People Unity News : “สมคิด”ถกขุนคลังหาแนวทางสร้างแรงส่งเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนได้ถึงปีหน้า ลั่นต้องไม่ให้ชะลอไปมากกว่านี้ ครม.เศรษฐกิจ เร่งขับเคลื่อนโค้งสุดท้ายดัน GDP ทั้งปีโตในกรอบ 2.7-3.2%,เล็งออกมาตรการกระตุ้นเพิ่ม-จี้ รสก.ลงทุนกว่าแสนล้าน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้เกิดแรงส่งทางเศรษฐกิจที่จะทำให้ประเทศเติบโต โดยปีนี้ต้องรักษาระดับการโตของเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอไปมากกว่านี้ โดยไตรมาส 4 ของปี 2562 ต้องทำให้ได้ดี เพื่อสร้างแรงส่งทางเศรษฐกิจให้ต่อเนื่องไปปีหน้า เพราะขณะนี้คนไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ปีหน้าจะเป็นอย่างไร ขณะที่กระทรวงการคลังรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร และกำลังคิดว่าควรมีมาตรการอะไรออกมา โดยสิ่งที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยนอกจากการส่งออกแล้ว ยังมีเรื่องการเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้นตัว ที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กัน
ครม.เศรษฐกิจ เร่งขับเคลื่อนโค้งสุดท้ายดัน GDP ทั้งปีโตในกรอบ 2.7-3.2%
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรี (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมฯ รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/62 ที่ขยายตัว 2.4% และคาดว่าในไตรมาส 4/62 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นราว 2.8% และทั้งปี 62 คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.6% ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วพบว่าไทยยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่การเติบโตยังขยายตัวเร่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องขับเคลื่อนให้มีการเติบโตต่อเนื่องไป เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น การลงทุน การจับจ่ายใช้สอย
“รัฐบาลพยายามเร่งเครื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้าย ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีวงรอบอย่างน้อย 2-3 ปี ตอนนี้ผ่านไปปีครึ่งแล้ว ยังมีปัญหาเรื่อง Trade War และ Brexit ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก เราคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้จึงต้องมาเน้นกระตุ้นภายในประเทศ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน การลงทุน…ภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 3/62 เริ่มหยุดเซแล้ว ตัวเลขไตรมาส 4/62 น่าจะสะท้อนว่าค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้รอ จะมีมาตรการเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่เหลือ”นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้เติบโตได้ดีขึ้นเพื่อเป็นแรงส่งให้กับเศรษฐกิจในปีหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจทั้งปีนี้เติบโตในกรอบ 2.7-3.2% ด้วยการเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายการลงทุนกว่า 1.15 แสนล้านบาทในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ และเตรียมที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมโดเน้นที่เศรษฐกิจในประเทศ
พร้อมทั้ง ปลดล็อคปัญหาและอุปสรรคของโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่เป็นขั้นตอนของกฎหมาย เช่น กำหนดสกุลเงินกู้โครงการรถไฟไทย-จีนเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน, ข้อกำหนดเรื่อง Roadside Station โครงการทางพิเศษบางปะอิน-นครราชสีมา, โครงการรถไฟรางคู่ นครปฐม-ชุมพร, ลพบุรี-ปากน้ำโพ, ทางด่วนพิเศษพระราม 3 เป็นต้น โดยขณะนี้มาตรการต่างๆ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งที่ประชุมฯ จะได้ติดตามผลว่าเป็นอย่างไร และในช่วงปลายปีที่เป็นโค้งสุดท้ายจะมีมาตรการเสริมอีกหรือไม่
“งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจกว่า 1 แสนล้านบาทนี้มีคำยืนยันจากหน่วยงานแล้วว่าได้รับอนุมัติให้ดำเนินการลงทุนภายในปีนี้”นายกอบศักดิ์ กล่าว
สำหรับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นยังมีข้อจำกัดเรื่องชนเพดานงบ ทำให้เหลืองบที่จะนำมาใช้ได้ราว 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นายกอบศักดิ์ ยังชี้แจงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมวพาณิชย์ มักไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า เกิดจากความผิดพลาดในการจัดตารางงานของตนเอง เนื่องจาดไปตรงกับที่นายจุรินทร์ติดภารกิจต้องประชุมอาเซียน และเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการเรื่องการส่งออกอย่างเข้มข้น โดยคาดหวังที่จะให้มีการส่งออกได้จริง ถ้าเป็นไปได้น่าจะมีออเดอร์สินค้าเกษตรจากจีนเข้ามาในช่วงเดือน ธ.ค.62
สำหรับในปี 63 ได้กำหนด 5 แนวทางการบริหารจัดการเศรษฐกิจ คือ 1.การดูแลเกษตรกร แรงงาน ผู้มีรายได้น้อย SMEs เศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนปัญหาภัยแล้ง 2.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 3.การขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% 4.ส่งเสริมการท่องเที่ยว ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.8 ล้านคน รายได้ 2.22 ล้านล้านบาท และ 5.ตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนกว่า 3 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.9% จากปีนี้