วันที่ 28 ธันวาคม 2024

“ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการทีวี พาดพิงก่อนศึกซักฟอก ส่งแจ้งความเอาผิด

People Unity News : “ศักดิ์สยาม”ฉุนรายการโทรทัศน์พูดพาดพิงก่อนศึกซักฟอก ชี้ให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง มอบ ส.ส.พรรค แจ้งความเอาผิดผู้ดำเนินรายการ – ต้นสังกัด

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมส.ส.ของพรรคที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ เป็นประธานการประชุม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงกรณีที่มีรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ที่ผู้ดำเนินรายการมีการพูดพาดพิงนายศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย ในประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า รายการดังกล่าวมีการพูดพาดพิง โดยให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งตนได้ถอดข้อความจากรายการดังกล่าวทั้งหมดแล้ว พบว่าข้อมูลที่ผู้ดำเนินรายการพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สร้างความเสียหายให้แก่ตน และพรรคภูมิใจไทย ถือว่ามีความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) ตนจะแถลงรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคมอีกครั้ง

ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมว่า จากการพิจารณากรณีดังกล่าว ทางพรรคจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน และบริษัทต้นสังกัด ในฐานะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนายศักดิ์สยาม จะไปแจ้งความที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกันนี้หัวหน้าพรรคฯ จะทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส.ส.เขตของพรรคทั้ง 39 คน ไปดำเนินการแจ้งความในพื้นที่ของตัวเอง รวมทั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 12 คน ซึ่งรวมถึงตัวนายอนุทิน ก็จะไปแจ้งความด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ขณะนี้มีเพียงกระแสข่าวว่าใครจะถูกอภิปรายเท่านั้น ซึ่งการที่ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด คนที่ไม่รู้ก็อาจจะเชื่อ และคล้อยตามได้ ทำให้นายศักดิ์สยาม และพรรค เกิดความเสียหาย

ภท. จ่อ นำทัพรมต. – ส.ส. สัญจรศรีสะเกษ – นครสวรรค์ เจาะปัญหาปชช.

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า พรรคจะจัดการประชุมสัญจรพรรคภายในปี 2562 จำนวน 2 ครั้ง คือ ที่ จ.ศรีสะเกษ และจ.นครสวรรค์ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดสรรมาให้ โดยกกต.ได้ให้ความเห็นชอบ และสนับสนุน ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองดังกล่าว สำหรับในปี 2563 พรรคตั้งเป้าหมายจะประชุมพรรคสัญจร จำนวน 6 ครั้ง เฉลี่ย 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง โดยจะไปตามจังหวัดต่างๆที่มีการวางแผนงานไว้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้จะต้องเป่นไปตามระเบียบของกกต. และขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน ซึ่งการจัดกิจกรรมต้องได้ประโยชน์มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่สัญจรของพรรคภูมิใจไทย เป็นแนวคิดของนายอนุทิน เพื่อติดตามการทำงานของส.ส.ในพื้นที่ และรับทราบปัญหาของประชาชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และตรงจุด

“หมวดเจี๊ยบ”เย้ย”บิ๊กตู่”สร้างประวัติศาสตร์ ทำสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐตกต่ำที่สุด

People Unity News :  “หมวดเจี๊ยบ”เย้ย”บิ๊กตู่”สร้างประวัติศาสตร์ ทำสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐ ตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี

วันที่ 5 พ.ย.2562 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าคิดไปเองว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เพราะเบื้องหลังของการประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหลและทิ้งร่องรอยความบาดหมางระหว่างหลายประเทศไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูต่างหน้า โดยเฉพาะสหรัฐซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ที่ถูกผู้นำ 7 ประเทศอาเซียนประท้วง โดยการส่งแค่รัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ครั้งที่ 7 ซึ่งสหรัฐระบุว่า นี่คือการไม่ให้เกียรติต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาติต่าง ๆ ในอาเซียนไม่ได้เห็นหัว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นประธานอาเซียนเลย จึงไม่ไว้หน้า พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการปล่อยให้ผู้แทนของสหรัฐประชุมอย่างเหงาหงอย ร่วมกับ ผู้นำ 3 ชาติ คือ ไทย ลาว และเวียดนาม พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ 7 ชาติ แทนที่จะเป็นการประชุมระหว่างสหรัฐกับผู้นำทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งเหตุที่ ลาว และเวียดนาม ส่งผู้นำร่วมประชุมก็เพราะมีความจำเป็นบังคับ เนื่องจากลาว อยู่ในฐานะประเทศผู้ประสานงาน ส่วนเวียดนามกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งต่อไป ซึ่งสื่อต่างประเทศได้ตีข่าวความไม่พอใจของสหรัฐในเรื่องนี้ไปทั่วโลก ย่อมส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองว่าไร้น้ำยาจึงไม่สามารถควบคุมการประชุมให้ราบรื่นได้ โดยประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง อาเซียน กับ สหรัฐ ตกต่ำมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน ก็ยังล้มเหลวในการผลักดันให้ 16 ชาติ คือ 10 ขาติอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา บรรลุความตกลงในการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ทั้ง ๆ ที่ การเจรจาเกี่ยวกับการออกแถลงการณ์ร่วม 16 ชาติ เรื่องความตกลง RCEP คือ เป้าหมายสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยในครั้งนี้ แต่การที่อินเดียไม่เข้าร่วมการออกแถลงการณ์ร่วม เพียง 1 ชาติ อาจจะทำให้การก่อตั้งเขตการค้าเสรี RCEP ต้องล่าช้าออกไปอีก โดยอาจทำให้ความตกลง RCEP ไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันกรอบเวลาในปีหน้า ทั้งยัง เป็นการทำลายจุดแข็งของ เขตการค้าเสรี RCEP ที่มีการโฆษณากันว่า จะเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะจะมีประชากรรวมกัน 3,500 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในโลก เพราะตราบใดที่อินเดียยังไม่บรรลุข้อตกลง ก็เท่ากับ เขตการค้าเสรี RVEP ยังขาดอินเดียไปอีก 1 ชาติ ซึ่งจะทำให้ประชากรในเขตการค้าเสรี RCEP หายไปทันทีถึง 1,300 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรทั้งหมดในเขตการค้าเสรี RCEP ดังนั้น ตราบใดที่อินเดียยังไม่ตกลงเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่า RCEP เป็นเขตการค้าเสรีที่มีกำลังซื้อของประชากรครึ่งโลกได้อย่างแท้จริง ดังนั้น การที่อินเดียไม่ร่วมออกแถลงการณ์ร่วมความตกลง RCEP กับอีก 15 ชาติ จึงมีนัยสำคัญอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลประยุทธ์ ไม่ควรตีกินว่าปิดการเจรจาได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ อินเดียยังไม่ยอมรับข้อตกลงหลายประเด็น ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน สมควรต้องให้สอบตก ติด F ลบลบ เพราะแค่ 1 ลบ ก็ยังไม่พอ

ที่สำคัญ ในการประชุมร่วมกับผู้แทนสหรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวสุนทรพจน์อวยสหรัฐเกินจริง โดยยกยอปอปั้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอาเซียนมีความก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้ง ๆ ที่ ใคร ๆ ก็เห็นว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ลดความสำคัญของนโยบายสหรัฐต่ออาเซียนลง จึงไม่มาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนในไทย และไม่ส่งผู้นำระดับสูงมาเป็นตัวแทนด้วยซ้ำ ซึ่งแตกต่างจากนโยบายสมัยรัฐบาลโอบาม่า ในชณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถแสดงบทบาทนำในการสร้างอำนาจต่อรองให้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ และไม่สามารถเป็นแกนกลางในการผลักดันให้ชาติสมาชิกอาเซียนมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าควรต้องมีท่าทีร่วมกันอย่างไรต่อมหาอำนาจชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน ทำให้อาเซียนในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประชาคมที่ไร้ทิศทางในด้านต่าง ๆ โดยสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งไว้ให้อาเซียน เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมที่สวยหรูเรื่องการพัฒนาและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ไม่มีแก่นสารอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะดีแต่พูดเท่านั้น ที่สำคัญ แม้แต่ผลประโยชน์ของไทยเอง ในเรื่องที่โดนสหรัฐตัด GSP พล.อ. ประยุทธ์ ก็ยังไม่สามารถใช้เวทีสุดยอดอาเซียน ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐได้เลย ทำให้คนไทยไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประชุมในสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ และนี่คือ เหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยจึงให้ พล.อ.ประยุทธ์ สอบตกและติดเอฟลบลบ ในฐานะประธานอาเซียน และเชื่อว่าประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าความสัมพันธ์ อาเซียนกับสหรัฐ ตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธานอาเซียน.

“จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน โชว์สินค้านเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่

People Unity News : “จุรินทร์”กระทบไหล่”สี จิ้น ผิง”ร่วมงาน Expo จีน นำผู้ประกอบการจัดแสดงสินค้า พร้อมนำสินค้าเอสเอ็มอีขึ้นห้างออนไลน์ใหญ่ คาดการณ์ยอดสั่งซื้อรวมกัน 4,200 ล้าน

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 9.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และ คณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดงาน CIIE 2019 หรือ China International Import Expo 2019 ตามคำเชิญของทางการประเทศจีน โดยกำหนดการนายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนประเทศไทยในนามคณะผู้แทนนานาชาติร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด CIIE 2019 โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานในพิธี

นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า งานนี้เพื่อส่งเสริมการนําเข้าสินค้าตาม นโยบายเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน ผลการจัดงานปีแรกงานนี้ของประเทศจีนนั้นมีการจัดแสดงสินค้า 3,617 ราย บนพื้นที่จัดงาน 2.7 แสนตารางเมตร ผู้เข้าชมงานกว่า 8 แสนคน ยอดขาย 5,783 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ1.73 แสนล้านบาท ในส่วนของผลการเข้าร่วมงานนี้ในปีที่ผ่านมาของไทยเรามีการออกบูธ Exhibitor 63 ราย ยอดการซื้อขาย 64 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,921 ล้านบาท และปีนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสานงานร่วมจัดแสดงสินค้าเช่นกัน

กำหนดการจากนั้นจะเข้าเยี่ยมชมซูเปอร์มาเก็ตเหอหม่า Hema Fresh ที่เป็นซูเปอร์มาเก็ตซึ่งได้รับเงินลงทุนจากอาลีบาบาเพื่อทดลองการเข้าสู่ตลาดค้าปลีก จุดเด่นของเหอหม่าคือ การให้บริการทั้งรูปแบบ Offline และ Online เน้นจําหน่ายสินค้าอาหารสด ซึ่งสินค้าสดคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของสินค้าทั้งหมด การจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ระบบบริหารจัดการทั้งหมดเป็นระบบดิจิทัล สินค้ากว่า 20,000 ชนิด จากกว่า 2,000 แบรนด์ มีระบบ Traceability สืบค้นหาสินค้าได้ละเอียด

ประเด็นการเข้าเยี่ยมชมก็เพื่อการผลักดันให้สินค้าไทยเข้าไปวางจําหน่ายในห้างฯให้มากขึ้นโดยเชิญฝ่ายจัดซื้อมาร่วมงานแสดงสินค้าในไทยของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (THAIFEX STYLE) หรืองานจับคู่เจรจาการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการจําหน่ายสินค้าไทยทั้ง Offline และ Online ศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นตัวขับเคลื่อน ในการจัดวางกลยุทธ์ธุรกิจค้าปลีก อาทิ การเลือกสถานที่ในการจัดตั้ง ร้านค้าปลีก ออฟไลน์ของ Hema กับจํานวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์การ จัดการคลังสินค้าเพื่อลดต้นทุนและรักษาความสดใหม่ของคุณภาพ สินค้า เป็นต้น ซึ่งจะเป็นโอกาสอย่างมากของสินค้าไทย

รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า สำหรับวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 รองนายกฯ และคณะ เข้าร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูง Alibaba โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และอาลีบาบา Letter of Intend เพื่อพัฒนา SMEs ไทยให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม การค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ MOU ข้อตกลง เพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีไทย และบุคลากรด้านดิจิทัล การตั้ง TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global จําหน่ายสินค้าแฟชั่น Personal Care อาหาร ซึ่งทราบว่าเป้าหมายผู้ประกอบการ ไทยที่เข้าร่วม 100 บริษัท คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อ 1,200 ล้านบาท ใน 3 ปี

ส่วนประเด็นหารือ คือ ร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพ อื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย(Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพ ลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของ ประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน ถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

จากนั้น รองนายกฯ และคณะจะเข้าเยี่ยมชมงาน CIIE 2019 โดยประเทศไทยเข้าร่วม 2 ส่วน คือ Thailand Pavilion ที่เป็น 1 ใน 15 ประเทศ Country of Honor พื้นที่ 256 ตารางเมตร จัดแสดงศักยภาพด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวนวัตกรรม และ Enterprise & Business Exhibition มี ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 รายโดยมีหน่วยงาน GIT การท่องเที่ยว และ การยาง ฯ เข้าร่วมด้วยโดยการคาดการณ์ยอดการซื้อขายของผู้ประกอบการ ไทยในงาน CIIE 2019 เท่ากับ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นสรุปยอดรวมรวมประมาณการสั่งซื้อสินค้าในการเดินทางครั้งนี้ ร่วม 4,200 ล้านบาท

“เทวัญ”ดัน”หุบผาสวรรค์”แหล่งเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่

People Unity News :  “เทวัญ”นำคณะกราบเจ้าคณะปากท่อราชบุรี ดัน”หุบผาสวรรค์”แหล่งเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่

วันที่ 5 พ.ย.2562 เวลา 12.30 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณรงค์ ทรงอารมณ์  รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ สถาบันพระสังฆาธิการ  “หุบผาสวรรค์” ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เพื่อติดตามแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณเขาถ้ำพระให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี ตามแผนโครงการพัฒนาพื้นที่หุบผาสวรรค์

เมื่อเดินทางถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จากนั้นคณะเดินทางไปยังหอประชุมสถาบันสังฆาธิการ ถวายไทยธรรมแด่พระครูสุภัทรญาณวินิฐ เจ้าคณะอำเภอปากท่อ และร่วมประชุมกับส่วนราชการในพื้นที่

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัด ราชบุรี กล่าวว่า ที่ตั้งของสถาบันสังฆาธิการแห่งนี้มีที่ตั้งเชื่อมต่อกับเขาถ้ำพระ เขาเสือหมอบ และหุบผาสวรรค์ ซึ่งในอดีตเป็นพื้นที่สำคัญทางศาสนา โดยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศาสนิกสัมพันธ์สามศาสนา ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ซึ่งจังหวัดราชบุรีมีแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้แก่คนในพื้นที่ สร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะนำผลสรุปจากที่ประชุมไปนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ณ จังหวัดกาญจนบุรี ต่อไป

“ชวน”เผยกำชับ”บิ๊กตู่”มาสภาแจงกมธ.-หนุนแก้รธน.

People Unity News : งานวันธรรมศาสตร์สามัคคี ครั้งที่ 20 “ชวน”เผยกำชับ”บิ๊กตู่”มาสภาแจงกมธ.-หนุนแก้รธน.

วันที่ 5 พ.ย.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความหวังสภาผู้แทนฯ ภาคใต้รัฐธรรมนูญ 2560” ในงานวันธรรมศาสตร์สามัคคี ครั้งที่ 20 โดยได้กล่าวถึงโครงสร้างรัฐธรรมนูญว่า เป็นตัวกำหนดโครงสร้างการบริหารประเทศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจนรัฐธรรมนูญในอดีตถูกยกเลิก ไม่ใช่เพราะรัฐธรรมนูญมีปัญหา แต่ตัวบุคคลกลับละเมิดรัฐธรรมนูญ ไม่ยึดหลักนิติธรรม ดังนั้น กระบวนการยุติธรรมการบังคับใช้กฎหมาย ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม เคร่งครัด ทั้งคนรวย และคนจน

ทั้งนี้ นายชวน กล่าวต่อว่า สภาผู้แทนราษฎร เป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และต้องเป็นตัวอย่างของการเคารพกฎหมาย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ เป็นแบบอย่างให้ภาคส่วนอื่น ๆ และขอร้องสมาชิกอย่าสร้างภาพลบต่อสังคม พร้อมเคยกำชับไปยังนายกรัฐมนตรี ให้มาสภาฯ มาตอบกระทู้ ถ้ากรรมาธิการเรียก ก็ต้องมาชี้แจง และเตือนไปยังกรรมาธิการว่า ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะผู้ชี้แจงไม่ใช่จำเลย

ขณะเดียวกัน นายชวน กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ ไม่สามารถแก้คอร์รับชั่นได้ แม้จะมีข้อปฏิบัติ และมีบทลงโทษอย่างเข้มงวด ก็ไม่สามารถแก้ได ถ้าผู้ใช้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญนี้ อย่างที่เราทราบกันว่า มีรูปแบบการเลือกตั้งมาจากเยอรมัน ซึ่งจากการเคยพบกับผู้แทนจากประเทศเยอรมันนั้น ทำให้ทราบว่า ระบบการเลือกตั้งดังกล่าว เยอรมัน ได้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว เพราะทำให้มีพรรคการเมืองในสภาจำนวนมากเกิดปัญหา และย้ำว่า ตนก็ไม่ได้เห็นชอบต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และมีหลายเรื่องที่สมควรจะต้องแก้ไข แต่การแก้ไขนั้น ไม่ควรยกเลิกทั้งฉบับ แต่จะต้องมาพูดคุยกันทุกฝ่ายว่าประเด็นใดเป็นปัญหาที่ควรแก้ไข เช่น ส.ว. ควรมีไว้ต่อไปหรือไม่ ถ้ามีจะให้มาจากการแต่งตั้ง หรือการเลือกตั้ง เป็นต้น

“บิ๊กตู่”ต้อนรับนายกฯจีน เป็นมงคลนกนางแอ่นบินว่อน

People Unity News : “บิ๊กตู่”ต้อนรับนายกฯจีน เป็นมงคลนกนางแอ่นบินว่อน ขณะตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ผลหารือ ไทย-จีนสานสัมพันธ์จับมือเป็นหุ้นส่วนร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรับมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเปนทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยจัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต้อนรับอย่างสมเกียรติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ และนายหลี่ เค่อเฉียง เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ที่สนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ปรากฎว่าเหนือท้องฟ้าได้มีฝูงนกนางแอ่นจำนวนมากบินวนเวียนไปมา จนกระทั่งนายกฯได้นำคณะของนายกฯจีนเข้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือข้อราชการ แต่นกนางแอ่นฝูงดังกล่าวก็ยังคงบินวนเวียนอยู่เหนือตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ โดยปกติในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีเพียงนกอีกา และนกพิราบ ที่มาบินให้เห็นเท่านั้น ไม่เคยมีนกนางแอ่นมาบินเช่นนี้

ทั้งนี้นกนางแอ่น ตามความเชื่อของชาวม้งในตอนใต้ของจีน เชื่อว่านกนางแอ่นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล และคู่นกนางแอ่นจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย และนำมาซึ่งความสุข เข้ามาสู่ชีวิต ขณะที่ การหารือทั้งสองฝ่ายในวันนี้ จะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน ในด้านต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์ และนายหลี่ เค่อเฉียงจะมีการหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์ จากนั้น ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-จีนหลายฉบับ อาทิ บันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และนวัตกรรม บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่าง กรมประชาสัมพันธ์ กับ สำนักข่าวซินหัว และ บันทึกความเข้าใจ ระหว่าง บริษัท SCG จำกัด มหาชน กับ ศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ก่อนเปิดแถลงข่าวร่วมตามลำดับ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีจีนและคณะด้วย

ผลหารือ ไทย-จีนสานสัมพันธ์จับมือเป็นหุ้นส่วนร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ได้ว่าการกระทรวงกลาโหม หารือเต็มคณะกับนายหลี่ เค่อเฉียง (H.E. Mr. Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้นำทั้ง 2 ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนลงนามสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนหารือข้าราชการเต็มคณะ

ผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันหารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีโดยฝ่ายไทยประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สำหรับคณะรัฐมนตรีฝ่ายจีน ประกอบด้วย นายเซียว เจี๋ย มนตรีแห่งรัฐและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายหลิว คุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจาง หย่ง รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ นายเล่อ ยู่เฉิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหลี่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และนายหยู เจี้ยนหัว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรองผู้แทนการค้าระหว่างประเทศ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการเต็มคณะ ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ฉบับ และร่วมกันแถลงข่าว ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 6 ปีของนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน พร้อมขอบคุณรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของไทย

ทั้งสองฝ่ายยินดีกับพัฒนาการความความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างกัน ซึ่งมีพลวัต และมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันรับมือกับการผันแปรของเศรษฐกิจโลก ด้านเศรษฐกิจ ไทยและจีนเห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการผสานความร่วมมือกันอย่างไร้รอย โดยเฉพาะนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Made in China 2025 และการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย กับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า (GBA) รวมถึงข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) ของจีน เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวฝากให้นายกรัฐมนตรีจีนช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา

นอกจากนี้ ไทยและจีนต่างให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสำเร็จในการขจัดความยากจน โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนการศึกษา ในประเด็นที่ฝ่ายไทยประสงค์จะเรียนรู้จากจีน

ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เมืองอัจฉริยะและอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นายกรัฐมนตรีหวังที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควัน/PM 2.5 จากจีนด้วย ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ

ต้องให้”IMF”แนะ!ใช้เศรษฐกิจพอเพียงหนุนปฏิรูปประเทศ

People Unity News : “อุตตม”เผยผลหารือ “กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ” แนะนำให้ไทยใช้เครื่องมือการเงินปละการคลังดูแลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พร้อมหนุนไทยใช้เศรษฐกิจพอเพียงหนุนการปฏิรูปประเทศ

วันที่ 5 พ.ย.2562 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการเข้าพบของนางคริสตาลินา จอร์จิวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พร้อมคณะ โดยไอเอ็มเอฟเห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายจากสงครามการค้าและปัญหาการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทย ได้ผลกระทบจากหลากหลายปัจจัยที่ไอเอ็มเอฟว่า Synchronized Slowdown

อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟยังระบุถึงประเทศไทยว่ามีความโชคดีจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งทำให้ไทยสามารถใช้เครื่องมืองทางการเงินและการคลังในการดูแลเศรษฐกิจ แต่ไอเอ็มเอฟได้ให้คำแนะนำและเน้นว่าประเทศไทยยังต้องดูแลเศรษฐกิจในข่วงนี้อย่างใกล้ชิด รลโดยพิจารณาถึงการใช้ทั้งเครื่องมือทางการเงินและการคลังต่อไป เนื่องจากไทยมีความสามารถและมีความแข็งแกร่งที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้ได้ทันการณ์

นอกจากนี้ รัฐมนตนลรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวด้วยว่า ตนได้เล่าให้ไอเอฟได้รับทราบถึงช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่มาตรการทางการเงินนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เคยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบสยไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยไอเอ็มเอฟยังเห็นว่าสำหรับประเทศไทยแล้วยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทางการยังสามารถที่จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ได้อีกช่วงหนึ่ง รวมทั้ง ไอเอ็มเอฟยังให้ความสนใจกับการนำทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศด้วย

นายอุตตม ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงการคลังเตรียมพร้อมที่จะนำเครื่องมือต่างๆ ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศมาใช้อยู่แล้ว เพียงแต่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจ โดยตนมองว่าแนวโน้มในไตรมาส 4 ของปี 62 นั้น เศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาการทำสงครามหารค้าสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ตนเห็นจะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังคงไม่สามารถขยายตัวได้เต็มตามศักยภาพที่เคยคาดหวังไว้ที่ระดับ 4% แต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่าประเทศไทยควรต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษกิจระยะสั้นออกมาใช้เพิ่มเติมอีกหรือไม่

ส่วนประเด็นการหารือในประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สหรัฐฯ สนใจที่จะร่วมปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงเทคโนโลยี แต่จะไม่มีวาระการหารือประเด็นสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์พิเศษทางภาษีศุลกากรที่ให้กับประเทศไทยในการประชุมครั้งนี้

“จิราพร”เพื่อไทยเตือนสติแก้ปัญหาปากท้องต้องดูสภาพความจริง

People Unity News : “จิราพร”เพื่อไทยอัดรัฐบาลถนัดแค่แจกเงิน เตือนสติแก้ปัญหาปากท้องต้องดูสภาพความจริง แนะฟังฝ่ายที่เห็นต่าง

วันที่ 5 พ.ย.2562 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลปลื้มใจกับผลสำรวจความคิดเห็นที่ระบุว่าประชาชนชื่นชอบโครงการ ‘ชิมช้อปใช้’ และ ‘บัตรคนจน’ โดยอ้างว่าเป็นตัวชี้วัดผลงานและความสำเร็จของโครงการว่า รัฐบาลควรตั้งสติและดูสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประเทศตอนนี้ หากวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นไปเพื่อต้องการให้ประชาชนชื่นชอบพอใจ ก็ไม่จำเป็นต้องสำรวจให้เสียเวลาเพราะการได้รับเงินฟรีคงไม่มีใครที่ไม่ชอบ

นางสาวจิราพรกล่าวอีกด้วยว่า ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการที่แท้จริงนั้น รัฐบาลต้องดูผลสัมฤทธิ์ว่า สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ ที่สำคัญ รัฐบาลควรคิดให้ได้ว่าอยู่ในอำนาจมา 5 ปี ทำได้เพียงแค่แจกเงินให้ประชาชนพอใจควรจะนำมาอ้างเป็นความสำเร็จหรือไม่ เพราะนโยบายแบบนี้คือการให้ยาแก้ปวดไม่ใช่รักษาโรคให้หายขาด ยิ่งเพิ่ม ‘ชิมช้อปใช้’ เฟสต่อๆไป ยิ่งสะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการแจกเงิน

อย่างไรก็ดี การที่ฝ่ายค้านออกมาท้วงติงหรือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลไม่ได้ต้องการเล่นเกมการเมือง แต่เป็น ‘การทำงานทางเมือง’ ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ยึดประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งทั่วโลกก็ปฏิบัติเช่นนี้

“เข้าใจว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ คงเคยชินกับการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไร้การตรวจสอบมาตลอด 5 ปี แต่ตอนนี้มีสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงแนะนำให้รัฐบาลกลับไปทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยให้มากขึ้น เปิดใจให้กว้าง เลิกมีอคติกับฝ่ายที่เห็นต่าง” นางสาวจิราพรกล่าว

“ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ

People Unity News : “ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ มั่นใจทั่วโลกรู้ดีถึงพฤติกรรม”ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.เวลา 09.00 น.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อความระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสำคัญในการบริหารประเทศ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีว่า ตนเห็นเรื่องนี้จากการอ่านข่าว ก็ไม่มั่นใจว่านายวัฒนาเป็นผู้เขียนเองหรือไม่ หรือมีใครสั่งให้เขียนหรือเปล่า ตนเชื่อว่าทุกประเทศต่างก็มีทูตอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย และพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้กระทำความผิดข้อหาอะไรบ้างในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การที่จะเอาผู้ต้องหาหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มาเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะสมควรเพราะเหมือนกับการนำนักโทษไปเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติที่ทำประโยชน์เพื่อนประเทศชาติ เห็นได้จากเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ไปต่างประเทศ ทุกคนก็อยากจะจับมือ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีใครอยากจับมือด้วย”น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า พฤติกรรมคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อให้ไปทำเครือข่ายโทรศัพท์ แล้วอุปกรณ์ที่ซื้อก็ซื้อจากบริษัทของตนเอง นำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย แต่ก็คงจะอดชื่นชมนายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ ที่ท่านได้ไปให้ข้อมูลต่อกรรมการ คตส.และต่อศาลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีมาก ท่านเป็นรัฐมนตรีน้ำดี ทำเพื่อความถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ ต่างกับรัฐมนตรีหลายๆคนในยุคนายกทักษิณที่มีคดีทุจริตติดตัวเต็มไปหมด

“IMF”เข้าพบ”บิ๊กตู่” อาสาเผยแพร่ ศก.พอเพียง ให้ทั่วโลกได้รับรู้

People Unity News : “IMF”เข้าพบ”บิ๊กตู่”ที่ทำเนียบฯ อาสาเผยแพร่ ศก.พอเพียงให้ทั่วโลกได้รับรู้ เหตุสอดคล้องกับหลักการของ ยูเอ็น

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้การต้อนรับนางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina Georgieva)  กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากนั้นได้พาเดินชมทัศนียภาพโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนางคริสลินา กล่าวชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมของทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับทักทายบรรดาสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีของไอเอ็มเอฟที่มีต่อประเทศไทยว่า นางคริสตาลินาระบุว่าก่อนเดินทางมาประเทศไทย เพิ่งได้อ่านหนังสือและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และคิดว่าเป็นหลักปรัชญาที่ทางไอเอ็มเอฟจะนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ เพราะสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางคริสตาลินาได้เล่าให้นายกรัฐมนตรีฟังว่าการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งความจริงได้พบกับนายกรัฐมนตรีระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 อยู่แล้ว และได้มีการพูดคุยกันเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

นางนฤมล กล่าวว่า ส่วนสภาพเศรษฐกิจโลก นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าในหลายข้อเสนอแนะ เราพร้อมที่จะรับมาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายด้านการเงินที่ทางไอเอ็มเอฟระบุว่า ไทยยังสามารถจะปรับได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของระยะยาว คือการปรับโครงสร้างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาจะพัฒนาอย่างไรให้มีคุณภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาทักษะแรงงาน

นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้ได้อยู่ในแผนพัฒนาและแผนยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ที่จะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี ทั้งนี้ ทางธปท.คงได้มีการหารือตัวแทนไอเอ็มเอฟอีกครั้งหนึ่ง และไอเอ็มเอฟมองประเทศไทยว่า ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมากตามศักยภาพที่มี พร้อมชื่นชมการจัดประชุมอาเซียนซัมมิท

“อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำและดำเนินการในทุกมิติ โดยมอบหมายให้ทางธปท.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า ธปท.เป็นองค์กรอิสระ ในฐานะฝ่ายบริหารจะไปก้าวล่วง หรือสั่งการอะไรไม่ได้” นางนฤมล กล่าวและว่า

นอกจากนี้ ทางไอเอ็มเอฟ แม้ไม่ได้มีการพูดคุยถึงภาพรวมภายหลังการเลือกตั้ง แต่ก็มองว่าในปัจจุบันประเทศไทยยังมีเสถียรภาพ ซึ่งหลังการเลือกตั้งน่าจะมีการปฎิรูปในหลายด้าน

เมื่อถามว่าทางไอเอ็มเอฟต้องการให้ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟดใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้พูดชัดเจนขนาดนั้น เพียงแต่บอกว่ายังมีช่องทางที่สามารถปรับได้อีก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนได้มากขึ้น

Verified by ExactMetrics