People Unity News :กรรมการมหาเถรสมาคมร่วมรับฟังสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “สร้างสะพานแห่งสันติสุขและความเข้าใจ” ทรงชูภาษาเป็นสะพาน สร้างความเข้าใจแก้ความขัดแย้ง สร้างสันติสุขให้กับมนุษยชาติ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 15.20 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน และศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก เสด็จยังหอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงแสดงปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “สร้างสะพานแห่งสันติสุขและความเข้าใจ” (Building Bridges for Peace and Understanding) ต่อคณะผู้นำศาสนาต่างๆ และประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีพระคาร์ดินัลฟรังซิส เซเวียร์เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช อาร์คบิชอปแห่งเขตปกครองกรุงเทพฯ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมุขแห่งเขตปกครองนครราชสีมา และประธานกรรมาธิการฝ่ายเสวนาระหว่างศาสนา ผู้แทนคริสตศาสนสัมพันธ์ของสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ร่วมรับเสด็จ
ขณะเดียวกัน มีคณะนักร้องประสานเสียงจากหลากหลายกลุ่มศาสนาได้ร่วมขับร้องประสานเสียงบทเพลง Peace Prayer ให้การต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ทรงแสดงปาฐกถาในหัวข้อ “Building Bridges for Peace and Understanding” หรือ สร้างสะพานแห่งสันติสุขและความเข้าใจ” โดยทรงตรัสเป็นภาษาสเปน พร้อมมีล่ามแปลเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งมีผู้นำทางศาสนา 5 ศาสนา จำนวน 18 ท่าน อาทิ
ผู้แทนมหาเถรสมาคมคือสมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศวาสวรวิหาร ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ไทย ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก นายประสาน ศรีเจริญ ผู้แทนจุฬาราชมนตรี พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ นายปานชัย สิงห์สัจเทพ นายกสมาคมศรีคุรุสิงห์ นายจรัล ศรีสวรรค์ชวาลา นายกสมาคมศาสนาซิกข์นามธารีสังคัตประเทศไทย และผู้นำคริสตชนนิกายต่างๆ รวมถึงคณาจารย์ และนิสิต ร่วมรับฟัง
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสปาฐกถาสาระสำคัญตอนหนึ่ง โดยพระองค์ได้ตรัสถึงเรื่องความจำเป็นในการยอมรับและเห็นคุณค่าของกันและกัน รวมถึงความร่วมมือระหว่างศาสนาต่างๆ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติในการเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนในปัจจุบันโดยพระองค์ตรัสว่า โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจการเงิน และผลกระทบที่รุนแรงต่อการพัฒนาสังคมท้องถิ่น ความขัดแย้งทางสังคม รวมทั้งปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐานของผู้ลี้ภัย ซึ่งภาวะการณ์เหล่านี้กระตุ้นเตือนว่าไม่มีภูมิภาคหรือภาคส่วนใดของมนุษยชาติที่จะไม่ได้รับผลกระทบ เราจึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งคือการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน
พระองค์เชื่อว่าสถาบันศาสนา รวมถึงสถาบันการศึกษา จะเป็นส่วนสำคัญในการร่วมกันแก้ปัญหา และน่าจะเป็นหลักประกันในอนาคตให้กับอนุชนรุ่นหลัง รวมทั้งธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและสันติภาพ
จากนั้น เวลา 17.00 น. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จถึงอาสนวิหารอัสสัมชัญ ทรงประกอบพิธีมิสซา และประทานโอวาทให้เยาวชนที่เป็นคนรุ่นใหม่ “You are the Now of God” ในเรื่องของการใช้ชีวิต เพราะเยาวชนคือความหวังของโลกอนาคต ควรต้องรู้จักใช้ชีวิต ด้วยการสร้างและวางรากฐานชีวิตเหมือนกับบรรพบุรุษ เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านงดงาม มีรากที่แข็งแรง เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ด้วยการเรียนรู้ ทำความดี อย่ากลัวอนาคต ขอให้มองอนาคตด้วยความเบิกบาน กล้าหาญ ตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบัน และนำความรักความเมตตามอบสู่ผู้คนบนโลก เพื่อให้เกิดความสันติสุขสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ขอให้เยาวชนผู้ต่างเป็นความหวังของโลกอนาคต อย่าให้สิ่งดึงดูดความสนใจทำให้เยาวชนล่องลอยและไฟแห่งชีวิตมอดดับ และขอให้เชื่อมั่นในความดีและมิตรภาพที่แน่นแฟ้น เพราะจะทำให้ทุกคนมีความสุข