วันที่ 28 ธันวาคม 2024

ก.วัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปีกรุงรัตนโกสินทร์” 21-25 เม.ย. ชวนออเจ้าแต่งชุดไทยย้อนยุคร่วมริ้วขบวน

People unity news online : กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย.นี้ โชว์ 11 ริ้วขบวนแสดงการสถาปนากรุงเทพฯ – ประวัติศาสตร์สำคัญ 10 รัชกาล นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนร่วมงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ มีพิธีเปิด 21 เม.ย. เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพฯ

เมื่อวานนี้ (17 เมษายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมการรณรงค์งานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กล่าวรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2561 รวม 5 วัน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 236 ปี โดยงานครั้งนี้มีพิธีเปิดในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพมหานคร และมีริ้วขบวนที่แสดงถึงประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์และเหตุการณ์สำคัญสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 10 ภายใต้แนวคิด “รัตนโกสินทร์เรือนรอง” จำนวน 11 ริ้วขบวน ได้แก่ 1) เฉลิมฉลอง 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ 2) รัชกาลที่ 1 สร้างบ้านแปงเมือง 3) รัชกาลที่ 2 ฟูเฟื่องวรรณกรรม 4) รัชกาลที่ 3 เลิศล้ำเศรษฐกิจ 5) รัชกาลที่ 4 แนวคิดอารยะ 6) รัชกาลที่ 5 วัฒนะสู่สากล 7) รัชกาลที่ 6 มากล้นการศึกษา 8) รัชกาลที่ 7 ประชาธิปไตย 9) รัชกาลที่ 8 นำไทยสามัคคี 10) รัชกาลที่ 9 พระบารมีเปี่ยมล้น และ 11) รัชกาลที่ 10 ประชาชนเปี่ยมสุข โดยประชาชนสามารถแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยต่างๆ เข้าร่วมริ้วขบวนดังกล่าวได้ โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ ริ้วขบวนจะเริ่มเคลื่อนจากพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ผ่านถนนราชดำเนินกลางสนามหลวงและถึงโรงละครวังหน้า ส่วนกิจกรรมด้านศาสนามีในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 07.00 น. มีพิธีบำเพ็ญกุศลถวายแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชและพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 237 รูป ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และเวลา 08.30 น. พิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร หลักจากนั้น เวลา 10.00 น. มีพิธี 5 ศาสนามหามงคล ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) นอกจากนี้ มีกิจกรรมในพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และรอบเการัตนโกสินทร์ ได้แก่

1.โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 16.00-19.00 น. กิจกรรมสุดยอดการแสดงยุครัตนโกสินทร์และการแสดงจากมิตรประเทศ ได้แก่ การแสดงนาฏยหุ่นไทย (ชุมนุมหุ่นไทย) โขนเรื่อง “รามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี” อุปรากรจีน (งิ้ว) เรื่อง รามเกียรติ์ และกิจกรรมในโซน “เสน่ห์ไทยวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน

2.โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) วันที่ 22-24 เมษายน 2561 เวลา 13.00-15.00 น. เสวนาทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับกรุงรัตนโกสินทร์

3.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 14.00-21.00 น. จัดเป็นโซน “เสน่ห์ไทยเมื่อวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน และการแสดงทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ และกิจกรรมยลวังหน้ายามเย็น เยี่ยมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ

4.สวนสันติชัยปราการ (บางลำพู) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 จัดเป็นโซน “เสน่ห์บางกอก” สาธิตและจำหน่ายอาหารของดีวิถีชุมชน กรุงเทพมหานคร ร้านค้าของที่ระลึกชุมชนในบางกอก จุดถ่ายภาพ วิถีวัฒนธรรมชุมชนบางลำพู การแสดงทางวัฒนธรรม เวลา 18.00-21.00 น. ประกอบด้วย การแสดงดนตรีไทยจากดุริยประณีตชุมชนบางลำพู ละครนอก โขนสด และมีมัคคุเทศก์น้อยนำชมงาน

5.ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วันที่ 21-25 เมษายน จัดเป็นโซน “เสน่ห์วิถีถิ่น วิถีไทย” ตลาดประชารัฐร่วมใจ ของดีบ้านฉันจาก 4 ภาค สาธิตวิถีชีวิตชุมชน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น จำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นเมือง และกิจกรรมการแสดงพื้นบ้าน เวลา 18.00-21.30 น. ประกอบด้วย มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ คอนเสิร์ตศิลปินแห่งชาติ เป็นต้น

6.รอบเกาะรัตนโกสินทร์ วันที่ 21-25 เมษายน มีกิจกรรม ประกอบด้วย นิทรรศการและการแสดงต่างคล้าย ใช่เลย นิทรรศการและมหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยล ชมวัง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และศาสนสถาน เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วันบางขุนพรหม วังปารุสกวัน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์บางลำพู เทวสถาน เป็นต้น ประชาชนสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีรถโดยสารให้บริการฟรี ทั้งนี้จะมีพิธีปล่อยขบวนรถในวันที่ 21 เมษายน เวลา 09.30 น. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผ่านสถานที่ต่างๆรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และสิ้นสุดที่วัดมหาธาตุยุวราชังสฤษฎิ์

7.โรงภาพยนตร์สกาล่า วันที่ 24-27 เมษายน กิจกรรมชมสุดยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 และนิทรรศการ จำนวน 10 เรื่อง นอกจากนี้ จัดประกวดภาพถ่ายวัฒนธรรมไทยในสมัยรัชกาลที่ 10 เมษายนระหว่างเดือนจนถึงพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร 1765 หรือ www.m-culture.go.th

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรมการจัดงานดังกล่าว เพื่อได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์จักรี ซึ่งมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลากว่า 236 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พร้อมร่วมแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยรัชกาลต่างๆเข้าร่วมริ้วขบวนได้โดยพร้อมเพรียงกัน ในพิธีเปิดวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลาพระมหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ

People unity news online : post 18 เมษายน 2561 เวลา 08.19 น.

ประทับใจงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ต้อนรับประชาชนอบอุ่น เป็นแขกของพระเจ้าอยู่หัว

People unity news online : เหลือเวลาอีก ๑๑ วันเท่านั้น กับการจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานพระราชทานความสุขให้กับประชาชน และเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่างๆในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร องค์พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย ภายใต้ชื่องานว่า “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ระหว่างวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ – ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๑.๐๐ น. วันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๒.๐๐ น.

จึงขอเชิญชวนประชาชนไปร่วมงาน และแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพตามสมัยนิยม …อีก ๑๑ วันเท่านั้น

เสียงจากผู้เข้าชมงาน คุณสุภาวดี วงษ์เพชร ผู้อำนวยการ สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ และเป็นภรรยาของ พล.อ.พัชราวุธ วงษ์เพชร ผู้ทรงคุณวุฒิกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความประทับใจของงานอุ่นไอรักฯ ว่า

“ทุกอย่างภายในงานสวยงามมาก พิถีพิถันในการจัดงาน ได้บรรยากาศย้อนยุคจริงๆ และที่ประทับใจที่สุด คือ การต้อนรับ ซึ่งประชาชนทุกคนที่เข้าไปชมงาน จะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆอย่างดีมาก อบอุ่นด้วยความรัก ความสุภาพ ให้เกียรติกับประชาชนทุกคนเสมือนเป็นบุคคลสำคัญ ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ขึ้นรถรับส่งของงานเพื่อเข้ามาชมงาน ได้ยินมาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับประชาชนที่มาเที่ยวชมงานในฐานะเป็นแขกของพระองค์ ได้ยินแล้วก็ขนลุก ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

People unity news online : post 1 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึกปี 61

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึกประจำปี 2561 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และสดุดีวีรกรรมทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้คงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ และยังเป็นการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย โดยในพิธีมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนแต่ละเหล่าทัพ สมาชิกองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนส่วนราชการต่างๆเข้าร่วมในพิธี

บรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ประดับตกแต่งด้วยดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันทหารผ่านศึกอย่างสวยงาม ท่ามกลางประชาชนและผู้แทนจากส่วนต่างๆ ร่วมรำลึกถึงความดีของทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่เสียสละชีวิตในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้เสียสละชีวิต 59 นาย โดยปัจจุบันมีแผ่นทองจารึกชื่อผู้เสียชีวิตและผู้เสียสละชีพเพื่อชาติจากสงครามต่างๆ ตั้งแต่ปี 2483 – 2497 รวมทั้งสิ้น 807 นาย โดยในวันนี้ยังเป็นวันเดียวที่กระถางคบเพลิงรอบอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะถูกจุดด้วยไฟจริงๆ ทั้ง 4 ด้านในรอบ 1 ปี เพื่อสักการะดวงวิญญาณของเหล่าทหารผ่านศึก

People unity news online : post 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00 น.

ร.10 รับสั่งให้รัฐบาลสืบสานต่อยอดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้สืบสานต่อยอด ยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

วันนี้ (23 มกราคม 2560) เวลา 13.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าโครงการจิตอาสาพระราชทานว่า โครงการดังกล่าวเป็นพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงจัดตั้งขึ้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1.ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานภาครัฐในรูปแบบของคณะกรรมการ  ผู้ประสานงานโครงการ การจัดทำแผนงาน เรื่องการพัฒนา การช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ และกิจกรรมพิเศษอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย และ 2.เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น การลอกคูคลอง เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งให้สืบสานต่อยอด โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานส่วนพระองค์อยู่อย่างต่อเนื่อง

People unity news online : post 23 มกราคม 2561 เวลา 23.00 น.

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2560

People unity news online : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2560 เชิดชูเกียรติต้นแบบแห่งการแบ่งปันเพื่อผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2560 เวลา 15.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2560 แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น โดยมี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เฝ้ารับเสด็จ ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ

พลเอก อนันตพร กราบทูลว่า ด้วย “พระประชาบดี” เทพผู้เป็นที่พึ่งและสงเคราะห์ประชาชน ด้วยพลังแห่งการให้และแบ่งปัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากสภาวะยากลำบาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้นำชื่อ “ประชาบดี” มาเป็นชื่อรางวัลแห่งเกียรติยศ อันเป็นที่สุดแห่งความภาคภูมิใจของต้นแบบความดีเพื่อช่วยเหลือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้ได้รับการยกย่องและเชิดชูคุณความดีให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยพระเมตตาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง

พลเอก อนันตพร กราบทูลต่อไปว่า การจัดงานประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติฯ เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 โดยมีผู้ได้รับรางวัลแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 670 ราย ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา มีการมอบรางวัล “ประชาบดี” เพียง 4 ประเภท แต่สำหรับปี 2560 เป็นปีพิเศษที่มีการมอบรางวัลถึง 5 ประเภท โดยเพิ่ม1 รางวัล ประเภทผู้ที่ทำงานร่วมกับกระทรวง พม. มาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ในปีนี้ มีการมอบรางวัลเป็นจำนวนทั้งสิ้น 60 รางวัล ได้แก่ 1) ประเภทบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากจำนวน 12 คน เช่น พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต 2) ประเภทองค์กรที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 7 องค์กร เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท 3) ประเภทสื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 17 รายการ เช่น รายการ 76 จังหวัด ตามหาคนดี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) 4) ประเภทบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ทำคุณประโยชน์และดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดี จำนวน 17 คน เช่น นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ ซึ่งให้บริการรถแท็กซี่ ที่ได้รับบริจาค ในการรับ-ส่งผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากไปยังโรงพยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลาถึง 22 ปี และ 5) รางวัลเกียรติยศ บุคคลที่เสียสละอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและมีผลงานโดดเด่นสนับสนุนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม. อย่างต่อเนื่อง จำนวน 7 คน เช่น นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มธุรกิจเพื่อสังคม และการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก เป็นต้น

“กระทรวง พม. ขอแสดงความยินดีและยกย่องเชิดชูเกียรติกับทุกท่านและทุกองค์กรที่ได้รับรางวัลในวันนี้ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในสังคมเป็นกลไกหนุนเสริมภารกิจซึ่งกันและกันในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และพัฒนาสังคมร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวง พม. พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อการพัฒนาสังคม การพิทักษ์คุ้มครองสิทธิประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือดูแล เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน” พลเอก อนันตพร กราบทูลในตอนท้าย

People unity news online : post 12 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเลี้ยงแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย  ถนนสามเสน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงอาหารพระราชทานให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสังกัดหน่วยราชการในพระองค์ ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมถึงภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วม

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางไปถึงบริเวณงาน นายกรัฐมนตรีเดินไปยังเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายคำนับ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ จากนั้นชมวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภาพความอาลัยของประชาชน และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในงานพระราชพิธีฯ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายราชสักการะและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และกล่าวถวายราชสักการะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า

“ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และผู้ที่มาร่วมงานอยู่ ณ ที่นี้ มีความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ฯ ในวันนี้

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 ยังความเศร้าโศกอาลัยให้แก่พสกนิกรชาวไทยอย่างใหญ่หลวงและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระมหากรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลและประชาชนชาวไทย จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  เพื่อถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามขัตติยโบราณราชประเพณี

โดยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างเรียบร้อย สมบูรณ์ สมพระเกียรติ ด้วยเดชะพระบารมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและการรวมพลังความสามัคคีทุกภาคส่วนที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ

การที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดเลี้ยงอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นขวัญกำลังใจอันสำคัญให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าตั้งใจปฏิบัติภารกิจหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนตามพระราชปณิธานสืบไป

ในวาระอันป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ  สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าชาวไทยตราบกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมรับประทานอาหารพระราชทานที่จัดไว้ ณ โต๊ะที่จัดไว้ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน

People unity news online : post 24 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.20 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้องคมนตรีติดตามโครงการฯอ่างเก็บน้ำยางชุม

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชกระแสให้ติดตาม ขับเคลื่อน เร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อประชาชน

วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2560) เวลา 16.30 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคกลาง พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการฯ โดยมี นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมชลประทานบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการฯ และสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี พร้อมกับเยี่ยมชมอ่างเก็บน้ำ

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานพระราชดำริไว้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2546 สรุปความว่า ให้พิจารณาหาทางเพิ่มปริมาณเก็บกักของอ่างเก็บน้ำยางชุมฯ ต่อมาในปี 2547-2548 กรมชลประทานจึงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำยางชุม โดยปรับปรุงเขื่อนดินเพื่อเพิ่มความสูงของตัวเขื่อนและเพิ่มความจุของน้ำจาก 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น ปรับปรุงอาคารท่อระบายน้ำปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม และติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน

ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำยางชุมฯ สามารถส่งน้ำให้พื้นที่รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากเดิม 15,300 ไร่ เป็น 20,300 ไร่ ส่งผลให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรโดยปลูกพืช เช่น สับปะรด มะม่วง มะพร้าว อ้อย พืชผักต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ผลักดันน้ำเค็มในช่วงฤดูแล้งเพื่อรักษาคุณภาพน้ำและสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าโดยรอบ นอกจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นโดยตรงแล้วอ่างเก็บน้ำย่างชุมฯยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดให้กับราษฎรได้มีแหล่งอาหารโปรตีนไว้บริโภค รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกแห่งของจังหวัดทำให้ราษฎรมีรายได้จากการทำประมงและจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

จากการติดตามการดำเนินงานโครงการฯของคณะองคมนตรีในครั้งนี้ ได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดำเนินงานโครงการฯ ให้บังเกิดความมั่นคง ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อสนองพระราชปณิธานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎรต่อไป (NNT)

People unity news online : post 14 พฤศจิกายน 2560 เวลา 22.50 น.

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนวันสุดท้ายการเข้ากราบพระบรมศพ เป็นวันที่ 5 ต.ค.60

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนกำหนดวันสุดท้ายของการกราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากเดิมวันที่ 30 กันยายน 2560 ออกไป เป็นถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของคืนวันที่ 5 ตุลาคม 2560

People unity news online : post 27 กันยายน 2560 เวลา 00.30 น.

ร.10 พระราชทานวีดีทัศน์แนวพระราชดำริ ร.9 และสมเด็จพระราชินีนาถ ให้รัฐบาลนำไปสานต่อ

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานวีดีทัศน์รวมแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

วันนี้ (15 สิงหาคม 2560) เวลา 13.50 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานวีดีทัศน์ จำนวน 4 แผ่น ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสานต่อ รักษา และต่อยอดแนวทางพระราชดำริและโครงการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ ป่า และเรื่องต่างๆ ที่เป็นแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงทำไว้ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับมาแล้วให้รวบรวมและนำไปเผยแพร่ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ รวมถึงเพื่อให้รัฐบาลและทุกภาคส่วนนำไปใช้ประโยชน์ในการสานต่อและต่อยอดสิ่งที่ทั้ง 2 พระองค์ทำไว้  ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ในการทรงงานต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป ส่วนรัฐบาลจะนำมาประยุกต์ใช้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้นำวีดีทัศน์ชุดดังกล่าวมาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยใช้ชื่อชุด “สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขปวงประชา” หน้าปกเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปกด้านในมีพระราชปรารภของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรามีมากหลายด้วยพระบารมี และพระเมตตา ได้ทรงพระราชทานแนวความคิด พระราชดำริ และข้อปฏิบัติในการพัฒนาความเจริญและความสุขให้แก่ประเทศชาติและประชาชนมาหลายด้านหลายสิ่ง หากจะได้ศึกษาและน้อมนำพระราชดำริต่างๆนี้ มาปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมและพอเพียงต่อสถานการณ์ และก็เชื่อแน่ว่าจะแก้ปัญหา และทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติ และตนเอง ซึ่งจะนำพามาสู่ความสุขและความเจริญกับทุกๆคน ตามพระราชปณิธานของล้นเกล้าล้นกระหม่อมตลอดไป หวังว่าวีดีทัศน์ชุดนี้จะเป็นประโยชน์ และนำความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ชมในทุกประการ ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยด้วย

สำหรับวีดีทัศน์มีจำนวน 4 แผ่น แบ่งเป็น 4 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 น้ำคือชีวิตแผ่นดิน ตอนที่ 2 พิทักษ์ป่า พัฒนาสินสายน้ำ ตอนที่ 3 พืชพรรณ ปลูกชีวิตมั่นคง และตอนที่ 4 เศรษฐกิจพอเพียงนำทางชีวิต

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้ทุกคนติดตามและเข้าใจถึงพระเจตนารมณ์ที่พระองค์ทรงมอบหมายมา โดยจะให้กรมประชาสัมพันธ์นำวีดีทัศน์ดังกล่าวไปเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในเวลา 18.00 น. นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งอีกหลายเรื่อง อาทิ การทำให้คนไทยปลูกข้าวให้ได้ในพื้นที่ที่มีดินเปรี้ยว ซึ่งรัฐบาลต้องไปพิจารณาด้วยว่าหากการปลูกข้าวอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอ ก็ต้องนำไปสู่การทำตามแนวพระราชดำริเกษตรทฤษฏีใหม่ 3:3:3:1 ปลูกพืชชนิดอื่นด้วย หรือถ้าปลูกพืชชนิดใดได้ดีก็นำไปปลูกพืชแปลงใหญ่ ส่วนพื้นที่ใดปลูกพืชชนิดใดได้ผลผลิตน้อย ก็ให้นำพื้นที่นั้นไปทำปศุสัตว์บ้าง เพราะทิศทางน้ำในปัจจุบันเปลี่ยนไปมากพอสมควร และไม่ควรเกิดการขัดแย้งกันอีก

“พระองค์ทรงรับสั่งว่าสามารถประยุกต์ได้ หลักเศรษฐกิจพอเพียงมีคนอยู่หลายประเภทด้วยกัน มีทั้งพอเพียง รวยก็มี ไม่พอเพียงก็มี ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงได้ในคนทุกระดับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เมื่อวาน (7 สิงหาคม) ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา โดยได้ถวายงานในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง สรุปได้ดังนี้

1.ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมทั้งภาคเหลือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงรับสั่งให้รัฐบาลช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ลดภาระความซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ อย่างที่ทรงพระราชทานอยู่ปัจจุบันนี้ พร้อมทรงรับสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นพื้นที่ๆไป ถ้าไม่สามารถแก้ไขในภาพรวมได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทูลถวายถึงโครงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของรัฐบาลว่า ติดปัญหาอยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องที่ดิน และในพื้นที่ส่วนบุคคล โดยไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป

2.ทรงรับสั่งขอให้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข ทั้งการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย การสร้างอุดมการณ์ ขอให้ทำในทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง

3.ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแต่โบราณกาลที่เป็นส่วนที่ดีงาม เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้คนมาท่องเที่ยว มาชื่นชม ขอให้รักษาไว้ให้ได้

4.เรื่องภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น ภัยคุกคามรูปในแบบเก่า การรักษาอธิปไตย วันนี้น้อยลง ก็มีแต่การรักษาทรัพยากรบนแผ่นดินและบนพื้นน้ำที่เป็นอาณาของประเทศไทย ที่จำเป็นต้องมีกำลังไว้รักษา และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ต้องเตรียมมาตรการรองรับให้ดี ให้เป็นสากล

5.ทรงให้เร่งดูแลระบบการศึกษา ซึ่งปัจจุบันได้มีการปฏิรูปการศึกษา เร่งกระบวนการเรียนรู้ ให้คนไทยมีความรู้ สามารถประกอบอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง มีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง จะได้ลดความขัดแย้ง

6.ทรงขอให้ช่วยกันส่งเสริมกลุ่มงานจิตอาสา ซึ่งตนได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่ และความมั่นคง ในลักษณะจิตอาสา หรือทำกิจกรรมสาธารณะ

7.การดูแลประชาชน ให้ความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ มีหลักฐานที่ชัดเจน ให้ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมให้ได้

8.ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทรงขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เป็นแม่แบบให้กับประชาชนให้เคารพศรัทธาเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย

9.ทรงเสียพระทัยในการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยรับสั่งว่าขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ ขยายสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำไว้มากมายให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ขอให้สำนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมขอให้นำทุกอย่างที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงริเริ่มนำไปขับเคลื่อน ส่วนพระองค์จะสนับสนุนส่งเสริมรัฐบาลในการทำเพื่อประชาชน

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และโชคดีที่ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถต่อไป ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษา ให้ใช้การสูญเสียในครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านต่อไป

ร.10 พระราชทานวีดีทัศน์แนวพระราชดำริ ร.9 และสมเด็จพระราชินีนาถ ให้รัฐบาลนำไปสานต่อ

People unity news online : post 15 สิงหาคม 2560 เวลา 22.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน 9 แนวทางให้รัฐบาลยึดเป็นหลักปฏิบัติ

People unity news online : เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เมื่อวาน (7 สิงหาคม) ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา โดยได้ถวายงานในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง สรุปได้ดังนี้

1.ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมทั้งภาคเหลือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงรับสั่งให้รัฐบาลช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ลดภาระความซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ อย่างที่ทรงพระราชทานอยู่ปัจจุบันนี้ พร้อมทรงรับสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นพื้นที่ๆไป ถ้าไม่สามารถแก้ไขในภาพรวมได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทูลถวายถึงโครงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของรัฐบาลว่า ติดปัญหาอยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องที่ดิน และในพื้นที่ส่วนบุคคล โดยไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป

2.ทรงรับสั่งขอให้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข ทั้งการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย การสร้างอุดมการณ์ ขอให้ทำในทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง

3.ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแต่โบราณกาลที่เป็นส่วนที่ดีงาม เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้คนมาท่องเที่ยว มาชื่นชม ขอให้รักษาไว้ให้ได้

4.เรื่องภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น ภัยคุกคามรูปในแบบเก่า การรักษาอธิปไตย วันนี้น้อยลง ก็มีแต่การรักษาทรัพยากรบนแผ่นดินและบนพื้นน้ำที่เป็นอาณาของประเทศไทย ที่จำเป็นต้องมีกำลังไว้รักษา และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ต้องเตรียมมาตรการรองรับให้ดี ให้เป็นสากล

5.ทรงให้เร่งดูแลระบบการศึกษา ซึ่งปัจจุบันได้มีการปฏิรูปการศึกษา เร่งกระบวนการเรียนรู้ ให้คนไทยมีความรู้ สามารถประกอบอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง มีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง จะได้ลดความขัดแย้ง

6.ทรงขอให้ช่วยกันส่งเสริมกลุ่มงานจิตอาสา ซึ่งตนได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่ และความมั่นคง ในลักษณะจิตอาสา หรือทำกิจกรรมสาธารณะ

7.การดูแลประชาชน ให้ความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ มีหลักฐานที่ชัดเจน ให้ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมให้ได้

8.ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทรงขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เป็นแม่แบบให้กับประชาชนให้เคารพศรัทธาเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย

9.ทรงเสียพระทัยในการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยรับสั่งว่าขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ ขยายสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำไว้มากมายให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ขอให้สำนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมขอให้นำทุกอย่างที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงริเริ่มนำไปขับเคลื่อน ส่วนพระองค์จะสนับสนุนส่งเสริมรัฐบาลในการทำเพื่อประชาชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และโชคดีที่ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถต่อไป ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษา ให้ใช้การสูญเสียในครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านต่อไป

People unity news online : post 9 สิงหาคม 2560 เวลา 17.00 น.

Verified by ExactMetrics