และขยะอิเล็คทรอนิกส์ชุดใหม่เนื่องจากคณะอนุกรรมการชุดเดิมภายใต้ กขป.5 ได้หมดวาระ แต่ยังคงมีภารกิจที่ต้องดำเนินงานต่อเนื่องต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฎิบัติหน้าที่ด้วยดีที่ผ่านมา และเน้นย้ำขอให้คณะกรรมการฯได้มีการเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการประเมินผลตามตัวชี้วัด มุ่งผลสัมฤิทธิ์ และขอให้ ทส.เร่งปฏิบัติงานตามแผนงานที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการขยะพลาสติก และขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และที่นำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งต้องมีมาตรการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนทุกภาคส่วนตลอดจนนักท่องเที่ยว ได้มีส่วนร่วมรณรงค์ รักษาสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนร่วมกัน

“ธนกร”วอนพรรคร่วมรัฐบาล จับมือกันทำงานแบบพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ

People Unity News : “ธนกร”วอนพรรคร่วมรัฐบาล จับมือกันทำงานแบบพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ เป็นแรงหนุนให้ “บิ๊กตู่” ทำงานเพื่อประเทศ-ประชาชน เชื่อรัฐบาลอยู่ได้จนครบวาระ จี้ส.ส.พรรคร่วมบางคนเลิกทำตัวเป็นพระเอกในใจฝ่ายค้าน

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุการณ์สภาฯ ล่ม 2 ครั้งติดในระหว่างการพิจารณาญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ว่า ตนมองว่าเป็นปกติของรัฐสภาที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้บ้าง เพราะอาจจะมีส.ส.บางท่านติดภารกิจหลายอย่างในสภาฯ ทำให้บางคนมาลงมติไม่ทัน ขณะที่รัฐมนตรีบางท่านก็ติดภารกิจต่างประเทศ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมที่ระบุว่า การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่าการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต้องร่วมมือกันในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ร่วมกันทำงานมาด้วยดีโดยตลอด จึงไม่มีรอยร้าวในรัฐบาลให้ได้เห็น ซึ่งตนเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ที่มุ่งมั่นทำงานให้กับประชาชนในการแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จึงอยากให้ทุกฝ่ายเอาเวลามาทำงานให้พี่น้องประชาชนดีกว่าเล่นการเมือง

นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนยังเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะร่วมมือกันทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ที่สำคัญคือ รัฐบาลชุดนี้มีความเข้มแข็ง แม้เสียงปริ่มน้ำแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร จะอยู่ครบวาระแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางคนมักทำตัวเหมือนฝ่ายค้านอิสระ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ทำตัวเป็นพระเอกในใจฝ่ายค้านเสมอ แต่เชื่อว่าวันหนึ่งส.ส.คนดังกล่าวจะเข้าใจรัฐบาลเหมือนที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของส.ส.คนดังกล่าวที่เข้าใจว่ารัฐบาลนี้ทำเพื่อประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดจะไปตอบโต้อะไร เพียงแต่อยากเตือนให้เข้าใจถึงมารยาททางการเมืองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลที่ดีด้วย เพราะรัฐบาลนี้ทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

“ฐิติภัสร์” ยื่น กมธ.สวัสดิการสังคมขอรัฐช่วยผู้ป่วยติดเตียง

People Unity News : “ฐิติภัสร์” ยื่น กมธ.สวัสดิการสังคม ขอรัฐช่วยเหลือเพิ่มสิทธิค่ารถพยาบาล แก่ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว และผู้ป่วยติดเตียง

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดสวัสดิการ บริการรถพยาบาลรับ-ส่งผู้พิการทางการเคลื่อนไหวและผู้ป่วยติดเตียง เนื่องจากผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการทางการเคลื่อนไหว มีความจำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการตามที่หมอนัดทุกเดือน และต้องใช้บริการเรียกรถพยาบาลเพื่อไปรับส่งยังโรงพยาบาล แต่อัตราในการใช้บริการรถพยาบาลแต่ละครั้งมีค่าบริการที่ค่อนข้างสูง คิดเป็นราคาไปกลับประมาณ 2,000 บาท ถือเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน มีสิทธิประโยชน์ ในการให้บริการรถพยาบาล ทั้งของโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน องค์กรมูลนิธิต่างๆ กรณีฉุกเฉิน เรียกผ่านสายด่วน 1669 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จึงอยากให้ภาครัฐ ช่วยเพิ่มสิทธิดังกล่าวครอบคลุมผู้พิการทางการเคลื่อนไหวและผู้ป่วยติดเตียงเป็นกรณีพิเศษที่ไม่ต้องฉุกเฉิน หรือ เพิ่มวงเงินในบัตรสำหรับผู้พิการ และบัตรประกันสุขภาพเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการรถพยาบาล โดยตัดผ่านบัตรของผู้พิการ หรือ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

Verified by ExactMetrics