People Unity News : “อนาคตใหม่” วาง 10 ส.ส. ชำแหละคำสั่ง คสช. – ม.44 “ปิยบุตร” ชี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจย้อนหลัง – ปชช.ได้รับผลกระทบวงกว้าง เล็งยื่น กกต. พิจารณาปมจำนวน ส.ส.พึงมี
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า ในการเปิดประชุมสภาสมัยที่ 2 มีญัตติสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ มีญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฏร ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบ เกี่ยวกับการใช้อำนาจของ คสช. การออกคำสั่งของและการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ว่ายังส่งผลกระทบอะไรบ้าง ซึ่งญัตตินี้ ตนเป็นผู้เสนอและวางผู้อภิปรายเอาไว้ 10 คน โดยจะอภิปรายในประเด็นต่างๆอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ภาพรวมของประกาศไปจนถึงผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เสรีภาพของสื่อ ปัญหานโยบายทวงคืนผืนป่า ที่ดิน สิ่งแวดล้อม การศึกษา การแทรกแซงองค์กรอิสระ ซึ่งจะเน้นไปที่ประกาศคำสั่งของ คสช. มิได้เน้นที่ตัวบุคคล อาจเรียกได้ว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนธันวาคมนี้ ที่สำคัญประกาศคำสั่งเหล่านี้ ไม่สามารถโต้แย้งในศาลได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญรับรองความชอบด้วยกฎหมายไว้ทั้งหมดแล้ว
“ผมคิดว่าญัตตินี้มีความสำคัญ เพราะในอดีต 5 ปีที่ผ่านมาของ คสช. เราไม่มีสภาผู้แทนราษฎรที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คสช. ได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คสช. ย้อนหลัง ถึงผลงานในอดีตที่ผ่านมาที่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฏรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในวันนี้ บรรยากาศกำลังกลับคืนสู่ระบบปกติ ผู้แทนของราษฏรจึงมีอำนาจ มีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ ที่จะกลับมาพิจารณาทบทวนว่า การออกประกาศของ คสช. ไปนั้น มีความถูกต้องชอบธรรมหรือไม่เพียงใด และควรที่จะต้องเสนอทางแก้ไข ยกเลิก หรือเยียวยา ผู้ที่เสียหายต่อไปอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า หากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมา จะเป็นไปตามสัดส่วนเดิม พรรคอนาคตใหม่จะได้รับโควต้าประมาณ 6 คน ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า ในที่ประชุมสภาฯ มีการเสนอว่าอย่างไร ซึ่งจากการที่ได้มีโอกาสปรึกษาเพื่อน ส.ส.จากหลายพรรค มีความเห็นตรงกันว่า เราควรต้องพูดเรื่องนี้ เพราะพวกเรามาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน อีกทั้งประกาศคำสั่งของ คสช. ไม่ได้กระทบกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างถึงพี่น้องประชาชน และยังกระทบถึงข้าราชการบางส่วนอีกด้วย ตนหวังว่าเพื่อน ส.ส.ในสภาฯ จะใช้โอกาสนี้ในการตั้งคณะ กมธ. เพื่อศึกษาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กมธ.กฎหมายฯ ที่ตนเป็นประธาน มีความคิดที่จะตั้งอนุกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ แต่ต้องเรียนว่ามันจะเป็นการทำงานของคณะกรรมาธิการกฎหมายเท่านั้น จึงอยากตั้ง กมธ.ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ส.ส. จากทุกพรรคและเชิญบุคคลภายนอกเข้ามาศึกษาร่วมกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ กมธ.สามัญ คณะใดคณะหนึ่งจะรับเอาไว้
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า จากการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐมในครั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และนำมาถอดบทเรียนกันภายในพรรค โดยตนได้โทรไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งแต่วันเลือกตั้ง และเราไม่ได้ยุ่งกับผู้ที่ได้รับเลือกตั้งตรงนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. 80 ที่นั่ง จากที่ควรมีทั้งสิ้น 81 ที่นั่ง ตามจำนวน ส.ส. พึงมีที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด ดังนั้น กกต. ต้องพิจารณาแก้ไข ซึ่งโดยหลักแล้วจะต้องนำผู้สมัคร ส.ส. จากบัญชีรายชื่ออีก 1 อันดับมาเป็น ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนี้ยังขาด ส.ส. พึงมีอยู่ 1 ที่นั่ง
“ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) พรรคอนาคตใหม่จะไปยื่นหนังสือให้ กกต. พิจารณาทบทวนการคำนวณ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ และขอเรียนให้ทราบว่า กกต. ต้องระมัดระวังในการใช้ดุลยพินิจ หากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา ม.157 นั้น พรรคอนาคตใหม่ในฐานะผู้เสียหาย สามารถยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีไปที่ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้โดยตรงแล้ว ตามแนวทางของศาลอุทธรณ์ล่าสุด และหากพบว่าในอดีต กกต. มีการใช้อำนาจหน้าที่ในลักษณะนี้ พรรคอนาตใหม่ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว