วันที่ 28 พฤศจิกายน 2024

“ประยุทธ์”นำ”รมต.-ทูต” เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี

People Unity News : “ประยุทธ์”นำ”รมต.-ทูต” เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี เปิดมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่วท้ายปี หนุนส่งออกและจับคู่ธุรกิจส่งเสริมการขาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 08.30 น. ที่อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย  ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรี เอกอัครราชทูต เข้าร่วม โดยงานนี้จัดโดยการยางแห่งประเทศไทย มีนายเฉลิมชัยเป็นผู้ดำเนินการ

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี และแผนบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ พ.ศ.2560 – 2564 มียุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้า(ยางพารา) รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งและมีความเป็นอยู่ที่ดี มั่นคงและยั่งยืน

แม้ว่าในอดีตอุตสาหกรรมยางพาราของไทยมีความเติบโตตามทิศทางราคายางและความต้องการใช้ยางทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบันอุตสาหกรรมยางของไทยกำลังเผชิญกับความท้าท้ายจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ประเทศที่เป็นตลาดหลักยางพาราที่ไทยต้องพึ่งพาเพื่อการส่งออก เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือประเทศคู่มิตรอย่างจีนที่ต้องการเป็นศูนย์กลางสินค้ายางพาราระดับโลกตามแผนพัฒนาของจีน มีการลงทุนปลูกยางในประเทศอื่นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) ซึ่งจะทำให้จีนสามารถเพิ่มผลผลิตยางพาราเพื่อใช้ภายในประเทศมากขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของไทยได้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทยอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาและผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจร มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางยางพาราในภูมิภาค เพื่อรักษาระดับผู้ผลิตและผู้ส่งออกยางอันดับหนึ่งของโลก รวมทั้ง การส่งเสริมให้ผู้ผลิตยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อเข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก พร้อมยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้ายางพาราไทย ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อในต่างประเทศอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความต้องการของยางพาราในตลาดโลก รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะตลาดส่งออกหลักเท่านั้น แต่ยังคงดำเนินงานเชิงรุกเพื่อแสวงหาและขยายไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพอื่นๆ เช่น อินเดีย ตุรกี เยอรมนี รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ยาง อันเป็นมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในการสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของประเทศไทย

อุตสาหกรรมยางของไทยมีจุดแข็งเนื่องจากมีหน่วยงานกำกับและดูแลส่งเสริมอุตสาหกรรมยางอย่างครบวงจร เช่น กรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์และเอกชนในหลายภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาและผลักดันสินค้ายางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี

สำหรับการจัดงาน “Thailand Rubber Expo” ในครั้งนี้ ซึ่งมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานหลัก ในฐานะหน่วยงานที่ใกล้ชิดและเข้าใจถึงความต้องการของเกษตรกรโดยตรง จัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกและเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมยางพาราไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้ั้งนำไปสู่ความร่วมมือ การสร้างเครือข่าย การเจรจาการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับพี่น้้องเกษตรกรชาวสวนยางไทยต่อไป

ด้านนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในแต่ละปีประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก ผลผลิตต่อปีเฉลี่ย 4.9 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท มีเกษตรกรอยู่ในวงจรการผลิตกว่า 1.7 ล้านครัวเรือน การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองค์กรกลางที่รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร บริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา  โดยการส่งเสริมสนับสนุน และจัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์วิจัย พัฒนาเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับยางพารา ส่งเสริม สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง ทั้งด้านวิชาการ การเงิน การผลิต การแปรรูป การอุตสาหกรรม การตลาด การประกอบธุรกิจ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ

การที่การยางแห่งประเทศไทย จะก้าวสู่การเป็น “องค์กรชั้นนำระดับสากลในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ” ตามวิสัยทัศน์ที่ได้ตั้งไว้นั้น ต้องมีการบูรณาการจากหลายภาคส่วนร่วมกันเป็นพันธมิตรในการพัฒนายางพาราทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่มั่นคง พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบกิจการยาง ในขณะเดียวกันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า และนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าเป็นบทบาทของประชาชนคนไทยทุกๆ คน ที่ต้องร่วมกันสนับสนุนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราของไทย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จึงได้จัดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านยางพาราทั้งในและต่างประเทศ  ทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากยางพาราของเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางไทย และผู้ประกอบกิจการ  รวมทั้งแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำของไทยในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและธุรกิจการส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก  โดยใช้รูปแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราของไทยเพื่อให้สาธารณชนได้มีโอกาสได้รับความรู้ และเข้าใจประโยชน์ของยางพารามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอด พัฒนานวัตกรรมการแปรรูปยางพาราต่อไป

“วิรัตน์ กัลยาศิริ”อดีต ส.ส.สงขลา ปชป.เสียชีวิตแล้ว

People Unity News : “วิรัตน์ กัลยาศิริ” อดีตส.ส.เขต 3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตแล้ว ด้วยวัย 69 ปี

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิตแล้วในวัย 69 ปี เมื่อกลางดึกวานนี้ (28 พ.ย.) หลังป่วยด้วยโรคประจำตัวเข้ารักษา ที่โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้ ครอบครัวจะเคลื่อนศพกลับบ้านเกิดที่จังหวัดสงขลา เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดโรงวาส

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน โดยเป็นบุตรของนายทอง (จูเสี่ยน) กัลยาศิริ (แซ่โซว) และ นางเอ่งห้อง วิไลรัตน์(แซ่เจี้ยน) ที่บ้านบางกล่ำ (ปัจจุบันคือ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนสตูลวิทยา จังหวัดสตูล ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ระดับปริญญาตรีที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาโท ที่คณะรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

วัยเด็กฐานะครอบครัวลำบาก นายวิรัตน์จึงต้องเป็นเด็กวัดอาศัยอยู่ในวัดที่จังหวัดสงขลาอยู่เป็นเวลานานถึง 3 ปี เมื่อเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็อาศัยอยู่ที่วัดราชนัดดาอยู่นานถึง 9 ปี โดยใช้การเดินไปเรียน

สำหรับชีวิตครอบครัว ภรรยาของนายวิรัตน์เคยทำงานเป็นศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่จังหวัดสงขลา ทั้งคู่มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคน โดยทั้งคู่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เช่นเดียวกัน

การทำงาน หลังจากจบการศึกษา นายวิรัตน์ได้เข้าทำงานในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ส่งเสียน้อง ๆ ในครอบครัว ให้ได้รับการศึกษา ก่อนที่จะเปิดสำนักงานทนายความของตนเอง ที่มีชื่อว่า ทนายความวิรัตน์ กัลยาศิริ

งานการเมือง นายวิรัตน์เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสงขลา ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดสงขลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

“บิ๊กตู่”ฉุนขาด!รบ.แพ้โหวต ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม

People Unity News : “บิ๊กตู่”ชี้รบ.แพ้โหวต ไม่เกี่ยวเสถียรภาพรัฐบาล ทวงสัญญาลูกผู้ชายพรรคร่วม ต้องร่วมรัฐบาลจริง ไม่ใช่หวังผลเลือกตั้งในอนาคต รับต้องมีนัดทานข้าว  “นิพิฏฐ์” เห็นใจ 6 ส.ส.ปชป.โหวตญัตติตัวเองแต่สวนมติวิปแนะยืดหยุ่นแทนบังคับ

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลแพ้โหวตในสภา ในการลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาผลกระทบ จากการทำประกาศ หรือคำสั่ง ของ คสช. และอำนาจการใช้คำสั่ง ตามมาตรา 44 พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งตนได้ติดตามดู เห็นว่าพรรคร่วมหลายคนติดราชการ บางคนไปต่างประเทศกับตนเอง ก็เลยมาโหวตไม่ทันอะไรทำนองนี้ ถ้ามีการโหวตใหม่ก็ว่ากันไป ตามกลไกลของสภา คงไม่ใช่เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคง

“ผมยังเชื่อมั่นตรงนี้ว่ายังมั่นคงอยู่ ผมถือว่าผมเป็นทหารเก่า ฉะนั้นถือว่าสัญญา ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษสำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องร่วมรัฐบาลจริงๆ ในสิ่งที่รัฐบาลทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเดียวมันไม่ได้ หรือจะมองอนาคตวันข้างหน้าเรื่องการเลือกตั้ง มันยังมาไม่ถึงตอนนี้ ถึงเวลาก็ค่อยว่าอีกทีในตอนนั้น แต่วันนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความขัดแย้ง ของสงครามการค้า เราจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เลยหรือ โจมตีกันไปมามันไม่เกิดประโยชน์ อะไรกับใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งกับพรรคการเมืองของตนเอง ก็ไม่เกิดประชาชนเรียนรู้ และเชื่อว่าประชาชนจะตัดสินใจได้เองในวันข้างหน้า ในการเลือกตั้ง” นายกฯกล่าวว่า

เมื่อถามว่า จะมีการนัดแกนนำพรรคร่วมหารือหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ต้องมีการทานข้าวแต่ต้องหาเวลาก่อน

นายกฯกล่าวอีกว่า การทำงานอย่ามองว่ารัฐบาลสอนให้คนขี้เกียจ เราต้องมองคนที่เขาไม่มีจะทำยังไง และทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้าที่ผลิตออกมา ถ้าไม่มคนซื้อโรงงานก็ปิดอีก ปัญหามันจะพันกัน ดังนั้นขอให้เข้าใจด้วยในเรื่องเหล่านี้ ทุกพรรคไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลลองเสนอมา ว่าควรจะต้องทำอะไร แต่ถ้าโจมตีกัน มันไม่ได้อะไรขึ้นมา เพื่อที่จะได้เห็นว่าสภาของเรา ส.ส.ของเรามีคุณภาพมากขึ้น ในวันนี้และอนาคต อย่างที่ทุกคนคาดหวัง ที่อยากให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ผ่านช่วงเวลานั้นให้มาแล้ว ฉะนั้นเราต้องปรับตัวเองใหม่เหมือนกัน จะทำอะไรแบบเดิมๆ หรือการเมืองแบบเดิมๆไม่ได้ เพราะมันจะไม่ยั่งยืน

นายกฯกล่าวว่า การที่ออกมาตำหนิเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ ขอถามว่า ที่ติเตือนมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ ท่านเคยทำหรือเปล่า ท่านก็เคยทำมา แล้วมีอะไรใหม่ๆที่รัฐบาลนี้ทำหรือไม่ ซึ่งมันก็มี การสร้างความเข้มแข็งก็มี เอาคนมาฝึก เรียนรู้ การค้าขายออนไลน์ เรื่องแรงงานก็ทำ มีการฝึกอบรม มาจรการรองรับการตกงานถ้าไม่ร่วมมือกันมันก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ ทุกประเทศเขาทำหมด

“นิพิฏฐ์” เห็นใจ 6 ส.ส.ปชป.โหวตญัตติตัวเองแต่สวนมติวิปแนะยืดหยุ่นแทนบังคับ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.62) ว่า เป็นวาระที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่การประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณาการโหวตสวนมติวิปรัฐบาลของ 6 ส.ส. กรณีตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่อย่างใด เพราะเรื่องการลงมติของส.ส.ต้องพิจารณากันในที่ประชุมส.ส. โดยส่วนตัวเห็นว่าพรรคควรเห็นใจส.ส.ทั้ง 6 คน เนื่องจากที่ประชุมส.ส.เป็นคนอนุมัติให้มีการเสนอญัตติให้มีการตั้งกรรมาธิการฯ เมื่อส.ส.ยืนยันลงคะแนนตามญัตติที่ส.ส.ของพรรคเสนอต่อสภาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไม่ได้มีเรื่องการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง

“วิปของพรรคควรทำความเข้าใจกับวิปรัฐบาลถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และควรมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่าการใช้มติวิปมาบังคับ เพราะส.ส.เองก็ไม่มีทางเลือกต้องยืนยันสิ่งที่ตัวเองเสนอเช่นเดียวกัน” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

“พปชร.”หนุนเต็มสูบ! ยืดแบนสารเคมีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว

People Unity News : “สัมฤทธิ์”ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เชื่อยืดแบนสารเคมีเป็นเรื่องดีเกษตรกรได้มีเวลาปรับตัว ป้อง “สุริยะ” ไม่ใช่คนตัดสินใจคนเดียวแต่เป็นมติจากคกก.

ที่รัฐสภา นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร แถลงว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติขยายการแบนสารอันตราย 2 ชนิด ออกไป 6 เดือน และยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรได้ปรับตัวเนื่องจากที่ผ่านมา 10 กว่าปี เกษตรกรใช้สาร 3 ชนิดดังกล่าวมาตลอด เกษตรกรจะลำบากหากเราหักด้ามพร้าด้วยเข่า พวกเราไม่ได้คัดค้านการแบนสารเคมีดังกล่าว ซึ่งเราต้องให้กำลังใจกรมวิชาการเกษตรในการหาสารทดแทนที่เหมาะสม หากกรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค การยกเลิกสารเคมีนี่ไม่ใช่ครั้งแรก กระทรวงอุตสาหกรรมเคยมีประกาศยกเลิกมาแล้วกว่า 100 ชนิด จากวันนั้นถึงวันนี้ เกษตรกรไม่ได้ใช้สารเคมีน้อยลง ยังมีสารเคมีอีกจำนวนมากที่อยู่ในท้องตลาด ประชาชนไม่ได้เป็นมะเร็งน้อยลงเลย

“วันนี้คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเมื่อยกเลิกสารเคมี 3 ตัวดังกล่าวแล้วจะทำให้พวกเขาปลอดภัยจากการซื้อผักผลไม้ในตลาดมารับประทาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ยังมีการใช้สารเคมีตัวอื่นที่เรายังไม่ได้ยกเลิก ผมอยากให้กรมวิชาการเกษตรหาสารทดแทนที่เหมาะสม และเชื่อว่าวันหนึ่งพี่น้องคนไทยจะปลอดจากสารพิษ การสอนให้เกษตรกรรู้วิธีการใช้สารอย่างปลอดภัยทั้งต่อตัวเอง สิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อกัน” นายสัมฤทธิ์ กล่าว

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอนุญาติชี้แจงให้สังคมเข้าใจว่า เวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดถึงการขยายเวลาแบนสารพิษไม่ใช่การตัดสินใจของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพียงคนเดียวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นมติจากคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นการพูดคุยและหารือกันของผู้เชียวชาญจากทุกๆด้าน และการที่ตนต้องชี้อแจงเพราะที่ผ่านมานายสุริยะ แสดงท่าทีเคียงข้าง และยึดประโยชน์ของประชาชนมาตลอด ดังนั้นเชื่อว่าอีกไม่นานทุกฝ่ายจะหาทางออกเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อาหารสัตว์และน้ำมันพืช นอกจากนี้ยังทราบมาว่าคณะกรรมการฯจะมีการพิจารณาถึงสารเคมีอื่นๆอีกหลายชนิดด้วย เพื่อความปลอดภัยที่แท้จริงของประชาชน

“บิ๊กตู่”ไม่ขัดข้องเลื่อนแบนสารเคมียันพรรคร่วมฯไม่ขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดข้องในเรื่องเหล่านี้ และ เรื่องนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ตนมองเรื่องของสุขภาพประชาชนและผู้บริโภคเป็นหลัก จากนี้ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ต้องหาวิธีการ และมาตรการให้เหมาะสม แม้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ก็ขอให้ไปพูดคุยกัน ตนไม่สามารถสั่งการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อลดความขัดแย้งและลดปัญหากับภาคการเกษตรด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ตนกำลังหาวันเวลาที่เหมาะสมเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

กมธ. ศึกษาบริหารจัดการน้ำ ตั้ง “ธรรมนัส” เป็นประธานฯ

People Unity News : กมธ. ศึกษาบริหารจัดการน้ำ ตั้ง “ธรรมนัส” เป็นประธานฯ ดันโครงการผันน้ำภาคเหนือมาใช้ คาดลงทุน 6 ปีคุ้มทุน

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย คณธกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำ ได้แถลงผลการประชุมกมธ.ครั้งแรก โดยนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกมธ. กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมกมธ. ที่มีสมาชิก กมธ. 49 คน ซึ่งที่ประชุมได้เลือก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน กมธ. และนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นรองประธานฯ วันนี้เส้นเลือดใหญ่ของไทยกำลังแห้งขอด เพราะไม่สามารถบริหารจัดการ และกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าฝนก็น้ำท่วม หน้าแล้งก็แล้ง เราจึงต้องมีโครงการผันน้ำจากลุ่มแม่น้ำ แม่น้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน มาใช้ และจะแก้ปัญหาน้ำเค็มของกทม. จากการประเมินจะใช้งบดำเนินการไม่มาก คิดว่าประมาณ 6 ปีก็จะคุ้มการลงทุน ถ้ารัฐบาลรีบดำเนินการแก้ปัญหา และสร้างรายได้ให้คนไทยมหาศาล

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ส.ส. และส.ว. ได้ตั้งกมธ.ชุดนี้มา ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญโดยส่งตัวแทนมา 12 คน ปัญหาใหญ่ของไทยตอนนี้คือ การบริหารจัดการน้ำ ดังนั้นกมธ. ชุดนี้จึงมีความสำคัญ เพราะจะทำหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำในทุกๆ องค์กร

“วิรัช”ปัดเล่นเกมยื้อโหวตทำสภาล่ม ย้อนใครบอกจะเร่งแก้รธน.

People Unity News : “วิรัช”ปัดเล่นเกมยื้อโหวตญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44ทำสภาล่ม ย้อนใครบอกจะเร่งแก้รธน.

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่รัฐสภาเกียกกาย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการลงมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44 ซึ่งล่มอีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า ในซีกรัฐบาลมองว่าคำสั่ง คสช.มีมากกว่า 500 ฉบับ ได้รับการแก้ไขไปแล้ว 400 กว่าฉบับ เหลืออยู่ที่กระทรวงและกรมพิจารณา เตรียมเสนอเป็นพระราชบัญญัติ อีกส่วนอยู่ในระหว่างสิ้นสุดไปตามอายุคำสั่ง ซึ่งเราเห็นว่าอะไรเป็นปัญหา เรามีคณะกรรมาธิการสามัญซึ่งเกี่ยวกับกฎหมายอยู่แล้ว ก็ให้เสนอเข้าไปในกรรมาธิการฯ ดังกล่าว ซึ่งวิปรัฐบาลมีมติยืนยันว่าเราจะไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แต่เหตุที่รัฐบาลประสบเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เสียงรัฐบาลหายไป 15 เสียง

“เรามาทราบหลังจากการโหวตเสร็จแล้วว่าบัตรที่เสียบกันนั้นไม่ปรากฎชื่อว่าได้ลงคะแนน หรือยืนยันว่าตัวเองอยู่ในห้องประชุม ซึ่งในส่วนนี้อีกประมาณ 5-6 เสียง โดยวันนี้เราได้เตรียมการแก้ไข แต่วันนี้เสียงก็ใกล้เคียงกันอีก เพราะมีการประชุมคณะกรรมาธิการฯ หลายคณะ และสมาชิกลงมาโหวตไม่ทัน และมีบางส่วนที่ป่วย ทั้งนี้ยืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เล่นเกม เราต้องการโหวตให้การตั้งกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบจากการใช้ ม.44 ผ่าน เพื่อที่จะได้เริ่มพิจารณาญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อ ในช่วงเช้าเราได้ประสานกับวิปฝ่ายค้าน แต่คำตอบคือให้ฝ่ายรัฐบาลหาองค์ประชุมเอง” นายวิรัช กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค.เราจะกลับมาโหวตอีก เราก็จะดูแลให้เต็มที่ดีกว่านี้ สำหรับญัตตินี้ที่ตนขอให้นับคะแนนใหม่ก็เป็นไปตามมาตรา 85 ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามจะทำองค์ประชุมให้ครบและพยายามที่จะนำเสนอญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาให้เร็วสุด

เมื่อถามว่ายืนยันว่าไม่ได้มีการยื้อญัตติการการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบการใช้ ม. 44 เพื่อให้การตั้งคณะกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญช้าออกไปใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า ตนก็ยังสงสัยไหนว่าจะเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วทำไมไม่รีบลงคะแนนในส่วนนี้ แพ้ชนะก็ว่ากันอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งผลโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร เราต้องเคารพ เพราะมันมีได้แค่ครั้งที่ 2 เท่านั้น ต่อข้อถามว่าจะทำให้เกิดการแก้เกมกันในอนาคตของฝ่ายค้านหรือไม่ เมื่อแพ้โหวตแล้วขอนับใหม่ นายวิรัช กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ อะไรที่ทำตามข้อกบังคับหรือกฎหมายแล้วไม่ผิดก็ทำไป

เมื่อถามต่อว่าจะทำให้งานสภาล่าช้าออกไปอีก นายวิรัช กล่าวว่า หากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญก็ถือว่าเป็นภาระหน้าที่ แต่ถ้าเป็นญัตติด่วนก็มีทางออกหรือทางแก้ในด้านอื่นๆ เช่น คำสั่งด คสช.ที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถเสนอเข้าสู่คณะกรรมาธิการสามัญที่มีอยู่ 35 คณะที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายได้

ต่อข้อถามว่านายวิรัชจะสามารถทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลต่อไปได้หรือไม่หลังการประชุมสภาล่มมา 2 ครั้ง นายวิรัช กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมาไม่ได้ถือว่าล่ม  เป็นเพียงอุบัติเหตุทางการเมือง เมื่อถามต่อว่าจะไม่เป็นเกมได้อย่างไรในเมื่อการนับองค์ประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ส.ส.พลังประชารัฐที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็ไม่ได้ออกเสียง นายวิรัช กล่าวว่า เมื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านวอร์คเอาท์ออกไปแล้ว เราก็ไม่สามารถไปดึงไว้ได้ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเองก็อยู่เฉยๆ รอดูถ้าเขามาโหวตก็โหวตพร้อมกัน บางคนไม่โหวตก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามจะพยายามให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าให้ครบในครั้งหน้า

เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนโหวตสวนนั้น นายวิรัช กล่าวว่า ได้มีการแจ้งต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ส่วนเป็นการตอบโต้กรณีที่ไม่เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ภายในพรรคเขาจะจัดการกันเอง ถือเป็นสิทธิของสมาชิก

เมื่อถามว่าในครั้งหน้าหากการประชุมสภาล่มและควบคุมเสียงไม่สำเร็จจะทบทวนการทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลของตัวเองหรือไม่  นายวิรัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร พร้อม

“รบ.”แพ้โหวต! “บิ๊กป้อม”ยันไม่มีปัญหาเป็นสปิริตตัวบุคคล

People Unity News : “รบ.”แพ้โหวต! “บิ๊กป้อม”ยันไม่มีปัญหาเป็นสปิริตตัวบุคคล ขณะที่ 3 ส.ส.ปชป. เมินมติวิปรัฐบาล ยันโหวตตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาม.44 เหมือนเดิม

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแพ้โหวตในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ว่า เป็นเรื่องของสปิริตของส.ส. ถือเป็นเรื่องของสภา ส่วนต้องกำชับลูกพรรคให้เข้าร่วมประชุมสภาทุกครั้งหรือไม่นั้น วานนี้(วันที่ 27 พ.ย.)มีรัฐมนตรีหลายคนติดภารกิจจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม ส่วนการโหวตก็เป็นเรื่องสปิริต

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคร่วมโหวตสวนทางกับรัฐบาลจนทำให้แพ้โหวต พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า เป็นเรื่องของสปิริตไง จะให้ทำอย่างไร ซึ่งมีการพูดคุยกันก่อนโหวตแล้ว

เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องแก้ เพราะเป็นเรื่องสปิริตของส.ส. และยืนยันไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของบุคคล อีกทั้งไม่มีความกังวลถึงการโหวตในครั้งต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของบุคคล เพราะในส่วนของพรรคการเมือง พูดคุยกันเรียบร้อยดี

เมื่อถามย้ำว่าก่อนการโหวตมีการพูดคุยเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เข้าใจ และสื่อก็อย่าถามอะไรมาก ส่วนการที่สภาขอตั้งกรรมาธิการ เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ ม.44 สะท้อนถึงอะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของสภา พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้แสดงความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ส.ว.ปฏิบัติตาม ว่า ตนสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาทำไม ซึ่งสนับสนุนให้มีการพูดจากัน

เชื่อยืดเวลาแบนสารพิษไม่เป็นชนวนขัดแย้งรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงมติประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขยายระยะเวลายุติการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส และจำกัดการใช้ไกลโฟเซต จะทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ว่า ไม่ขัดแย้งเพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ เชื่อว่าคุยกันได้

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเหมือนเป็นการตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือไม่นั้น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ไปดำเนินการแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนพวกก่อเหตุก็จะหาช่องทางดำเนินการอยู่เรื่อย แต่เราก็ต้องป้องกันซึ่งแม่ทัพภาคที่4 ก็ดำเนินการอยู่แล้ว

สามส.ส.ปชป. เมิน มติวิปรัฐบาล ยันโหวตตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาม.44 เหมือนเดิม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง หนึ่งในหกส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่โหวตให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ยืนยันว่า แม้จะให้มีการลงคะแนนใหม่ตนก็จะลงคะแนนเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติคล้ายคลังกับของฝ่ายค้าน เพียงแต่ของตนรวมถึงคำสั่งคณะปฏิวัติอื่นด้วย ซึ่งตนได้แจ้งกับผู้ที่รับผิดชอบมานานแล้วว่าจะลงมติให้ตั้งกรรมาธิการฯ และอยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่าเรื่องนี้ไม่เรื่องของรัฐบาลหรือฝ่ายค้านแต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่มีหน้าที่ศึกษาความไม่สอดคล้องของกฎหมายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง

“ถ้าไปคิดว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกลัวเสียหน้าจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้น ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลก็ไม่ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมไม่อยากให้ตั้งกรรมาธิการฯและถ้าไม่ตั้งจะมีวิธีการศึกษาทบทวนเรื่องเหล่านี้อย่างไร ผมจึงคิดว่าการตั้งกรรมาธิการวิสามัญของสภาเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่ใช่เรื่องว่าเราปันใจไปให้ฝ่ายค้าน ในทางตรงกันข้ามฝ่ายค้านก็โหวตสนับสนุนญัตติของผมเหมือนกัน ผมยืนยันจะโหวตให้ตั้งกรรมาธิการฯเพราะผมก็ต้องรับผิดชอบต่อญัตติที่ตัวเองเสนอต่อสภาด้วย” นายสาทิตย์กล่าว

ด้านนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่โหวตให้ตั้งกรรมาธิการฯชุดนี้ กล่าวเช่นเดียวกันว่า จะไม่มีการโหวตแตกต่างไปจากเดิม เพราะถ้าทำเช่นนั้นก็คงให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ เนื่องจากต้องรับผิดชอบต่อการลงคะแนนของตัวเอง ซึ่งคิดรอบคอบแล้วเห็นว่าการตั้งกรรมาธิการฯจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เนื่องจากจะได้มีการทบทวนคำสั่งปฏิวัติทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะคำสั่งของคสช.เท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น

“ผมเชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นคุณต่อสภา เราโหวตไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ ผมไม่สามารถขานชื่อลงคะแนนแตกต่างไปจากเดิมได้ หวังว่าพรรคจะเข้าใจเพราะญัตตินี้สส.ของพรรคก็เสนอด้วย เราต้องแยกเรื่องการเมืองออกจากงานสภา เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด” นายพนิต กล่าว

ส่วนนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าจะโหวตเหมือนเดิม โดยระบุว่าได้แจ้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปสองสัปดาห์แล้วว่าจะลงคะแนนแบบนี้ เพราะต้องสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองใด ๆ แอบแฝงทั้งสิ้น และไม่เข้าใจว่าทำไมวิปรัฐบาลจึงอาการหนักขนาดนี้ เพราะการตั้งกรรมาธิการฯก็เพียงแค่ศึกษาให้ทุกภาคส่นได้เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาเพื่อรายงานต่อสภาและเสนอรัฐบาลเท่านั้น

“ผมว่ามันคงทะแม่ง ๆ ถ้าผมไม่โหวตสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ ในการลงคะแนนครั้งใหม่ผมก็ยังยืนยันที่จะโหวตเหมือนเดิมโดยไม่เป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาในพรรค คิดว่าพรรคจะเข้าใจเหตุผล” นายชัยวุฒิ กล่าว

“อนุสรณ์”ท้าพลังประชารัฐเอาป้ายหาเสียงแบบเดิมมาใช้เลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นการวัดศรัทธาประชาชนระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายสืบทอดอำนาจ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรัฐประหารมา 5 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น มาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งต่อก็ไม่มีอะไรใหม่ พี่น้องประชาชนสัมผัสได้ว่า เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่อย่างไร สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำมาก ค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก คนตกงานกว่า 5 แสนคน แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนรัฐบาล แต่หนึ่งคะแนนของพี่น้องประชาชนในจังหวัดขอนแก่นจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ สามารถกระตุกเตือนรัฐบาลได้ว่า ประชาชนรู้สึกอย่างไรกับรัฐบาล หลายนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ เคยหาเสียงไว้ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อมาเป็นรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ แล้วสร้างเงื่อนไขเพื่อจะไม่ทำ กลายเป็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลางยังพยายามจะผลักดันนโยบายมากกว่า จึงแปลกใจว่าพรรคพลังประชารัฐไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

“ถ้าพรรคพลังประชารัฐมั่นใจ ช่วยเอาป้ายหาเสียงเมื่อครั้งเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นสัญญาประชาคมว่าจะทำนโยบายใดบ้าง มาขึ้นป้ายหาเสียงใหม่อีกรอบ ซึ่งคงไม่กล้า เพราะขนาดจะเอาไปประกอบการอภิปรายในสภา ป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐยังกลายเป็นสิ่งต้องห้าม” นายอนุสรณ์ กล่าว

สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้

People Unity News : สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้ “เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.หลังสภาล่ม “เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ย. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจาณณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานในการประชุม โดยจะมีการลงคะแนนอีกครั้งตามการเสนอของวิปรัฐบาลเนื่องจากการประชุมลงคะแนนในวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตแต่องค์ประชุมไม่ครบจึงทำให้นายชวนสั่งให้มีการประชุมในครั้งนี้ แต่เมื่อถึงเวลาโหวต กลับมี ส.ส. อยู่ในที่ประชุมเพียง 240 คน ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเป็นเหตุให้นายชวนต้องสั่งปิดประชุม ทำให้กลายเป็นสภาล่มครั้งที่ 2 ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กตู่”ปัดตอบรัฐบาลแพ้โหวต

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม เมื่อลงจากรถ นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (27 พ.ย.) ที่รัฐบาลแพ้โหวตในญัตติตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ระบุถึงกรณีสภาผู้แทนราษฏรล่ม เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลแพ้โหวตในการตั้ง เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 โดยขอให้นับคะแนนใหม่ ว่า ซึ่งก็ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ และทราบว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่ได้ร่วมโหวต ถือเป็นเอกสิทธิ์และไม่ได้ออกความเห็นใดๆ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภาฯ วันนี้คงต้องไปดูบรรยากาศในสภาฯ กันอีกครั้ง และคงต้องมีการพูดคุยกับประธานวิปรัฐบาล เพื่อปรับท่าทีการทำงาน ว่าจะทำอย่างไรสำหรับการประชุมสภาฯ ในวันต่อๆไปด้วย

นายเทวัญ กล่าวยังถึงบุคคลที่มาทำหน้าที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในสัดส่วนของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รายชื่อบุคคลเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็ส่งไปที่ประธานวิปแล้ว ทั้งนี้ มี ส.ส.หลายคนที่ต้องการเข้ามาเป็นกรรมาธิการฯ ดังกล่าว แต่โควต้ากลับเต็ม จึงได้ดำเนินการตามที่เห็นสมควรตามสัดส่วนของพรรค ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายท้วงติงชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งที่มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตประธาน กมธ. นั้น ตำแหน่งดังกล่าวจะต้องไปโหวตในกรรมาธิการฯ ขณะนี้ยังไม่ทราบได้ว่าใครจะมาเป็นหรือไม่เป็นประธานอย่างไร ส่วนรายชื่อเอกชนที่มีเข้ามาคือ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน นั้น ก็ไม่มีการท้วงติงจากใครแต่อย่างใด เพราะท่านเคยทำงานภาคธุรกิจและภาคสตรีมาก่อน จึงมีความหลากหลายในตัวเองอยู่มาก อีกทั้ง เป็นคนที่อยู่ในแวดวงสังคม และทำงานเป็นที่ยอมรับของสังคมอีกด้วย

“เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ลงมติสนับสนุนตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ว่า ไม่ได้เป็นการโหวตสวนมติของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเห็นด้วยกับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เป็นการโหวตสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเนื้อหาแตกต่างจากญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากนายสาทิตย์ ต้องการให้คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบของคณะปฏิวัติทุกคณะ ไม่ใช่เพียงแค่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่านั้น โดยวันนี้จะมีการโหวตอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ยังยืนยันในจุดยืนเดิม คือสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการคาดโทษใดๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะได้หารือกันแล้ว

พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

People Unity News : พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นชอบนำสายสื่อสารลงดิน สร้างภูมิทัศน์ กทม. พร้อมขับเคลื่อน 5G ปี 2020 รองรับเศรษฐกิจอนาคต

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติครั้งที่3/ 2562 ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้มีการหารือ และรับทราบผลความคืบหน้า การดำเนินงานที่ผ่านมาที่สำคัญได้แก่ การจัดทำและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โครงการขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ หลักเกณฑ์การให้บริการโครงข่ายแบบเปิด(Open Access Network)ในการใช้งานโครงข่ายเน็ตประชารัฐ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล ของภูมิภาคอาเซียน(ASEAN Digital Hub) การจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล(Digital Park Thailand) และโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย การจัดหาคลาวด์กลางภาครัฐ( Government Data Center and Cloud service)เป็นต้น และที่ประชุมได้มีการยืนยันเห็นชอบการดำเนินการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในพื้นที่ กทม.เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดความสะอาด สวยงามและเรียบร้อยต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะกรรมการฯ เร่งกำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว ให้เกิดเป็นรูปธรรม ตามกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยคำนึงถึงเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้กทม.เร่งดำเนินงานโครงการฯให้เป็นไปตามระเบียบให้ถูกต้องและ ขอให้ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดทิศทาง และผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัล ของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมทั้งมีการสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้มีส่วนร่วมเพื่อให้เห็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป

“ธนิก”เพื่อไทยเบอร์ 1 จับหมายเลขเลือกซ่อมขอนแก่น ผู้หนุน”พปชร.”สวมกอด”หญิงหน่อย”

People Unity News : เลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น”ธนิก มาสีพิทักษ์”พรรคเพื่อไทย จับได้หมายเลข 1 มั่นใจได้ชัยชนะ ทางด้าน “สมพงษ์” ชี้ถึงเวลาต้องตัดสินใจเอาปชต.หรือไม่ ส่วน “คุณหญิงสุดารัตน์”ขอชนะแบบถล่มทลาย พบผู้สนับสนุนพรรค พปชร.เข้ามาสวมกอดจำนวนมาก

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ว่าการอำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย นายพงศกร อรรณนพพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจ.ขอนแก่นพรรคเพื่อไทย นำนายธนิก มาสีพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น มา กรอกใบสมัคร

จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการจับสลาก เลือกหมายเลขผู้สมัครระหว่างนายธนิก มาสีพิทักษ์ พรรคเพื่อไทยและนายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ  ซึ่งผลการจับสลาก นายธนิก จากพรรคเพื่อไทยได้หมายเลข 1 ส่วนผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐได้หมายเลข 2 ซึ่งกระบวนการก่อนและระหว่างการจับสลาก มีผู้สนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก หลังการจับสลากหมายเลขเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและรับเอกสารการสมัครของ นายธนิก ต่อด้วยการชำระค่าสมัครและออกใบเสร็จรับเงิน

ภายหลังการรับสมัครเสร็จสิ้น นายธนิกเปิดเผยว่า ดีใจ ที่สามารถจับ สลากได้หมายเลข 1 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะในเบื้องต้น สำหรับขั้นตอนการหาเสียงยืนยันจะใช้ทุกช่องทางในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องประชาชน โดยมั่นใจว่าจะสามารถหาเสียงได้ทันเนื่องจากมีการเตรียมการมาดีพอ และเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน

พร้อมยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะการกดดันผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทย และเริ่มพบว่ามีท่าทีในการข่มขู่ จึงต้องสื่อสารไปถึงประชาชน ขออย่าหวาดกลัว ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ ขณะเดียวกันขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจ ให้เข้ามาตรวจสอบ หากพี่น้องประชาชนหรือผู้สนับสนุนของพรรคเพื่อไทยถูกข่มขู่

นายธนิกมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาได้พบปะพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด จึงสามารถเข้าถึงและสื่อสารได้ไม่ยาก

ด้านนายสมพงษ์ระบุว่าในส่วนของยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยในการหาเสียงนั้น ได้เตรียมการไว้เรียบร้อย โดยการหาเสียงจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือการปราศรัยใหญ่และการเข้าหาพี่น้องประชาชน ไปตามหมู่บ้านตำบลต่างๆ เพื่อชี้แจงหลักการทำงานของพรรค  โดยมองว่าเมื่อมีผู้สมัครเพียงสองคน การทำงานจะง่ายขึ้นและไม่ต้องสื่อสารมาก
เนื่องจากฝ่ายหนึ่งเป็นขั้วอำนาจนิยมและอีกฝ่ายเป็นขั้วประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนจะเลือกอย่างไร ขณะเดียวกันรู้สึกเสียดายเพราะผู้สมัคร จากอีกพรรคหนึ่ง เคยเป็นบุคคลที่รู้จักคุ้นเคย แต่วันนี้เขาเข้าไปเข้าพรรคที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนจะต้องตัดสินใจ ว่าตนเองพอใจในความเป็นอยู่หรือไม่ กินดีอยู่ดีหรือไม่ หากตอนนี้สบายร่ำรวยก็ตัดสินใจเลือกฝ่ายผู้มีอำนาจ

แต่หากคิดว่า ประเทศชาติจะเดินหน้าไม่ไหว ก็ต้องหันมาทางฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง  โดยส.ส.1ที่นั่งที่จะได้ ถือว่ามีความสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน พร้อมตั้งคำถามว่าบ้านเมืองในขณะนี้เป็นอย่างไร มีความเป็นอยู่อย่างไร 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งประชาชนจะต้องใช้ดุลยพินิจ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยังยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ นายสมพงษ์ นำนายธนิกพร้อมผู้สมัคร มาสักการะศาลเจ้าพ่อแสนเมือง อำเภอหนองเรือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และการทำงานต่อจากนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งในจุดดังกล่าวมีผู้สนับสนุน และชาวบ้านที่ทราบข่าว ออกมาให้กำลังใจ และอวยพรให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ซึ่งในช่วงดังกล่าว มีผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาสวมกอดคุณหญิงสุดารัตน์ ด้วยความยินดี พร้อมพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอ และได้ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวทักทายพร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น ขณะเดียวกันมีความตั้งใจที่จะอุทิศการทำงานของพรรคเพื่อไทยเพื่อดูแลพี่น้องชาวหนองเรือ ให้อยู่ดีกินดีราคาพืชผลไม่ต้องตกต่ำเหมือนที่เป็นอยู่ และขอให้พี่น้องมีความสุข โดยมาขอ โอกาสให้นายธนิก เข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ขอไม่เยอะขอชนะอย่างถล่มทลายเท่านั้น

พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้พี่น้องยากลำบาก โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตร จะอยู่เคียงข้างพี่น้องเพราะทุกของพี่น้องคือทุกข์ของพรรคเพื่อไทย วันนี้จึงมาให้กำลังใจ

จากนั้น นายสมพงษ์ พาผู้สมัคร ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นรถแห่ แนะนำตัว พร้อมบอกหมายเลขผู้สมัคร ภายในเขตเทศบาลอำเภอหนองเรือด้วย

Verified by ExactMetrics