People Unity : “อนุทิน”น้อมรับข้อเสนอแนะศึกอภิปรายงบฯ63 ยืนยัน สธ.ทำงานเต็มที่เพื่อสุขภาพคนไทย “พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด ช่วยก.อุตุฯพยากรณ์ -เกษตรกรไทยวางแผนเพาะปลูกแม่นยำ ตั้งเป้า3 ปีไทยขยับเกณฑ์มาตรฐานสากล ย้ำปี 64 ราชการไทยมีคลาวด์เป็นของตนเอง เพื่อความปลอดภัย-ประหยัดงบ แจงงบฯเวิด์ลเอ็กซ์โปร์ 800ล้านสุดคุ้ม
วันที่ 19 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ว่า ขอบคุณทุกประเด็นที่เสนอมาในการอภิปรายครั้งนี้ อันสะท้อนว่าท่านสมาชิก มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสุขภาพคนไทย ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ได้จดบันทึกทุกคำแนะนำเพื่อนำไปปฏิบัติ ให้เห็นผล
“รัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชน ตนตั้งใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะอยากให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อคนไทยมีสุขภาพดี และนั่นคือภารกิจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องดูแลสุขภาพคนไทย ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก และเมื่อถึงวัยเกษียณ คนไทย ต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ยิ่งหลังจากนี้ ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ จึงต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่ถูกทอดทิ้ง ให้ได้ตระหนักถึงคุณค่าที่มีต่อประเทศ ให้เป็นสังคมผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง ขอยืนยันว่าข้าราชการทุกคน และบุคลากรทุกท่านในกระทรวงสาธารณสุข ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถแน่นอน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง
“ส.ส.ราชบุรี”แนะ สาธารณสุข เน้นซื้อเครื่องมือแพทย์ของในประเทศ
ทั้งนี้ น.ส.กุลวดี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข มีความจำเป็นอย่างมาก ตนขอแนะนำให้กระทรวงสาธารณสุข เน้นดารใช้เครื่องมือที่ผลิตในประเทศไทย อย่างเช่น การจัดซื้อเครื่องล้างไต จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่ล้างไตได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้การใข้ชีวิตประจำวันมีคุณภาพที่ดีขึ้น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่นำมาใช้ในวงการแพทย์ตอนนี้มีคุณภาพที่ดีมาก และผู้ป่วยสัมผัสรังสีได้น้อยลง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้นการอดีต
“ปารีณา”ติงส.ส.อภิปรายงบด้านเดียว ชี้รบ.จำต้องกู้เงินตามล้างหนี้จากรบ.ชุดก่อน
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจน จากที่ได้ฟังสมาชิกอภิปรายหลายคนในลักษณะเหรียญด้านเดียว ปัจจุบันรัฐบาลมีหนี้สินมากจริง ซึ่งเกิดจากการกู้ของรัฐบาลที่ผ่านมา การกู้เงินมาบริหารประเทศเป็นความจำเป็น และเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แต่หนี้สินส่วนหนึ่งเกิดความปัญหาความทุจริต คอรัปชั่น โกงจำนำข้าว 6 แสนล้านบาท โกงหวยบนหิน จีทูจี โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีที่หนีไปต่างประเทศ สร้างหนี้ไว้ให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทรฺโอชา จนต้องตั้งงบประมาณจำนวน4.6 หมื่นล้านบาทมาชดใช้หนี้โครงการจำนำข้าวดังกล่าว ส่วนคนโกงก็ไปอยู่ต่างประเทศ ชาตินี้ก็กินไม่หมด
น.ส.ปารีณากล่าวว่าเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ปัจจุบันนี้ทุกประเทศทั่วโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดจากสงครามการค้าจีน สหรัฐ ประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาทั่วโลก แต่ไทยถือว่าได้รับผลกระทบน้อย รัฐบาลสามารถสร้างเสถียรภาพการเงิน การคลังได้อย่างมั่นคง เห็นชัดเจนค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้ ไทยได้รับความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก ปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และในบรรยากาศทั้งหมดนี้เวิด์ล อิคอมนอมิค ฟอร์รั่ม ยังจัดอับดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้อยู่ในอันดับที่ 40 จากทั่วโลก เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง ครองแชมป์อยู่ ส่วนปัญหาความยากจนเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานทุกรัฐบาลยังแก้ไม่ได้ จึงไม่เป็นธรมที่จะกล่าวหารัฐบาลนี้เป็นต้นเหตุความยากจน
ส.ส.ราชบุรีกล่าวว่า แต่รัฐบาลมีการจัดงบประมาณและทำนโยบายแก้ไขเศรษฐกิจโดยส่วนหนึ่ง มีการนำภาษีมาช่วยอัดฉีดเงินช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่ ผู้มีรายได้น้อย ทั้งการแจกเมล็ดพันธุ์ข้าว ประกันราคาข้าว 15,000 บาทต่อตัน ประกันราคายาง ราคาสินค้าเกษตร เป็นการใช้งบที่ประชาชนรออยู่ โดยเฉพาะประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14.6 ล้านคน ซึ่งใช้งบ4 หมื่นล้านบาท สวัสดิการผู้สูงอายุ 7.6 หมื่นล้านบาท คนเหล่านี้รองบประมาณจากรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้ฝ่ายที่เห็นต่างมาร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย ไม่ดึงรั้งว่าเมื่อไหร่จะได้เงินตามนโยบาย ก็ขอให้ช่วยกันโหวตให้กับร่างงบปนะมาณนี้ อย่าดึงรั้งประเทศไทย ขอให้ทุกคนเดินหน้าประเทศไทย ประชาชนรออยู่
“ส.ส.สระบุรี”เชื่องบกระทรวงดิจิตอลสำคัญต่อภาคเกษตร
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่ากระทรวงดิจิตอลฯได้งบมาไม่ถึง 25 % ซึ่งเป็นดระทรวงที่สำคัญ โดนเฉพาะหากนำไปประยุกต์กับการทำเกษตรกรรม ที่จะทำให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบการพยากรณ์ได้ ก็ตะทำให้ผลผลิตที่จะได้สามารถลดต้นทุนและลดความเสี่ยง นอกจากนี้สาธารณภัย โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ถ้าเราเทียบกับญี่ปุ่น เขาจะมีเครื่องตรวจวัดสภาพอากาศกว่า 3000 เครื่องเพื่อตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งประเทศไทยเราต้องพัฒนาระบบดิจิตอลให้ก้าวหน้ามากกว่านี้
“พุฒพงษ์” แจงโครงการเพิ่มเครื่องวัดดิจิทัล100กว่าจุด
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงกรณีที่สมาชิกอภิปรายการจัดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องดิจิทัลวัดพยากรณ์อากาศ ให้กับเกษตรกรในการวางแผนเพาะปลูกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยมีนโนยายเกษตรดิจิตอล ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ใส่ไว้ในงบประมาณในการเพิ่มจุดวัดพยากรณ์อีกประมาณ100 กว่าจุด ซึ่งเป็นจุดสถานีชี้วัดผลพยากรณ์อากาศแบบย่อม ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีสถานีชี้วัดทั่วประเทศทั้งหมด 125 จุด ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีถึง3,600กว่าจุด โดยรัฐบาลได้พยายามผลักดันในงบประมาณปี63 ขอเพิ่ม100 กว่าจุด เพราะเห็นถึงความสำคัญว่าหากมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการช่วยพยากรณ์ให้เกษตกรได้ทราบ และสามารถวางปฎิทินการเพาะปลูกต่างๆได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยจำนวนมาก และงบประมาณก็ไม่ได้มาก
“เราพยายามวางแผนเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มจุดตัวชี้วัดทั่วประเทศให้มีความแม่นยำเหมือนนานาประเทศ เพราะที่ผ่านมามีคำถามว่าทำไมกรมอุตุนิยมวิทยาถึงไม่มีความแม่นยำในการพยากรณ์อากาศ แต่ภายในระละเวลาอันใกล้นี้ ไทยจะสามารถขยับเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานสากลได้ และใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาแก้ปัญหาให้เกษตรกรได้”
นายพุทธิพงษ์ยังได้ชี้แจงงบประมาณโครงการทำ GDCC หรือ การจัดเก็บข้อมูลในCloud (คลาวด์) ของภาครัฐ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มองเห็นการปรับเปลี่ยนการปรับตัวเข้าสู่ฐานข้อมูลรวมที่ถูกต้อง และปลอดภัย ของภาครัฐ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีเคยมีการใช้หน่วยงานสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ (สปร.) มาดูแล และสนับสนุนให้หน่วยงานราชการบางหน่วยงานใช้คลาวด์ แต่ในส่วนของกระทรวงดิจิทัลได้บูรณาการว่าจากนี้ต่อไปถึง2564 ทุกหน่วยราชการของรัฐบาลไทยจะต้องใช้ระบบคลาวด์อันเดียวกัน และป้องกันข้อมูลราชการให้ปลอดภัยเหมาะสม ที่สำคัญคือประหยัดงบประมาณ
“ที่ผ่านมาทุกหน่วยตั้งงบประมาณเช่าใช้คลาวด์ในพื้นที่ต่างๆ เป็นการสิ้นเปลืองและมาตรฐานก็ต่างกัน แต่จากนี้ไปเมื่อมีการรวมศูนย์คลาวด์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณอีก ต่อไปรัฐบาลไทยจะมีคลาวด์เป็นของตนโดยใช้ CAT โทรคมนาคมเป็นคนทำให้ ยืนยันว่าจะไม่เป็นการซ้ำซ้อน แต่จะเป็นการถ่ายโอนทั้งหมดเพื่อให้เป็นระบบบูรณาให้เหมาะสม และดีที่สุด”
ส่วนประเด็นการใช้งบประมาณจัดเวิลด์เอ็กซ์โปร ปี63 ซึ่งประเทศไทยจะไปร่วมจัดงานที่ดูไบ ซึ่งเป็นงบผูกพัน3 ปี โดยรวมประมาณ 800 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างและทำระบบทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้พื้นที่จัดแสดงมากที่สุดเท่าที่เคยได้มา คือไซด์L โดยปีที่แล้วเราได้ไซด์M แต่ใช้งบประมาณเท่ากัน เราจะยึดมั่นในแนวทางและวัฒนธรรมประเพณีไทย โดยใช้ดอกไม้ และสิ่งที่คนไทยให้ความนับถือในการบอกเล่าความเป็นคนไทย โดยใช้ดิจิทัลที่ทันสมัย ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและระมัดระวังต่อการใช้ภาษีของประชาชนอย่างมาก ไม่ให้เสียความที่จะเอาประเทศไทยไปเผยแพร่ต่อสายตาชาวโลกโดยคงคุณภาพ ใช้งบเหมาะสม และประหยัด อย่างไรก็ตามส่ิงที่สมาชิกได้แนะนำตนก็จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป