People Unity News : “สนธิรัตน์” ชู “ชุมชนผาปัง” ต้นแบบผนึกกำลังร่วมพัฒนาแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับวัสดุทางการเกษตรในชุมชนมาเป็นพลังงาน ชี้เห็นแผนใน 1 เดือน ก่อนชง ครม.รับทราบ
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ที่อ.แม่พริก จ.ลำปาง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ชุมชน ต.ผาปัง ในฐานะชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ “พลังงานชุมชน” ด้วยตนเอง โดยการใช้ประโยชน์จากไผ่ซางหม่น ซึ่งเป็นพืชประจำถิ่น ในการสร้างพลังงานทดแทนด้วยการแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ (biochar) ทำให้ประหยัดการใช้น้ำมันสูบน้ำเพื่อการเกษตรได้สูง ทั้งยังสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ด้วยการนำมาใช้ทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม ตลอดจนมีการยกระดับจากพลังงานในชุมชนสู่การจัดตั้งบริษัท กิจการเพื่อสังคม โดยมีชุมชนเป็นแกนกลางการขับเคลื่อนต่อยอดให้ไผ่ซางหม่นเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าในด้านอื่นๆ เช่นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ตะเกียบ ก้านธูป น้ำยาฆ่าเชื้อราจาก น้ำควันไม้จากการเผาถ่าน ตลอดจนการท่องเที่ยวชุมชน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอุโมงค์ไผ่ขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่ากระทรวงพลังงานได้เตรียมหารือ กับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กระทรวง มหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลัง งาน (พพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อกำหนดแผนพลังงานเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจฐานราก โดยพัฒนาด้านพลังงานของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ใช้วัตถุ ดิบในพื้นที่ยกระดับสู่การจัดตั้งบริษัท กิจการเพื่อสังคม (SE) เช่นเดียวกับโมเดลของชุมชนผาปัง
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ และจะนำเสนอต่อคณะรัฐ มนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบในแนว ทางการทำงาน และคาดว่าจะมีการ กำหนดใช้ได้ภายในช่วงต้นปี 2563 โดยแผนดังกล่าวเป็นการทำให้สอดรับกับการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ไม่ใช่รูปแบบการพัฒนาโรงไฟฟ้า เนื่องจากจะเป็นการนำวัตถุ ดิบในพื้นที่มาเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิง อื่นๆ อย่างเช่นแก๊สได้ และเป็นโมเดลแบบใช้ไฟฟ้าได้เฉพาะตอนกลางวัน (ออฟกริด) โดยคาดว่าจะ ใช้กลไกของกองทุนอนุรักษ์พลัง งานมาสนับสนุน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอชื่นชมความเข้มแข็งและภูมิปัญญาของชุมชนผาปังที่ร่วมกันระดมความคิด สามารถพลิกฟื้นพื้นที่ที่เคยแห้งแล้ง มาเป็นพื้นที่ที่มีความมั่นคงทางพลังงานในชุมชนได้ด้วยตนเอง จากการใช้ประโยชน์จากต้นทุนที่มีไผ่เป็นพืชท้องถิ่นสะท้อนว่า พลังงานเพื่อชุมชน คือสิ่งที่เป็นไปได้ ไม่ได้เป็นเพียงอนุเสาวรีย์ ทั้งสอดคล้องกับนโยบาย Energy for all ของกระทรวงพลังงาน ที่แสดงให้เห็นถึงการมีความหวังโดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการว่า ต้องให้ความสำคัญ มีการจัดตั้งงบประมาณพร้อมให้การสนับสนุนชุมชนอื่นๆ ให้ร่วมกันสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับชุมชนของตนเอง ด้วยการบูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนชุมชนอื่นๆ ให้เกิดการใช้พลังงานเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยยกให้ชุมชนผาปังเป็นตัวแบบในการบริหารจัดการเพื่อปลุกเศรษฐกิจฐานรากในปี 2563 ด้วยพลังงาน และยกระดับไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุมชนผาปังนั้น มีความมั่นคงทางพลังงาน สามารถลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้จากถ่านชีวภาพได้ 40,000 บาท ต่อไร่ต่อปี ผลิตถ่านปุ๋ยชีวภาพได้ราว 1 แสนบาท มีการยกระดับวิสาหกิจถ่าน สู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม เตรียมประกาศเป็นหมู่บ้านไม่มี lpg ในอนาคต นอกจากนี้ยังถือเป็นต้นแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการใช้สอยพื้นที่ป่ากว่า 2.4 หมื่นไร่ จนสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 2,500 คนต่อปี โดยระหว่างปี 2558 -2562 สามารถสร้างรายได้สูงถึง 11 ล้านบาท