People Unity News : “วิรัตน์”เผยญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแก้รธน.เข้าสภาฯสัปดาห์หน้า เพื่อไทย-อนาคตใหม่แห่จัดหนัก ส.ว.เสรี ขวางแก้รธน.
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากการพิจารณารับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 แล้ว ยังมีวาระรับทราบเรื่องต่างๆอีก 2-3 เรื่อง ก่อนจะเข้าสู่วาระการพิจารณาญัตติด่วนเรื่องการให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคคตใหม่ เป็นผู้เสนอ ซึ่งญัตติด่วนดังกล่าวคงพิจาณาเสร็จไม่ทันในเวลา 21.00น. วันนี้ ดังนั้นจึงต้องนำญัตติด่วนเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาในวัน พรุ่งนี้ 7พ.ย.แทน ส่วนญัตติด่วนการให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมได้ในสัปดาห์หน้า
เพื่อไทย-อนาคตใหม่แห่จัดหนัก ส.ว.เสรี ขวางแก้รธน.
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมาขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มีเพียงเหตุผลเดียว คือ หวงอำนาจ ไม่อยากสูญเสียประโยชน์ที่ได้รับ แม้ที่มาเป็น ส.ว.ของนายเสรี นั่น มาจาก คสช. ที่ตั้งเข้ามาเพื่อเป็นนั่งร้านให้กับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ นอกจากนี้ ที่มาของ ส.ว.นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่าหวงอำนาจที่ตัวเองได้มาอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม
นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความสำคัญ มีอำนาจกำหนดทิศทางภารกิจได้ จึงต้องเป็นบุคคลที่มีความแน่วแน่ และจริงใจ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่อยากให้ผู้มีความเกี่ยวข้องผูกพันกับเผด็จการทหารในอดีต หรือผู้ที่ได้ประโยชน์ จากผลพวงของคณะรัฐประหาร หรือผู้ที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งในอดีตมาเป็นประธานกรรมาธิการ สำหรับ กรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ที่ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ส.ว.ชุดนี้มีที่มาอย่างไร มีความชอบธรรม ความสง่างามแค่ไหน ได้รับฉันทานุมัติจากใคร นายเสรี เคยเป็น สสร. และเป็นนักกฎหมายใหญ่ ย่อมทราบดี หากแต่อยู่ที่ว่า จะทำเพื่อประชาชน หรือทำเพื่อใคร
นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า คำตอบ ก็ชัดเจนอยู่แล้วคือ นี่คือญัตติที่ขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้ง คณะกรรมาธิการ วิสามัญ เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของการศึกษา อย่างน้อยที่สุดคือศึกษาวิธีการแก้ไข ส่วนเรื่องเนื้อหานั้นแน่นอนว่ายังไม่ได้มีการพูดถึง ประเด็นต่อมาที่บอกว่า ยังไม่เห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตนไม่แน่ใจว่านายเสรีไม่เห็นหรือต้องการเป็นปัญหา ทั้งๆ ที่ทุกคนเห็นปัญหากันหมด ที่ชัดเจนเลยก็คือ สูตรคำนวน ส.ส.แบบฉบับพิศดารของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
“อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมเองรู้สึกงงเป็นอย่างมาก คือที่บอกว่า ส.ว. มีหน้าที่ควบคุมความเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนประเทศ 5 ปี อยากถามว่า คุณเสรีไปเอามาจากไหน ใครมอบหมายให้ ส.ว.ซึ่งไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทำหน้าที่นี้ การแสดงความคิดเห็นทั้งหมดของ ส.ว.ท่านนี้ ผมสงสัยว่าเป็นความเคยตัวจากการสืบทอดอำนาจ เสพสุขมาอย่างยาวนาน โดยไม่เคยรู้จักแบ่งปันเพื่อร่วมชาติ ไม่คิดจะทำให้ประชาชนเพื่อนร่วมชาติ ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญบ้าง อยากบอกว่า อย่าขัดขวางกระบวนการเติบโตของระบอบประชาธิปไตย อย่าทำตัวให้ไปที่ไหนมีแต่คนส่ายหน้า เบ้ปากใส่” นายชำนาญ กล่าว
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า กรณีที่สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อ้างว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติจากประชาชนดังนั้นไม่ว่าทางสภาจะดำเนินการอย่างไรก็ตามสุดท้ายต้องไปทำประชามติถามประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นของส.ว.เป็นการหาข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงคือการทำประชามติที่ผ่านมา ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรมและดูถูกประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประชาชนมีส่วนร่วมน้อยมาก รวมทั้งการทำประชามติที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจของคสช.ดำเนินการจับกุม พร้อมตั้งข้อหากับกลุ่มคนที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่ามาอ้างประชาชนเพราะที่มาของ ส.ว. ก็ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่มีตรงไหนเลยที่ยึดโยงกับประชาชน
พร้อมกันนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่พรรคพลังประชารัฐและส.ว.จะตีรวนการตั้งคณะกรรมาธิการในศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะทั้งสองกลุ่มหวั่นเสียผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ และเสียโอกาสในการเอาชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือการใช้แท็กติก การสร้างประเด็น การสร้างข่าวเพื่อสร้างแนวร่วมเท่านั้น สุดท้ายคือกลัวเสียผลประโยชน์ที่ตัวเองได้จากรัฐธรรมนูญฉบับคสช.