วันที่ 28 พฤศจิกายน 2024

เครือข่ายผู้หญิงให้กำลังใจ”มนัญญา” เพศแม่หาญสู้กลุ่มต้านแบน 3 สารพิษ

People Unity News : เครือข่ายผู้หญิงให้กำลังใจ รมช.เกษตร ชื่นชมจุดยืนในฐานะเพศแม่ที่ทำเพื่อปกป้องสุขภาพลูกหลาน ขอรัฐบาลกล้าหาญยืนหยัดไม่ขยายเวลาแบน 3 สารพิษ ตามแรงกดดันและประโยชน์ทางการค้า

เมื่อเวลา10.00น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ราชดำเนิน นางสมโภช สง่าพล แกนนำชุมชนกทม. พร้อมด้วย นางสาวอังคณา อินทะสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และตัวแทนกลุ่มผู้หญิง ซึ่งเป็นคุณแม่ที่ทำอาหารเลี้ยงครอบครัว กว่า 30 คน เข้าพบ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้กำลังใจในการเดินหน้าแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย หลังจากมีข่าวความเคลื่อนไหวและถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากฝ่ายที่สนับสนุนสารเคมีฯ กดดันให้ขยายเวลาแบนสารเคมีฯนี้ออกไปอีก6เดือน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ไม่สนใจสุขภาพของลูกหลานและประชาชน โดยเครือข่ายได้มอบดอกไม้สีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ขอบคุณจุดยืนในฐานะแทนเพศแม่ ที่กล้าต่อสู้และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกๆหลานๆไทยให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย

นางสมโภช กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ติดตามความคืบหน้าและสนับสนุน การเดินหน้าแบน3สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งโรคมะเร็ง เนื้อเน่า มีปัญหาต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก เสี่ยงออทิสติก ฯลฯ กระทั่งได้มีมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 แบนสามสารเคมีดังกล่าวถือเป็นความกล้าหาญทางนโยบายที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของประเทศ ต่อมามีความพยายามของกลุ่มที่เสียประโยชน์จากการแบนสารพิษ มีการเคลื่อนไหวกดดัน เพื่อให้ขยายเวลาการแบนออกไปอีก180วัน ด้วยข้ออ้างสารพัด มีท่าทีที่แข็งกร้าว เลยเถิดไปถึงขั้นข่มขู่ ปองร้ายกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย ที่ควรยกระดับความเห็นต่าง แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี มิใช่การเผชิญหน้าท้าทาย

“ภายใต้การนำของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เครือข่ายฯสัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยว ทำงานด้วยความหนักแน่นตามบทบาทหน้าที่อย่างสุดกำลัง การต่อสู้ด้วยจุดยืนในฐานะเพศแม่ ที่ต้องการปกป้องชีวิตและสุขภาพลูกหลาน ให้ปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายทางการเกษตร เครือข่ายฯ เข้าใจว่าสิ่งที่ท่านต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดันต่างๆมีความหนักหน่วง รุนแรง และไม่ง่ายที่จะยืนหยัดต่อสู้ได้เช่นนี้” นางสมโภช กล่าว

นางสาวอังคณา กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และส่งผ่านไปถึงรัฐบาลดังต่อไปนี้ 1.ในฐานะผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่เหมือนกับท่าน เป็นทั้งผู้บริโภคและคนที่ต้องทำอาหารให้คนในครอบครัวได้บริโภค เราต้องการวัตถุดิบที่ปลอดภัยในการทำอาหาร ไม่ต้องการพืชผักที่อุดมไปด้วยสารพิษมาทำอาหาร เราขอสนับสนุนและให้กำลังใจเดินหน้าแบน สามสารเคมีอันตรายนี้ โดยไม่ควรขยายเวลาออกไปอีกตามข้อเสนอของบางกลุ่ม

2.ในฐานะผู้หญิง เป็นผู้บริโภคตัวจริงกลุ่มหนึ่ง ขอส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลให้มีความหนักแน่นไม่นำสุขภาพและชีวิตของประชาชนกลับไปอยู่จุดเดิมอีก สุขภาพและชีวิตประชาชนไม่ควรถูกทำลายเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัทสารเคมี ที่ผ่านมาชีวิตประชาชนสูญเสียมามากพอแล้วจากสารพิษเหล่านี้ ท่านจะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ที่ดีงามให้กับสังคมไทย และ3.ขอเรียกร้องต่อกลุ่มที่สนับสนุนการใช้สารเคมีอันตรายด้วยความเคารพว่า ได้โปรดเห็นใจเราในฐานะคนที่ต้องกินต้องใช้พืชผักวัตถุดิบจากท่าน อย่าได้มอบสารพิษปนเปื้อนมาให้เราอีกเลย ควรมุ่งไปสู่ทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ไม่ทำร้ายกัน มุ่งสู่เกษตรกรรมยั่งยืนที่ทุกคนปลอดภัย

“บิ๊กป้อม”ลั่น! อยู่ดีๆ เอา”ปารีณา 1,700ไร่” ติดคุกได้อย่างไร

People Unity News : “บิ๊กป้อม”ลั่น! อยู่ดีๆ เอา”ปารีณา 1,700ไร่” ติดคุกได้อย่างไร ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะอุ้มคดีที่ดินฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการอุ้มในคดีดังกล่าวแน่นอน

“จะไปอุ้มอะไรได้อย่างไร เจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบกันอยู่ ใครจะไปอุ้มอะไรได้ วันนี้จะไปเอื้อประโยชน์ทางกฎหมายได้อย่างไร ในส่วนรายละเอียดผมไม่ทราบ โดยเฉพาะข่าวที่ว่าคุณปารีณาจะนำที่ดินบางส่วนไปอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งหมด เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันว่าฝ่ายบริหารจะไม่เข้าไปแทรกแซง ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเข้าไปยุ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่ากระแสข่าวช่วงนี้กระทบภาพลักษณ์รัฐบาลโดยตรงจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องที่จะให้ความช่วยเหลือ น.ส.ปารีณา ทาง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ข่าวที่ไหนจะไปอุ้มได้อย่างไร สื่อไปคิดกันเอาเอง

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่เพราะบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้เป็นคนในซีกรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย ขนาดตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรเลยเรื่องนี้จบแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ น.ส.ปารีณา ขอรังวัดที่ดินใหม่ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องไปหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงต้องร่วมมือกัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

เมื่อถามว่าแล้วหากเป็นชาวบ้านที่ไม่ใช่ น.ส.ปารีณา จะสามารถทำได้เช่นนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สามารถทำได้เหมือนกัน

เมื่อถามว่าสังคมกำลังวิจารณ์ว่านักการเมืองในสังกัดรัฐบาลจะได้รับการเลือกปฏิบัติ แต่หากเป็นชาวบ้านทั่วไปอาจติดคุกไปแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า
“เฮ้ย! พวกคุณพูดกันไปเองจะไปติดคุกได้อย่างไร ยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย จึงไม่มีทางไม่ว่าจะเป็นใครหรือชาวบ้าน ก็ยังไม่ติดคุกทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน แล้วถึงจะมีการดำเนินคดี แม้จะมีการแจ้งความแล้วก็ต้องไปตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของคดีก่อน ให้เรียบร้อยก่อนที่จะตัดสิน อยู่ดีดีจะเอาคนไปติดคุกได้อย่างไร ไม่มีหรอก”

“อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน.

People Unity News : “อนุสรณ์”ถามพลังประชารัฐ เจตนาป่วนหรือแก้รธน. ขณะที่ “เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเสนอชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แทน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ว่า หลังจากที่มีกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพราะกลัวขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐ สังคมก็ตั้งคำถามว่า ตกลงการอยากอยู่ร่วมรัฐบาลให้นานที่สุด กับมติพรรคและสัญญาประชาคม พรรคประชาธิปัตย์เห็นอย่างใดสำคัญกว่ากัน ถ้ารัฐบาลทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนได้ พรรคร่วมรัฐบาลอยากสนับสนุนก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานไม่ได้ การอยู่นานของรัฐบาลน่าจะเป็นการทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่มีความจำเป็นในการพายเรือให้ใครนั่ง การจงใจส่งนายไพบูลย์ มาเป็นประธานกมธ.ของพรรคพลังประชารัฐเจตนาชัดว่า จะยื้อเวลาและปั่นป่วนไม่ให้การทำงานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถขับเคลื่อนได้

“การส่งคนที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจุดยืนชัดว่าไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ มาเป็นประธานกมธ. เป็นการส่งสัญาณชัดว่าอยากอยู่ยาว พอได้อยู่ยาว ก็อยากอยู่ต่อให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

“เทพไท” ท้า “บิ๊กป้อม” รักษาคำพูดหนุนแก้ รธน. ชี้อำนาจอยู่ 3 ป.

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ตนออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคมีความจริงใจในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พาดพิงหรือเฉพาะเจาะจงไปถึงพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว แต่เป็นการเรียกร้องหาความจริงใจจากทุกพรรคและทุกภาคส่วน แต่เมื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมารับลูกแทนรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ และประกาศยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการแก้ไขอย่างแน่นอน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ก็ขอให้สังคมจดจำและบันทึกไว้ เพราะถือว่าเป็นการให้สัญญาประชาคมต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ขอให้พลเอกประวิตร ได้รักษาคำพูดและผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นจริงตามที่ประกาศไว้

ผมขอขอบคุณในคำยืนยันของพลเอกประวิตรไว้ล่วงหน้า และหวังว่าท่านคงรักษาสัจจะของลูกผู้ชายชาติทหาร และถ้าเป็นความตั้งใจจริงของท่าน ผมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร สามารถผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่ท่านส่งสัญญาณไปยังสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช. เท่านั้น สมาชิกวุฒิสภาทุกคนก็รอฟังสัญญานจาก พล.อ.ประยุทธ หรือพล.อ.ประวิตร กันตลอดเวลา ต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองในวันนี้อำนาจสูงสุดรวมศูนย์อยู่ที่พี่น้อง3ป. หากคณะ3ป.เปิดไฟเขียวเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะราบรื่นและง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก

ถ้าหากพลเอกประวิตรสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ตามที่ประกาศไว้ ท่านจะได้รับเสียงชื่นชมแซ่ซ้องสรรเสริญ จากทุกภาคส่วนในสังคม และถ้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้จริงภายในหนึ่งปีด้วยฝีมือและการสนับสนุนของพล.อ.ประวิตรจริง ผมจะขออาสาเป็นตัวแทนของทุกคนที่รักประชาธิปไตย นำดอกไม้ธูปเทียน ไปกราบขอบพระคุณพลเอกประวิตรถึงห้องทำงาน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาลทันที

“จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง

People Unity News : “จุรินทร์”เร่งรัดการจ่ายประกันรายได้ชาวสวนยาง จี้ปรับวิธีทำที่การยางฯแล้วเดินหน้า

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้า โครงการ ประกันรายได้ชาวสวนยาง ว่า ได้มีการกำหนดชัดเจนแล้วว่าให้มีการโอนเงินส่วนต่างตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 แต่ว่าก่อนที่จะโอนเงินส่วนต่างนั้น ต้องมีการไปตรวจสวนก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ายังปลูกยางที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไปจริง และมีจำนวนกี่ไร่แล้ว ได้กรีดยางชนิดไหน เพราะเราประกันยาง 3 ชนิดคือ ยางแผ่น น้ำยาง และยางก้อนถ้วย ซึ่งแต่ละตัวมีราคาแตกต่างกัน ส่วนต่างแตกต่างกัน

จึงเป็นที่มาที่ ผู้มีหน้าที่ตรวจสวน คือ การยางแห่งประเทศไทย และคณะประกอบด้วยคณะกรรมการในแต่ละจังหวัดต้องจัดการ ปรากฏว่าการตรวจสวนยังค่อนข้างล่าช้าเพราะกำลังไม่พอ และกระบวนการในการนัดหมายกรรมการไปตรวจค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร จึงเป็นที่มาได้มีการหารือกันว่าถัดจากนี้ไปจะทำให้กระบวนการตรวจสวนกระชับเข้า เหมือนหลายครั้งที่เราเคยปฏิบัติมาทั้งในเรื่องการให้เจ้าของสวนแจ้งว่าตนได้มีที่กี่ไร่และยางอายุ 7 ปีจำนวนเท่าไหร่ มีทำยางชนิดไหนและให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้การรับรองและสามารถนำไปส่งทะเบียนให้ ธ.ก.ส.โอนเงินส่วนต่างได้

การยางฯก็จะไปเร่งดำเนินการในแนวปฏิบัติใหม่นี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเพราะตอนนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 15 ได้กำหนดไว้เดิมว่าต้องจบซึ่งก็เลยมาวันที่ 25-26 พย.แล้ว ตนก็เร่งรัดไป โดยรัฐมนตรีเกษตรฯก็จะปรับวิธีการ

“ขอเรียนให้ทราบว่าทำอย่างไรทุกท่านที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องยังได้รับเงินส่วนต่างทุกท่านทุกสวนที่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดสำหรับงวดต่อไปอีก 2 เดือนจะจ่ายเงินส่วนต่างปีละ 3 งวด คือสองเดือนครั้งงวดต่อไปวันที่ 1 มกราคม 2563 อันนี้จะง่ายแล้วเพราะว่าการขึ้นทะเบียนการจดแจ้งทั้งหมดจะครบถ้วนจบสิ้น สามารถโอนได้ไม่ต้องตรวจสวนซ้ำอีกจะขลุกขลักหน่อยสำหรับงวดแรกขอนำเรียนให้ทราบ” นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับข้าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นอกจากการจ่ายเงินส่วนต่างแล้วยังมีมาตรการเสริมออกมาทั้งในเรื่องของการให้เงินจ่ายขาด ชะลอการขายข้าวเพราะข้าวออกมากมีผลทำให้ราคาตกลงไปโรงสีก็ไม่ได้รับซื้อตามปริมาณข้าวที่ออกไปทำให้ราคาตกลงมาตรงนี้จึงมีมาตรการเสริมสำหรับการให้ชะลอการขายข้าว ถ้าสถาบันเกษตรกรให้ 1,500 บาทโดยให้สถาบัน 1,000 เกษตรกร 500 รวมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องของค่าต้นทุนและเรื่องมาตรการค่าเก็บเกี่ยวด้วยโดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุม นบข. วันที่ 6 ธค.2562 และจะไปเข้าครม.ในส่วนของชาวนาผมคิดว่านอกจากโครงการประกันรายได้และยังมีมาตรการเสริมอีก 3-4 ตัว อย่างที่เรียนให้ทราบ และจะเร่งทำให้เร็ว

“เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน

People Unity News : “เสรีพิศุทธ์”รอด! มติ กมธ.ป.ป.ช. 7-2 ไม่มีอำนาจถอดประธาน “สิระ-ปารีณา”กินแห้ว ไม่ยอมหยุดเตรียมใช้ช่องทางอื่น

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมโดยได้เสนอเรื่องถอดถอนประธานคณะกรรมาธิการ ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐเสนอ ขึ้นมาพิจารณา โดยได้ขอมติต่อที่ประชุมว่า กมธ.มีความสามารถที่จะปลดประธานได้หรือไม่ ผลออกมาว่า 7 ต่อ 2 เสียง มีความเห็นว่าไม่มีอำนาจ โดย 2 เสียงนั้นคือนายสิระและนางสาวปารีณา ส.ส.ราชบรี พรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ขอให้นายสิระใช้ช่องทางอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเริ่มการประชุมนางสาวปารีณา ได้ประท้วงประธานการประชุมให้จัดที่นั่งให้ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการฯ 2 คน คือ นายวัฒนา เมืองสุข และพล.ต.ท.วิโรนจ์ เปาอินทร์ ใหม่ เนื่องจากทั้ง 2 นั่งหัวโต๊ะเคียงคู่ประธาน ซึ่งนางสาวปารีณา เห็นว่า ควรนั่งไล่ลำดับจากประธาน รองประธาน กรรมาธิการ และถึงเป็นที่ปรึกษา เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ทำให้นายสิระ ร่วมผสมโรงด้วย โดยขอให้ที่ปรึกษาประธานทั้ง 2 ไปนั่งในห้องของประธานกรรมาธิการ เพราะเป็นที่ปรึกษาของประธาน ไม่ใช่ที่ปรึกษาของกรรมาธิการทั้งคณะ จนทำให้กรรมาธิการในสัดส่วนฝ่ายค้านประท้วง และยืนยันว่า มีความเหมาะสมแล้ว ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สอบถามเลขานุการประชุม ที่เป็นข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรว่า ข้อบังคับการประชุมมีการระบุไว้หรือไม่ ซึ่งพบว่า ไม่มี ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ก่อนที่นางสาวปารีณา จะลากเก้าอี้มานั่งคู่กับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย

หลังจากนั้นนายสิระแถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 และงดออกเสียง 4 คน เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมาธิการฯไม่มีอนำาจในการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน รองประธาน และเลขานุการ ของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเสียงโหวตจำนวน 7 คนที่เห็นด้วยเป็นของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ด้วย ส่วน2 คนที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ตนและน.ส.ปารีณา ส่วน4 คนที่งดออกเสียงเป็นกรรมาธิการฯสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล

นายสิระ กล่าวต่อว่า แม้ที่ประชุมจะมีมติเสียงข้างมากไปแล้ว แต่ตนจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ และยืนยันว่าการแต่งตั้งตำแหน่งกรรมาธิการสามัญต่างๆยังเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของประธานกรรมาธิการฯ ดังนั้นตนจะดำเนินการต่อไปใน3 แนวทางได้ แก่ 1. จะเสนอเรื่องต่อประธานสภาฯให้ตรวจสอบพฤติกรรมประธานกรรมาธิการฯ ในการกระทำดังกล่าว โดยมีการใช้ตำแหน่ง รวมถึงมติในกรรมาธิการฯว่าสามารถปลดประธานได้รหือไม่ 2.ในวันที่2 ธ.ค. 10.00 น. ตนจะยื่นหนังสือต่อประธานป.ป.ช.เพื่อให้สอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่ามีพฤติกรรมโดยมิชอบ และ3.หารือในที่ประชุมสภา โดยจะสอบถามว่าตำแหน่งกมธ.มีอำนาจแค่ไหน

แฟร์ๆ! ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ชงเอง ปลด”เสรีพิศุทธ์”ออกจากตำแหน่ง

People Unity News : แฟร์ๆ! ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ชงเอง ปลด”เสรีพิศุทธ์”ออกจากตำแหน่ง ลั่นการเมืองทั้งสิ้น เตรียมไล่สอบเองที่ดิน”ปารีณา”

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะเลื่อนปลดประธานกรรมาธิการออกเป็นสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังไม่ได้แต่งตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้ามาแทนนายดล เหตระกูล ที่ลาออกไป ว่า เป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมา ตนเองมอบหมายงานให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ทำงาน แต่ก็ไม่ทำงาน คอยแต่ถ่ายรูปรายงานพรรคและนายกรัฐมนตรีว่าใครยกมือ ไม่ยกมือสนับสนุน เอาการเมืองเข้ามายุ่ง แล้วงานไม่ทำ ถ้าจะให้นายไพบูลย์เข้ามาอีก ก็ดูเอาเองว่าจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯเมื่อกรรมาธิการว่างลง ก็เป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการเป็นผู้เสนอไปยังประธานสภาฯเพื่อแต่งตั้งกรรมาธิการแทนตำแหน่งที่ว่างลง ส่วนหนังสือลาออกของนายดลนั้นได้รับแล้ว แต่ยังไม่ได้พิจารณา จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของตนเองทั้งหมด หากตนยังไม่ได้เสนอประธานสภาฯก็ยังตั้งไม่ได้ ตนจะบรรจุวาระเรื่องนี้ในวันใดก็เป็นเรื่องของตน

“นายสิระเป็นใคร ใครเป็นประธานกันแน่ การบรรจุว่าเรื่องไหนเข้าสู่วาระ หรือไม่เข้าวาระเป็นหน้าที่ของผม เดี๋ยวผมจะเอาเข้าวันนี้วาระแรกเลย แฟร์ๆ ผมก็แฟร์ๆ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีงการตรวจสอบน.ส.ปวีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถือครองที่ดินภบท.5 ว่า ประเด็นของน.ส.ปารีณา แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.รุกป่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ คิดว่าวันนี้ผู้รับผิดชอบจะเสนอเข้าสู่กรรมาธิการ แต่เราคงมีมติให้รอไว้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่

2.รายงานบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จซึ่งที่ประชุมของกรรมาธิการอาจจะมีมติทำหนังสือไปถึงเลขาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องนี้ เพื่อขอบัญชีทรัพย์สินที่น.ส.ปารีณา แจ้งต่อป.ป.ช.ขณะที่เป็นส.ส. 3 สมัย รวมถึงครั้งนี้ด้วย ซึ่งดูแล้วเป็นการแสดงทรัพย์สินเป็นเท็จ เช่น ที่ดินทบก.5 เขายืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องป่า ถ้ากรมป่าไม้หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่ดำเนินการ เราก็จะดำเนินการ เพราะสิ่งที่แสดงคือโรงเรือนต่างๆที่เลี้ยงไก่ซึ่งมีการเลี้ยงไก่จำนวนมากแต่บอกราคาเป็นศูนย์บาท อาคารที่ทำการที่ใช้รับซื้อไก่และไข่ราคาเป็นศูนย์ อย่างนี้เป็นเท็จหรือไม่

เมื่อถามว่าน.ส.ปารีณาเป็นหนึ่งในกรรมการชุดนี้ด้วยจะกระทบกับการสอบสวนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คุณทะลึ่งเข้ามาเอง ถ้าไม่พร้อมก็ลาออก เข้ามาเจอตนก็อย่างนี้แหละเข้ามาเจอผมก็อย่างนี้แหละ สุภาษิตจีนเขาบอกว่าลูกแมวไม่กลัวเสือ ลูกแมวเพิ่งเกิดใหม่จะไปรู้เรื่องอะไร เจอเสือมันไม่กลัว ถ้าเปรียบน.ส.ปารีณาก็เหมือนลูกแมว ส่วนตนใหญ่กว่าเสือ

แค่ยาแก้ปวด! “พิชัย” เย้ยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่

People Unity News : “พิชัย”ห่วง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เป็นแค่ยาแก้ปวดรักษาอาการป่วยหนักไม่ได้ แนะ 7 เรื่องต้องรีบทำเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ลดราคาน้ำมัน ลดค่าเดินทาง บาทอ่อน เร่งเจรจาการค้า เตือน ภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัวรับมือคลื่นการเปลี่ยนแปลงใหญ่

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่กำลังทรุดหนัก แต่ดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นเพียงมาตราการระยะสั้น อีกทั้งเกรงว่าจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยที่ทรุดหนัก เป็นผลมาจากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดมาตลอด 5 ปี และยังมีแนวโน้มที่จะทรุดหนักลงไปอีก จากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะมาซ้ำเติม ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้มีการรับมือเตรียมพร้อมให้ดี คิดเพียงการแจกเงิน แม้จะถูกท้วงติงว่าจะไม่เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลยังคงดื้อรั้น ซึ่งผลจากจีดีพีที่ตกต่ำแสดงชัดเจนถึงความล้มเหลวของการแจกเงินสะเปะสะปะโดยประเทศไม่ได้พัฒนา และเมื่อรัฐบาลแจกเงินจนหมดกระสุนแล้ว ก็ยังไม่มีแนวทางที่จะพัฒนาต่อ ขนาดประชุม ครม. เศรษฐกิจ ยังไม่มีนโยบายแก้ไขปัญหาใดๆ ออกมา แถมยังต้องไปถามข้าราชการประจำ ซึ่งแสดงว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดสภาพแล้ว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดดังกล่าว จึงดูเหมือนจะเป็นแนวคิดของข้าราชการประจำ เป็นเสมือนยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการชั่วคราว แต่ไม่สามารถจะรักษาอาการป่วยหนักของประเทศได้

ดังนั้น เมื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคิดอะไรไม่ออกแล้ว จึงอยากขอเสนอแนวทางการแก้ไขเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน 7 แนวทางดังนี้

1. รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ และเลิกโกหกประชาชน ยิ่งรัฐบาลปฏิเสธความจริงก็จะยิ่งแก้ปัญหาไม่ได้ การยอมรับปัญหาจะช่วยให้รัฐบาลหาทางแก้ไข และควรชี้แจงกับประชาชนเรื่อยๆว่าได้แก้ไขเรื่องอะไรบ้าง เพราะปัจจุบันประชาชนไม่ทราบเลยว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทำอะไรบ้าง นอกจากแจกเงินสะเปะสะปะไปวันๆแล้วไม่ได้ผลอะไรเท่านั้น การโกหกยังทำให้คนที่เชื่อรัฐบาลต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจถึงขั้นล้มละลายเพราะไม่ได้เตรียมรับมือเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

2. การเร่งการเจรจาการค้า ทั้งทวิภาคี และ พหุภาคี โดยนับเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่รัฐบาลจากการปฏิวัติไม่สามารถเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆได้ เพราะกฏหมายของหลายประเทศบังคับไม่ให้เจรจากับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อเลือกตั้งแล้ว แม้รัฐบาลจะมาแบบแปลกๆ แต่ก็ควรใช้โอกาสนึ้ในการเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี ทั้งทวิภาคี และ พหุภาคี จะไปรอเพียง RCEP อย่างเดียวไม่ได้ การเจรจาเขตการค้าเสรีจะช่วยทำให้การส่งออกและการลงทุนของไทยดีขึ้น มิเช่นนั้นปีหน้าเมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีไทยจะเริ่มถูกนำมาใช้ การส่งออกไทยจะยิ่งลดลงอีก และ เรื่องจีเอสพีนี้ก็เช่นกัน อยากให้รัฐบาลไทยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เมื่อสหรัฐตัดจีเอสพีไทย แทนที่ไทยจะร้องครวญคราง หรือ แก้ตัวว่าเพราะไทยพัฒนาแล้ว ทั้งๆที่คนจะจนตายกันหมดแล้ว รัฐบาลควรถือโอกาสนี้เปิดเจรจาเขตการค้าเสรีทวิภาคี (FTA) กับสหรัฐเลย จะแลกเปลี่ยนหรือจะขออะไรก็ทำกันทีเดียว จะได้ไม่ต้องมาเป็นปัญหากันอีกเมื่อจะถูกตัดจีเอสพี การเจรจาทวิภาคีสามารถทำได้ทันทีกับประเทศคู่ค้าสำคัญทุกประเทศ และควรต้องเร่งดำเนินการ แทนที่จะปล่อยเฉยหลังจากเจรจาไม่ได้มา 5 ปีของการปฏิวัติ

3. ทำเงินบาทให้อ่อนค่าลง เพื่อให้ราคาสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ อีกทั้งยังช่วยการท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มเหี่ยวเฉาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ในขณะที่ค่าเงินของนักท่องเที่ยวอ่อนค่าลง ทำให้การมาเที่ยวไทยแพงขึ้นมากถึงสองเด้ง ซึ่งรัฐบาลต้องกำชับแบงก์ชาติให้ดำเนินการโดยด่วน หากทำไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ หากปล่อยค่าเงินบาทให้แข็งค่า ทั้งๆที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ เติบโตต่ำ ไม่สมเหตุสมผล โดยไทยสามารถอธิบายเหตุผลกับประเทศต่างๆถึงการที่บาทจะอ่อนค่าได้ ขนาดประธานาธิบดีสหรัฐยังตำหนิ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐถึงขนาดเรียกว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐเลย เมื่อธนาคารกลางของสหรัฐไม่ลดดอกเบี้ยและค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าเกินไป ซึ่งรัฐบาลควรดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าแบบยาวนานเหมือนคนไม่รู้เรื่องเช่นนี้

4. รัฐบาลต้องเร่งทุ่มเงินจำนวนมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อปรับปรุงและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทยที่เริ่มถดถอยมาตลอด ทั้งนี้ไม่ใช่แจกเงินสะเปะสะปะเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร แม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยจะย่ำแย่ การค้าขายฝืดเคือง ประชาชนลำบากกันอย่างมาก แต่ฐานะการเงินการคลังของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในระดับสูง และยังคงมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในระดับต่ำเพียง 40% กว่าเท่านั้น การทุ่มงบประมาณจำนวนมากของภาครัฐเพื่อพัฒนาประเทศในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เป็นเรื่องที่ควรทำและต้องทำ แต่ต้องพัฒนาความคิดให้มีการลงทุนในโครงการที่เกิดประโยชน์จริงๆ โดยจะต้องมุ่งเน้นการนำไปสู่การสร้างงาน และ การจ้างงานที่ถาวรในอนาคต เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานอย่างมากในปีหน้า

5. ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยการลดราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท จากการลดการเก็บภาษึสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่เก็บอยู่ถึงลิตรละ 5.99 บาทในปัจจุบัน ที่ในอดีตไม่ได้เก็บ และลดราคาเบนซินลิตรละ 2 บาท จากการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตเช่นกัน การลดราคาดีเซลจะช่วยทำให้ค่าขนส่งสินค้าลดลงด้วย นอกจากนี้ จากรัฐบาลควรช่วยลดค่าเดินทางของประชาชน โดยลดค่าบริการขนส่งสาธารณะลง ซึ่งผลสำรวจบอกค่าเดินทางเป็นค่าใช่จ่ายหลักของประชาชน ดังนั้นการลดค่าเดินทางจะช่วยได้มาก อีกทั้ง การให้ใช้น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี ในปริมาณที่จำกัดเพื่อให้ประหยัดการใช้ ก็ควรถูกนำมาช่วยเหลือประชาชนอีกครั้งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

6. เพิ่มรายได้ประชาชน จากการเร่งสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ระดับยูนิคอร์น โดยสนับสนุนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากเพื่อเพิ่มรายได้ บริษัทเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วในประเทศกลุ่มอาเซียนเกือบทุกประเทศยกเว้นไทย ซึ่งทำให้มีการจ้างงานและช่วยประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตด้วย การแก้กฏหมายที่เป็นอุปสรรคต้องเร่งดำเนินการ

7. เร่งสร้างความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการมี Rule of Law ที่ชัดเจน อะไรที่เคยทำในสมัยเผด็จการแล้วไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ก็ต้องเลิกทำอย่างเด็ดขาดแล้ว รัฐมนตรึคนไหนมีปัญหาภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนและในสายตาของนานาชาติ ก็ควรจะต้องปรับเปลี่ยนออกไป การบังคับใช้กฏหมายต้องเป็นธรรม ทั่วถึง และ โปร่งใส ทั้งนี้ต้องรวมถึงการบังคับใช้กฏหมายขององค์กรอิสระด้วย

นี่เป็นเพียง 7 เรื่องแรกที่รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแก้ไขจุดอ่อนของรัฐบาลตั้งแต่ในอดีต ซึ่งยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ และหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจและเร่งดำเนินการ

นอกจากนี้ยังอยากขอแนะนำ ธุรกิจในภาคเอกชนว่าจะต้องรีบปรับตัวรองรับคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะถาโถมเข้ามา แม้ว่าธุรกิจปัจจุบันยังดีและมั่นคง แต่อาจจะถูก disrupt ได้ง่ายๆเลยจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้นจึงอยากให้เปิดหูเปิดตาให้กว้างเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก และต้องเปลี่ยนก่อนที่จำเป็น (Change before you have to) เพราะถ้าหากรอถึงคราวจำเป็นอาจจะสายไปแล้ว และหากธุรกิจใดคิดว่ากำลังจะถูก disrupt ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองก่อนโดน disrupt โดยหากธุรกิจใดเริ่มย่ำแย่แล้วก็ควรจะเลิกกิจการเลย แล้วหาช่องทางทำธุรกิจใหม่ อย่าทู่ซี้ เพราะโลกยุคใหม่ไม่เหมือนยุคเก่าแล้ว การประคองเพื่อหวังฟื้นอาจจะเป็นไปได้ยาก การเริ่มต้นธุรกิจใหม่อาจจะมีอนาคตมากกว่า ทั้งนี้ต้องประเมินธุรกิจของตนให้ชัดเจน

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของโลกที่กำลังถาโถมาเข้ามาตามที่ได้เคยเตือนล่วงหน้ามานานแล้ว ประชาชนทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะรัฐบาล หากรู้ว่าตัวเองไม่พร้อมก็ต้องเร่งปรับปรุงตัว หรือไม่ก็ต้องหาคนที่มีความพร้อมมากกว่าเข้ามาทำงานแทน เพื่อให้ประเทศไทยปรับตัวและพัฒนาต่อไปได้ ไม่ตกยุค หรือ ถูก disrupt ในระยะเวลาอันรวดเร็วนี้

สีสัน! “จุรินทร์” มอบรางวัลเชื่อมสะพานสื่อไทย-จีนครั้งที่ 7

People Unity News : “จุรินทร์”เดินหน้าเชื่อมสะพานสื่อไทย-จีน เป็นประธานมอบรางวัลบุคคลแห่งปีที่ชาวจีนรู้จักครั้งที่ 7

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20.00 น. ที่ ICONSIAM นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบรางวัล Thailand Headline Person of the Year Awards ปี 2019 ครั้งที่ 7 โดยแสดงความยินดีกับการเปิดงาน Thailand Headline Person of the Year Awards ปี 2019 ครั้งที่ 7 ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนในอีกมิติหนึ่ง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า การมอบรางวัลบุคคลแห่งปีในมิติของการสร้างสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมไทยจีนถือเป็นภารกิจและเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยรู้สึกชื่นชมที่กิจกรรมนี้จัดขึ้นมาเป็นปีที่ 7 แล้วโดยทราบว่าหลายฝ่ายขนานนามว่าเป็นงานออสก้าเมืองไทยโดยบุคคลที่ได้รับรางวัลล้วนได้รับความนิยมในการนำเสนอข่าวติดอันดับจากสื่อจีนในประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลทั้งวันนี้และที่ผ่านมา

“ในวันนี้สำหรับในส่วนของความสัมพันธ์ไทยจีนทางด้านเศรษฐกิจการค้า ล่าสุดผมเพิ่งนำคณะของกระทรวงพาณิชย์และเอกชนจากประเทศไทยไปร่วมงาน Chaina International Imports Expo ซึ่งเกิดจากการเชิญของรัฐบาลจีนและมีท่าน สีจิ้นผิงได้ให้เกียรติเดินทางเป็นประธานการเปิดงานซึ่งประเทศไทยปีนี้ได้รับเกียรติเป็นแขกพิเศษของทางการจีนและได้มีโอกาสนำภาคเอกชนไปขายสินค้าและสามารถสร้างมูลราคาการส่งออกในงานนี้ถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศและการที่รัฐบาลจีนได้ให้โอกาสกับภาคเอกชนไทย รวมทั้งอีกหลายประเทศซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ประการหนึ่งของรัฐบาลจีนและความร่วมมือที่ดีทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับประเทศไทย” นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับThailand Headline ทราบว่าเป็นสื่อที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีส่วนสำคัญในการรายงานข่าวสารจากประเทศไทยในหลายมิติทั้งทางด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมการท่องเที่ยวให้กับประชาชนชาวจีนนับ 1,000 ล้านคนได้มีโอกาสรับทราบข่าวสารจากประเทศไทยในฐานะอย่างน้อยที่สุดรองนายกรัฐมนตรีจากประเทศไทย ขอถือโอกาศนี้ ขอบคุณที่สื่อสารข่าวสารจากประเทศไทยไปสู่การรับรู้ของประชาชนชาวจีนซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในทุกมิติให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นของประชาชนชาวจีนอย่างน้อยที่สุดงานทางด้านวัฒนธรรม และงานทางด้านเศรษฐกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมขอขอบคุณด้วยความจริงใจและขอสร้างความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่านผมมั่นใจว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับรัฐบาลและในระดับประชาชนของสองประเทศให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

ตีกลับ”แก่งกระจาน”ไม่ขึ้นบัญชีรายชื่อมรดกโลก

People Unity News : รับรอง”เมืองโบราณศรีเทพ–กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง” ขึ้นบัญชีมรดกโลกแล้ว ตีกลับ “แก่งกระจาน” ไม่ควรพูดถึงเขตแดน – อุ้มสิทธิมนุษยชน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า มีการรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 43 ว่าที่ประชุมมีมติรับรองแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก 2 แห่ง ได้แก่ เมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทปลายบัด

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ส่งกลับเอกสารกรณีการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ให้ประเทศไทยแก้ไขเรื่องเขตแดน โดยไม่ควรพูดถึงเรื่องเขตแดนในการเสนอเข้าเป็นมรดกโลก เนื่องจากพื้นที่ป่าแก่งกระจานมีเขตแดนที่เชื่อมระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งไทยได้ดำเนินการแก้ไขตามคำเรียกร้องของคณะกรรมการมรดกโลกแล้ว โดยมีการจัดที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าแก่งกระจาน มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งเรื่องสาธาณสุข สาธารณูปโภค และมีการจัดทำข้อตกลงประชาคมร่วมกันว่าหากป่าแก่งกระจานมีการขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกได้ จะไม่มีการย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางไทยจะเร่งดำเนินการเรื่องทั้งหมด และส่งข้อมูลกลับไปยังที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอีกครั้ง

ครม.เทงบฯ 3.4พันล้านสานต่อโรงเรียนประชารัฐชายแดนใต้

People Unity News : ครม.เห็นชอบสานต่อโรงเรียนประชารัฐชายแดนใต้ เทงบฯอุดหนุน 3.4พันล้าน

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบหลักการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสและ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข้อสั่งการของนายกฯเมื่อปี 60 ให้มีการปรับระดับโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในพื้นที่อำเภอละ 1 แห่งให้เป็นโรงเรียนประจำ

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนที่ยากจน หรือนักเรียนที่ถูกทอดทิ้งไม่มีผู้อุปการะ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม และทั่วถึงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิตในคนในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 61 ถึงปัจจุบันและมีโรงเรียนในโครงการ 64 โรงเรียน มีนักเรียน 5,049 คน คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ของบประมาณจากครม.วงเงิน 3,416.54 ล้านบาท แบ่งเป็นจ้างครูรายเดือน ซื้อสื่อการเรียนการสอน 132.81 ล้านบาท งบลงทุนในการก่อสร้างหอนอนและครุภัณฑ์ 1,031.37 ล้านบาท งบอุดหนุนเพื่อเป็นค่าอาหาร 3มื้อและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงบฯอุดหนุนรายหัว 2,252.36 ล้านบาท

Verified by ExactMetrics