วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024

นายกฯแนะนำหนังสือน่าอ่าน ชื่อ “ความรู้เรื่องเมืองไทย”

People Unity News : ประยุทธ์ แนะนำหนังสือน่าอ่าน ชื่อ “ความรู้เรื่องเมืองไทย”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมร่วมกับคณะกรรมการและคณะตัวแทนภาคประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แนะนำหนังสือน่าอ่านให้แก่คณะที่เข้าพบ มีชื่อว่า “ความรู้เรื่องเมืองไทย” เขียนโดย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการบรรยายให้มีความรู้จักประเทศไทย เข้าใจสังคมไทย และมีความตระหนักในความเป็นไทย ซึ่งผู้เขียนไม่ได้บรรยายถึงอะไรที่เรียกกันว่า “ฮาร์ดแวร์” ประเภททุ่งนาป่าเขา หรือหาดทรายขาวสะอาดที่มองเห็นสุดสายตา หรือวัดวาอารามและสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรพิสดารหรือแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่สัมผัสได้ แต่สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายเป็นประเภท “ซอฟท์แวร์” คือความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อความศรัทธา จิตสำนึก ตลอดจน “สไตล์” อันเป็นลักษณะพื้นฐานของไทยเรา ซึ่งหมายถึง “วิธี” แบบไทยในการคิด การพูดและการทำ แนะนำโครงสร้าง ระบบและกลไกการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยหยิบยกเอาประเด็นที่สำคัญและสามารถเข้าใจได้ทันที มาพิจารณาเชิงวิเคราะห์ เช่น เรื่องระบอบการปกครองที่มี “ประชาธิปไตย” เป็นจุดขัดแย้ง เรื่องเศรษฐกิจทุนนิยมที่เข้ามาครอบงำเศรษฐกิจและสังคมไทย เรื่องทัศนะทางสังคมของคนไทยที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการชี้นำของสื่อโฆษณา ตลอดจนเรื่องที่เกี่ยวกับจิตสำนึกที่ขาดหายไป เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงเวลาประมาณ 150 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลักษณะของ “วิวัฒนาการสังคม” ที่คนไทยพึงจะต้องมีความรู้และความเข้าใจว่า กว่าที่จะมาถึงวันนี้ สังคมไทยของเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง การที่คนไทยมีความรู้สึกนึกคิดที่ผูกพันกับ “วิวัฒนาการสังคมไทย” จะทำให้มีความเข้าใจทั้งปัจจุบันและอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอบรรดาสิ่งที่เป็น “จุดแข็ง” ของไทยเรา เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ ความสามัคคีปรองดองระหว่างศาสนาที่ต่างกัน ความเป็นมิตรกับชาวต่างประเทศ ความพร้อมในการรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความทันสมัย ฯลฯ แม้กระทั่งการให้ความสำคัญต่อผลสำเร็จในเชิงปฏิบัติ และการมีอารมณ์ขันที่คลายความเครียด

Advertising

รัฐบาลยืนยันบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีความเหมาะสมและมีความพร้อมผลิตวัคซีนโควิด-19

People Unity News : โฆษกรัฐบาลยืนยันรัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิด-19 ด้วยความรอบคอบ มั่นใจประชาชนไทยต้องได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

20 ม.ค. 64 เวลา 14.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ โดยยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่นำการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจด้านสาธารณสุข  การดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2563 มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติประกอบไปด้วย บุคลากรทางแพทย์ สาธารณสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวข้องกับวัคซีน ร่วมกันประเมินสถานการณ์ ทั้งการสั่งจองซื้อวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทที่มีความสามารถในการวิจัยพัฒนาที่เป็นไปด้วยความถูกต้องตามหลักเกณฑ์สากลเป็นที่น่าเชื่อถือ ทำสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต  ทั้งนี้ ประชากรในประเทศไทยทั้งหมด 66 ล้านคน จะได้รับการฉีดวัคซีนคนละ 2 โดส จะมีวัคซีนประมาณ 130 กว่าล้านโดส ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ถูกเลือกจาก AstraZeneca ให้เป็นผู้ผลิตวัคซีน เนื่องจากมีความเหมาะสมและมีความพร้อมจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสามารถผลิตวัคซีนได้ถึง 200 ล้านโดสต่อปี เพียงพอแน่นอน เบื้องต้นได้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ได้ 70 ล้านโดส สำหรับประชากรประมาณ 35 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยร้อยละ 50 ของประเทศ ได้รับวัคซีน มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ที่นำมาฉีดให้แก่ประชาชนนั้นต้องเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ไม่เกิดผลข้างเคียงอันตราย

Advertising

เผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลมาก-มากที่สุด

People Unity News : เผยผลสำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจ และเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ในระดับมาก-มากที่สุด

วันที่ 20 ม.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ.2564 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศในระดับมากถึงมากที่สุดที่ร้อยละ 45.5 และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในระดับมากถึงมากที่สุดที่ ร้อยละ 47.2 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 46,600 คน ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2563

ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2564 ได้แก่

-ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาลในปี 2564 ใน 5 อันดับแรก คือ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา (ร้อยละ 79.4)  เพิ่มมาตรการ/สวัสดิการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง เบี้ยยังชีพคนชรา  (ร้อยละ 27.1) แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น จัดหาตลาดรองรับผลผลิต  แก้ปัญหาราคาพืชตกต่ำ (ร้อยละ 19.7) แก้ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ 15.1) ชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 (ร้อยละ 12.9)

-ความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับในปี 2563 ใน 5 อันดับแรก คือ ค่าครองชีพสูง เช่น สินค้าอุปโภค บริโภค ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ร้อยละ 75.2) ปัญหาจากการทำการเกษตร เช่น ต้นทุนสูง ผลผลิตราคาตกต่ำ (ร้อยละ 40.4) ไม่มีเงินทุนในการประกอบอาชีพ (ร้อยละ 27.8) รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย / รายได้ลดลง (ร้อยละ 19.8)  และหนี้สินในระบบ/นอกระบบ (ร้อยละ 15.0)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 17 มิถุนายน 2545 ที่ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความต้องการของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมสะท้อนปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการที่จะให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ รวมทั้งจะเป็นข้อมูลให้รัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น นำไปเป็นแนวทางในการติดตาม วางแผนกำหนดนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนต่อไป

Advertising

“ประยุทธ์” แนะผู้บริโภค “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยประหยัดค่าใช้จ่าย

People Unity News : นายกรัฐมนตรีรณรงค์ผู้บริโภคยุคใหม่ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้า สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ลดปริมาณขยะ

12 ม.ค. 64 เวลา 08.30 น. ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” รณรงค์การใช้หน้ากากผ้าและหน้ากากทางเลือก โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารและศิลปินดารา มอบหน้ากากผ้าจากผลิตภัณฑ์ชุมชน อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ แด่นายกรัฐมนตรี เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภค “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ใช้หน้ากากผ้า หน้ากากทางเลือก ทดแทนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้า รวมถึงเป็นการช่วยวิสาหกิจชุมชุน อ.หนองบัวแดง ให้มีอาชีพเสริมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  นายกรัฐมนตรียังให้ความสนใจและชื่นชมลายผ้า “บัวละจิต” ซึ่งพัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอหนองบัวแดง พร้อมแนะนำให้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากหน้ากากผ้า พร้อมส่งเสริมให้เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า “หน้ากากผ้าอาจจะกลายเป็นสินค้าแฟชั่นก็ได้

Advertising

ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แนะนำหลักเกณฑ์ตรวจสอบข่าวปลอมให้กับประชาชน

People Unity News : ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แนะนำหลักเกณฑ์ตรวจสอบข่าวปลอมให้กับประชาชน

นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมทำหน้าที่ในการตรวจสอบข่าวปลอมในสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ พบว่ามีข่าวปลอมเกี่ยวกับเรื่องนี้จำนวนมากจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสน จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เสพข่าวอย่างมีสติ ควรตรวจสอบข่าวก่อนแชร์ต่อไปโดยใช้หลัก SPOT คือ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าว  ตรวจสอบการหวังผลประโยชน์หรือเจตนาของการส่งข่าว การเสนอข่าวที่เกินความเป็นจริง และควรตรวจสอบเวลาและสถานที่ของข่าวนั้นๆ เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอมและป้องกันการแชร์ข่าวปลอมต่อไป เน้นย้ำว่า ศูนย์ฯยังคงดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอมอย่างต่อเนื่องโดยจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขี้แจงขอเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม มีการสร้างการรับรู้เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันข่าวปลอมได้รวดเร็วขึ้น โดยสามารถนำข่าวสารต่างๆ ไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.Antifakenewscenter.com Facebook เพจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กลุ่ม Line Antifakenewscenter หรือโทรสอบถามที่หมายเลข 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertising

ถ่ายทอดสด “ประยุทธ์” มอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 จันทร์ที่ 11 ม.ค.นี้

People Unity News : โฆษกรัฐบาล ชวนติดตาม นายกรัฐมนตรีในการมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เผยเป้าหมายการใช้จ่ายงบฯ 65 ฝ่าวิกฤตโควิด19 ขับเคลื่อนประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เชิญชวนติดตามรายการพิเศษ “การมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565” โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะกล่าวถึงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2565  ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) และ Facebook : Live NBT2HD วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 เวลา 08.30-09.00 น. โดยมี นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ร่วมพูดคุย

ในรายการ นายกรัฐมนตรีจะไฮไลท์การใช้จ่ายงบประมาณต้องตอบโจทย์ภารกิจเร่งด่วน คือ -สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ  เช่น รักษาการจ้างงาน  ช่วยเหลือ SMEs กระจายความเจริญลงไปในเมืองหลัก เมืองรอง และระดับพื้นที่  – ยกระดับขีดความสามารถของประเทศส่งเสริมอุตสาหกรรมและการบริการทางการแพทย์ การท่องเที่ยว ยกระดับภาคการเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร ยานยนต์ – พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคน ทั้งการปรับทักษะ ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาระบบหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงด้านสุขภาพ – เน้นปัจจัยในการพัฒนาประเทศ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงกฎหมาย พัฒนาภาครัฐดิจิทัล นวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือของเครือข่ายภาคประชาสังคม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้วางนโยบายอย่างชัดเจนให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงการบริหารงบประมาณต้องคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความจำเป็นกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังให้ความเชื่อมั่นว่า แม้จะจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 วงเงิน​ 3,100,000 ล้านบาทแบบขาดดุล​ ซึ่งจำนวนขาดดุลเพิ่มขึ้นจากปี 64 อยู่ที่ 91,037.5 ล้านบาท แต่รัฐบาลยึดมั่นในวินัยและความมั่นคงทางการเงินการคลัง โดยงบประมาณขาดดุลจะนำมาขับเคลื่อนประเทศผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 และให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ปกติตามศักยภาพอย่างยั่งยืนต่อไป

Advertising

“อนุชา” จัดเมนูอาหารทะเลเสริฟคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563

People Unity News : อนุชา เตรียมสุดยอดเมนูกุ้ง หมึก ปลา เสริฟ ครม. อังคารนี้ สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้น ปชช.หันมาบริโภคอาหารทะเลมากขึ้น

27 ธันวาคม 2563 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมนูอาหารทะเล พร้อมเสริฟคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563 ประกอบด้วย ต้มยำกุ้ง กุ้งเผา กุ้งผัดกะเพรา นอกจากเมนูกุ้งแล้วยังมีเมนูอาหารทะเลอย่างอื่นอีก เช่น ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปลาหมึกผัดกะปิ ปลากะพงทอดน้ำปลา และข้าวผัดปู  โดยเมนูอาหารข้างต้นจะปรุงสุก จัดแยกเป็นเซตให้ ครม. และผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละท่านแยกกันทาน สำหรับวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารสั่งตรงมาจากทะเล และนำมาปรุงสุก ณ ทำเนียบรัฐบาล

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนมั่นใจและหันมาบริโภคอาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้งมากขึ้น พร้อมกล่าวยืนยันว่าโรคโควิด 19 ไม่ได้ติดต่อทางอาหาร แต่ติดจากคนสู่คน ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว ขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือ และใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เชื่อว่าด้วยความรัก ความสามัคคี และความร่วมมือของคนไทยทุกคนจะทำให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

Advertising

“ประยุทธ์” เผยหากสถานการณ์ PM2.5 แย่ลง อาจต้อง work from home หรือให้เรียนที่บ้าน

People Unity News : ประยุทธ์ ติดตามการแก้ปัญหา PM2.5 ห่วงใยกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุและเด็ก ให้ใส่หน้ากากป้องกัน PM2.5

วันนี้ (17 ธ.ค.63) เวลา 11.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ได้กล่าวถึงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (ฉบับปรับปรุง) ว่า การผลักดันแผนฟื้นฟูมีหลายอย่างที่ต้องดำเนินการทั้งเรื่องทุน รถ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกแผนถ้าทุกคนช่วยกันก็สามารถทำได้ แต่ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกันและขัดแย้งทุกแผนก็ไปไม่ได้ จึงขอให้ช่วยกันลดความขัดแย้งตรงนี้ไปให้ได้โดยยึดผลประโยชน์โดยรวมเป็นที่ตั้’

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างใกล้ชิด โดยมีจะมาตรการเข้มในการดูแลในช่วงที่สภาพอากาศมีปัญหาซึ่งเชื่อว่าจากหลังนี้สภาพอากาศดีขึ้น แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นก็ต้องไปพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสม เช่น อาจจะให้มีการ work from home หรือให้เรียนหนังสือที่บ้านหรือไม่ โดยขณะนี้กำลังหารือเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว พร้อมย้ำเตือนความห่วงใยไปยังกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจาก PM2.5 คือ ผู้สูงอายุและเด็ก ให้สวมใส่หน้ากากอยู่เสมอซึ่งจะช่วยป้องกัน PM2.5 ได้พอสมควร

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาล ว่าขณะนี้สำนักนายกรัฐมนตรีกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าต่างๆที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งการดำเนินการทุกอย่าง รัฐบาลคำนึงถึงประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุดและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ประกอบการด้วย

Advertising

กกต.เปิดแอป “ตาสับปะรด” แจ้งทุจริตเลือกตั้ง อบจ. สินบนนำจับสูงสุด 1 ล้านบาท

People Unity News : กกต.เปิดแอป “ตาสับปะรด” รับแจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง อบจ. ให้ประชาชนมีส่วนร่วมรายงานเบาะแส รางวัลสินบนนำจับสูงสุด 1,000,000 บาท

1 ธ.ค. 63 สำนักประชาสัมพันธ์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยเปิดแอปพลิเคชันตาสับปะรดเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง เพื่อใช้ติดตามสถานการณ์และป้องปรามการทุจริตเลือกตั้ง ส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีส่วนร่วมรายงานสถานการณ์เมื่อพบเห็นการทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สามารถรายงานสถานการณ์ได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือวีดีโอ ผ่านทางแอปพลิเคชันตาสับปะรด โดยแจ้งเหตุได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02141 8860, 02141 8579 และ 02141 8859 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

สำหรับผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะได้รับเงินรางวัล หากนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด ไม่เป็นเบาะแสที่ปรากฏเป็นการทั่วไป และผู้แจ้งเบาะแสได้ใช้ความพยายามหรือมีความเสี่ยงในการแสวงหาเบาะแส สามารถแจ้งเบาะแสเป็นหนังสือ ลงชื่อผู้แจ้ง และบอกความประสงค์ขอรับรางวัล หรือแจ้งเบาะแสได้ด้วยตัวเอง และเก็บสำเนาเอกสารการแจ้งเบาะแสไว้เพื่อมาขอรับรางวัล โดยสำนักงาน กกต. จะปกปิดเป็นความลับและจะไม่ระบุชื่อผู้รับเงินรางวัล

ส่วนเงินรางวัล ประกอบด้วย กรณี กกต. มีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท กรณี กกต. สั่งระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว (ใบส้ม) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท

กรณีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือใบเหลือง นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 400,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และหากศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือใบดำ หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

Advertising

“ประยุทธ์” ออกแถลงความสำเร็จของประเทศไทยในการรับมือโควิด

People Unity News : เมื่อวานนี้ (26 พฤศจิกายน 2563) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงกล่าวถึงเรื่องโควิดและความสำเร็จของประเทศไทย ความว่า

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ วันนี้ ผมขออัพเดทให้ทุกท่านทราบถึงแนวทางที่ประเทศไทยของเรากำลังเดินไปข้างหน้า ในภาวการณ์ที่เรายังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิดที่ทำลายทั้งชีวิตและเศรษฐกิจของทั้งโลก

ตอนนี้ โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดมา ปัจจุบันนี้ แต่ละวัน หลายประเทศในยุโรปและที่อื่นๆ มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน และในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตเกือบพันคนต่อวัน นับว่าเป็นวิกฤตที่ทำให้ประเทศต่างๆปั่นป่วน จนเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในเกือบ 30 ประเทศทั่วโลก

ล่าสุด เมื่อเร็วๆนี้ องค์การอนามัยโลกได้ออกคำเตือนว่า มีโอกาสที่โควิด-19 จะเกิดการระบาดอีกเป็นระลอกที่ 3 ในช่วงปีหน้า ถ้าแต่ละประเทศไม่รักษาวินัย และไม่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเคร่งครัด

ที่สหราชอาณาจักร ตอนนี้มีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศไปเรียบร้อย ร้านค้า ร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานที่ทำกิจกรรมบันเทิง และกีฬา รวมถึงสถานที่ต่างๆ ต้องปิดให้บริการเกือบทั้งหมด และเมื่อวานนี้ เพิ่งมีการแถลงสถานการณ์เศรษฐกิจที่คาดการณ์ GDP จะหดตัวถึง 11%

ส่วนที่สาธารณรัฐฝรั่งเศส ก็มีการล็อกดาวน์มาตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะยิ่งแย่หนัก GDP น่าจะทรุดลงถึง 11% ในปีนี้

ที่ราชอาณาจักรสเปน มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะกินเวลานานหลายเดือน มีการประกาศเคอร์ฟิว มีการจำกัดการเดินทาง และมีการจำกัดเรื่องการรวมตัวกัน ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ก็มีการล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้าน ถ้าไม่มีเอกสารตามขั้นตอน ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม ก็ล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน และในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ร้านค้า ร้านอาหาร ปิด และมีการจำกัดเรื่องการรวมตัวกัน สถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข และผลกระทบที่ส่งมาถึงเรื่องเศรษฐกิจ ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก

สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด ไม่ใช่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเพียงอย่างเดียว แต่หากปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นเหนือการควบคุม จะส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ หรือป่วยเป็นโรคอื่น ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะประสบปัญหาเตียงไม่พอ หมอและพยาบาลติดพันอยู่กับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด สิ่งที่แย่ที่สุดที่เราไม่อยากเห็นคือ หมอและพยาบาลมีงานล้นมือ จนถึงขั้นมีเวลาไม่เพียงพอสำหรับรักษาดูแลผู้ป่วยได้ทันทุกคน และจำเป็นต้องเลือกว่า จะรักษาคนไหน และไม่รักษาคนไหน ซึ่งจนถึงวันนี้ นับว่าเราสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้นในประเทศของเราได้สำเร็จ

ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนในทุกภาคส่วน ทุกภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และคนทำงานต่างๆ ที่ได้เสียสละ และยอมรับที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำมาหากิน เพื่อที่จะปกป้องบ้านเมืองของเรา ไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากกว่านี้ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

ความสำเร็จนี้ เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับประเทศไทย ในฐานะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลกตัวอย่างหนึ่งในการรับมือกับโควิด อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า ความสำเร็จของประเทศไทยในการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็น “ความร่วมมือกันของประชาชนทุกระดับและทุกภาคส่วนในสังคม” และด้วย “การบริหารจัดการสรรพกำลังทุกอย่างแบบบูรณาการของรัฐบาล” ซึ่งผมอยากให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจ และร่วมกันรักษาความรู้รักสามัคคี และสิ่งดีๆนี้ไว้

ตอนนี้ผมขอบอกกับทุกคนว่า เรากำลังเตรียมตัวสำหรับเฟสถัดไป ในการบริหารจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อไม่ให้โรคร้ายนี้สร้างปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และสร้างความยากลำบากในความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยไปมากกว่านี้

วิธีจัดการกับวิกฤตโควิดในระยะยาวคือ การมีวัคซีนป้องกัน และจะต้องกระจายไปยังประชาชนให้ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง 3-4 กลุ่มอยู่ในขั้นตอนที่ก้าวหน้าไปมากแล้ว โดยกำลังทำการทดสอบความปลอดภัยในการใช้ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ได้จริง อย่างไรก็ดี เรารู้ว่าประเทศใหญ่ๆในโลกต่างพยายามล็อกคิว เพื่อที่จะได้ใช้วัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ทันทีที่วัคซีนได้รับการยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย แล้วผลิตเสร็จออกมา ซึ่งผมเห็นว่าประเทศไทยเราก็สมควรที่จะได้รับโอกาสนั้นด้วย คือการเข้าถึงวัคซีนอย่างรวดเร็วและเพียงพอ เพราะการได้วัคซีนมาใช้นั้น ยิ่งเร็วเท่าไร ก็ยิ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้นด้วย

นั่นคือเหตุผลที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ผมได้ตัดสินใจว่า ประเทศไทยต้องเดินหน้าหาพันธมิตร เพื่อผลิตวัคซีนในประเทศไทยให้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่ไปเข้าคิวรอซื้อจากการผลิตในประเทศอื่นเพียงอย่างเดียว เราต้องเลือกจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ที่น่าจะมีโอกาสทำสำเร็จได้จริงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดือนที่แล้ว ความพยายามของเราประสบความสำเร็จ ซึ่งนอกจากเราได้ลงนามข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา เพื่อผลิตวัคซีนในประเทศไทย หากการพัฒนาวัคซีนสำเร็จลุล่วงแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการ คือประเทศไทยยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนนี้ด้วย และในวันพรุ่งนี้ จะมีการลงนามเพิ่มเติมในอีกหนึ่งข้อตกลง เพื่อสั่งซื้อวัคซีนนี้ โดยเมื่อ 2-3 วันก่อน เราได้รับทราบข่าวดีว่า ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา ได้ประกาศถึงความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนแล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดได้ถึง 70-90% อยู่ในระดับที่ “ดีมาก”

นอกจากนั้น วัคซีนที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา พัฒนาขึ้น จะสามารถผลิตออกมาได้ในราคาที่ถูกกว่า หากเทียบกับวัคซีนของที่อื่นๆ และสำคัญมากกว่านั้นคือวัคซีนนี้มีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า เพราะในขณะที่วัคซีนของที่อื่นๆ จำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ -20 ถึง -70 องศาเซลเซียสตลอดเวลา ต้องใช้ตู้แช่เย็นที่ออกแบบพิเศษโดยเฉพาะทำให้มีข้อจำกัดทางด้านการขนส่งที่จะทำได้อย่างยากลำยากมาก แต่วัคซีนนี้ สามารถเก็บรักษาได้ไม่ยากในตู้เย็นธรรมดา ณ อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส สามารถขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนไปสู่พื้นที่ต่างๆทั่วทุกจังหวัดของไทยเราได้อย่างทั่วถึงและไม่ยุ่งยาก

เราคาดว่า วัคซีนนี้ น่าจะได้รับการอนุญาตให้ใช้ได้ และผลิตได้ในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งถ้าเราเร่งขั้นตอนต่างๆได้ ยิ่งเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เราสามารถเปิดรับคนจำนวนมากเข้าประเทศได้ และสามารถเริ่มสร้างฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง ขณะนี้ ผมกำลังพิจารณาวางแผนกระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ เพื่อเตรียมการสำหรับการกระจายวัคซีนไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ ให้ได้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เราได้วัคซีน

แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลต่างๆ ผมขอให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ผู้ที่ได้ร่วมมือ ร่วมใจ เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว ในการยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ได้ช่วยกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้คน และบรรเทาไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจจนหนักหนาสาหัสในประเทศไทย เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ผมขอให้พวกเราทุกคนยังคงรักษาวินัย ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคม ขอให้ทุกคนช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทย เพื่อไม่สร้างความทุกข์ยากให้กับประเทศ รุนแรงกว่าที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ขอบคุณครับ

Advertising

Verified by ExactMetrics