People Unity : รัฐไม่ได้เอื้อเจ้าสัว! “บิ๊กตู่” แจงงบฯปี 63 ย้ำรูปแบบลงทุน เอกชนต้องรับความเสี่ยงมากกว่ารัฐ ฝ่ายค้านให้โอกาสรัฐบาลดันให้ผ่านไปก่อนเพื่อช่วยชาวบ้าน
วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงการตั้งข้อสังเกตของสมาชิกพรรคฝ่านค้านหลายคำถามรวมถึงโครงการอีอีซีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า มีการบอกว่าโครงการอีอีซี เอื้อเจ้าสัว ซึ่งหากเราไม่พัฒนาประเทศก็จะไม่มีแรงจูงใจให้กับนักลงทุน วันนี้โครงการต่างๆ เป็นรูปแบบรัฐร่วมเอกชน รัฐออกน้อย เอกชนออกมาก และรับความเสี่ยงแทนรัฐ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการ “ชิมช้อปใช้” ด้วยว่า คนที่บอกไม่ดีให้ไปบอกประชาชนที่พอใจในโครงการนี้ เพราะเงินไปยังร้านค้ารายย่อยจำนวนมากไม่ใช่เฉพาะเจ้าสัวที่ได้ประโยชน์ เอกชนก็พอใจ ถ้าไม่เชื่อไปดูข้อเท็จจริงสถิติทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
ช่วงท้ายนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายสรุปว่า ฝ่ายค้านจะค้านไม่ให้ผ่านก็สงสารชาวบ้าน จึงจะให้โอกาสรัฐบาลโดยให้ผ่านไปก่อน ในวาระที่สองค่อยปรับแก้
ทั้งนี้นายสุทิน อภิปรายว่า 3 วันที่ฝ่ายค้านได้ท้วงติง และแนะทางออกก็ขอให้รัฐบาลเปิดใจกว้างให้รับฟังและนำไปแก้ไขเพราะเรามองไปข้างหน้าว่ามีปัญหาแน่และมีแนวโน้มว่าจะขาดดุลต่อเนื่อง ทำให้มองไปข้างหน้าว่าเมื่อไหร่จะสมดุล และมีความหวังหรือไม่จะหมดหนี้หมดสิน แต่ดูแล้วเหมือนปีนี้จะหมดหวังในปี 2563 ประเทศอยู่ในภาวะหนี้สูงที่สุด หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดความเหลื่อมล้ำสูงที่สุด ขาดดุลมากที่สุด คนตกงานมากที่สุดและการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำสุดและการลงทุนใน 5 ปี เบิกจ่ายงบไม่ทันกว่า 40 เปอร์เซ็นต์แล้วจะไปกู้เศรษฐกิจได้อย่างไร แต่กลับไปลงทุนในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ถ้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์เข้าไม่ทำกัน ส่วนโครงการเมกกะโปรเจ็กเรายังไม่เห็นความหวังอะไรเลยส่วนโครงการอีอีซีที่คิดว่าจะเป็นพระเอกกำลังจะล้มซ้ำรอยโฮปเวลล์เพราะนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นและไม่เข้ามาลงทุนด้วย แต่งบประมาณของรัฐบาลกลับไปกระจุกอยู่ที่กระทรวงกลาโหม ดังนั้นอยากให้ตัดงบกระทรวงกลาโหมมาพัฒนาเศรษฐกิจดีกว่า และพัฒนาการศึกษา หรือพัฒนาด้านสาธารณสุข
“ดังนั้นเงินนอกงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ พวกผมจะยื่นตีความ เพราะนำไปไว้อยู่นอกงบประมาณ และงบกลางตั้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านำไปใช้อะไร ดังนั้นอยากให้ท่านยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจมีปัญหา ชาวบ้านยากจนถ้ายอมรับความจริงจะแก้ไขปัญหาได้ เราถึงจะมีความหวัง และขอให้เกลี่ยงบประมาณใหม่ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าจะยกมือให้ตกเราก็ห่วงประเทศ แต่จะยกมือให้ทำใจลำบาก จะยกมือให้ตกใจไม่ด้านพอ เพราะห่วงชาวบ้าน เพราะฉะนั้นวันนี้จะให้โอกาสท่านผ่านไป แต่ในวาระสองหวังว่าจะทำให้ดีขึ้น ถ้าไม่ทำวาระสามเราจะคว่ำเลย” นายสุทิน กล่าว
“บิ๊กตู่”สรุปปิดท้ายงบฯปี 63 มุ่งหวังประชาชน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ต่อจากนั้น พลเอกประยุทธ์ ได้ชี้แจงสรุปก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ