วันที่ 29 พฤศจิกายน 2024

‘อ้น’ตอก’ธนาธร’เลิกฟังข้อมูลผิดจากนักบัญชี-นักกฎหมายปมให้เงินกู้พรรค

People Unity News : ‘อ้น’ตอก’ธนาธร’เลิกฟังข้อมูลผิดจากนักบัญชี-นักกฎหมายปมให้เงินกู้พรรค อ้างมั่วกฎหมายเอกชนกับกฎหมายมหาชนเพราะพรรคการเมืองอยู่ใต้กฎหมายมหาชน จี้’ปิยบุตร’สอนกฎหมายหัวหน้าพรรค หยุดดื้อแพ่ง ยึดหลักกูแทนกฎหมาย ชี้นำสังคมด้วยตรรกะที่อาจนำไปสู่ความไม่สงบของประเทศ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ’อ้น’ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อ้างความเห็นนักบัญชีและนักกฎหมายว่าการให้เงินกู้กับพรรคอนาคตใหม่ไม่ผิดกฎหมายเนื่องจากเงินกู้เป็นหนี้สินอยู่ในงบดุลไม่ใช่รายได้ ไม่อยู่ในงบกำไรขาดทุน นั้น สังคมเกิดคำถามว่า ถึงจะบอกว่าเงินกู้ยืมเป็นหนี้สิน แต่การที่พรรคอนาคตใหม่เอาเงินกู้นั้นไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของพรรคและในกิจกรรมต่างๆ ของพรรค ก็ต้องถือว่าพรรคมีรายได้ที่จะใช้จ่ายและได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีหลักฐานพิสูจน์ได้ทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางกฎหมายได้ทันที อีกทั้งนักบัญชีและนักกฎหมายที่แนะนำใช่คนเดียวกับที่แนะนำเรื่องการจัดการโอนหุ้นบริษัทสื่อและการต่อสู้คดีถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ หากใช่คนเดียวกัน นายธนาธรควรพิจารณาอย่างรอบคอบและตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะออกมาให้ข้อมูลแก่สังคม

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน นั้น ควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่หัวหน้าพรรคว่า พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชนไม่สามารถเอาหลักการของกฎหมายเอกชนมาใช้ได้ หลักการบัญชีและหลักกฎหมายที่นายธนาธรกล่าวอ้างเป็นหลักการที่ใช้กับนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งแสวงหากำไร แต่พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมหาชน การกระทำใดๆ ของพรรคการเมืองต้องยึดถือปฏิบัติตามข้อบัญญัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถทำตัวศรีธนญชัยตีความใช้ช่องว่างทางกฎหมายหรือเอาหลักกฎหมายที่แตกต่างกันมาอ้างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง

ทั้งนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 62 กำหนดไว้ชัดเจนถึงแหล่งรายได้ของพรรคการเมืองว่ามี 7 อย่าง เงินกู้ยืมไม่อยู่ใน 7 อย่าง เป็นแหล่งเงินที่อยู่นอกเหนือจากที่กฎหมายอนุญาต ดังนั้นเงินกู้ยืมที่พรรคอนาคตใหม่รับมาจึงเป็นเป็นเงินที่มีแหล่งที่มาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อพรรคทำผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง จึงมีโทษถูกยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคตามมาตรา 92 (3)

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า หรือหากมีการมองว่าเงินกู้ยืมนั้นเป็น “เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการรับบริจาค” ตามมาตรา 62(5) แล้ว การที่เงินกู้ยืมจำนวนถึง 191 ล้านบาทจึงเกินกว่าจำนวน 10 ล้านบาทที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 66 และเมื่อบุคคลนั้นฝ่าฝืนก็จะได้รับโทษตามมาตรา 124 กล่าวคือนายธนาธรอาจถูกลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี สำหรับพรรคอนาคตใหม่ก็เข้าข่ายรับโทษตามมาตรา 125 คือ ถูกปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี เงินที่เกิน 10,000,000 บาทถูกริบเข้ารัฐเข้ากองทุนพรรคการเมือง

“เมื่อนายปิยบุตรได้อธิบายกฎหมายมหาชนให้นายธนาธรเข้าใจแล้ว นายธนาธรควรพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ หากทำผิดจริงก็ควรรับผิด อย่าดื้อแพ่ง อย่าสร้างวาทกรรมต่างๆ โดยเอาหลักกูที่ไม่เป็นหลักกฎหมายมาปรับใช้ หยุดเบี่ยงเบนประเด็นกฎหมาย หยุดชี้นำสังคมด้วยข้อมูลตรรกะความคิดผิดๆ และจากผลคดีหุ้นวีลัคนั้น นายธนาธรควรพิจารณาทั้งเจตนาและคุณสมบัติของนักกฎหมายที่ช่วยให้ความเห็น ว่ามีเจตนาที่ดีกับนายธนาธรและมีความรู้กฎหมายเพียงพอหรือไม่” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

“ปารีณา”ยกมือไหว้ขอความเห็นใจสื่ออย่าซักฟาร์มไก่รุกที่ สปก.

People Unity News : สมาชิก พปชร. ร้อง “สิระ – ปารีณา” สอบ “เสรีพิศุทธ์” 6 ข้อหา “สิระ”คาดเสียงโหวตปลดปธ.กมธ.สัปดาห์หน้าไปทางเดียวกัน ท้า”เสรีพิศุทธ์” ถ้าแมนจริงต้องมาร่วมประชุม วอนเลิกยึดติด “ปารีณา” เลี่ยงตอบสื่อปมฟาร์มไก่รุกที่ สปก. ขอความเห็นใจอย่าซัก ปล่อยจนท.สอบพร้อมยินดีให้ความร่วมมือและอย่าเสนอข่าวปลอม เตรียมขนสื่อล่องเรือหาข้อมูลพื้นที่ล้ำเจ้าพระยา

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย นายสนธยา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสิระ เจนจาคะ และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 6 ข้อหา คือ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ 19,147 คัน งบประมาณ 1,144 ล้านบาท ในสมัยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างปี 2550 ถึง 2551 ขอให้ตรวจสอบบันทึก กรณีใช้คำพูดที่มิบังควรในที่ประชุมตำรวจสัญญาบัตร กองบัญชาการสอบสวนกลาง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 , ขอให้ติดตามผลของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 34/2551 ที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 , ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ชี้แจงเหตุผล กรณีให้สัมภาษณ์ผ่านทางช่องเนชั่นทีวีว่า “ประเทศนี้เป็นของใคร เป็นของสถาบัน” เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง , ขอให้ชี้แจงกรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ มีคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ โดยอ้างมติที่ประชุม , และ ขอให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไปจนกว่าการสอบข้อเท็จจริงกรณีต่างๆ เหล่านี้จะเสร็จเรียบร้อยโดยสมบูรณ์

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า จะรับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ไปหารือในคณะกรรมาธิการ ส่วนกรณีมีคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ โดยนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เผยแพร่เอกสารแต่งตั้งก่อนมีมติที่ประชุม โดยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ยอมรับว่ามีการออกหนังสือจริง เหมือนกับประธานเอาเชือกมัดคอตัวเอง ว่าออกหนังสือราชการโดยไม่มีมติจริง โดยจะยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สัปดาห์หน้า ว่าใช้เอกสารเท็จ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นายสิระ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าอาทิตย์หน้าที่จะมีการประชุมกรรมาธิการฯ ขอท้าให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาร่วมประชุมด้วย โดยตนจะนำหลักฐานที่มีมาแสดงให้ กมธ. รับทราบ ซึ่งคาดว่า เสียงโหวตของ กมธ. จะอยู่ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทุกอย่างจะอยู่บนเหตุ และผล

“ผมข้อท้าถ้าท่านแน่จริง เป็นลูกผู้ชายจริง ท่านต้องมาร่วมประชุมวันพุธหน้า ท่านเสรีพิศุทธ์อย่ายึดติดเลย ลองคิดว่าไม่ใช่ตัวกูของกู ผมเป็นห่วงท่านว่าหากยึดติด หากตายไปไม่ว่าจะอยู่สวรรค์หรือนรก ก็อย่าไปอ้างอีก ว่าตัวเองเป็นประธานกมธ. เป็นอดีตผบ.ตร. ผมสงสารท่านเหลือเกิน อย่ายึดติดเลย”นายสิระกล่าว

ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้ามาเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนรัฐบาล จะทำให้ได้เปรียบในการลงมติปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการสัปดาห์หน้าหรือไม่นั้น นายสิระ ยืนยันว่า การที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการ จากมติของกรรมาธิการทั้ง 15 คน ส่วนการปลดออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกกรรมาธิการที่จะพิจารณาเหตุผลที่ตนเองนำเสนอ

“ยืนยันว่า เรื่องต่างๆเหล่านี้ไม่ได้มีใบสั่ง สมาชิกกรรมาธิการทุกคณะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนพรรคการเมือง พร้อมเปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะลงไปตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ยื่นล้ำลำน้ำ ทำผิดกฎหมายหรือไม่ ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมไปทำข่าวด้วย”

ด้านน.ส.ปารีณา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีเจ้าหน้าที่ที่ดินจะลงพื้นที่รางวัดที่ดิน 1,700 ไร่ รุกที่ สปก. ที่จังหวัดราชบุรี โดยได้ยกมือไหว้ขอความเห็นใจ เพราะตนได้ทำความเข้าใจกับสื่อไว้ก่อนแล้ว ว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าวน.ส.ปารีณาได้นำเอกสารคำชี้แจงกรณีการให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาที่ดินสปก.มาแจกสื่อมวลชนโดยระบุว่าตนขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นเกี่ยวกับปัญหาที่ดินเนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในกระบวนการการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และการตรวจสอบดังกล่าวสปก.ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ตนทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาในที่ดิน และตนยินดีให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทุกอย่างในการตรวจสอบ จึงขอแสดงความเห็นใจด้วย และขอแจ้งด้วยว่าขณะนี้่ตนไม่มีเฟสบุ๊กไม่มีเพจมาประมาณ 1 เดือนเศษแล้วเนื่องจาก เฟสปลิว จึงขอให้สื่อมวลชนไม่นำเฟสปลอมมานำเสนอข่าวต่างๆ

“ทักษิณ”บริสุทธิ์อีกแล้ว! ศาลฎีกาฯยกฟ้องคดีตั้งคลังแทรกแซงฟื้นฟูทีพีไอ

People Unity News : องค์คณะอุทธรณ์ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายืนยกฟ้อง “ทักษิณ” พ้นข้อกล่าวหา ม.157 ตั้งคลังแทรกแซงฟื้นฟูทีพีไอ ฟังไม่ได้ว่าเอื้อประโยชน์พวกพ้อง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ 9 คน ที่เลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อธ.อม.4/2561 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ยื่นอุทธรณ์คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ด้วยคะแนนเสียงข้างมากยกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อายุ 70 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 จำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีกล่าวหาเมื่อปี 2546 นายทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้นำเสนอให้กระทรวงการคลัง สมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ และจำเลยร่วมกับ ร.อ.สุชาติ ยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และเป็นผู้เสนอชื่อ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธานคณะผู้บริหารแผน และนายทนง พิทยะ เป็นผู้บริหารแผน

คดีนี้ ป.ป.ช. ยื่นฟ้อง นายทักษิณแบบไม่มีตัวจำเลยเมื่อปี 2561 เนื่องจากหลบหนีคดีอื่นอยู่ในต่างประเทศ และศาลพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย ตามขั้นตอน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 มาตรา 28, 33, 59 ซึ่งศาลออกหมายจับนายทักษิณแล้ว โดยชอบแล้ว ไม่ได้ตัวมาศาล ชั้นพิจารณาจำเลยไม่มาศาล ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และเป็นสำนวนคดีแรก ในจำนวน 4 สำนวนที่อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. ยื่นพิจารณาคดีไต่สวนลับหลังจำเลยตาม วิ อม.ใหม่ แล้วศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง ขณะที่วันนี้มีเพียงผู้แทน ป.ป.ช.โจทก์เดินทางมาศาล ซึ่งศาลอ่านคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ฟัง และถือว่าจำเลยรับทราบคำพิพากษา

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ พิจารณาประเด็นที่ ป.ป.ช.โจทก์ยื่นอุทธรณ์แล้ว เห็นว่า แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงให้อำนาจกระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ลูกหนี้ก็ตาม แต่กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่หลักในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการพยุงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้เกิดความเสียหายมากจนยากแก่การแก้ไข

การเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของ ทีพีไอ ซึ่งประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน หากทีพีไอไม่สามารถฟื้นฟูได้และตกเป็นผู้ล้มละลาย กิจการเหล่านั้นอาจหยุดชะงักประเทศชาติและประชาชนย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พฤติการณ์ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่งและเร่งด่วนที่กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการเมื่อได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือ กระทรวงการคลังจึงเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอได้

ส่วนที่ ป.ป.ช.โจทก์ อุทธรณ์ว่า นายทักษิณ จำเลยเป็นผู้ริเริ่มผลักดันสั่งการและเป็นตัวการร่วม รวมถึงไม่ทักท้วงการพิจารณาของ ครม.เพื่อเปลี่ยนจากวาระเพื่อทราบ เป็นวาระเพื่อพิจารณา มีผลให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอโดยมีเจตนาครอบงำกิจการของทีพีไอ กับเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องนั้น ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่า จำเลยเชิญตัวแทนของเจ้าหนี้และผู้บริหารของทีพีไอเข้าหารือที่บ้านพิษณุโลกเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของทีพีไอและการตั้งผู้บริหารแผนคนใหม่เท่านั้น แต่ที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่ได้เลือกกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามข้อเสนอของจำเลย หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องกับเหตุในคดีนี้ อีกทั้งต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่ตั้งบริษัท บริหารแผนไทย จำกัด เป็นผู้บริหารแผน ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ โดยเห็นควรขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนหากกระทรวงการคลังยินยอม ซึ่งในท้ายที่สุดที่ประชุมเจ้าหนี้และทุกฝ่ายยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งกระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ส่วนข้ออ้างเกี่ยวกับการครอบงำกิจการของทีพีไอ โดยอ้างคำกล่าว “นายอยากใต้” คำว่า “นาย” หมายถึงจำเลย ผู้ที่พูดข้อความคือ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ไม่ใช่จำเลย จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย และส่วนที่จำเลยเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของทีพีไอ เป็นเพียงการเสนอความเห็นเบื้องต้นแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเรื่องที่นำมาปรึกษาเท่านั้น และจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอีกชั้นหนึ่ง

เมื่อไม่ปรากฏว่า นายทักษิณ จำเลย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ หรือการบริหารกิจการ หรือเข้าไปรับโอนถือครองหุ้นของทีพีไอ จึงรับฟังไม่ได้ว่า การเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของจำเลย เป็นการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง

สำหรับข้ออ้างที่ว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนของทีพีไอ ให้แก่หน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง และศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กระทรวงการคลังคืนเงินค่าจ้างบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ที่บริหารจัดการกิจการทรัพย์สินของทีพีไอ ให้แก่ทีพีไอ ทำให้ทีพีไอและกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอแล้ว หากทีพีไอหรือกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายอย่างไร ทีพีไอหรือกระทรวงการคลังก็อาจไปว่ากล่าวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป เมื่อไม่ปรากฏในทางไต่สวน ว่าจำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นหรือมีพฤติการณ์ที่บ่งชี้ได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษประสงค์ต่อผลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตามฟ้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของ ป.ป.ช.โจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว ผลคดีจึงถือเป็นที่สุด ยุติตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนายทักษิณ อดีตนายกไม่มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในกรณีดังกล่าว โดยขณะนี้คดีดังกล่าวถือเป็นคดีเดียวที่ศาลฎีกาฯ และองค์คณะวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 สำนวน ที่อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่ปี 2550-2551 และภายหลังยื่นขอพิจารณาคดีโดยไม่มีตัวจำเลย ตามกฎหมายใหม่ปี 2560 ประกอบด้วย คดีกล่าวหาร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่ยกฟ้องเมื่อวันที่ 30 ส.ค.62 , คดีกล่าวหาปล่อยกู้ธนาคารเอ็กซิมแบงค์ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป ให้จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา , คดีกล่าวหาดำเนินโครงการออกสลากพิเศษหวยบนดินโดยมิชอบ ให้จำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา และคดีกล่าวหาแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจเครือชินคอร์ปฯ รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ในกระบวนไต่สวนพยานโจทก์

“องอาจ”เปิดสัมมนา ปชป.เชื่อม 3 กลไก”รมต.-สภาฯ-พรรค”

People Unity News : “องอาจ”เปิดสัมมนา ปชป. พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้สมาชิกพรรค เชื่อม 3 กลไก รัฐมนตรี-สภาฯ-พรรค

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 พรรคประชาธิปัตย์จัดกิจกรรมสัมมนาเพื่อระดมสมองและฝึกปฏิบัติการสำหรับสมาชิกพรรค ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 22– 24 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา ภูโอบ น้ำใส คันทรี รีสอร์ท อ.เมือง จ. นครนายก ซึ่งในการจัดกิจกรรมสัมมนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขับเคลื่อนภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคทั้ง 5 ภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยกรุงเทพมหานคร ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพรรค

ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กทม. และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาและให้นโยบายในการขับเคลื่อน โดยบรรยากาศสัมมนา เป็นไปอย่างคึกคัก

ทั้งนี้นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมสัมมนาให้กับสมาชิกพรรคกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขับเคลื่อนภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคทั้ง 5 ภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยกรุงเทพมหานคร ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ นอกเหนือจากภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทีมผู้บริหารของพรรค นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กทม. มีเนื้อหาในงานที่เน้นการฝึกปฏิบัติการเพื่อนำไปสู่การลงมือทำได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยมีหัวข้อในงานสัมมนาที่สำคัญ อาทิ “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคบนหลัก อุดมการณ์ ทันสมัย” โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค “เศรษฐกิจทันสมัยสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง” โดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “ยุวประชาธิปัตย์… คนรุ่นใหม่พลังขับเคลื่อนใหม่” โดย ดร. สรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการกิจการเยาวชนฯ ที่จะมาพูดคุยพร้อมกับตัวแทนคนรุ่นใหม่ของพรรค “รูปแบบการทำงานแบบผสาน 3 กลไก…เชื่อมคน เชื่อมพรรค เชื่อมสมาชิก” โดย นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ “การสื่อสารและการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างคะแนนนิยม” โดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงกิจกรรมระดมสมอง “ร่วมคิด ร่วมสร้างกรุงเทพ” โดย ดร.ธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้อำนวยการด้านนโยบาย สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย และคณะฯ

“กรุงเทพมหานคร ถือเป็ นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพรรค การจัดกิจกรรมสัมมนาในครั้งนี้เชื่อว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ในการให้สมาชิกพรรคที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนพื้นที่ร่วมกันกับ ส.ส. อดีตส.ส. ผู้สมัครส.ส. และทำงานสอดประสานกับ 3 กลไกหลักของพรรคคือกลไกรัฐมนตรี กลไกสภาฯ และกลไกพรรค เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นางดรุณวรรณ กล่าว

“นิพนธ์”โชว์”ท่าซักโมเดล”สร้างความปลอดภัยทางถนนอุดรธานี

People Unity News : “นิพนธ์”ถก กก.ความปลอดภัยทางถนน จ.อุดรธานี รณรงค์เครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนป้องกันและลดอุบัติเหตุท้องถนน ชู “ท่าซักโมเดล” ตัวอย่าง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดอุดรธานี เพื่อรับทราบถึงแนวทางการขับเคลื่อนกลไกลลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการจากทุกภาคส่วน เจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นเรื่องสำคัญ เป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการสูญเสียชีวิตบนท้องถนน จำเป็นต้องนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)จัดตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) การจัดตั้งเทศบาล และจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลด้านการจราจร ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป โดยท้องถิ่นสามารถตั้งงบประมาณในการดูแลได้

“วันนี้อยากเชิญชวนหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียชีวิตพี่น้องคนไทยบนท้องถนน เท่ากับเป็นการร่วมทำบุญช่วยชีวิตคน เพราะที่ผ่านมาเราสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนปีละกว่า 22,000 ราย พิการอีกว่า 40,000 -50,000 ราย ตัวเลขเหล่านี้จะลดได้ต้องอาศัยหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยให้ดูตัวอย่างโครงการ”ท่าซักโมเดล” จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ใช้ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน 3 ด่าน ด่านครอบครัว ด่านชุมชน ด้านโรงเรียน ให้ความรู้แก่ชุมชน กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนต้องขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาลสำคัญ”

จากนั้นคณะของรมช. มท. เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนเทศบาลหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี 1 ในตำบลต้นแบบของจังหวัดอุดรธานี ในการขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์การปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อย่างเข้มแข็ง แก้ไขปัญหาการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ผ่านการศึกษา การเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยการรวมตัวของ องค์การบริหารส่วนตำบล, เทศบาล, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน,อาสาสมัครชุมชนร่วมกันใช้มาตาการ มาใช้เป็นกลไกแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน ความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำในทุกหมู่บ้านของตำบลหนองวัวซอ เป็นหนึ่งในการแก้ไขปัญหาทางกายภาพ กลายเป็นถนนสายหลักของชุมชนที่ใช้สัญจรในหมู่บ้าน ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ จากการขับรถย้อนศร การข้ามถนน การใช้จุดยูเทิร์นตัดตอนต้นเหตุของปัญหา

เยอะไปแล้วเลือกปฏิบัติ! “ปารีณา” โวย”ชวน”ปิดไมค์

People Unity News :เยอะไปแล้วเลือกปฏิบัติ! “ปารีณา” โวย”ชวน”ปิดไมค์ ไม่ให้หารือขอตั้งกรรมการสอบจริยธรรม “เสรีพิศุทธ์”

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แถลงถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ให้หารือ ในที่ประชุมซึ่งตนเองจะขอให้ ตั้งกรรมการสอบจริยธรรมพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยามในที่ประชุมกรรมาธิการ ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จะตั้งกรรมการสอบจริยธรรม แต่กลับไม่ให้หารือในที่ประชุม ทั้งที ส.ส.คนอื่นก็สามารถหารือเรื่องทั่วไปได้ตามปกติ จึงรู้สึกน้อยใจที่ถูกเลือกปฏิบัติ เพราะนายชวนตัดไมค์มาหลายครั้งแล้ว พร้อมระบุว่า “ท่านช่วนเยอะไปแล้ว”

ส่วนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว นางสาวปารีณา ยืนยันว่า เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยตรงที่มีอำนาจตั้งกรรมการสอบจริยธรรม แต่ก็พร้อมยอมรับคำวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎร และขออย่าเลือกปฏิบัติ หากตนเองไม่สามารถหารือเรื่องทั่วไปได้ คนอื่นก็ต้องไม่สามารถหารือเรื่องทั่วไปได้เช่นกัน

สดุดี”สุวัจน์”! หนุนวิจัย”ไดโนเสาร์โคราชกินเนื้อสายพันธ์ใหม่ของโลก”

People Unity News : สดุดี”สุวัจน์”! หนุนวิจัย”ไดโนเสาร์โคราชกินเนื้อสายพันธ์ใหม่ของโลก” งานแถลงข่าวสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.30 น. ที่อาคารสิรินธร สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้รับการสดุดีในงานแถลงข่าวไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธ์ใหม่ของโลก ในฐานะผู้นำกิติมศักดิ์ทางด้านบรรพชีวินที่ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานอนุรักษ์และวิจัยฟอสซิลของสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯมาถึง 25 ปี กล่าวเปิดงานแถลงข่าว “ไดโนเสาร์โคราชกินเนื้อสายพันธ์ใหม่ของโลก : นักล่าแห่งสยาม” ร่วมกับ นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี, นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในฐานะประธานร่วมกันของงานแถลงข่าว

นายสุวัจน์ได้กล่าวขอบคุณที่ท่านอธิการบดีและคณะผู้วิจัยไทยและญี่ปุ่นได้ตั้งของตน เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของชื่อไดโนเสาร์ที่พบใหม่และเป็นพันธ์ใหม่ ลำดับที่ 12 ของไทย ในชื่อ “สยามแรพเตอร์ สุวัจน์ติ” (Siamrapter Suwati) และนายสุวัจน์ยังแสดงความคิดเห็นถึงความสนใจที่จะพัฒนาในด้านของบรรพชีวินวิทยา เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดนครราชสีมาที่มีความพร้อม โดยเฉพาะด้านฟอสซิล ที่อาจกล่าวได้ว่า โคราชเป็น Fossil City เพราะพบเป็นจำนวนมาก หลากหลายอายุและหลายชนิดในบริเวณชานเมืองจังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถจะพัฒนาไปจนถึงเป็นระดับผู้นำของโลกได้ เพราะศักยภาพโคราชพร้อมและโดดเด่น โดยสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯเป็นเสาหลักในเรื่องนี้ รวมทั้งนำเรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักในการขอรับรองการจัดตั้งพื้นที่ 5 อำเภอ ของโคราชจีโอพาร์ค ให้เป็นจีโอพาร์คโลกที่รับรองโดยยูเนสโก ซึ่งจะมีการประเมิณในอีก 6-7 เดือนที่จะถึงนี้ โดยหวังในความอนุเคราะห์สนับสนุนจากทางกรมทรัพยากรธรณี จังหวัดนครราชสีมา กรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ประการสำคัญคือ ชาวโคราชทั้งหมดที่จะมีส่วนร่วมผลักดันขับเคลื่อน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ของโลกต่อจากเกาหลีใต้และจีน ที่จะได้ชื่อว่า “ดินแดน 3 มงกุฎของยูเนสโก” หรือ “The UNESCO Triple Crown”

โดยภายในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจาก นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายประเสริฐ บุญชัยสุข อีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนมาร่วมงานอย่างอบอุ่น

พล.อ.ประวิตรเรียกถกบริหารจัดการน้ำและถนน

People Unity News : พล.อ.ประวิตรเรียกประชุมคณะทำงาน มอบนโยบาย การปฏิบัติราชการในภูมิภาค มุ่งเน้นประสิทธิภาพ การจัดการน้ำและถนน เพื่อยกระดับ วิถีชีวิตชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม.เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะทำงานเพื่อมอบนโยบายในการกำกับ และติดตาม การปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบความคืบหน้าการปฎิบัติราชการในเขตตรวจราชการ จำนวน 4 เขต (เขต1,7,13,16) รวม 17 จังหวัด พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาเป็นอย่างดี และได้มอบนโยบายให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังนี้ ประการแรกให้เร่งรัดติดตามความก้าวหน้าผลการปฎิบัติงาน ตามนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ประการที่สองให้จังหวัดดำเนินการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ประการที่สามให้จังหวัด รายงานผลความก้าวหน้า การเบิกจ่ายงบประมาณในระบบฐานข้อมูลสาระสนเทศ ประการที่สี่ให้พิจารณาโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามบริบทของพื้นที่ และประการที่ห้าให้รักษา วินัย การเงิน การคลัง อย่างเคร่งครัด โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำขอให้คณะทำงาน และผู้ตรวจราชการ ทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องทุ่มเทในการปฎิบัติหน้าที่ อย่างจริงจัง ด้วยความรับผิดชอบ คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่สำคัญเร่งด่วนได้แก่ปัญหาน้ำแล้งและถนนหนทาง ต้องให้ความสำคัญ โดยมีการประสานงาน กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการในภูมิภาคให้ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับจังหวัดต่างๆถึงระดับอำเภอ ขอให้จัดทำถนนคนเดิน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้เป็นแหล่งค้าขายเพื่อ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรัดการปฏิบัติงานตามแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้จังหวัดจะต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมและเห็นประโยชน์ร่วมกันควบคู่กันไปด้วย

“อนุสรณ์”ชี้เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน

People Unity News : “อนุสรณ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน ส่งออกติดลบ บริโภค ชะลอตัว ลงทุนภาครัฐหด ลงทุนภาคเอกชนลด นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี เครื่องจักรเศรษฐกิจวิกฤตหมดทั้ง 5 ด้าน ว่า สิ่งที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ชะลอตัวลงทุกรายการเครื่องจักรที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 5 ด้าน ได้แก่ การส่งออก, การบริโภคภายในประเทศ,การใช้จ่ายภาครัฐ, การลงทุนภาคเอกชน, การท่องเที่ยว พร้อมใจกันมีปัญหา ทั้งหมด

1.การส่งออกติดลบ จากภาคอุตสาหกรรมหดตัว ยอดคำสั่งซื้อลดลง โรงงานลดจำนวนเวลาทำงาน ลดโอที ปลดพนักงาน เลิกกิจการ เหตุจากเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศ ชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ที่กระทบเกษตรกร ทำให้ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ

2.การบริโภคภายในประเทศชะลอตัว คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เงินเฟ้อหดตัว เงินเดือนไม่ปรับขึ้น เงินออมไม่กล้านำออกมาใช้

3.การลงทุนภาครัฐหดตัว การลงทุนเมกะโปรเจคหลายโครงการเลื่อนออกไป หรือตัวโครงการดำเนินการล่าช้า ไม่มีการลงทุนใหม่ๆ มีแต่โครงการต่อเนื่องจากปีงบฯปีก่อน รายได้รัฐจากการจัดเก็บรายได้กรมเก็บภาษีบางกรม เก็บได้น้อยลง

4.การลงทุนภาคเอกชนลด อันเกิดจากความไม่ชัดเจนของรัฐบาลในการเจรจาการลงทุนจากต่างประเทศ และความล่าช้าของงบประมาณ ทำให้ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ดูได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรม เทียบปีต่อปี หรือไตรมาสต่อไตรมาส รวมถึงตัวเลขคาดการณ์ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า

5.การท่องเที่ยว เมื่อดูรายประเทศ รายภูมิภาค นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เหตุจากภาครัฐไม่มีมาตการระยะยาวในการทำโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวรองรับ ปัญหาเงินบาทแข็งค่า จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

“ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ จะไปหาความมั่นใจหรือความเชื่อมั่นจากที่ไหน เพราะขนาดในทีมเศรษฐกิจทีมเดียวกันเอง ยังโบ้ยความรับผิดชอบ ส่งสัญญาณคายฟันยาง ตัวใครตัวมัน สุดท้ายปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนก็ถูกทิ้งไว้ โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

 

“อนุทิน”เชื่อ”ธนาธร”ไม่พาม็อบลงถนน เหตุไม่อยากทำบ้านเมืองเสียหาย

People Unity News : โนคอมเม้นท์! “อนุทิน” ไม่มีความเห็นต่อคำตัดสิน “ธนาธร” ย้ำกฎหมายห้ามวิจารณ์ศาล เชื่อไร้ม็อบลงถนน มั่นใจ “ธนาธร” ไม่อยากทำบ้านเมืองเสียหาย

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลุดพ้นจากสถานะ ส.ส.ด้วยความผิดเรื่องถือหุ้นสื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กฎหมายห้ามวิพากษ์บิจารณ์คำตัดสินใช่หรือไม่ ดังนั้น ตัดสินอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าคำตัดสินนี้ จะเป็นเหตุให้เกิดการชุมนุมตามมา นายอนุทิน ตอบว่า ผู้ที่อาสามารับใช้บ้านเมือง เป็นผู้แทนประชาชน ถึงขั้นทุ่มเทตั้งพรรคขึ้นมา คงไม่มีความคิดทำให้บ้านเมืองเสียหาย นอกจากนั้น บ้านเมืองยังปกติ ไม่มีเงื่อนไขให้ประชาชนออกมาชุมนุม ที่สุดแล้ว หากทำอะไรก็ตาม ถ้าคำนึงถึงบ้านเมือง รับรองว่าไม่มีปัญหา

“ในความเป็นจริง ถ้าต้องการมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ อยู่ตรงไหนก็ทำงานได้ สำหรับตนเอง เคยโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองมา 10 ปี ทั้งจากการถูกตัดสิทธิ์ตามกฎหมาย และจากการยึดอำนาจ แต่ระหว่างนั้น สามารถช่วยเหลือบ้านเมืองทางอื่นได้ อยากให้ทุกคนมาช่วยกัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่ง หรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม”

มั่นใจภัยแล้ง ไม่กระทบ รพ. ย้ำ ให้บริการได้ตามปกติ

จากสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ ซึ่งมีความกังวลว่าอาจกระทบกับการให้บริการของสถานพยาบาล นายอนุทิน กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมรับมือกับปัญหาข้างต้นแล้ว อาทิ หลายโรงพยาบาล ได้เตรียมบ่อบาดาล และระบบกักเก็บน้ำ เชื่อว่า จะจัดการปัญหาได้

ที่สำคัญปัญหาภัยแล้ง มักจะกระทบกับพื้นที่รอบนอก มากกว่าลามมากระทบกับโรงพยาบาล ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าทางกระทรวงสาธารณสุข มีแผนแก้ไขปัญหา เพื่อให้การบริการเดินหน้าได้อย่างปกติ

เชื่อนานาชาติพร้อมเที่ยวไทย แนะ ทุกภาคส่วน ดูแลเรื่องความสงบ

นายอนุทิน กล่าวภายหลังจากการเยือนประเทศสเปน ในภารกิจเข้าร่วมประชุม IBTM World 2019 หรือการประชุมกลุ่มผู้ประกอบการ “ไมซ์” นานาชาติ ว่า
เป็นการเดินทางไปร่วมประชุม ในกิจกรรมของสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็ป” ทำให้พบว่าต่างชาติ ยังชื่นชอบการเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย

จุดนี้ ประเทศไทยมีความโดดเด่นในเรื่องของสภาพอากาศ ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ไม่มีการชุมนุม ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลเรื่องคามสงบเรียบร้อย ตรงนี้ จะกลายเป็นแรงหนุน ช่วยดึงดูดนานาชาติให้มาพักผ่อน ท่องเที่ยว และจัดอีเว้นท์ในประเทศไทย โดยเฉพาะลูกค้าที่มาเป็นองค์กร มั่นใจว่าธุรกิจ “ไมซ์” จะทำเงินให้ประเทศมหาศาล

ส่วนตัวเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการด้านสุขภาพ ให้มาจัดกิจกรรมที่ประเทศไทย และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

Verified by ExactMetrics