วันที่ 2 เมษายน 2025

นายกฯ ร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติในหลวง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 พฤศจิกายน 2567 นายกฯ ร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติในหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เชิญชวนคนไทยออกกำลังกาย เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เพื่อสุขภาพที่ดีและมีสมองที่ดีอย่างยั่งยืน

วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2567) เวลา 17.30 น. ณ สนามลู่ปั่นเจริญสุขมงคลจิต จังหวัดสมุทรปราการ  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567   จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช ศิริราชมูลนิธิ และภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนกว่า 40 หน่วยงาน  โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม   นางสาวศุภมาส อิศรภักดี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  รวมถึง นายศุภมิตร  ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช  รศ.ยงชัย นิละนนท์  ประธานศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช  ผู้บริหารโรงพยาบาลศิริราช  ภาคีเครือข่ายผู้สนับสนุนโครงการ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมออกกำลังกายเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  นับเป็นวาระมหามงคลที่ปวงชนชาวไทยทุกคนจะได้พร้อมใจแสดงออกถึงความจงรักภักดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ซึ่งท่านทรงให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพพลานามัยที่ดีให้แก่ปวงพสกนิกร  ทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ด้วยการออกกำลังกาย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่มีโครงการดีๆ อย่างนี้ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายของตนเอง  โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง  ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะอัมพฤกษ์อัมพาต  แต่ยังทำให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี  คุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขในการดำเนินชีวิต  ทั้งนี้ นายกฯ หวังให้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยทุกคนเพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีและมีสมองที่ดีอย่างยั่งยืน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีปล่อยตัวผู้ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน 23 กิโลเมตร  โดยการกด AirHorn

“กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพและการออกกําลังกาย ตลอดจนจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้โรคหลอดเลือดสมอง ภายใต้หัวข้อ “คนไทยสมองดี” หรือ “Healthy Thais, Healthy Brains” และรณรงค์เชิญชวนคนไทยให้หันมาออกกําลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงอันจะเป็นการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ในอีกทางหนึ่ง โดยมีผู้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศจำนวน 1,651,597 คน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของการจัดกิจกรรม” นายจิรายุ กล่าว

Advertisement

 

รัฐบาล ขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 ตุลาคม 2567 รัฐบาล ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่พร้อมใจกันไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในการแสดงความจงรักภักดีและชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้านางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณทุกส่วนราชการ ทหาร พลเรือนที่มีส่วนร่วมในการจัดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้สำเร็จเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม สมพระเกียรติ นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมจิตอาสา ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาร่วมชื่นชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงค์ ในการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้เป็นที่ประจักษ์ เห็นถึงความจงรักภักดี ความรัก ความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน รวมถึงความสามัคคีของทุกภาคส่วนในการจัดงานในครั้งนี้ “สำหรับงานพระราชพิธีฯ ครั้งนี้ ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างได้ชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงความวิจิตรงดงามของริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของไทยทื่สืบทอดมายาวนาน รวมถึงศิลปกรรมไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ในหลากหลายสาขา ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ” นายจิรายุ กล่าว

Advertisement

 

“ในหลวง-พระราชินี” ทรงจัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กในพื้นที่อุทกภัย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 กันยายน 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงถุงพระราชทานสำหรับเด็ก ด้วยทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กทารกแรกเกิดจนถึง 2 ขวบ เพื่อพระราชทานเป็นพิเศษ

วานนี้ (24 กันยายน 2567) เวลา 18.27 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรง Screen “ถุงพระราชทานสำหรับเด็ก” และทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน 1,000 ถุง เพื่อมอบแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก ที่อยู่ในสถานการณ์อุทกภัยร้ายแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็ก ตลอดจนจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กบรรจุลงในถุงพระราชทาน อาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม เป้อุ้มเด็ก นมผง อาหารเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำลี ฟองน้ำเช็ดตัว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด ถึงอายุ 2 ขวบ เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป

ทั้งนี้ ได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัย ตลอดจนมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงได้ตามลำดับ โดยในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน 3,271 ถุง ไปพระราชทานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และนายอำเภอที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ณ หอประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

Advertisement

ซ้อมย่อยครั้งที่ 5 จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 กันยายน 2567 ราชนาวิกสภา วานนี้ (3 ก.ย.) – กองทัพเรือจัดการซ้อมย่อย ครั้งที่ 5 ในการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พลเรือโท วิจิตร ตันประภา รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกำลังพล ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี (ประธาน คตร.) ได้ตรวจการเตรียมความพร้อม ณ จุดรวมพลบริเวณใต้สะพานพระราม 8 ในโอกาสนี้ หัวหน้าหน่วยรับเรือของกำลังพลฝีพายเรือแต่ละลำ ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้ร่วมรับประทานอาหารและพบปะพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดของตน ณ จุดรวมพล ใต้สะพานพระราม 8 รวมถึงบริเวณจุดรวมพลอื่นๆ ทั้งที่ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ และ กองเรือเล็ก กรมขนส่งทหารเรือ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจก่อนการฝึกซ้อม พร้อมทั้งร่วมชมการฝึกซ้อมย่อย ครั้งที่ 5 บริเวณอาคารราชนาวิกสภา

สำหรับการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ ใช้เรือพระราชพิธีจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ ความยาว 1,280 เมตร กว้าง 90 เมตร โดยใช้กำลังพลประจำเรือในขบวนเรือพระราชพิธี จำนวนทั้งสิ้น 2,399 นาย ซึ่งการฝึกซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีเป็นการจัดรูปขบวนตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ โดยการฝึกซ้อมเป็นขบวน จะเริ่มทำการซ้อมย่อยเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 10 ครั้ง ดังนี้

วันที่ 1 ,8 ,15 ,22 สิงหาคม วันที่ 3 ,12 ,19 ,26 กันยายน วันที่ 3 และ 10 ตุลาคม โดยในครั้งนี้เป็นการซ้อมย่อยครั้งที่ 5 และการซ้อมใหญ่ จำนวน 2 ครั้ง ในวันที่ 15 และ 22 ตุลาคม โดยพระราชพิธีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคม 2567

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถรับชม การฝึกซ้อมได้ตลอดเส้นทางที่ขบวนเรือแล่นผ่านโดยพื้นที่สาธารณะที่สามารถรับชมได้อย่างใกล้ชิด มีดังนี้ ฝั่งธน บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ด้านพระบรมราชานุเสาวรีย์รัชกาลที่ 8 บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ข้างโรงพยาบาลศิริราช ท่าน้ำวัดระฆังโฆษิตาราม และวัดอรุณราชวราราม ฝั่งพระนคร ที่สวนสันติชัยปราการ ข้างป้อมพระสุเมรุ ท่ามหาราช และท่าช้าง ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่เรือพระราชพิธีเริ่ม เคลื่อนขบวนบริเวณสะพาน พระราม 8 จนเสร็จพิธีที่วัดอรุณราชวราราม

Advertisement

มท. เปิดตัวบทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์  : 17 สิงหาคม 2567 กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับ โกไข่ ศิลปินจิตอาสา เปิดตัวบทเพลง “THE LIGHT OF LOVE” บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระผู้ทรงเป็นหลักชัยและศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนับตั้งแต่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์เปรียบประดุจแสงแห่งความรัก ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ที่ฟูมฟักทะนุถนอมประชาชนคนไทย ยังผลให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ด้วยทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เคียงคู่พระบารมี เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ยังประโยชน์สุขให้กับประชาชนคนไทย

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย จึงได้ร่วมกับศิลปินจิตอาสา คือ ดร. จุมพล ทองตัน (โกไข่) ประพันธ์บทเพลง “THE LIGHT OF LOVE – บทเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งมีเนื้อหาบทเพลงที่สะท้อนความรักของประชาชนคนไทย ที่พร้อมเพรียงในการถวายหัวใจแห่งความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการปฏิบัติบูชา สืบสานงานตามพระราชดำริ ทั้งงานจิตอาสา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักชัย ผู้ทรงเปรียบประดุจแสงแห่งความรักที่ส่องสว่างให้ประชาชนคนไทยได้มีสิ่งที่ดีงามของชีวิต

สำหรับเนื้อเพลง “THE LIGHT OF LOVE” มีคำร้อง ดังนี้

A

When the sky is gray

It seems too hard to see

Soon, the dawn will shine bright The golden light will be back again

B

It’s the light of our love

That’s ready to be found

All the crowd will shout from their hearts

C

We’ll preserve all the things And contribute all your guides

Your vision will be in our lives

In our great beloved

King Vachiralongkorn.

D

The love of all Thai people

Together with our beloved queen

Forever we’ll be good

We’ll change all the wrong to be right.

We’ll apply the idea

Of life long living to our plan

Oh, in this motherland

We all will forever be on your side

(Repeat B / C / D)

E

With heart and unity

Volunteer society will be rise

Your light of love’s shining bright My life will be serving you forever

Forever

Forever

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ ได้ร่วมรับฟัง และร่วมแชร์บทเพลงแสงแห่งรัก ผ่านทางเว็บไซต์ https://youtu.be/o4e_bJbqUJk?si=Kov1Oyn_MFj2t5h_ เพื่อร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และ เผยแผ่พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ขจรขจาย ด้วยความจงรักภักดี โดยพร้อมเพียงกัน” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Advertisement

นายกฯลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 สิงหาคม 2567 นายกรัฐมนตรีลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

วันนี้ (12 สิงหาคม 2567) เวลา 08.15 น. ณ ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ในพระบรมมหาราชวัง   นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567 พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและภริยา และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี  รองนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   จากนั้น นายกรัฐมนตรีลงนามถวายพระพร รองนายกรัฐมนตรีและภริยาถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์ฯ เสร็จพิธี

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวน ปชช. ชมความงดงามของสะพานภูมิพล-ทัศนียภาพ ม.เจ้าพระยายามค่ำคืน เฉลิมพระเกียรติ พระพันปีหลวง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 สิงหาคม 2567 รัฐบาลร่วมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เชิญชวน ปชช. ร่วมชมความงดงามของสะพานภูมิพล และทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน

วันนี้ (9 สิงหาคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคมร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 เปิดไฟประดับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 กรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 9 – 13 สิงหาคม 2567 เวลา 19.00 – 22.00 น. โดยในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 จะเปิดไฟประดับสะพานตั้งแต่เวลา 19.00 – 24.00 น. เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงเป็น “แม่ของแผ่นดิน” ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย รัฐบาลขอเชิญประชาชนร่วมชมความงดงามของสะพาน และทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน อันเป็นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

นายคารม กล่าวว่า นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ  ในวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ) เวลา 00.01 – 24.00 น. รวม 3 สายทาง ได้แก่ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) 20 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน – ปากเกร็ด) 10 ด่าน โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษได้อีกด้วย

Advertisement

นายกฯ เปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 สิงหาคม 2567 นายกฯ เปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทยภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรฎกาคม 2567

วันนี้ (8 สิงหาคม 2567) เวลา 13.50 น. ณ ลานโลมา หาดป่าตอง  อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ Phuket SandBox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทยภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรฎกาคม 2567 โดยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะร่วมเข้าร่วม

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความรู้สึกยินดี ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการ รักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน และจากการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่มีปริมาณขยะพลาสติกหลุดรอดลงสู่ทะเลมากที่สุดของโลก รัฐบาลได้ตระหนักและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เพื่อสร้างความตระหนักให้พี่น้องประชาชนในการช่วยกันอนุรักษ์ ดูแล รักษา ความสวยงามของชายหาดและท้องทะเลไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่บูรณาการขับเคลื่อนโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลของประชาชนชาวไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการดำเนินงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในการสร้างพื้นที่ต้นแบบ สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ชายหาดของประเทศไทยในวันนี้จะเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกบนชายหาดและในทะเลอย่างยั่งยืน คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย พร้อมที่จะส่งต่อมรดกอันล้ำค่าไปสู่คนรุ่นต่อไป

“โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อสร้างความตระหนักด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเพื่อส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเพื่อรักษาความสะอาดและความสวยงามของชายหาด ที่จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

สำหรับโครงการรักษ์ 72 หาดไทย โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 72 ชายหาด ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 6 จังหวัด ได้แก่ 1) จังหวัดตราด 2) จังหวัดระยอง 3) จังหวัดชลบุรี 4) จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5) จังหวัดตรัง และ 6) จังหวัดกระบี่ โดยมีโครงการPhuket Sandbox เป็นต้นแบบการดำเนินงานในการลดปัญหาขยะชายหาด ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความร่วมมือกับทั้งกลุ่มผู้ค้าบริเวณชายหาดและนักท่องเที่ยวเพื่อการจัดการขยะที่ถูกต้อง รวมถึงการส่งเสริมให้ธุรกิจที่สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมีการดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการนำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 –2570) มาเป็นกรอบแนวคิดในการจัดทำมาตรการดำเนินงาน ประกอบด้วย 4 มาตรการ ดังนี้ มาตรการที่ 1 ส่งเสริมการผลิตและขายบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  มาตรการที่ 2 รณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรการที่ 3 การจัดการขยะ อย่างถูกหลักวิชาการ มาตรการที่ 4 เก็บขยะตกค้างบริเวณชายหาด” นางรัดเกล้า กล่าว

Advertisement

นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (28 กรกฎาคม 2567)  เวลา 08.00 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ มหาวิทยาลัยของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชน  เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อนายกรัฐมนตรีถึงบริเวณเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง เดินขึ้นสู่เวที ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วถวายธูปเทียนแพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ความว่า

ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศ ต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ได้มาร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 นี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความเจริญงอกงามของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า ทรงดำรงพระองค์ เป็นแบบอย่างแก่บรรดาข้าราชการในการปฏิบัติงาน เพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดินด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เน้นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าจักเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสืบไป

ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเจริญพร้อมด้วยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีเกริกไกรแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรตราบกาลนาน

ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า …….(ออกนามของผู้กล่าว แต่ละบุคคล) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดี และพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทมุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนา ตามแนวทางพระบรมราโชวาทตลอดไป” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จบแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและร้องเพลงสดุดีจอมราชา เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบไปด้วยกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยกิจกรรมส่วนกลาง กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ท้องสนามหลวง กิจกรรมส่วนภูมิภาค กำหนดจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือในสถานที่เหมาะสม ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้เชิญชวนหน่วยงานจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ โดยดำเนินการพร้อมกับพิธีที่จัดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง

Advertisement

ก.พาณิชย์ ขึ้นทะเบียน GI “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กรกฎาคม 2567 ก.พาณิชย์ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” กระท้อนทรงปลูกและพระราชทานพันธุ์กระท้อนให้แก่ราษฎรจังหวัดอ่างทอง เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” เป็นกระท้อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นกระท้อนพันธุ์ “ทองใบใหญ่” ณ วัดยางทอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” มีลักษณะผลค่อนข้างกลม ขั้วผลนูนเล็กน้อย เปลือกบาง ผิวนอกไม่เรียบ ผลสุกสีเหลืองทอง เนื้อหนานุ่ม ฉ่ำ ปุยเมล็ดมีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอมหวาน มีการขยายพื้นที่ปลูกทั้งอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบตะกอนน้ำพา มีชุดดินสิงห์บุรีที่มีธาตุโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสสูง รวมถึงภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในเรื่องการเพาะปลูกของเกษตรกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ ประกอบกับลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีเมฆมากและฝนตกชุก ส่งผลให้กระท้อนมีรสชาติหวานฉ่ำ รสชาติอร่อย และเจริญเติบโตได้ดี จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านรสชาติอันดับ 1 ของจังหวัดอ่างทอง และได้มีการจัดงานมหกรรมกระท้อนทองใบใหญ่ทรงปลูก เพื่อเผยแพร่ผลผลิตกระท้อนให้เป็นที่นิยมของตลาด จนสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชุมชนกว่า 6 ล้านบาทต่อปี

ทัั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้า GI เป็นสินค้าสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 206 สินค้า มูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดที่สนใจนำสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์และเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ สามารถนำมาปรึกษาเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียน GI ได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร.1368 ได้

Advertisement

Verified by ExactMetrics