People Unity News : “ปารีณา” แจ้งความ “เสรีพิศุทธ์” กลางดึก รุ่งขึ้นเข้าสภาฯ ฟ้อง “ชวน” สอบจริยธรรม ถูกปิดไมค์ให้ไปเคลียร์กันเองใน กมธ. สอนไม่ควรขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง ขณะที่ “มาดามเดียร์” ส่งทนายฟ้อง “ช่อ” แล้ว ปมบิดเบือนข้อเท็จจริงถือหุ้นและครอบงำสื่อ พร้อมเรียกร้องอย่าใช้เอกสิทธิ ส.ส.หลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในศาล
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือปัญหาความต่างๆ โดยน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หารือว่า ขอเรียกร้องให้นายชวนสอบจริยธรรมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพราะทนกับพฤติกรรมของพลต.อ.เสรีพิศุทธ์มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่คุ้นเคย และไม่ชอบ รู้สึกว่า ประธานกมธ.ใช้คำพูดดูหมิ่นเช่น เดี๋ยวจะโดน การโดนชี้หน้า อยากให้ประธานสภาฯตั้งกรรมการสอบจริยธรรมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนที่น.ส.ปารีณาจะพูดต่อ นายชวนกล่าวตัดบทไม่นำเรื่องภายในกมธ. มาหารือ หากมีอะไรให้ทำหนังสือส่งมาที่ตนได้ แต่น.ส.ปารีณายังพยายามพูดต่อโดยระบุว่า การทำหน้าที่ประธานกมธ.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีลักษณะดูถูก ดูหมิ่น ดังนั้นต้องสอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำให้นายชวนต้องปิดไมค์ไม่ให้น.ส.ปารีณาพูดต่อ พร้อมตักเตือนว่า การหารือในที่ประชุมสภาฯ ต้องไม่พูดกระทบผู้อื่น ปัญหาภายในกมธ. ต้องจัดการกันเอง อยากให้ทุกคนทำงานเพื่อประชาชนร่วมกัน ไม่ขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง
ทั้งนี้เมื่อช่วงดึกวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ปารีณา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ณพพล มักการุณ สารวัตร (สอบสวน) สน.ทองหล่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในข้อหาเอกสารเท็จ
“มาดามเดียร์” ส่งทนายฟ้อง “ช่อ” แล้วปมบิดเบือนข้อเท็จจริงถือหุ้นและคลอบงำสื่อ
ที่รัฐสภา น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ได้มอบอำนาจให้ทนายไปดำเนินการยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษก พรรรอนาคตใหม่ต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ในคดีหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีจากการที่ น.ส.พรรณิการ์ บิดเบือนข้อเท็จจริงของตนเองและคู่สมรส ในประเด็นการถืิอหุ้นและคลอบงำสื่อ
พร้อมยืนยันไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดังนั้นการที่ น.ส.พรรณิการ์ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่พรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นความเท็จ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงตนเองและคู่สมรส ไม่ได้เป็นเจ้าของและเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อใดๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นไม่ว่าจะตีความคู่สมรสทั้งทางนิตินัยหรือพฤตินัย ตนเองก็ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
น.ส.วทันยา กล่าวด้วยว่า จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา สื่อมวลชนย่อมรู้ดีเสมอว่าผู้บริหารนั้นไม่สามารถแทรกแซงกองบรรณาธิการได้ สื่อมวลชนทุกคนล้วนมีเสรีภาพทางความคิดและอิสระในการทำงาน ซึ่งส่วนตัวตระหนักและเคารพการทำงานของกองบรรณาธิการสื่อทุกสำนักมาโดยตลอด นอกจากนี้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันที่เข้ามาทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนเองยึดมั่นมาโดยตลอดว่าต้องมีวุฒิภาวะในการแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องของงานออกจากกัน ดังนั้นขอให้ น.ส.พรรณิการ์อย่าใช้เอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการหลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล ควรมาสู้ด้วยข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถ้ารักจะกล่าวหาผู้อื่นต้องกล้าพิสูจน์ความจริงอย่างมีความรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตามศาลรับคำฟ้องไว้ทำการไต่สวนมูลฟ้องและนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563