วันที่ 30 พฤศจิกายน 2024

ร.ท.หญิงสุณิสาระบุโครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และเที่ยววันธรรมดาราคาช็อคโลก

People Unity News : ร.ท.หญิงสุณิสาระบุโครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และเที่ยววันธรรมดาราคาช็อคโลก ของรัฐบาลประยุทธ์ จะล้มเหลวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับ โครงการ ชิม ช็อป ใช้ และ ถือเป็นการใช้เงินงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า

วันที่ 11 พ.ย.2562 ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และเที่ยววันธรรมดาราคาช็อคโลกของรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งใช้งบประมาณจาก งบกลาง จำนวน 116 ล้าน บาท รวม 2 โครงการ จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างเป็นรูปธรรมและถือเป็นการใช้เงินงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะ มาตรการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทยที่เริ่มโครงการในวันนี้ เป็นเพียงโครงการประชานิยมที่ไม่ได้สร้างกำลังซื้อให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังไม่มีผลต่อการกระตุ้น GDP เพราะการเพิ่ม GPD จากรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ต้องทำโดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ไม่ใช่ด้วยการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีนักเศรษฐศาสตร์ทักท้วงเรื่องนี้ แล้ว โดยชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของโครงการชิมช็อปใช้ทั้ง 2 เฟส ที่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้ภาคการท่องเที่ยวได้ตามเป้า เพราะคนส่วนใหญ่เลือกใช้สิทธิ์ซื้อของกินของใช้มากกว่าไปเที่ยว เม็ดเงิน 10,667ล้านบาท ที่รัฐบาลเทลงไปจึงไหลไปสู่ภาคการท่องเที่ยวเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์หรือ ราว 141 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลเองก็ยอมรับว่ารายได้ในส่วนของการท่องเที่ยวนั่นต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แต่รัฐบาลประยุทธ์ก็ไม่เข็ดและยังจะทำผิดซ้ำซากอีก ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลประยุทธ์ขาดความระมัดระวังในการใช้เงินงบประมาณของประเทศ และลงทุนด้วยความเสี่ยง โดยไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนเลยว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ใช้ไปหรือไม่ เพราะรัฐบาลย่อมไม่รู้ล่วงหน้าว่าประชาชน 40,000 ราย ที่จะใช้สิทธิ์ในโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวดังกล่าว จะมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินอย่างไร แล้วรัฐบาลจะคำนวณผลตอบแทนที่จะกลับเข้ามาในระบบเศรษกิจได้อย่างแม่นยำได้อย่างไร

นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวก็มีสัญญาณไม่ดีเลยโดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในภาพรวม ก็ตกต่ำอย่างต่อเนื่องมาตลอด ภายหลังการรัฐประหาร โดยข้อมูลของกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในภาพรวม ประจำเดือน ต.ค 62 อยู่ที่ระดับ 46.3 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 แปลว่าคนไทย ไม่กล้าใช้จ่าย เพราะมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี แล้ว พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไปพกเอาความมั่นใจจากไหนมา ทำไมถึงคิดจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวทั้ง ๆ ที่ คนไทยกำลังท้อแท้สิ้นหวัง มีคนตกงานเป็นแสน ๆ คน และเป้าหมายการส่งออกก็หดตัว ทั้งยัง มีข่าวคนฆ่าตัวตายหนีหนี้รายวัน นอกจากนี้ เพื่อความโปร่งใสของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว รัฐบาลต้องแจกแจงรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้ส่วนแบ่งจากเงินอุดหนุน 116 ล้านบาทของรัฐบาล เพื่อให้สังคมเห็นว่าเม็ดเงินดังกล่าวกระจายไปอย่างทั่วถึง หรือกระจุกตัวอยู่ที่ผู้ประกอบการแค่บางกลุ่มกันแน่ รวมทั้ง ต้องเปิดเผยรายชื่อประชาชน 40,000 รายที่ได้สิทธิ์ในโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่นายหน้าที่เข้ามาจองสิทธิ์แทนผู้ประกอบการบางรายเพื่อหวังเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ในวงเงิน 116 ล้านบาทกันแน่ ทั้งนี้ แม้มูลค่าโครงการจะไม่สูง มีมูลค่าเพียงหลักร้อยล้านต้น ๆ แต่ก็เป็นเงินของแผ่นดิน ต่อให้เป็นการใช้งบประมาณเพียงบาทเดียว รัฐบาลก็ต้องใช้อย่างรอบคอบระมัดระวังและต้องใช้เงินด้วยความรับผิดชอบเพราะเป็นเงินของส่วนรวม นอกจากนี้ รัฐบาลประยุทธ์ควรหยุดทำให้ประชาชนเสพติดการแจกเงิน และควรฟังคำทักท้วงของทุกฝ่าย โดยเฉพาะ IMF ที่เตือนให้รัฐบาลระวังการใช้นโยบายประชานิยม แต่รัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และกระตุ้นการผลิต ซึ่งจะเป็นการสร้างกำลังซื้อที่ยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐบาลประยุทธ์ควรดูตัวอย่างประเทศซึ่งมีรากฐานเศรษฐกิจที่แข่งแกร่ง เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดค่าครองชีพประชาชน เช่น ลดภาษีการบริโภคอาหารบางประเภท เพื่อให้คนญี่ปุ่นมีเงินเหลือในการบริโภค ในขณะที่ อินโดนีเซีย ซึ่งโดนสหรัฐตัด GSP เหมือนไทย เขาใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการส่งออกในอุตสาหกรรมที่ไม่ใช้น้ำมันและก๊าซ เพื่อเพิ่ม GDP ไม่มีชาติไหนเน้นการแจกเงิน ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ควรเปลี่ยนแนวคิดในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน และควรยึดถือคำสอนของพระราชาในอดีตที่สอนให้ประชาชนจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจกประชาชน.

เพื่อไทยไม่มีปัญหา! ใครเป็นปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญก็ได้

People Unity News : เพื่อไทยไม่มีปัญหา! ใครเป็นปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญก็ได้ ขอแค่มีความจริงใจและตั้งใจมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกัน

วันที่ 11 พ.ย.2562 ที่พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านนโยบายและแผนงาน พรรคเพื่อไทยและนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกรณีตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 โดยนายโภคิน กล่าวว่าเรื่องหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือความตั้งใจที่มีความสำคัญมากกว่าการตั้งใครมาเป็นประธาน หรือคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยชี้ให้เห็นถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะหากกติกาไม่ดี ไม่ว่าจะเดินประเทศไปในมิติใดก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะรัฐธรรมนูญคือกติกา คือสิ่งที่ต้องเดินหน้าแก้ไขร่วมกัน ยิ่งในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ให้แก้ไขได้ยาก ที่ไม่ว่าใครก็แก้รัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้โดยให้ความเห็นชอบ

“รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง จึงเห็นควรให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนนี้ขึ้นมา ซึ่งเน้นต้องศึกษารายละเอียดรายมาตราที่เป็นปัญหา ส่วนจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง หลักการคือจะต้องแก้ให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปได้โดยไม่มีข้อจำกัด และฝ่ายค้านเสนอให้ตั้งกรรมาธิการเพื่อให้รีบเดินหน้าแก้ไข และอยากให้กรรมาธิการศึกษาปัญหาต่าง ๆแต่ละมาตราที่เป็นประเด็นและสร้างปัญหาในขณะนี้ รวมทั้งเห็นว่าประเทศไทยควรมีโรดแมปที่เป็นกติการ่วมกันที่ทุกคนเคารพกติกานี้ร่วมกัน” นายโภคิน กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีคนเสนอชื่อนายโภคินจะรับตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯหรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ตำแหน่งประธานเป็นเพียงเรื่องรอง แต่แนวคิดของทุกคนที่จะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าประเทศ ไม่ได้มีความต้องการแก่งแย่งกับใคร เพียงแค่อยากทำงานให้ประชาชน เพื่อหากติกาใหม่ที่มาจากประชาชนและเห็นชอบจากประชาชน ซึ่งต้องแล้วแต่มติส่วนรวม สิ่งสำคัญทุกคนต้องสร้างกติกาใหม่เป็นกติการ่วมกัน ประเทศจะสามารถก้าวออกจากกับดักได้

ส่วนกระแสรายชื่อคนนอก อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ซึ่งเคยร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนจะเหมาะสมหรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ ขอแค่มีความจริงใจและตั้งใจมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกัน ซึ่งหากเป็นคนที่เคยร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนถือว่าเป็นเรื่องดี เพื่อจะได้มาหาแนวทางร่วมกันจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอยากขอความจริงใจกรรมาธิการฯ ศึกษาเพื่อแก้ปัญหาและกำหนดกติกาใหม่ร่วมกันที่มาจากความต้องการของประชาชน ไม่ใช่การตั้งกรรมาธิการเพื่อซื้อเวลาให้หมดวาระแล้วยังไม่แก้ไขเรื่องใดที่เป็นรูปธรรม

นายวัฒนา กล่าวว่า ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สัดส่วนของกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนี้มีทั้งสิ้น 49 คน แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 12 พรรคร่วมรัฐบาล18 คน รวมเป็นฝ่ายรัฐบาล 30 ขณะที่ฝ่ายค้าน19 คนเป็นพรรคเพื่อไทย 10 คนโดยมี 3 คนจากส่วนกลางได้แก่ นายโภคิน ประกอบด้วย ส่วนกลาง 3 คน คือนายโภคิณ นายวัฒนา และนายพงศกร อรรณนพพร อดีตส.ส.ขอนแก่น และสัดส่วนตามภาคอีก 7 คน จากส.ส.รายภาคโดยให้ไปคัดเลือกตามความเหมาะสม ด้วยการโชว์วิสัยทัศน์ เพื่อรับฟังเสียงของประชาชน แต่รายชื่อกรรมาธิการในแต่ละภาคของพรรคขณะนี้ยังไม่ได้สรุปชื่อ

“ความสำคัญของกรรมาธิการเป็นกระบวนการรับฟังเสียงประชาชน หากผลการศึกษาพบว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาจะส่งเรื่องต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ส่วนกรณีที่ส.ว.บางคนแสดงความเห็นไม่สนับสนุนให้แก้ไขมีเพียงบางคนเท่านั้น ที่เหลือยังไม่ได้แสดงความเห็น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรว่าอย่างไร คือเสียงสะท้อนจากประชาชน ขณะที่การแก้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือให้อำนาจประชาชน ผ่านกระบวนการตั้ง สมาชิกสภาร่งรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อลดความขัดเเย้งลงได้ ซึ่งการแก้ไขต้องใช้เวลาหากไม่เริ่มทำวันนี้ ก็ไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพเหมือนเดิม”

“บิ๊กตู่”นำครม.สัญจรราชบุรี-กาญจนบุรี นมัสการเจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม

People Unity News : “บิ๊กตู่” ครม.สัญจรราชบุรี-กาญจนบุรีครั้งแรก พร้อมเยี่ยมชมร้านค้าริมคลองดำเนินสะดวก และนมัสการเจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม พบปะประชาชน

วันที่ 11 พ.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยคณะ ออกเดินทางจากสนามบินเฮลิคอปเตอร์ พล.ม 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังค่ายบุรฉัตร ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยนั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจภูมิประเทศ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงการทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว – บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510

หลังจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรี ลงพื้นพบประชาชนกว่า 4,000 คน ที่ อาคารโรงยิมเนเซี่ยมองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เพื่อมอบหนังสืออนุญาตที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องป่าไม้ และการดูแลรับมือผู้สูงอายุในอนาคต ส่วนการลงทุนในอนาคตต้องดูเรื่องสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษา ที่ไม่ใช่แค่ในห้องเรียนเท่านั้นแต่ต้องศึกษาตลอดชีวิต เพราะปัจจุบันโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นจำนวนมาก ที่ทุกคนมีสิทธิ์จะโพสต์หรือด่าใครก็ได้ เพราะนั่นคือประชาธิปไตย แต่อยากให้คิดไต่ตรองประกอบด้วยเพราะอาจผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็อยากให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อย และทุกวันนี้มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตนเองก็มาจากการเลือกตั้ง ส่วนที่ผ่านมาก็คนละเรื่องกัน เมื่อมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้า ครม. ต้องทำให้ทุกพรรค และต้องนำทุกเรื่องที่หาเสียงมาพูดคุยก่อนนำมาหารือใน ครม. ไม่ใช่ทำแต่พื้นที่ของรัฐบาล แต่ต้องทำให้พื้นที่อื่นด้วย เพราะเป็นคนไทยและทุกพื้นที่ต้องได้ประโยชน์จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

พร้อมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชน อย่าขัดแย้ง แต่นิสัยคนไทยก็ชอบเชียร์มวย ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะก็ขอเชียร์ไปก่อน ส่วนชิมช้อปใช้ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็มีการซื้อขายในพื้นที่ ที่รัฐบาลต้องการเงินกระจายในพื้นที่ไม่ได้อุดหนุนคนรวย หรือทำเพื่อใคร และหลายคนก็มีความสุข และ 5 ปีที่ผ่านมาก็ปฏิรูปหลายเรื่อง หากไม่เกิดความขัดแย้งก็ไม่เรียกว่าเป็นการปฏิรูป แต่ประเทศไทยจะต้องเป็นหนึ่งเสมอ ส่วนการลงพื้นที่ครั้งนี้ก็ต้องใจมาพูดคุยกับประชาชนเพราะนี่คือบ้านของตนเองเช่นกัน

ทั้งนี้ ภายหลังจากพูดคุยกับชาวบ้านแล้วนายกรัฐมนตรียังได้ไปทักทายกับนักเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศราชบุรี ที่มาเกาะหน้าต่างห้องรอรับและส่งเสียงเชียร์นายกรัฐมนตรี ให้นักเรียนตั้งใจเรียนเพราะเวลาเรียนมีน้อยอยู่แล้ว และขอให้เลือกเรียนในสาขาที่มีงานทำ ขณะที่นักเรียนบอกว่าจะรับปากว่าจะตั้งใจเรียน และขอให้ลุงตู่มินิฮาร์ท เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคูคลอง โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ “วิถีคลอง วิถีไทย” การท่องเที่ยววิถีเกษตร สะท้อนประวัติศาสตร์ และแวะสักการะพระประธาน (หลวงพ่อลพบุรีราเมศร์) และนมัสการเจ้าอาวาส วัดโชติทายการาม ณ พระอุโบสถ

กระทั่งเวลา 11.45 น. กำหนดการนายกรัฐมนตรี เตรียมลงเรือจากท่าเรือวัดโชติทายการามไปยังตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก ตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เพื่อเยี่ยมชมร้านค้าเก่าแก่ริมคลองดำเนินสะดวก และพบปะประชาชน จากนั้นเตรียมเดินทางไปสนามกีฬาเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

อย่างไรก็ตาม ประชาชนไม่พลาดจับตาดูทะเบียนรถนายกรัฐมนตรี ที่นั่งลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะบรรดาคอหวยไม่ลืมใช้มือถือถ่ายภาพทะเบียน คือ กน 1122 ราชบุรี ซึ่งหลายคนตั้งใจมาถ่ายภาพไว้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชคประจำงวดวันที่ 16 พ.ย. ที่กำลังจะมาถึงนี้

“ธณิกานต์”เผยรับสมัคร”เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน”ร่วมออกแบบกรุงเทพฯ

People Unity News : “ธณิกานต์”ประธานอนุฯพัฒนาการเมือง เปิดรัฐสภารับสมัคร “เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน”ร่วมออกแบบกรุงเทพฯ

วันที่ 11 พ.ย.2562 ประเทศชาติไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน โครงการ ‘Active Citizenship : เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน’ คือ โอกาสอันดีของเยาวชนในการส่งเสียงเพื่อชาติ เสียงที่จะมีภาครัฐและผู้บริหารประเทศมารับฟัง และนำไปต่อยอดให้เป็นรูปธรรม ด้วยการมา workshop ออก idea ร่วมกับพี่ๆภาครัฐและกลุ่มการเมือง เพื่อสร้างบ้านกรุงเทพของเราร่วมกัน

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตบางซื่อ-ดุสิต ประธานคณะอนุกรรมาธิการการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนฯ สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า คณะอนุฯ เตรียมเปิดรัฐสภาแห่งใหม่ ต้อนรับเยาวชนกว่า 250 คน ที่เข้าร่วมโครงการ ‘Active Citizenship : เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน’ ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ของประเทศไทย ชื่อว่า ‘สัปปายะสภาสถาน’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศ เยาวชนผู้เข้าร่วมทุกทีมจะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองกับพี่ๆนักการเมืองรุ่นใหม่ คณะรัฐมนตรีและทีมผู้บริหารประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเข้ามารับฟัง เพื่อกำหนดนโยบายจากเสียงเยาวชนอย่างแท้จริง

โครงการประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ 1) Open House ให้เยาวชนมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรม workshop เปิดโลกทัศน์ใหม่ ในสถานที่ทำงานจริง รัฐสภาแห่งใหม่ 2) On Field การลงพื้นที่ทำงานจริง สำรวจ เลือกพื้นที่ใกล้ตัว จุดประกายการเปลี่ยนแปลง 3) Voice your idea นำเสนอไอเดียกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ

สอบถามเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ รัฐสภา โทร. 0-2244-2640-41 และ Facebook/เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน LINE : @ActiveCitizenship

“บิ๊กป้อม”แนะน้อมนำศาสตร์พระราชา-ศก.พอเพียง ขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพชีวิตประชา

People Unity News :  “ประวิตร”ย้ำทุกส่วนราชการกาญจนบุรี ต้องลงพื้นที่เดินงานให้ตรงความต้องการของประชาชน มุ่งเสมอภาคและเท่าเทียมกัน น้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการขับเคลื่อนงานยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

วันที่ 11 พ.ย.2562 เวลา 09.00 น. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมติดตามและมอบนโยบายการปฏิบัติงานในพื้นที่ ณ ศาลากลาง จ.กาญจนบุรี โดยได้กล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับทุกส่วนราชการของ จ.กาญจนบุรี ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมขับเคลื่อนงานตามนโยบายที่ผ่านมาให้มีความคืบหน้าในทุกด้าน โดยได้ย้ำนโยบายสำคัญ ให้ร่วมสร้างความตระหนักรู้กับประชาชน ถึงความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ต้องดำรงรักษาไว้เพื่อสันติสุขของบ้านเมือง และให้น้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการขับเคลื่อนงานยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้ทำความเข้าใจและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน สร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม ขณะเดียวกันจำเป็นต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหา แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนม่าในพื้นที่ ให้ครอบคลุมทั้งระบบและต้องไม่ให้มีการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด

สำหรับการพัฒนาระดับพื้นที่ ทุกส่วนราชการต้องลงพื้นที่ ดูปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน โดยจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายในการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษและการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ชัดเจน เพื่อการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค และเสริมจุดแข็ง กระจายประโยชน์ในพื้นที่ให้ทั่วถึง ในขณะเดียวกัน ต้องเร่งรัดจัดที่ดินทำกินให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านสามารถยืนและตั้งหลักได้บนที่ดินทำกินได้อย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการกระจายน้ำ การปรับปรุงแหล่งเก็บกักน้ำให้เพียงพอเพื่อการเกษตรในพื้นที่อย่างทั่วถึง นอกจากนั้น การดูแลแหล่งต้นน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องส่งเสริมโครงการป่าชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยกันฟื้นฟูรักษาทรัพยากรน้ำและป่าไม้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตรได้กำชับกับทุกส่วนราชการว่า ความสงบและความมั่นคงในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกส่วนราชการในพื้นที่ จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและทั่วถึง บนพื้นฐานของความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นหลัก เพื่อมุ่งลดเงื่อนไขความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้มากที่สุด ตามนโยบายหลักของรัฐบาล

“บิ๊กตู่”สั่งเหล่าทัพร่วมสนับสนุนประชุม”รมว.กห.อาเซียน”สมเกียรติ

People Unity News : “บิ๊กตู่”สั่งเหล่าทัพร่วมสนับสนุนประชุม”รมว.กห.อาเซียน”สมเกียรติ ระหว่าง 16- 19 พ.ย.นี้ ภายใต้หลักคิดความมั่นคงที่ยั่งยืน

วันที่ 11 พ.ย.2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม(กห.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมสนับสนุนการจัดประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ( ADMM Retreat ) และการประชุม รมว.กห.อาเซียนกับ รมว.กห.ประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 6 ( ADMM – Plus ) ที่ กห.กำหนดเป็นเจ้าภาพจัดให้มีขึ้นระหว่าง 16- 19 พ.ย.62 ณ รร. Avani+ Riverside กรุงเทพฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประสบความสำเร็จ สมเกียรติของ กห.และประเทศไทย ในฐานะประธานอาเซียนในปี 62

“โดยขอให้ดำรงแนวคิดหลักในการเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบ-ADMM-และ-ADMM-Plus-คือ “ความมั่นคงที่ยั่งยืน” พร้อมทั้งมุ่งส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างอาเซียนกับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคให้ครอบคลุมในทุกมิติ ยึดหลักความเป็นแกนกลางของอาเซียน-(ASEAN-Centrality) เป็นหัวใจสำคัญในการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพต่อความท้าทายด้านความมั่นคงที่สำคัญของภูมิภาค”

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า รมว.กลาโหมประเทศต่างๆ จะเริ่มทยอยเดินทางมาตั้งแต่ 16 พ.ย.62 โดยมีกิจกรรมที่สำคัญดังนี้ 16 พ.ย.62 : – การหารือทวิภาคี 17 พ.ย.62 : – การประชุม รมว.กห.อาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ (ADMM Retreat) – การประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน +1 อย่างไม่เป็นทางการ (ADMM+1 Informal Meeting) 18 พ.ย.62 : – พิธีเปิดงาน Defense & Security 2019 – การประชุม ADMM-Plus ครั้งที่ 6
– การส่งมอบการเป็นประธานการประชุม ADMM ให้กับ กลาโหมเวียดนาม 19 พ.ย. 62 : กิจกรรมสันทนาการ

“ลูกท็อป”แนะ”ปธ.กมธ.ศึกษาแก้รธน.”ต้องมีลูกล่อลูกชน

People Unity News : “วราวุธ”เชื่อปมแก้รธน.ไม่ทำพรรคร่วมแตก ชี้คุณสมบัติ “ปธ.กมธ.” ต้องมีลูกล่อลูกชน-ชำนาญกฎหมาย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่โรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของพรรคชทพ.นั้น ว่า ในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) พรรคชาติไทยพัฒนา จะมีการหารือกัน โดยพรรคก็คงได้สัดส่วนหนึ่งคน เพราะเรามีส.ส.เพียง 11 เสียง ดังนั้น จึงจะมีการหารือกันว่าใครจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นตัวแทนของพรรค ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถบอกว่าใครเหมาะสม เพราะถ้าพูดตอนนี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว จึงขอให้รอมติพรรคดีกว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าแกนนำของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการหารือกันระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จ.ราชบุรีนั้น ถึงวันนี้ ยังไม่มีใครได้พูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปิดวงคุยแบบกิจลักษณะ เป็นแค่ลักษะพูดคุยและกินกาแฟร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนรายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอให้ดำรงตำแหน่งประธานกมธ.นั้น ทางพรรคไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า อย่างที่เคยพูดไว้ว่าเบื้องต้นเราจะต้องฟังก่อน ว่าในที่ประชุมของพรรคร่วมรัฐบาลมีแนวทางและความคิดอย่างไร เพื่อนำผลไปหารือกับทางพรรคอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามอีกว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นประธานกมธ.ควรมีลักษณะอย่างไร อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีความเหมาะสมหรือไม่ หากเทียบเคียงกับ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฏร นายวราวุธ กล่าวว่า บุคคลที่เหมาะสม จะมาทำหน้าที่ตรงนี้มีหลายท่าน แต่ทั้งหมดต้องเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ คร่ำหวอดในวงการการเมือง โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย และประการสำคัญจะต้องสามารถยืดหนุ่นในการทำงานได้ เพราะต้องมีการประสานกับทุกฝ่าย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ข้อดีมีมาก แต่ข้อที่จะต้องปรับปรุงก็มีบางส่วน ดังนั้น ผู้ที่จะมานั่งเป็นประธานกมธ. จะต้องบาลานซ์ความต้องการทุกฝ่ายได้ จึงจำเป็นต้องมีประสบการณ์และลูกล่อลูกชนมากพอสมควร

“ในเรื่องการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ผมพูดมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เป็นหนึ่งในรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 รวมทั้งฉบับปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าทุกฉบับมีบางเรื่องที่ควรจะมีการแก้ไข เพราะช่วงที่ร่างกับช่วงที่นำมาปฏิบัติใช้มีความยากง่ายแตกต่างกันไป เพราะห้วงเวลาต่างกัน มีทั้งข้อจำกัด และบริบทของสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละฉบับมีข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกัน จะต้องมานั่งคุยกันว่ามีประเด็นใดบ้างที่ควรจะแก้ไข” นายวราวุธ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าการชิงเก้าอี้ตำแหน่งประธานกมธ. จะเกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมานั่งคุยกัน แต่คิดว่าไม่มีความขัดแข้งใดๆ

“ปารีณา”สุดปลื้ม! “บิ๊กตู่”เตรียมขนครม.สัญจร”ราชบุรี-กาญจนบุรี”

People Unity News : “บิ๊กตู่” เตรียมขนคณะรัฐมนตรี เยือน”ราชบุรี-กาญจนบุรี” ประชุมครม.สัญจร ครั้งแรก ขณะที่ 3 สาว ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ ยินดีนายกฯลงพื้นที่ หวังพัฒนาภาคตะวันตก

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมจะประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ เป็นครั้งแรก หลังมีรัฐบาลใหม่ โดยบรรยากาศ การเตรียมความพร้อมตามสถานที่ต่างๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ ได้เตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว รวมถึงได้มีการกระจายกำลังดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องให้โรงเรียนหยุด เพื่อลดปัญหาการจราจร

ขณะที่กำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาถึงจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยจะเริ่มด้วยการ นั่งเฮลิคอปเตอร์ ตรวจระบบโลจิสติกส์ โครงการทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อ ที่สามแยกวังมะนาว ก่อนมาถึงโรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นประธานสักขีพยาน มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรือ อยู่อาศัย ในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน พร้อมพบปะประชาชน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางต่อไปยังอำเภอดำเนินสะดวก เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาคูคลอง โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ ซึ่งจุดนี้ จะมีการลงเรือด้วยส่วนช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จะตรวจเยี่ยมโครงการจัดระเบียบแพ ที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ก่อนพบปะประชาชน ที่โรงงานกระดาษไทย และช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จะร่วมลอยกระทงกับชาวกาญจนบุรีด้วย

โดยนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มาประชุมแถบภาคตะวันตก ซึ่งในแถบภาคตะวันตก ที่ผ่านมา ยังมีการพัฒนาที่ไม่มากพอ ทำให้ประชาชนบางส่วน ต้องไปทำงานในภาคตะวันออก โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี ภาคตะวันตก ก็หวังว่า ภาคตะวันตก จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี เพราะพญามาเหยียบเมืองภาคตะวันตก ทุกอย่างต้องดีขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่า ความเจริญที่ครม.ลงมา ถ้าสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทุกอย่างจะเปลี่ยนและดีขึ้น

ขณะที่ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะที่เดินทางมา โดยถือว่า เป็นโอกาสที่ดีที่นายกฯมารับรู้ และรับฟังปัญหา ในสิ่งที่ชาวราชบุรี อยากให้เกิดขึ้น อาทิ ถนน แหล่งน้ำ ความเป็นอยู่ การพัฒนาภาคตะวันตก รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะศึกษาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันตก จึงขอฝากนายกฯมาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาภาคตะวันตก

ส่วน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็บอกว่า พวกเราส.ส.ราชบุรี รู้สึกดีใจ ที่นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี เดินทางมาเยืิอนจังหวัดราชบุรี ซึ่งการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ ก็มีประชาชน รอต้อนรับ และเตรียมที่จะพบปะพูดคุย

“ธนาธร”ร่วมจัดกิจกรรม “ฟิวเจอร์ แคมป์” รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก

People Unity News : “ธนาธร”ร่วมเปิดศูนย์”อนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี” จัดกิจกรรม “ฟิวเจอร์ แคมป์” เชื่อมโยงพรรค-สมาชิก ชี้ “พรรคการเมือง” เป็นเพียงยานพาหนะที่ทำให้ฝันเป็นจริง ด้าน “ไพบูลย์” ว่าที่ผู้สมัคร อบจ.นนท์ เปิดเวทีระดมความคิดผลิตนโยบาย สู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์​ประสานงานพรรคอนาคต​ใหม่ ฝั่ง​ธนบุรี​ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อม ส.ส.ของพรรคคับคั่ง อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ร่วมเปิดศูนย์ประสานงาน​พรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี​ เพื่อกระจายอำนาจการบริหารและขยายงานจากสำนักงานใหญ่​ อีกทั้งเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และพบปะกับ ส.ส.​ของพรรค โดย บรรยากาศในงานมีประชาชนมาร่วมอย่างคับคั่ง​ มีร้านอาหารของดีจากฝั่งธนบุรีเปิดบูธขายภายในงาน อาทิ ผัดไทย​โบราณ ข้าวคลุกกะปิ​เจ้าดัง เป็นต้น  โดยนายธนาธรได้แจกถุงผ้าให้กับสื่อมวลชนและสาธิตการใช้จานจากใบสักและกาบต้นตาล เพื่อช่วยรณรงค์ลดการใช้พลาสติก

นายธนาธร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งศูนย์ฯ เนื่องจากต้องการให้ประชาชนเข้าถึงพรรค และเชื่อมโยงกับพรรคได้โดยง่าย เพราะกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่ใช้ระยะเวลาการเดินทางนาน ชาวฝั่งธนบุรีจะเดินทางไปสำนักงานใหญ่ของพรรค ถนนเพชรบุรีตัดใหม่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ดังนั้น การเปิดศูนย์ฯครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนฝั่งธนบุรี ได้มีพื้นที่ในการเชื่อมโยงกับพรรคและพบปะกับ ส.ส.ของพรรคได้โดยง่าย

เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน – เดินหน้าสร้างพรรคมวลชน

นายธนาธร กล่าวว่า การที่เราตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา สิ่งที่อยากเห็นคือ เป็นพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เข้มแข็งจากรากฐาน จากสมาชิกพรรค แต่เนื่องด้วยมรสุมต่างๆ ที่ตนเองและพรรคเจอ ทำให้เราลงทุนในเวลาเรื่องนี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างพรรคแบบที่เราอยากเห็น ดังนั้น ในปีหน้า เราจะกลับมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคของมวลชนอย่างแท้จริง ให้เป็นพรรคที่เสียงของสมาชิกสามารถกำหนดทิศทาง ส่วนพรรคการเมืองเป็นเพียงยานพาหนะ เป็นเพียงกลไล ที่จะทำให้ความฝันของสมาชิกเป็นจริงได้ จึงหวังว่าที่ศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี จะเป็นชุมชนของผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้น่าอยู่และอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ

“ศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี เกิดขึ้นจาก ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะต้องการให้ประชาชนเข้ามาใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ เสนอแนะ ผลักดันเรื่องต่างๆทางการเมือง เหมือนที่จะได้มีการจัดกิจกรรมฟิวเจอร์แคมป์ ในงานวันนี้ด้วย ผมยืนยันว่าศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี รวมถึงศูนย์หรือสาขาพรรคทั่วประเทศ เป็นพื้นที่เปิดรับสำหรับประชาชนทุกคน” นายธนาธร กล่าว

ถกเข้มเรื่องท้องถิ่น – 6 ส.ส.ฝั่งธนบุรีโชว์วิสัยทัศน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันในการจัดกิจกรรมเปิดศูนย์ฯ ฝั่งธนบุรี มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมงานโดยตลอดทั้งวัน ร่วมสมัครสมาชิกพรรค และเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก ทั้งนี้กิจกรรมหลักของพรรคที่ 3 เรื่องที่จัดขึ้นในวันเดียวกันนี้คือ 1.ฟิวเจอร์แคมป์ การร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายสำหรับการพัฒนาฝั่งธนบุรี 2.ฟิวเจอร์ริสต้า การรับสมัครอาสาสมัครช่วยงาน และ 3.ฟู้ดธน หรือการรวบรวมอาหารดี ของดี ฝั่งธนบุรีมาเปิดร้านจำหน่ายระดมทุน

ทั้งนี้ ในช่วงเย็นยังมีเวทีเสวนาเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น โดย นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค รวมถึงกิจกรรมส่งท้ายนั่นคือการพูดคุยถึงวิสัยทัศน์ฝั่งธนบุรี โดย ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรีทั้ง 6 คน ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ , นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์, นายทศพร ทองศิริ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายโชติพัฒน์ เตชะโสภณมณี

“ไพบูลย์” ว่าที่ผู้สมัคร อบจ.นนท์ เปิดเวทีระดมสมอง

เวลา 13.00 น. ที่ลานเอนกประสงค์ ตลาดน้ำวัดบัวขวัญ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงาน นายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นนทบุรี และศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จ.นนทบุรี จัดกิจกรรม “เวิร์คช็อปนโยบายนนทบุรี” โดยเป็นการะดมความคิดเห็นในด้านต่างๆ จากประชาชนในในจังหวัด เพื่อเตรียมนำไปกำหนดเป็นนโยบายสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งต่อไป โดยมีประชาชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายไกลก้อง ไวทยการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมรับฟังการนำเสนอของประชาชนชาว จ.นนทบุรีด้วย

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองและทีมงานเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาครบทุก 6 อำเภอ แต่อาจยังไม่ครบทุกตำบลและหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้สรุปปัญหาที่ประชาชนสะท้อนให้ฟังได้ 8 หัวข้อ ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2.แม่น้ำลำคลอง 3.แอพลิเคชั่นสำหรับนนทบุรี 4.สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 5.รถติด 6.อากาศเสีย 7.เศรษฐกิจ และ 8.การศึกษา ทั้งหมดนี้ถูกนำมาพูดคุยในกิจกรรมเวิร์คช็อปครั้งนี้

“ธนาธร” ลั่นไม่ใช่หวังตำแหน่ง แต่คือสร้างความเปลี่ยนแปลง

นายไพบูลย์ กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ เราได้ประกาศเชิญชวนชาวนนทบุรีที่สนใจ มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนในหัวข้อที่ตนเองสนใจทั้ง 8 กลุ่มหัวข้อ เปิดอกพูดคุยกันว่าปัญหาแต่ละเรื่องนั้นเป็นอย่างไร เกิดขึ้นเพราะอะไร แนวทางการแก้ไขควรเป็นอย่างไร โดยทั้งหมดได้ถูกนำมาสรุปและเตรียมนำไปวิเคราะห์ และพัฒนาเป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในนามพรรคอนาคตใหม่ ต่อไป ทั้งนี้ ตนมองว่าการที่จะมีนโยบายที่ดีที่ตอบสนองกับประชาชน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพี่น้องประชาชน ให้กับ จ.นนทบุรีได้ นโยบายต่างๆ ต้องออกมาจากประชาชน พวกเขารู้ว่าตนเองประสบปัญหาอะไร รู้วิธีการแก้ปัญหา เราในฐานะผู้ที่จะนำนโยบายเหล่านั้นไปปฏิบัติ ไปผลักดันต้องมารับฟัง

ด้าน นายธนาธร กล่าวว่า นี่คือการเดินทางเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง คุณไพบูลย์ไม่ได้มีความฝันเพียงเพื่อแค่ได้ตำแหน่งนายก อบจ.นนทบุรี แต่คุณไพบูลย์มีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง จ.นนทบุรี ทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ทำให้คนไทยทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันกับโลก ทำให้คนมีงานทำในจังหวัด ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมความหมายได้ที่บ้านเกิดของตนเอง ไม่ต้องไปทำงานในต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็น และอยากขอให้ทุกท่านในที่นี้ร่วมเดินไปข้างหน้าพร้อมกับคุณไพบูลย์ พร้อมกับพรรคอนาคตใหม่

“นรินท์พงศ์”ยื่นขอยุติคดี “พิชัย” ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เหตุมีการประกาศยกเลิกตัวคำสั่งเเล้ว

People Unity News : “นรินท์พงศ์”ยื่นขอยุติคดี “พิชัย” ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เหตุมีการประกาศยกเลิกตัวคำสั่งเเล้ว ด้าน อดีต รมว.พลังงาน จวก “ประยุทธ์-สมคิด” อย่าหลอกว่าเศรษฐกิจดีทั้งที่จริงสวนทาง

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัยได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดี ฝ่าฝืนเงื่อนไข ท้ายคำสั่ง คสช.ที่ 39/2557 ที่ คสช. โดย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง เป็นผู้รับมอบอำนาจ เเจ้งความดำเนินคดี กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กรณี เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้สัมภาษณ์สื่อและแสดงความเห็นทาง facebook ในช่วงปี 2558 ว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาตนพร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความ ได้เดินทางไป สน.ดุสิต เข้าพบ ร.ต.อ.ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเพื่อ หารือชี้แจงข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของนายพิชัยว่า เนื่องจากภายหลัง คสช.ได้มีคำสั่ง ที่ 22/2561 (ปลดล็อคทางการเมือง) ให้ประชาชนและการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่39/2557 ตามข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ให้การกระทำตามข้อกล่าวหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไปขอให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรับทราบและจะสรุปสำนวนเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป

ด้าน นายพิชัย กล่าวว่า การการปิดกั้นความเห็น และพยายามใช้คดีความเพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อมูลความจริง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ทางเศรษฐกิจ จะต้องหมดไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่หวังจะพัฒนาจะต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น การที่สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากในปัจจุบัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจกลับพยายามบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจยังดีสวนทางกับความเป็นจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะหลงทางและไม่ยอมรับความจริง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะถดถอยจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย

แต่นายสมคิด กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ซึ่งสวนกับตรรกะของความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจโลก แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกดีแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์และนายสมคิดกลับไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีได้ เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยเฉลี่ยเพียงปีละ 3% เท่านั้น พอเศรษฐกิจแย่หนักก็คิดได้แค่แจกเงินเพื่อปิดปากคนยากจน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนาขึ้น ขนาดไอเอ็มเอฟยังเตือนไทยเรื่องการแจกเงินสะเปะสะปะแต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันนี้ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิดต้องหันกลับมาพิจารณาว่าสาเหตุใดที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงได้ล้มเหลวอย่างมาก ต่างกับการบริหารเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามอย่างสิ้นเชิง

หลายปัจจัยน่าจะมาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการยอมรับของประชาคมโลกต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่สื่อหลักของโลกยังคงวิจารณ์รัฐบาลในด้านลบมาโดยตลอด ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของพลเอกประยุทธ์และนายสมคิดที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีมาตลอดหลายปี และไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่างพากันประสพปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก ในขณะที่มีหลายคนได้มาขอบคุณตนที่ได้เตือนให้ระวังภาวะเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่เลยทำให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในปัจจุบัน

Verified by ExactMetrics