People Unity : “จุรินทร์”เตรียมนำทัพเอกชนลุย 10 ตลาดส่งออกทั่วโลก ติวเข้มกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานภาคราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน
วันที่ 25 ต.ค.2562 ตั้งแต่เวลา 8.30-10.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 2/2562 วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม กรอ.พาณิชย์อีกครั้งหนึ่ง ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกระทรวงพาณิชย์หน่วยงานภาคราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ส่งออกสินค้าและอื่นๆวันนี้ประเด็นสำคัญก็คือ การเพิ่มตัวเลขการส่งออก ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบสงครามการค้า Brexit และ เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับยุทธศาสตร์เดิมที่กำหนดไว้คือการมุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม และขยายเพิ่มเติมตลาดใหม่รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่เคยมีอยู่แต่สูญเสียไปได้เน้นย้ำเพิ่มเติมลึกลงไปในรายละเอียดของยุทธศาสตร์ในทางปฏิบัติที่จะมุ่งเน้น 5-6 ประเด็นใหญ่
ประเด็นแรกจะคงเดินหน้าการสร้างไทยแบรนด์เพื่อให้มีความเข้มแข็งในตลาดโลกต่อไป อันที่สอง คือ มุ่งเน้นการส่งเสริมภาคบริการใหม่นอกจากที่เคยทำมา เช่น ค้าปลีก โลจิสติกส์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กีฬา การก่อสร้างตกแต่ง โรงแรมอีคอมเมิร์ซเพิ่มเติม เป็นต้น อันที่สาม คือมุ่งเน้นกระชับการสร้างพันธมิตรเครือข่ายกับสภาธุรกิจเอกชนระหว่างประเทศในภูมิภาคต่างๆถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนโดยเร็วขึ้น และสี่ คือ การเน้นสนับสนุนให้เอสเอ็มอีสามารถที่จะส่งออกได้มากขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ อันที่ห้า มุ่งเน้น ให้ทูตพาณิชย์หาลู่ทางเจาะเป็นตลาดในประเทศใหญ่ๆ รายมณฑลเพิ่มตัวเลขการส่งออกแผนการเจาะตลาดประเทศ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าอย่างน้อยในช่วงระยะเวลาถ้าจากนี้ไปจะบุกตลาดไปด้วยกันทั้งภาครัฐและเอกชนใน 10 ตลาดใหญ่ที่เห็นว่ามีศักยภาพ ประกอบด้วยตลาด จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมัน ศรีลังกา บังคลาเทศ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ อังกฤษ ยุโรป เป็นต้น และสิ่งที่ที่ประชุมนี้มีความเห็นให้ฝ่ายเลขาฯไปทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อการประชุมเที่ยวหน้าคือหนึ่งการทำให้ภูมิภาคอาเซียนการค้าชายแดนของไทยสามารถใช้โลโก้ข้าวอินทรีย์ได้มากขึ้น และจัดทำแผนสนับสนุนเอสเอ็มอีกับสตาร์ทอัพให้เพิ่มตัวเลขการส่งออกในตลาดสำคัญสำคัญต่างๆทั่วโลกได้มากขึ้นกับสามให้ทูตพาณิชย์ไปศึกษากฎเกณฑ์กติกาต่างๆของประเทศสำคัญสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกของไทย สามารถได้รับสิทธิพิเศษหรืออัตราภาษีต่ำตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้ส่งออกไปในราคาที่แข่งขันกับคู่แข่งได้