People Unity : “ธนาธร” ขึ้นเวที ส.สื่อไทย-จีน ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ- ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียนสร้างตลาดภายในภูมิภาค
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง ปรับความคิด ความร่วมมือไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปีจีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจ นักกฎหมาย และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน โดยเริ่มต้นได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไปลงทุนในประเทศจีน นายธนาธร กล่าวว่า ตลอดการทำงานที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปจีนมาแล้วมากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจคือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเสียก่อนจึงได้ชะลอไป จนได้กลับไปอีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฟุเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จักเจ้าหน้าที่ๆ ดูแลมณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน
นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่ 2-3 ข้อ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทยได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้ปานกลางได้เลย
“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัทใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัด ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาคตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศอาเซียน ส่วนหนึ่งที่จีนสามารถเติบโตได้ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรมของจีนก็สอดรับกับความต้องการ เมื่อย้อนกลับมาดูอาเซียน จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิตแข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศจะต้องไปด้วยกัน
นายธนาธร ทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของจีน แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย อียู สหรัฐอเมริกา ฯลฯ เราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่องที่น่ายินดี เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุนสินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่ค้าเสียเปรียบ ไม่ใช่ว่าจีนไปลงทุนในประเทศอื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุน ต้องแฟร์ คือปฏิบัติต่อประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย