วันที่ 28 ธันวาคม 2024

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (5 มีนาคม 2562) เวลา 13.20 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า

1.เรื่องแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายด้วยแล้ว ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานใดมีความประสงค์ขออัญเชิญตราสัญลักษณ์ไปประดิษฐานหรือประดับลงในสิ่งของใดๆก็ตาม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ให้แจ้งขออนุญาตไปที่คณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์ฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

2.เรื่องแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อเหลือง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นแบบตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562” ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการจัดทำเข็มที่ระลึกเพื่อจำหน่ายราคาเข็มละ 300 บาท โดยนำเงินรายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย คาดว่าเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นอกจากนี้ ขอเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเสื้อโปโลสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์เพื่อจำหน่ายด้วยเช่นกัน

3.เรื่องการเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 รัฐบาลขอเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งพระฉายาลักษณ์ได้พระราชทานแล้วมี 3 แบบ และขอเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พร้อมธงชาติ และธงตราสัญลักษณ์ ตามอาคารสถานที่และบ้านเรือนเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน

ใต้ร่มพระบารมี : นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : post 5 มีนาคม 2562 เวลา 21.40 น.

ครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

People unity news online : ครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเปิดศูนย์การเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดอยฮาง ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จ.เชียงราย

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๑๔.๕๕ น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จถึงเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริฯ โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางอัญชลี พัฒนสาร รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ นายกำจัด พ่วงสวัสดิ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ปรึกษาโครงการกำลังใจในพระดำริฯ และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เฝ้ารับเสด็จ

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กราบทูลรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมครบรอบ ๑๒ ปี ความตอนหนึ่งว่า “การดำเนินโครงการกำลังใจฯ ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นอกจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้ต้องขังระหว่างอยู่ในเรือนจำแล้ว พระเจ้าหลานเธอฯ ยังได้นำเรื่องของการพัฒนาจิตใจโดยใช้หลักธรรมในแนวทางต่างๆ เข้ามาพัฒนาจิตใจผู้ต้องขังเพื่อสร้างความมั่นคงทางใจให้ผู้ต้องขังอย่างยั่งยืน รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาทางเลือกมาปรับใช้กับผู้ต้องขังซึ่งทำให้ผู้ต้องขังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับเรือนจำชั่วคราวดอยฮางแห่งนี้ ได้ทรงประทานคำแนะนำให้จัดกิจกรรมเพื่อเปิดพื้นที่เรือนจำให้สังคม ชุมชน ทั้งในจังหวัดเชียงรายและในประเทศไทยทราบว่าในพื้นที่เรือนจำสามารถจัดกิจกรรมได้มากมาย โดยใช้ประโยชน์จากผู้ต้องขังที่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยแล้ว และในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ผู้ต้องขังรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าที่ได้เข้ามาทำประโยชน์ให้กับบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาดูงาน เข้ามาใช้บริการ ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง”

ในลำดับต่อมา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานรางวัลเรือนจำดีเด่นที่ได้มีการดำเนินงานโครงการกำลังใจในมิติต่างๆ ๖ ด้าน คือ งานแม่และเด็ก  การช่วยเหลือให้ความรู้ทางกฎหมาย การฝึกอบรมวิชาชีพ การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย นวัตกรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้น ประทานของที่ระลึกให้ผู้สนับสนุนโครงการกำลังใจในพระดำริฯ

จากนั้นเสด็จไปทรงเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดอยฮาง และทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ที่มีผลการดำเนินงานมากว่า ๑๒ ปี แล้ว มีผลงานเด่น อาทิ “งานพัฒนาคุณภาพชีวิต” ได้แก่ สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต การพัฒนาสภาพแวดล้อม “การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ได้แก่ การสร้างทักษะอาชีพ การสร้างผลิตภัณฑ์ การให้ความรู้ด้านกฎหมายและด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “งานวิจัยและงานวิชาการ” ได้แก่ ผลงานวิจัยภายใต้โครงการกำลังใจ จำนวน ๕๙ เรื่อง ผลงานแปลหนังสือ จำนวน ๓๔ เรื่อง และคู่มือ ๑๖ เรื่อง “งานด้านกองทุนกำลังใจ” “การพัฒนาด้านกฎหมายเพื่อความยั่งยืน” “การหาแนวร่วมเพื่อสนับสนุนโครงการกำลังใจฯ และสร้างการยอมรับ” “การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการกำลังใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

พร้อมกันนี้ทรงเปิดแปลงการรดน้ำแปลงผักเกษตรอินทรีย์ด้วยระบบ Application ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน ๑ ต้น และเสด็จไปยังตลาดนัดกาดหมั้ว คัวศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม และโซน Rice สาระ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องข้าว ตั้งแต่พันธุ์ข้าว เมล็ดข้าว การแปรรูป และวัสดุเหลือใช้จากข้าว การสาธิตการทำหุ่นฟาง เป็นต้น นอกจากนี้ที่เรือนจำชั่วคราวดอยฮางได้มีบ้านตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๓ หลัง หลังที่ ๑ “ปรับปรุงบำรุงดิน” หลังที่ ๒ “จุลินทรีย์สุขภาพพืช” หลังที่ ๓ สมุนไพรไล่แมลง โดยมีผู้ต้องขังที่ได้รับการอบรมความรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเฝ้ารับเสด็จด้วย

ในเวลาต่อมาเสด็จไปยังโซน Herb ทรงตัดแถบแพรเปิดโซน Herb และทอดพระเนตรนิทรรศการ โซน Herb ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกทักษะผู้ต้องขัง มีการสาธิตนวดตอกเส้น การนวดย่ำไฟ จากนั้นเสด็จไปยังบ้านต้นไม้ บริเวณร้านกาแฟ ทอดพระเนตรการแสดงการต้อนรับของบาริสต้าผู้ต้องขังร้านกาแฟ Inspire By Princess ซึ่งได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนที่มาเยี่ยมชม ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ในปัจจุบันมีสถานที่ที่สวยงามร่มรื่น มีจุดชมวิวบ้านต้นไม้บรรยากาศดี มีเครื่องดื่มนับสิบเมนู และขนม เบเกอรี่ ให้บริการทุกวันอีกด้วย

และในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๖.๐๐ น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปยังบริเวณกิจกรรมการวิ่งเทรล ในโอกาสครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจ (Run for Better Life Doi Hang Cross Country Trail) ที่มีการแข่งขันวิ่ง ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร  ๕ กิโลเมตร และ ๓ กิโลเมตร โดยมี พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับกิจกรรมในงานครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริฯ จะมีการแสดงนิทรรศการผลงานโครงการกำลังใจฯ และกาดหมั้ว คัวศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๔ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑  ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย

People unity news online : post 17 ธันวาคม 2561 เวลา 12.24 น.

เชิญเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2561 จัดย้อนยุค 125 ปี 23 พ.ย.–1 ธ.ค. ที่สวนลุมพินี

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วย นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย นำคณะจัดงานกาชาด คณะกุลบุตร กุลธิดากาชาด และ พิธีกร ผู้ประกาศ นักแสดง เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานกาชาด ประจำปี 2561 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 เวลา 10.30 – 22.00 น. ณ สวนลุมพินี ถนนพระรามที่ 4  โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ร่วมหยอดตู้บริจาคเงินที่จัดทำเป็นพิเศษ เพื่อแสดงถึงภารกิจของสภากาชาดไทยทั้ง 4 ด้าน

ทั้งนี้ การจัดงานกาชาด เป็นการระดมทุนเพื่อหารายได้ให้แก่สภากาชาดไทย โดยมีกิจกรรมพิเศษภายในงานต่างๆ เพื่อบอกเล่าที่มากว่า 125 ปี สภากาชาดไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจไมตรีจากประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อคนไทยทั้งประเทศ

สำหรับ “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ในปี พ.ศ. 2561 นี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 125 ปี สภากาชาดไทย ในบรรยากาศงานแฟร์ในสวน พบกับกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ

1.นิทรรศการพระบรมราชูปถัมภก 6 แผ่นดิน 125ปี สภากาชาดไทย จัดแสดงเพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบรมราชูปถัมภก องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย

2.ผลิตภัณฑ์จากร้านโครงการส่วนพระองค์ อาทิ ร้านจิตอาสา 904, ร้านโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เป็นต้น

3.กระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ เชิญทุกท่านร่วมย้อนวันวาน ระลึกถึงความงดงามตระการตาของริ้วกระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ

4.การจัดแสดงนิทรรศการว่าวไทยโบราณที่หาชมได้ยาก พร้อมจัดแสดงว่าวของหน่วยงานที่ร่วมประกวดตามแนวคิด “125 ปี สภากาชาดไทย ร้อยดวงใจส่งต่อการให้ที่งดงาม” อาทิ ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวงู ว่าวควาย เป็นต้น

5.การประกวดขวัญใจงานกาชาด ประจำปี 2561 จำลองรูปแบบการประกวดธิดากาชาด ครั้งแรกในปี พ.ศ.2504

6.การประกวดร้านงานกาชาด ประจำปี 2561 ซึ่งมีหน่วยงานแบ่งเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ อาทิ กรุงเทพมหานคร กองทัพอากาศ กองทัพเรือ กระทรวงต่าง ๆ กรมพัฒนาชุมชน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) เป็นต้น

7.การแสดงมอเตอร์ไซค์ไต่ถังเหล็ก โซนสวนสนุก ที่หาชมได้ยาก ย้อนวันวานจากปี พ.ศ.2472

8.การแสดงสารพัน แสง สี บนเวทีกลาง ตลอด 9 วัน อาทิ แหล่ 125 ปี สภากาชาดไทยจาก ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง การแสดงลำตัด การแสดง Bangkok Dance การแสดงคอนเสิร์ต พร้อมความบันเทิงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปิน นักแสดง ที่ร่วมใจกันมาสร้างความสนุกสนานและความสุข ตลอด 9 วัน ณ เวทีกลางงานกาชาด

9.การสอยดาว เสี่ยงโชค ชิงรางวัล กับสารพันเกม สุดพิเศษ จากหน่วยงาน ที่ร่วมออกร้านในงานกาชาดประจำปี 2561 กว่า 50 หน่วยงาน

10.มหกรรมสินค้าราคาถูก จากร้านค้าชื่อดัง อาทิ ร้านจุฬาโอสถ เหล่ากาชาดจังหวัด สินค้าโอทอป OTOP ร้านอาหารสภากาชาดไทยกับเมนูสุดพิเศษ “ทองพลุเสวย” และร้านค้าเอกชนกว่า 70 ร้าน

11.ตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ เนื่องจากการจัดงานกาชาดประจำปี 2561 นี้ สภากาชาดไทยไม่เก็บบัตรผ่านประตู จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นผู้ให้กับสภากาชาดไทย ด้วยการบริจาคเงินผ่านตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ ที่ออกแบบด้วยการบอกเล่าภารกิจของสภากาชาดไทย ภารกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการบริการโลหิต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมบริจาคสมทบทุนที่ตู้บริจาค “ทำดีพี่ขอแชร์” และบริจาคสมทบทุนกับ “น้องกล่องบุญและน้องอิ่มใจ” สัญลักษณ์ประจำงานดังกล่าว พร้อมกล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมงานในครั้งนี้ และเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศลที่จะนำไปบรรเทาทุกข์ในยามเกิดภัยพิบัติเหมือนที่ผ่านมา จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เซ็นชื่อที่เสื้องานกาชาดเพื่อนำไปประมูลสมทบทุนบริจาคในงานอีกด้วย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการรถขนส่งมวลชนสาธารณะในการมาเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถลงที่สถานีศาลาแดง ประตูทางออกที่ 6 รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสวนลุมพินี ประตูทางออกที่ 3 หรือ ลงที่สถานีสีลม ประตูทางออกที่ 1 นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางที่ผ่านสวนลุมพินีทั้ง 4 ด้าน คือด้านพระรามที่ 4 ถนนราชดำริ ถนนวิทยุ และถนนสารสิน ให้บริการแก่ประชาชนที่จะมาเทียวงานกาชาดอีกด้วย

People unity news online : post 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13.30 น.

ธ.ออมสินจัดทำบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ฉายในโรงภาพยนตร์

People unity news online : ธนาคารออมสิน ร่วมกับ บมจ.เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น แถลงข่าวโครงการเผยแพร่ภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ร้อยเรียงภาพพระราชกรณียกิจ และพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา แด่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการเดินตามแบบอย่างด้านการมีพระวินัย โดยเฉพาะพระวินัยแห่งการออม ผ่านเสียงร้องที่มีความไพเราะจากศิลปินคุณภาพ “บอย – อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี” (บอย พีซเมคเกอร์) โดยภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมีจะจัดฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้มีการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพและความมีพระวินัยที่ก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถด้านการทหารและการบิน ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า “ธนาคารออมสินถือกำเนิดโดยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ทรงเล็งเห็นถึงคุณค่าแห่งการออม และมีพระราชประสงค์ที่จะฝึกฝนให้ราษฎรรู้จักเก็บออมทรัพย์อย่างถูกวิธี ซึ่งธนาคารออมสินได้ยืนหยัดในการทำหน้าที่นี้ตลอดมา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ในการนี้จึงขอน้อมนำพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในด้านวินัย ความอดทนมานะ กล้าหาญ จนก่อให้เกิดพระปรีชาความสามารถในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการทหาร แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในด้านการมีพระวินัย โดยเฉพาะพระวินัยแห่งการออม และพระวินัยแห่งการฝึกความอดทนให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ผ่านการขับร้องจากศิลปินคุณภาพของประเทศ “บอย – อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี” ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ แสดงถึงความรู้สึกจงรักภักดีแทนพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์ท่านได้อย่างซาบซึ้ง ผสมผสานเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบและสมพระเกียรติ”

ด้าน นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ถือเป็นขนบธรรมเนียมสำคัญที่ได้ปฏิบัติกันมายาวนานและต่อเนื่อง ในการถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนที่จะมีการเริ่มฉายภาพยนตร์หรือการแสดงใดๆ ซึ่งโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ รู้สึกเป็นเกียรติในฐานะที่เป็นสื่อกลางช่องทางหนึ่งที่ได้มีโอกาสสื่อสารให้คนรุ่นใหม่ได้รับทราบถึงพระราชกรณียกิจและพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ที่ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในครั้งนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ ธนาคารออมสิน จัดทำภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมี ชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในด้านวินัย ความอดทนมานะ กล้าหาญ จนก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถที่ควรค่าแก่การเก็บออมไว้ มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ผ่านการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในการฉาย หรือเทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้การถ่ายทอดเพลงสรรเสริญพระบารมีออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด รวมทั้งให้ความรู้สึกตราตรึงใจและสมพระเกียรติ โดยเริ่มจัดฉายให้รับชมกันตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระอัจฉริยภาพและความมีพระวินัยที่ก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถด้านการทหาร ซึ่งจะจัดแสดงให้ประชาชนได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์”

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยร่วมถวายความจงรักภักดีผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

People unity news online : post 8 ตุลาคม 2561 เวลา 13.20 น.

“ประยุทธ์” ชวนคนไทยประพฤติตนตามคุณลักษณะของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ ไปใช้ดำเนินชีวิตมุ่งสร้างสังคมสามัคคี มีความสุขอย่างยั่งยืน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสา ทำความดี ด้วยหัวใจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สังคมไทยมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสุข และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน

นายกฯ เน้นย้ำว่า จิตอาสาคือ จิตแห่งการให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยความเต็มใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ด้วยดี และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากให้พี่น้องประชาชนประพฤติตนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ คือ 1) มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน คำนึงถึงส่วนรวม 2) มีศีลธรรม หวังดีต่อผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน 3) มีวินัยและความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย 4) มีกริยา วาจา สุภาพเรียบร้อย 5) ไม่ดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด 6) มีจิตใจเข้มแข็งและมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม 7) รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความทุกข์สุขของราษฎร และพระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริต่างๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถพิตรในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยรัฐบาลพร้อมสนองพระราชดำริทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนเกิดความผาสุก และประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนต่อไป

People unity news online : post 30 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.10 น.

“บิ๊กตู่” นำ ครม.ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เฉลิมพระเกียรติในหลวง

People unity news online : นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม. นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายและประชาชน ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.10 น. ณ บริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้มีจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อแสดงน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ว่า การปฏิบัติการจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆด้าน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง หลอมรวมดวงใจของทุกคนให้เป็นพลังหนึ่งเดียวกัน และผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ กลายเป็นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนในประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ด้วยพลังของจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” มาสืบสาน ขยายผลออกไปในวงกว้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมไปถึงกลุ่มคนไทยในต่างประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตอาสาทุกคนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยได้จัดให้มีกิจกรรมจิตอาสานี้อีกหลายๆกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2561

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการผังเมืองของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับผิดชอบขยะของตนเอง ซึ่งต้องแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องรู้วิธีจัดการขยะว่านำไปจัดการอย่างไร เช่น นำไปทำปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า หรือเป็นพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ พร้อมกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เอื้อต่อประโยชน์แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ คือ ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อจะลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บ พร้อมกล่าวกับประชาชนจิตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมว่าให้เรียนรู้และทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลแก้ไขข้อกฎหมายด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างศาลพระภูมิ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ได้ปลูกต้นทองอุไร บริเวณถนนนครปฐมด้านติดคลองเปรมประชากร ก่อนนำคณะรัฐมนตรี จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ได้แก่  การฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล ทาสีรั้วบริเวณสะพานอรทัยและแนวขอบริมทางเดินเท้า ชมการสาธิตเรือลอกตะกอนและเครื่องกลเติมอากาศใต้น้ำ รวมทั้งเยี่ยมชมให้กำลังใจจิตอาสา บริเวณจุดบริการอาหารแก่จิตอาสาเชิงสะพานอรทัย และบริเวณถนนพระรามที่ 5 จนถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมชมการขุดลอกคลองบริเวณริมกำแพงโรงเรียนราชวินิต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบอาหารเป็นห่อข้าวเหนียวไก่และน้ำดื่มให้แก่ผู้มาร่วมปฏิบัติการจิตอาสาครั้งนี้ด้วย

People unity news online : post 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา-วันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา 22-28 ก.ค.

People unity news online : รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 – วันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา 22 – 28 ก.ค.นี้ จัด 11 ริ้วขบวน “พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม” อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสมัยทวารวดี – รัตนโกสินทร์ให้พุทธศาสนิกชนกราบสักการะ ณ สนามหลวง

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ที่กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร 28 กรกฎาคม 2561 ว่า รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และองค์กรศาสนา เป็นต้น ดำเนินการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งจะจัดงานนี้ขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยที่ยาวนานถึง 1,400 ปี และเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชของไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก และทรงปกครองประเทศและดูแลพสกนิกรชาวไทยด้วยหลักทศพิธราชธรรม

กิจกรรมหลักที่จะจัดขึ้นใช้ชื่อว่า “พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม” โดยมีริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม ตั้งแต่สมัยทวารวดีถึงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย 11 ริ้วขบวน ได้แก่ 1.ธรรมจักรยาตรา เป็นรถขบวนอัญเชิญธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี และรถขบวนจำลองวงล้อธรรมจักร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา 2. เทียนพรรษาเสริมศาสน์ ขบวนจำลองแห่เทียนพรรษาที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม เป็นประเพณีตั้งแต่โบราณกาลในวันเข้าพรรษา 3. บรมนาถทวารวดี เป็นรถขบวนจำลองโบราณสถานวัดคูบัว จ.ราชบุรี พระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทศิลปะแบบทวารวดี ใบเสมาที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ 4. เสริมศรีโคตรบูร เป็นรถขบวนจำลองพระธาตุพนม จ.นครพนม หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย 5. เจิดจำรูญศรีวิชัย เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์พระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระพุทธรูปปางมารวิชัยนาคปรก แบบศิลปะศีวิชัย 6. ไตรภพลพบุรี เป็นรถขบวนจำลองพระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี และพระพุทธรูปทรงเครื่องปางนาคปรก 7. ธรรมวิถีล้านนา เป็นรถขบวนจำลองพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง และประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์  จ.เชียงใหม่ 8. เชิดบูชาสุโขทัย เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดมหาธาตุ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และประดิษฐานพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก 9. เกษมสมัยอยุธยา เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธรูปทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา 10.ธรรมารัตนโกสินทร์ เป็นรถขบวนจำลองพระศรีศากยะทศพลญาณจากพุทธมณฑล พระศรีรัตนเจดีย์ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และ 11. แผ่นดินศาสนูปถัมภก โดยริ้วขบวนจะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสำคัญทั้งหมด 5 ยุค ได้แก่ ทวารวดี ล้านนา สุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ ซึ่งขบวนเฉลิมพระเกียรติฯมีข้าราชการ ศิลปินดารา ทหารกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ตำรวจและพสกนิกร เข้าร่วมขบวน โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยริ้วขบวน ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ แต่ละริ้วขบวนมีการแสดงฟ้อนรำและระบำของแต่ละยุคที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้น โดยริ้วขบวนจะเคลื่อนจากบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ผ่านถนนราชดำเนินไปยังท้องสนามหลวง เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแต่ละยุคไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการบูชาและเวียนเทียนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และชมนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุแต่ละยุค ตั้งแต่วันที่ 23-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 08.00-20.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมงานดังกล่าว และขอความร่วมมือแต่งกายด้วยชุดสีขาว พร้อมตั้งโต๊ะหมู่บูชาเพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ขณะที่ริ้วขบวนเคลื่อนผ่านจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.00 น.

นายวีระ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้  มีกิจกรรมทางศาสนา ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระพุทธรูปสำคัญของแต่ละจังหวัด วันที่ 15-28 กรกฎาคม 2561 ณ ส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด พิธีเจริญพระพุทธมนต์หล่อเทียนพรรษา 10 ต้น วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และพิธีปล่อยขบวนรถแห่เทียนพรรษา 10 ต้น วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 เพื่อนำไปถวายยังพระอารามหลวง 10 วัด ได้แก่ 1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2. วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม 3. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 4. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 5. วัดบุรณศิริมาตยาราม 6. วัดบวรนิเวศวิหาร 7. วัดสุทัศนเทพวราราม  8. วัดชนะสงคราม 9. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 10. วัดปรินายก รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม อาทิ ประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ตอบปัญหาธรรมะ การสวดสาธิตโอ้เอ้วิหารราย การแสดงธรรม ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น วันที่ 23-27 กรกฎาคม 2561 ณ ท้องสนามหลวง และกิจกรรมธรรมะสู่คนทั้งมวลโดยปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดในส่วนภูมิภาค 30 จังหวัด รวมทั้งมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.09 น. ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และพิธีสวดมหามงคล 5 ศาสนาถวายพระพร ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล อีกทั้งจัดงานอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาอาเซียนใน 16 จังหวัดตามแนวชายแดนของไทยที่มีพื้นที่ติดกับกลุ่มประเทศอาเซียน

ขณะเดียวกันมีกิจกรรมด้านศิลปะและวัฒนธรรม อาทิ วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 คอนเสิร์ตชุมนุมนักร้องประสานเสียงนานาชาติ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 24-26 กรกฎาคม 2561 การแสดงเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระมหากรุณา มหาวชิราลงกรณ” ณ โรงละครแห่งชาติ โดยวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 การแสดงรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “พัทธวิสัย” มหกรรมกลอง การละเล่นของหลวง “ระเบง” และการแสดงโขน ชุดน้อมพลีกาย ถวายภักดี วันที่ 25 กรกฎาคม การแสดงรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “พัทธวิสัย” การบรรเลง-ขับร้องดนตรีสากล การแสดงบัลเล่ต์มโนราห์ การละเล่นของหลวง “โมงครุ่ม กุลาตีไม้” และการแสดงโขน ชุดศึกวิรุญจำบัง และวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 การแสดงหุ่นละครเล็กเฉลิมพระเกียรติฯ วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 การแสดงดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติฯ ณ เวทีกลางแจ้ง และหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ Thai PBS จะบันทึกเทปการแสดงดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ ฯในวันดังกล่าว และจะนำไปออกอากาศในวันที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลา 12.05-16.00 น. นอกจากนี้ วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 มีกิจกรรมเสวนาวิชาการหัวข้อ “ใต้ร่มพระมหากรุณา มหาวชิราลงกรณ” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป อีกทั้งจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน และส่วนภูมิภาคจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ จ.อุบลราชธานี อุดรธานี ชลบุรี สงขลาและเชียงใหม่

รวมถึงกิจกรรมจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ โดยจิตอาสาวัฒนธรรมร่วมทำความดีด้วยหัวใจและการทำความสะอาดโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์และศาสนสถานทั่วประเทศ และชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั่วประเทศบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้ง วธ.ได้จัดทำและเผยแพร่สารคดีเฉลิมพระเกียรติฯ บทเพลงเฉลิมพระเกียรติฯ และภาพยนตร์ข่าวพระราชกรณียกิจที่สำคัญในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทั้งนี้ มีพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลและขับร้องเพลง “สดุดีจอมราชา” ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม โทร.1765

People unity news online : post 19 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.10 น.

ธ.ออมสินประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

People unity news online : ธนาคารออมสินจัดประกวดวาดภาพแนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 1.77 ล้านบาท พร้อมเปิดศูนย์รับผลงาน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เปิดรับสมัครและรับผลงานพร้อมกันในเดือนกันยายน

5 กรกฎาคม 2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน เพื่อให้มีเวทีแสดงความสามารถทั้งทางด้านดนตรี กีฬา วิชาการ และด้านศิลปะการวาดภาพ ภายใต้โครงการ GSB Generation กิจกรรมการประกวดวาดภาพครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เพื่อเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในฐานะทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” ทรงพระปรีชาสามารถล้ำเลิศทุกแขนง ทรงตระหนักในคุณค่าความงดงามของศิลปะ ทรงทุ่มเทพละกำลังทั้งปวงในการทำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติศิลป์แห่งแผ่นดินไทย ทรงฟื้นฟูงานศิลปะที่แทบจะสูญสิ้นให้กลับมาสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย ทรงเล็งเห็นศักยภาพของราษฎรที่มีความสามารถทางด้านศิลปหัตถกรรม จึงทรงอนุรักษ์ ทำนุบำรุง ส่งเสริม และฟื้นฟูศิลปะทุกแขนงของประเทศไทย ทั้งงานด้านหัตถศิลป์ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ศิลปะพื้นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดกันมาช้านาน ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นล้วนเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ให้ได้กลับมาโด่งดังเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงแผ่ไพศาลไปยังนานาประเทศ และนำพาความผาสุก ความเจริญมาสู่อาณาประชาราษฎร์

“การจัดการประกวดวาดภาพในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือ ธนาคารได้แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 4 ประเภทตามช่วงอายุ เพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางทั้ง 4 ภูมิภาค และมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับมุมมองศิลปะ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษา หรือผู้สนใจทั่วไป ได้รับฟังแนวคิดและประสบการณ์ที่หาฟังได้ยากยิ่งจากวิทยากรและศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์รับผลงานทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ภาคเหนือ-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และภาคใต้-มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าประกวดให้สามารถเลือกจุดรับส่งผลงานใกล้ภูมิลำเนาของตนเอง สำหรับคณะกรรมการตัดสินยังคงเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดเดิมนำทีมโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณอิทธิพล ตั้งโฉลก และศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

ด้าน ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้แนะนำให้ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ว่า ทุกคนต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองให้เต็มที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและตีโจทย์ให้แตก ซึ่งงานศิลปะต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจนออกมาให้โดดเด่นเป็นที่สะดุดตาต้องมีความหมาย และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชื่นชมผลงานศิลปะเหล่านั้น

การประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” มีหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ เจ้าของผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย และสร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง ที่สำคัญก่อนส่งผลงานเข้าประกวด ต้องสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ gsbgen.com สำหรับประเภทการประกวดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 บุคคลทั่วไป ประเภทที่ 2 เยาวชน อายุ 15-18 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2543-2546) ประเภทที่ 3 เยาวชน อายุ 11-14 ปี (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2547-2550) และประเภทที่ 4  เยาวชน อายุ 7-10 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2551-2554) โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พร้อมเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 1.77 ล้านบาท

สำหรับผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องเป็นงานศิลปะมีลักษณะโดยรวมเป็น 2 มิติ ทั้งนี้ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะต้องไม่เคยถูกตีพิมพ์หรือเข้าประกวดที่ใดมาก่อน และไม่ติดลิขสิทธิ์ของบุคคลหรือบริษัทอื่นใด ระยะเวลาในการส่งผลงาน คือกลางเดือนกันยายน 2561 โดยคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกและตัดสินในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคม ส่วนพิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากนั้นผลงานที่ได้รับรางวัลทุกชิ้นจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC) ในช่วงเดือนธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการส่งผลงานเข้าประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ได้ทางเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ www.gsbgen.com  รวมถึง Facebook Fanpage “ประกวดวาดภาพ ธนาคารออมสิน” ผู้สนใจสามารถกดติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอีเมลที่ gsbgen.art@gmail.com

People unity news online : post 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.30 น.

นายกฯยินดีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จพัฒนายาชีววัตถุรักษามะเร็งเต้านม

People unity news online : นายกรัฐมนตรียินดีกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2561) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งเป็น Monoclonal antibody ชนิดแรก ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่มีการค้นคว้าวิจัยจนประสบความสำเร็จ และถือว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อหรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

People unity news online : post 3 กรกฎาคม 2561เวลา 20.20 น.

Verified by ExactMetrics