วันที่ 21 เมษายน 2025

ส.ส.แรงงาน”อคน.”แนะ 6 มาตรการแก้สหรัฐตัด”จีเอสพี”

People Unity News : “อนาคตใหม่” เผย 3 ปัญหาหลักละเมิดสิทธิแรงงาน เหตุสหรัฐตัด “จีเอสพี” แนะ 6 มาตรการแก้ อัด “หม่อมเต่า” ใช้ทัศนอภิสิทธิ์ชนมองไม่เห็นนายทุนเอาเปรียบ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะกรรมธิการแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) ของไทยในวันที่ 25 เมษายน 2563 โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยหลังจากที่ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมาให้สัมภาษณ์ ที่นอกจากจะไม่ได้ตอบคำถามข้อสงสัยว่า สิทธิแรงงานข้อไหนที่เป็นปัญหาจนนำมาสู่การ ตัดสิทธิพิเศษนี้ อีกทั้งยังไปพาดพิงประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นเรื่อง นิสัยส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ นั้น

นายสุเทพ กล่าวว่า ปีกแรงงานพรรคอนาคตใหม่อยากจะสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย รัฐบาลไทยล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิแรงงาน กฎหมายแรงงานไทยยังล้าหลังกว่ามาตรฐานแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แรงงานจำนวนมากไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อต่อรองได้อย่างเสรี ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญา ILO ที่ 87และ98 เพื่อรับรองสิทธิการรวมตัวว่าเป็นสิทธิพื้นฐาน แม้จะมีการรณรงค์มาอย่างยาวนานโดยขบวนการแรงงาน รวมถึงรณรงค์ให้กฎหมายไทยสอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่กดทับแรงงานมาโดยตลอด อนุสัญญา ILO ที่ 87 คือเรื่องของการให้สิทธิและเสรีภาพในการรวมตัวกัน และ 98คือการเจรจาต่อรองของแรงงาน การนิ่งเฉยของรัฐบาลไทยที่รับฟังแต่กลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ในประเทศ และเมินเฉยต่อผู้ใช้แรงงาน ผลก็คือ ไทยมีอัตราการรวมตัวของแรงงานอยู่ที่ 1.6% ต่ำที่สุดในอาเซียน ซึ่งตัวอย่างการละเมิดสิทธิแรงงานแต่ละรูปแบบคือ

1.แรงงานขาดเสรีภาพในการรวมตัวต่อรอง กล่าวคือกฎหมายไทยและการตีความของศาล (court interpretation) จำกัดสิทธิการรวมตัวของแรงงานชั่วคราวหรือแรงงานสัญญาจ้าง(subcontracted workers) แรงงานสัญญาจ้างไม่นับเป็นลูกจ้างของบริษัทที่ทำงานให้ แต่นับเป็นลูกจ้างของบริษัทที่จัดหางานมาให้แรงงานเหล่านี้ ทำให้แรงงานสัญญาจ้างไม่สามารถเข้าร่วมสหภาพแรงงานได้ อีกทั้งนายจ้างนิยมเพิ่มจำนวนแรงงานสัญญาจ้าง เพื่อลดกิจกรรมในสหภาพแรงงาน

2.สิทธิในการรวมตัวหยุดงานและเสรีภาพในการแสดงออก ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ห้ามลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจในการรวมตัวหยุดงาน มาตรา 77 กำหนดโทษอย่างรุนแรงแก่ผู้ฝ่าฝืน และสมาชิกสหภาพแรงงาน,นักสิทธิมนุษยชนมักถูกฟ้องอาญา เมื่อเปิดเผยข้อมูลการละเมิดแรงงาน ทั้ง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์และแรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ ระบุข้อยกเว้นอย่างกว้างๆไว้ ให้นายจ้างสามารถฟ้องได้ หากการกระทำนั้นเป็นการทำให้ชื่อเสียงของนายจ้างเสื่อมเสีย

3.การเลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติและแรงงานบังคับ กล่าวคือการละเมิดสิทธิแรงงานและการบังคับใช้แรงงานถูกเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง มีแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศให้รัฐบาลออกกฎหมายและรับสนธิสัญญาเพื่อคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยยกเลิกการให้สัตยาบันสนธิสัญญา ILO C188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง และ ILO 98 ว่าด้วยสิทธิการรวมตัวต่อรอง อีกทั้งยกเลิกการแก้ไข พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ เพื่อให้แรงงานข้ามชาติไม่สามารถต่อรองกับนายจ้าง

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในฐานะตัวแทนของชนชั้นแรงงานเสนอว่า การแก้ปัญหาด้านสิทธิแรงงานข้างต้นอย่างเป็นระบบเท่านั้นจึงจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานให้มีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัยได้ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เสนอกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 6 ข้อ เพื่อแก้ระยะแรก

1.รัฐต้องรับ อนุสัญญา ILO 87 , 98 ว่าด้วยเรื่องการรวมตัวเจรจาต่อรอง เพื่อสนับสนุนเพิ่มอำนาจให้คนทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถต่อรองกับนายจ้างได้ จะไม่นำมาสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการจ้างงานในที่ทำงานเดียวกัน

2.การต้องปรับเปลี่ยนพนักงานรายวันสู่การเป็นพนักงานรายเดือนเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตของคนทำงาน ที่ปัจจุบันในสายการผลิตเดียวกันทำงานเดียวกัน แต่คนนึงเป็นพนักงานรายเดือนที่ได้เงินที่มั่นคงทุกเดือน อีกคนเป็นพนักงานรายวันที่หากวันไหนเกิดป่วยหรือวันหยุดที่ไม่ได้มาทำงานก็จะขาดรายได้ไปชีวิตไม่มั่นคงรายได้ไม่แน่นอน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาเป็นทศวรรษ

3. ต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อตามแต่ค่าใดสูงกว่า เพื่อให้รายได้ของผู้ใช้แรงงานสอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

4. ต้องลดชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์ เป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มเวลาพักผ่อนให้กับคนทำงานให้คนทำงานได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เพิ่มวันหยุดพักร้อนเป็น 10 วันต่อปีและสามารถสะสมได้

5. การเพิ่มสิทธิการลาคลอดและการเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้างเป็น 180 วัน เพื่อให้สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุที่มีประชากรรุ่นใหม่จำนวนน้อยลง

6. การกำหนดค่าจ้างตามประสบการณ์และมาตรฐานแรงงานเพื่อป้องกันการที่ผู้ใช้แรงงาน ต้องอยู่กับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตลอดชีวิต

“สิ่งต่างๆเหล่านี้พรรคอนาคตใหม่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรส่วนหนึ่งของพรรคมาจากคนงาน มาจากผู้ใช้แรงงาน เพื่อสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และอยากให้ภาคสังคมรวมไปถึงผู้บริหารประเทศ เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นจะโดนบิดเบือนอยู่อย่างนี้ ซึ่งเรื่องของวัฒนธรรมไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และยกระดับมาตรฐานสากล ประชาชนต้องตื่นตัวกับปัญหา GSP นี้ ที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน โดยอาจจะส่งผลต่อไปกับภาคธุรกิจ และพี่น้องผู้ใช้แรงงาน” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า คำให้สัมภาษณ์ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สะท้อนถึงการไม่ทำความเข้าใจปัญหารากลึกของการละเมิดสิทธิแรงงาน อันเป็นทัศนะของอภิสิทธิ์ชนที่ไม่มองว่การละเมิดสิทธิโดยนายทุนไทยถูกละเลยจากรัฐบาลอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมาธิการแรงงานภายใต้การนำของนายสุเทพได้ผลักดันให้รัฐบาลยกระดับการบังคับใช้กฎหมายแรงงานให้ครอบคลุมกำลังแรงงานทั้งระบบอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ยกระดับประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบ รวมถึงการขึ้นบัญชีดำบริษัทที่มีการละเมิดสิทธิแรงงาน การยกระดับกฎหมายแรงงานและรับอนุสัญญา ILO 87-98 คือทางรอดของทุกคน

นายกฯเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมมือต่อสู้โรคไม่ติดต่อ (NCDs)

People Unity News : นายกรัฐมนตรี เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมมือต่อสู้โรค NCDs ในนิทรรศการ “Together Fight NCDs ร่วมมือต่อสู้โรค NCDs”

เนื่องจากวันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันอัมพาตโลก องค์การอัมพาตโลกได้กำหนดประเด็น (Theme) การรณรงค์วันอัมพาตโลกปี 2562 คือ Don’t Be The One กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์ว่า “อย่าให้ อัมพฤกษ์ อัมพาต…เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ” พร้อมกันนี้ได้จัดกิจกรรมรณรงค์วันอ้วนโลก และวันเบาหวานโลก ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม–เดือนพฤศจิกายน เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อ

เช้าวันที่ 29 ต.ค.2562 ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรมและเยี่ยมชมนิทรรศการ “Together Fight NCDs ร่วมมือต่อสู้โรค NCDs” พร้อมเชิญชวนประชาชน หน่วยงานทุกภาคส่วน และภาคีเครือข่าย ร่วมมือกันต่อสู้โรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในงานประกอบด้วยกิจกรรมวัดรอบเอว วัดความดันโลหิต วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ วัดมวลสารในร่างกาย และกิจกรรมการแสดงสัญลักษณ์ลดน้ำตาลและเกลือโซเดียมลง 30% เพื่อลดการบริโภคอาหารเค็ม หวาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นิทรรศการ “Together Fight NCDs ร่วมมือต่อสู้โรค NCDs” โรคอ้วน โรคอัมพาต โรคเบาหวาน เพื่อให้ประชาชนทราบความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคอัมพาต และโรคเบาหวาน สามารถรู้ตัวเลขที่บ่งชี้สุขภาพและทราบระดับความเสี่ยงของตนเอง (รู้ตัวเลข รู้รักษ์สุขภาพ – Know your number Know your risk) ได้แก่ น้ำหนัก ความดันโลหิต รอบเอว และระดับน้ำตาลในเลือด จึงเชิญชวนประชาชนใส่ใจสุขภาพ วัดก่อน รู้ก่อน ลดเสี่ยง เลี่ยงโรคไม่ติดต่อ

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจัดนิทรรศการในครั้งนี้เป็นความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงปัญหาโรคอ้วน อัมพาต โรคเบาหวาน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจุบันพบคนไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 19 ล้านคน ผู้ป่วยอัมพาตรายใหม่ปีละ 42,000 คน และผู้ป่วยโรคเบาหวาน 5,000,000 คน จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือกันต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อ และที่สำคัญประชาชนทุกคนต้องเรียนรู้สัญญาณเตือนของการเกิดโรค เช่น ภาวะอ้วน ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และปฏิบัติตนเพื่อให้มีสุขภาพดี ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ลดหวาน มัน เค็ม และตรวจสุขภาพทุกปี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

“เพื่อไทย”จึ้รัฐเร่งเจรจาสหรัฐฯก่อนถูกตัด GSP

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

People Unity News : “เพื่อไทย”จึ้รัฐเร่งเจรจาสหรัฐฯก่อนถูกตัด GSP แนะเตรียมหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบด้านภาษี

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายศราวุธ เพชรพนมพร รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศพัฒนาแล้วให้กับประเทศกำลังพัฒนาและ ด้อยพัฒนา หรือ GSP กับประเทศไทย

นายศราวุธ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศฯ จะนำเรื่องที่ไทยจะถูกสหรัฐตัดสิทธิ GSP หารือว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าการที่ไทยถูกตัดสิทธิ เพราะโตเร็วเกินไป มีการพัฒนาสูงนั้น เห็นว่าไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ถูกต้อง เพราะหากมองตามข้อเท็จจริง จะพบว่าประเทศที่จะได้รับสิทธิ GSP จะต้องมีรายได้ต่อหัวไม่เกิน 12,476 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งไทยมีรายได้ต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ 7,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี รวมถึงต้องพิจารณาว่าประเทศไทยแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานได้ตรงตามมาตรฐานสากลแล้วหรือไม่ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ยังเหลืออีก 6 เดือนก่อนที่จะถูกตัดสิทธิ รัฐบาลต้องเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ เพราะหลายประเทศที่ถูกตัดสิทธิ GSP ก็เดินหน้าเจรจาสำเร็จมาหลายประเทศแล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบด้านภาษี ทั้งนี้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศฯ จะเชิญกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ มาหารือเพื่อหามาตรการเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการที่จะได้รับผลกระทบครั้งนี้

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชน และควรหาทางเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อขอคืนสิทธิ GSP เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลายประเทศก็เคยเจรจากับสหรัฐฯ จนได้รับสิทธิคืน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรตีกิน และเป็นสิทธิอันชอบธรรมของนายกรัฐมนตรีที่จะให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเห็นว่าประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องถูกตัดสิทธิ GSP รัฐบาลไม่ควรปัดความรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับประชาชนและผู้ประกอบการ

“พปชร.”ห่วงแบน 3 สารพิษเกษตรกรหันใช้สารตัวอื่นแทน

People Unity News : “สัมฤทธิ์”ห่วงแบน 3 สารพิษเกษตรกรหันใช้สารตัวอื่นแทน หวั่นราคาสูงกว่า3เท่าทำต้นทุนเพิ่ม เตรียมชงกมธ.เกษตรฯหาวิธีรองรับ แนะควบคุมการใช้ให้ถูกวิธี

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการยกเลิกการใช้สารเคมีอันตรายในภาคเกษตร 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ว่า ตนเป็นห่วงว่าหลังจากที่แบนสารเคมี 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว เกษตรกรอาจจะหันไปซื้อสารเคมีตัวอื่นมาใช้แทน โดนเฉพาะ พาราควอตและไกลโฟเซต ซึ่งเป็นยาฆ่าหญ้านั้น ในท้องตลาดยังมีสารเคมีอื่นๆที่สามารถใช้ทดแทนได้มากกว่า 10 ชนิด ซึ่งความรุนแรงอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าตนไม่แน่ใจ แต่มีราคาสูงกว่า 3 เท่าอย่างแน่นอน ตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะจะมีต้นทุนในการเพาะปลูกที่สูงขึ้นอีก โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย มันสัมปะหลังและข้าวโพด ที่ราคาสินค้าถูกอยู่แล้ว จะต้องมาเจอค่ายาที่แพงขึ้นกว่าเดิมอีก โดยในส่วนของคลอร์ไพริฟอส ที่เป็นยาฆ่าแมลงนั้น ไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เพราะสารตัวอื่นราคาไม่ต่างกันมาก ทั้งนี้หากจะให้เกษตรกรไปใช้สารชีวพันธุ์ ที่มาจากธรรมชาติ ในส่วนของยาฆ่าแมลง มีสารจำพวกนี้ที่ใช้การได้อยู่ แต่ในส่วนของยาฆ่าหญ้าและกำจัดวัชพืชนั้น ตอนนี้ยังไม่มีสารที่ทดแทนกันได้

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ทางราชการจะแบนสารเคมี 3 ชนิดนั้น ตนไม่ได้ขัดข้อง แต่เป็นห่วงเกษตรกรมากกว่า ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ตนกำลังทำเรื่องเข้าที่ประชุมกมธ.เกษตรฯ เพื่อหาแนวทางรองรับกับเรื่องนี้ ทั้งนี้ยาฆ่าหญ้า ยังมีสารจำพวก ทูโฟดี ซึ่งหาซื้อได้ตามท้องตลาด โดยควรหาทางให้เกษตรกรใช้อย่างถูกวิธี และควบคุมการใช้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการควบคุมสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ เพราะการแบนสารเคมี 3 ชนิดข้างต้นแล้ว ไม่ได้แปลว่าผักและผลไม้จะปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง และสินค้าเกษตรในบางชนิดที่นำเข้าจากต่างประเทศ

คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุด

People Unity News :  คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2562 เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตรงกับช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่จึงทำให้มีวันหยุดยาวเป็น 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2562 – 1 มกราคม 2563 ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดต้องบริการประชาชน มีภารกิจความจำเป็น หากยกเลิกเกิดความเสียหาย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน ขอให้ไปพิจารณาตามความเหมาะสมเช่นกัน

“บิ๊กตู่”ยกคำพระสอนใช้สติสัมปชัญญะจัดการกับเฟคนิวส์

People Unity News : “บิ๊กตู่”ยกคำพระสอนใช้สติสัมปชัญญะจัดการกับเฟคนิวส์ พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ปัดตอบไปชี้แจง “เสรีพิศุทธ์” หรือไม่ “ชวน”แนะควรให้เกียรติคนที่ถูกเชิญมาชี้แจง

วันที่ 29 ต.ค.2562 เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center)ว่า ตนได้ทำความเข้าใจไปแล้ว ถึงศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเฟคนิวส์ หรืออะไรต่างๆ วันนี้ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเข้ามา เพื่อที่จะได้สอบสวน สืบสวน หาต้นตอ เพื่อจะได้แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบระยะยาวต่อไป ฉะนั้น สติมาปัญญาเกิด พระท่านว่าไว้อยู่แล้ว สติเตลิดก็ไม่เกิดปัญญา เพราะฉะนั้นต้องตั้งสติให้ดี

ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช เป็นประธาน ออกหนังสือเชิญไปชี้แจงกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวและเดินออกจากการให้สัมภาษณ์ไปทันที

นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่าได้ส่งหนังสือดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ไปยังคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวแล้ว ดังนั้นตนจะพูดก่อนคงไม่ดี เพราะเขาอาจจะยังไม่เห็นหนังสือ

“ชวน”แนะควรให้เกียรติคนที่ถูกเชิญมาชี้แจง

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้รัฐบาลให้ความร่วมมือในการทำงานของกมธ. แต่การเชิญนั้นผู้เชิญต้องมีวุฒิภาวะด้วย รวมถึงเกียรติบุคคลที่ชี้แจง ไม่สามารถข่มขู่ คุกคามใดๆได้ ทั้งนี้ต้องยึดกรอบตามกฎหมาย คือ ให้ความเห็น ให้ข้อเท็จจริง รวมถึงอยู่ภายใต้กรอบอำนาจของตนเอง

“กมธ.สามารถเชิญบุคคลชี้แจงได้ แต่ต้องเป็นไปใต้กรอบกฎหมาย และอำนาจ ทั้งนี้ผมเคยบอก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วว่าหากมีอะไรขอให้มาสภา เพราะเป็นระบบที่ต้องเคารพ แต่หากกมธ.เชิญในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ แต่ไปเชิญเขามาชี้แจงไม่ได้ เพราะกมธ.แต่ละชุดกำหนดบทบาทไว้ตามกฎหมายที่ชัดเจน” นายชวน กล่าว

“วรวัจน์”ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน

People Unity News : “วรวัจน์” ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน อึ้งก.พาณิชย์เผยเจรจาเหลวไร้มาตรการรับมือ

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เปิดเผยว่า การประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะเป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่อง เพราะยังมีอีกจำนวน 11 หน่วยงานและ 1 รัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะกลุ่มงานการค้าต่างประเทศ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

ในที่ประชุมกรรมาธิการผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลว่า หลังการรัฐประหารปี 2557 หลายประเทศเริ่มดำเนินการตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ไทย โดยปี 2558 สหภาพยุโรปหรือ EU มีการตัด GSP ไทย ต่อมาต้นปี 2562 ประเทศญี่ปุ่นก็ตัด GSPไทย และล่าสุดอเมริกาก็ตัด GSPไทย นอกจากนี้ที่ผ่านมามาตราการเจรจาของรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในขณะที่มาตราการช่วยเหลือภาคเอกชน ยังไม่มีความชัดเจน มีแต่การออกมาขอให้ภาคเอกชนปรับตัวลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเอง และกระทรวงพาณิชย์คาดว่า ถึงแม้ถูกตัด GSP แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเกษตรกร

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันในที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณ ว่า ปัญหาจีเอสพี จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบเพียง 1,800 ล้านบาท ไม่ใช่ 40,000 ล้านบาท อย่างที่มีการวิเคราะห์ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการในการรับมือ แต่ไม่แจ้งรายละเอียดต่อกรรมาธิการ นั่นอาจหมายถึงไม่ได้มีแผนมาตราการแก้ไขเตรียมไว้ และบรรจุในงบประมาณปี 63 ทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ควรมีคำตอบให้กับประชาชน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ท้วงติงไปยังกระทรวงพาณิชย์ ว่า จำนวนเงิน 1,800 ล้านบาทดังกล่าวที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง อาจเป็นเพียงแค่ส่วนต่างทางภาษี ซึ่งหากจะคำนวณแบบนี้ คงไม่ถูกต้อง เพราะต้องรวมมูลค่าส่งออกในภาพรวมทั้งหมดไปด้วย ดังนั้นการดำเนินการของสหรัฐครั้งนี้อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่หน่วยงานรัฐคาดการณ์ ทั้งนี้คาดว่าผลกระทบจากการส่งออกสินค้าไทยอาจสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท

“ชวน”พร้อมจับเข่าคุยทุกกลุ่มแก้ รธน.เน้นสร้างสรรค์ ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า

People Unity News : “ชวน”พร้อมจับเข่าคุยทุกกลุ่มแก้ รธน.เน้นสร้างสรรค์ ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า เพื่อตกผลึกความคิด แนะเชิญฝ่ายที่ได้รับผลกระทบร่วมหารือ เพราะทุกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงที่ภาคประชาสังคมจะมายื่นเรื่องต่อสภาเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญว่า ตนยินดีที่จะหารือกับทุกคณะ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งขณะนี้มี 2-3 คณะ ส่วนคณะของนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ยังไม่ได้นัดวันที่จะมาพบ เพียงแต่เป็นข่าวเท่านั้น ส่วนกลุ่มอื่นตนนัดไว้สัปดาห์ก่อน แต่ฝ่ายผู้นัดไม่ว่าง แต่ละคนจะได้มารับรู้รับทราบ และหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีให้ความร่วมมือและรับฟัง ซึ่งตนคิดว่าแต่ละฝ่ายคงมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันได้ในบางเรื่อง เช่น ความคิดเรื่องประชาธิปไตย ก็คงไม่ต่างกันมากนัก ฉะนั้นความคิดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำความเข้าใจกันได้ว่าในสภาไปถึงไหนแล้ว เพราะเมื่อเปิดสมัยประชุมมา ญัตติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเข้าสู่สภาเป็นเรื่องแรก ฉะนั้นก็จะได้คุยกันว่าเบื้องต้นขณะนี้เขาพยายามหาทางที่จะวางแนวว่าทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญนี้สามารถแก้ได้ ส่วนแก้อะไรนั้นยังไม่พูดถึง

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างมาอยู่ในระบบของสภาเพราะภาคประชาชนไปเคลื่อนไหวข้างนอก นายชวนกล่าวว่า การรณรงค์ข้างนอกเพื่อให้ความรู้กับประชาชนนั้นไม่เป็นไร แต่ต้องให้ความจริงและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่ว่าโครงสร้างที่วางไว้คล้ายกับสสร.นั้น ตนคิดว่าต้องคุยกัน รวมถึงฝ่ายที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ส.ว. ก็ต้องเชิญมาคุยว่าหากจะแก้ไขปรับปรุงจะกระทบเขาจริงหรือไม่ หรือควรจะมีเงื่อนเวลาอย่างไร ดังนั้นคิดว่าทุกฝ่ายควรจะพูดคุยกัน ซึ่งก็คงไม่ง่ายนักแต่ดีกว่าไม่คุยกัน แม้กระทั่งรัฐบาลเองเพราะทุกฝ่ายก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้เหมือนกัน

เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้ใครควรที่จะเป็นแม่งานในการนัดหมายทั้งหมดมาพูดคุยกัน นายชวนกล่าวว่าต้องรอดูคณะกรรมาธิการที่สภาจะตั้งขึ้นมา โดยญัตติที่จะเข้าสภาวาระแรกนั้นจะเป็นแนวทางว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถกำหนดแนวทางในการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปได้หรือมีประเด็นว่าจะต้องแก้ ส.ส.หรือ ส.ว.อย่างไร

“ผมคิดว่าการคิดอย่างนี้เป็นการคิดในเชิงสร้างสรรค์ แบบไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า เช่น ยกเลิกรัฐธรรมนูญไม่เอานั่นเอานี่ ซึ่งไม่ถึงขนาดนั้นแต่โดยบทรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทำได้ยาก จึงต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเป็นได้”

เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมาพูดถึง ม.256 เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่าย นายชวนกล่าวว่า แล้วแต่คณะกรรมาธิการฯจะหารือกัน ส่วนความเป็นไปได้ที่จะให้ภาคประชาชนเช่นนายโคทมเข้ามาเป็นกรรมาธิการด้วย นายชวนกล่าวว่าแล้วแต่เขาจะตั้งเพราะกรรมาธิการชุดนี้สามารถตั้งคนนอกได้

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ที่ยึดแนวทาง วิชาการนำการเมือง โดยให้กลุ่มนักวิชาการเป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด เพราะกลุ่มนักวิชาการเป็นกลุ่มที่ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง สังคมจะได้ไม่หวาดระแวงว่ามีวาระซ่อนเร้นเพื่อกลุ่มของตัวเอง ซึ่งผิดกับการเคลื่อนไหวของนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายไม่เห็นด้วยว่าทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเท่านั้น ทำให้ขาดการยอมรับและเสียงสนับสนุนจากสังคมโดยทั่วไป ที่มองภาพนักการเมืองในทางลบ ดังนั้นอยากให้นักการเมืองเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเวทีรัฐสภาจะเป็นการเหมาะสมที่สุด โดยการขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะตั้งขึ้นในสมัยประชุมสมัยที่จะถึงนี้ เพราะมีสัดส่วน ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวภายนอกสภา ก็ให้เป็นบทบาทของกลุ่มเครือข่ายภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ที่จะต้องเคลื่อนไหวคู่ขนานกับการเคลื่อนไหวในรัฐสภาไปจนประสบผลสำเร็จ

ถ้าให้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองตั้งเวทีเคลื่อนไหวในภูมิภาคต่างๆ เหมือนที่ผ่านมา ก็สุ่มเสี่ยงกับการถูกฝ่ายต่อต้านหยิบยกเอาประเด็นบางเรื่องมาเป็นเหยื่อทางการเมือง และขยายผลสร้างแรงต่อต้านขึ้นมาได้ เช่น กรณีวาทกรรม รัฐธรรมนูญเฮงซวยทุกมาตรา หรือการพูดถึงมาตรา1สามารถแก้ไขได้ เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้นเพื่อขจัดความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคม แต่ละฝ่ายควรจะแบ่งบทบาทการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนจะดีกว่า เพื่อเป้าหมายที่สูงสุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“จุรินทร์”มั่นใจ! ใช้แผนก.พาณิชย์รุก 10 ตลาดทั่วโลก รับมือตัด GSP

People Unity News : “จุรินทร์”มั่นใจ! ใช้แผนก.พาณิชย์รุก 10 ตลาดทั่วโลก รับมือตัด GSP เผย ครม.ศก.มอบ 3 กระทรวงเร่งหารือรับมือ

วันที่ 29 ตุลาคม 2562 ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรณีการตัดสิทธิทางภาษีหรือ GSP Generalized System of Preferences (ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร)ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือและได้รายงานระบุว่าจะมีผลกระทบประมาณ 1,500 ล้านบาท ถึง 1,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามก็ยังมีช่องทางให้สหรัฐได้ทบทวนโดยช่องทางที่จะทบทวนนั้นได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ ได้ประสานกับทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันและทูตแรงงานด้วย เพื่อที่จะหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ซึ่งคงจะมีคำตอบกลับมาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปในเร็วๆนี้

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ มอบหมายให้ 3 กระทรวงได้หารือร่วมกันประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาลู่ทางในการยื่นขอให้สหรัฐทบทวน สำหรับทางออกในระยะยาวนั้น กระทรวงพาณิชย์เราก็ได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยตั้ง กรอ.พาณิชย์ (กรรมการร่วมกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน) ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ส่งออกสินค้าออกทางเรือ ได้มีการเตรียมการสำหรับตลาดต่างๆทั่วโลกเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกซึ่งได้ข้อสรุปแล้วว่าเราจะร่วมมือกันจัดกับภาคเอกชน เร่งรัดการส่งออก บุกตลาดใน 10 กลุ่มตลาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนั้นจะมีสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ด้วยและมีจีน อินเดีย แอฟริกาใต้ เอเชียใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายตลาดรวมทั้งประเทศตุรกี เยอรมันในสหภาพยุโรป และอังกฤษด้วย

เตรียมแผนงานไว้แล้ว เร็วๆนี้จะนำทีมเอกชนและกระทรวงพาณิชย์ไปบุกตลาดที่ประเทศตุรกีและเยอรมัน และหลังจากนั้นคือ ตะวันออกกลางสำหรับประเทศที่มีประชากรมาก เช่น อินเดีย จีน สหรัฐ จะลงลึกไปในหลายมณฑล หรือรายรัฐ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เราจะมีแผนงานเจาะลึกรายรับเพราะ แต่ละรัฐจะมีความต้องการสินค้าแตกต่างกันมีศักยภาพที่เป็น ตลาดนำเข้าสินค้า ของเราได้มากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้ GSP (ในประเทศเหล่านี้)ก็ตามเป็นสิ่งที่เราจะดำเนินการ ทั้งดำเนินการมาแล้วและจะดำเนินเดินหน้าต่อไป

ต่อคำถามที่ว่ามั่นใจขนาดไหนว่าเราจะต่อรองกับสหรัฐอเมริกาได้นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราพยายามจะให้เขาเกิดความเข้าใจว่าบางเรื่องเราทำได้บางเรื่องทำไม่ได้ เช่น ให้ต่างด้าวตั้งสมาพันธ์แรงงานในประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พูดชี้แจงทำความเข้าใจว่า เราอยู่ในฐานะที่จะทำได้หรือไม่อย่างไร หรือข้อเสนออื่นๆ ซึ่งแต่ละกระทรวงหรือ แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ที่จะทำความเข้าใจ ว่าอะไรได้ หรือไม่ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ

“พิชัย”เฮ!อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีโพสต์ปกนิตยสาร TIME พิงพลังดูด

People Unity News : อัยการสั่งไม่ฟ้อง “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีตรมว.พลังงาน โพสต์ปกนิตยสาร TIME ร่วมเสวนาปราบคอรัปชั่นยุค คสช.พลังดูด รอ ผบ.ตร.ทำความเห็น เเย้งหรือไม่นัดอีกที 3 ธ.ค. เจ้าตัวเผยเป็นการปิดปากให้หยุดวิจารณ์เศรษฐกิจย่ำเเย่

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และอดีตรมว.พลังงาน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.61 นายพิชัย โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอรัปชั่นในยุค คสช.และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. บนนิตยสาร TIME (ไทม์) กับลงข้อความห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

วันนี้นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายพิชัยเเละนายยอดชาย ศีลนำสุข ผู้รับมอบอำนาจเดินทางมารับทราบคำสั่ง

นายนรินท์พงศ์กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการว่า เนื่องจากสำนวนคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สรุปสำนวนคดีเเล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายจะตัองส่งไปให้ ผบ.ตร.ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ถ้าหาก ผบ.ตร.ทำความเห็นแย้งมาว่ายังยืนยันที่จะควรสั่งฟ้อง คดีก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดว่าฟ้องหรือไม่ เเต่หาก ผบ.ตร.เห็นด้วยตามอัยการสำนักงานคดีอาญาที่สั่งไม่ฟ้องคดีก็จะยุติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของผบ.ตร.ยังไม่แล้วเสร็จจึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. 62 เวลา 10.00 น.

ด้านนายพิชัย กล่าวว่า อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้เรียกตนไปปรับทัศนคติแล้ว 8 ครั้ง เพื่อบังคับให้ตนอย่าวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การที่ รัฐบาล และ คสช. ในขณะนั้น ไม่รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อีกทั้งยังพยายามปิดปากไม่ให้วิจารณ์ แล้วปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน หากรัฐบาลและคสช. จะได้รับฟังและพิจารณาแก้ไข เศรษฐกิจไทยคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ประชาชนคงไม่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกันแบบนี้ และที่น่าห่วงคือเศรษฐกิจยังจะแย่ลงไปอีก หากรัฐบาลยังมีกรอบคิดเหมือนกันในปัจจุบัน ซึ่งเวลาได้พิสูจน์มากว่า 5 ปีแล้ว

Verified by ExactMetrics