People Unity News : “บิ๊กตู่”เผยนายกฯแคนนาดาโทรแจ้ง ร่วมประชุมอาเซียนไม่ได้ รองโฆษกเพื่อไทยซัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ หลังปธน.สหรัฐฯปฎิเสธคำเชิญเข้าประชุมอาเซียน
วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนนาดา ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตนโดยระบุว่าติดปัญหาภายในประเทศทำให้ไม่สามารถเข้าร่วม ประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพได้ แต่จะมีผู้แทนมาร่วมประชุม แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่มีต่อกันระหว่างเราและแคนนาดา และแคนนาดากับอาเซียนด้วย
เมื่อถามถึงการยกเลิกการประชุมเอเปคประจำปี 2019 ที่ประเทศชิลี พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ประเทศชิลี แจ้งเรื่องดังกล่าวเข้ามาแล้ว มีการประท้วงและข้อนข้างมีความรุนแรงเกิดขึ้นด้วย เขาขอเลื่อนไปก่อน
ทั้งนี้เมื่อเวลา 08.30 น. ตามเวลาของประเทศไทย นายจัสติน ทรูโด ได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยพลตรี อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ได้สรุปสาระสำคัญของการสนทนาทางโทรศัพท์ ดังนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทาย นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา พร้อมกับแสดงความยินดีในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีแคนาดาชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ให้ความสนใจและความสำคัญกับอาเซียน และโทรศัพท์มาสนทนาด้วยตนเองในวันนี้
นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีภารกิจสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีแคนาดา แต่เข้าใจถึงภารกิจของนายกรัฐมนตรีแคนาดาในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมแสดงความชื่นชมเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทยที่ได้ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นอย่างดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีเพิ่งได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย เพื่ออำลาในโอกาสพ้นวาระ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ต.ค. 2562)
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลแคนาดาอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย – แคนาดาทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา ซึ่งนายกรัฐมนตรีแคนาดาเองได้ยืนยันที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจและการค้าการลงทุน พร้อมกับฝากนายกรัฐมนตรีทักทายผู้นำจากประเทศต่างๆ ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง ทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-แคนาดาในอนาคต โดยประสงค์ให้แคนาดาพิจารณาความร่วมมือในรูปแบบ Thailand +1 ตลอดจนความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคมากขึ้น เช่น การเข้าเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) โดยผู้นำทั้งสองต่างหวังที่จะได้พบและหารือกันในโอกาสต่อไป
รองโฆษกเพื่อไทยซัดรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ หลังปธน.สหรัฐฯปฎิเสธคำเชิญเข้าประชุมอาเซียน
ขณะที่น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น และ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาปฎิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEAN Summit 2019 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพว่า เป็นการหักดิบความสัมพันธ์การต่างประเทศระหว่างไทย และ สหรัฐฯ
น.ส. สรัสนันท์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า การที่นายโดนัล ทรัมป์ เซ็นระงับสิทธิทางภาษีนำเข้า GSPนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยหลายร้อยรายการอย่างมีนัยยะสำคัญ และต่อด้วยการปฎิเสธคำเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEAN Summit 2019 ที่เป็นเจ้าภาพ เป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณที่ทางสหรัฐฯไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเทศไทยเหมือนเคย ถือว่าเป็นการหักดิบความสัมพันธ์การต่างประเทศ
แม้การเซ็นระงับสิทธิทางภาษีนำเข้า GSP กับประเทศไทยนั้น อาจมาจากหลายๆปัจจัย เช่น นโยบาย America First ที่มุ่งเน้นการปรับดุลการค้าที่ขาดดุลมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี แต่ก็อาจมาจากจุดยืนด้านการต่างประเทศ ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แลดูให้ความสำคัญกับประเทศจีนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นโครงการเมกะโปรเจค ที่เอื้อแก่กลุ่มเจ้าสัว และรัฐบาลจีน หรือการปล่อยให้ Alibaba เข้ามาทำกิจการอย่างง่ายดายโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอื่นๆ ส่งผลให้อุตสาหกรรมไทยขนาดเล็ก หลายพันบริษัท ต้องประสบสภาวะขาดทุน ซึ่งสวนทางกับรัฐบาลที่เคยพูดว่า ให้ความสำคัญกับการสร้างธุรกิจ ecommerce แต่ที่สำคัญกว่ารัฐบาลไทยดูท่าจะไม่มีแนวทางรองรับกับผลกระทบที่กำลังจะตามมาเป็นระลอกจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ”
น.ส.สรัสนันท์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้นการที่นายโดนัล ทรัมป์ เลือกที่จะไม่มาร่วมการประชุม ซึ่งต่างกับทุกๆครั้งที่ผู้นำสูงสุดของประเทศจะต้องมาร่วมเอง แต่เลือกที่จะส่ง นายโรเบิร์ต โอบราเอน ซึ่งเป็นผู้ช่วยด้านความมั่นคง ในฐานะทูตแต่งตั้งพิเศษพร้อมรัฐมนตรีการพาณิชย์ เป็นการกระทำที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกากำลังใช้ไม้แข็งกับรัฐบาลไทย