พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 กุมภาพันธ์ 2568 บลจ.ทิสโก้ ระบุสงครามการค้าเริ่มเร็วขึ้น หลัง ”ทรัมป์” ลงนามขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก-แคนาดา-จีน ชี้แม้ไทยยังไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่หวั่นปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทย ภาพรวมลงทุนหุ้นครึ่งปีแรกยังเสี่ยง คาดฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง ตาด SET Index สิ้นปี 2568 ที่ 1,500-1,530 จุด เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567

นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (TISCOASSET) กล่าวถึงกรณี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยผ่านทรูธ โซเชียลของตนเองว่า ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดา ร้อยละ 25 และขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ร้อยละ 10 เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดที่ทะลักเข้าสู่สหรัฐฯ ว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดามากกว่าที่มีการคาดการณ์ ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ มองว่าน่าจะมีการเว้นช่องสำหรับการเจรจา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ชี้เห็นว่าสงครามการค้าได้เริ่มต้นเร็วขึ้น มองว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนสูงมาก จากนโยบายทั่วโลกที่มีความไม่แน่นอน

สำหรับประเทศไทยที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับที่ 12 แม้ยังไม่ใช่เป้าหมายลำดับต้นๆ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เนื่องจากเมื่อมีการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้าไทย แทน ซึ่งไทยจึงต้องเตรียมการรับมือในเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในปี 2568 ยังคงมีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกมีมูลค่า (Valuation) ค่อนข้างแพง โดยเฉพาะฝั่งตลาดประเทศพัฒนาแล้วประกอบกับความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ที่เดินหน้ามาตรการสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งบลจ.ทิสโก้คาดว่าทรัมป์จะดำเนินนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่หาเสียงไว้ในครั้งนี้อย่างจริงจังมากกว่าการดำรงตำแหน่งครั้งก่อนอย่างแน่นอน โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินของสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มการบริโภคที่เกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินจะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่หุ้นกลุ่มการบริโภคของสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง และหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่ราคาหุ้นไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนักในช่วงปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนเป็นอีกตลาดหุ้นหนึ่งที่น่าจับตาเพราะราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ เริ่มเห็นผล แต่ยอมรับว่าความเสี่ยงต่างๆ ที่จีนได้เผชิญในปีที่ผ่านมาก็ยังคงอยู่ และยังมีความเสี่ยงจากนโยบายของทรัมป์เข้ามาเพิ่มในปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นไทยในปี 2568 บลจ.ทิสโก้ คาดว่าดัชนีจะปิดปีที่ 1,500- 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 แม้ในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เป็นการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะบางอุตสาหกรรมเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก พลังงาน อาหาร และซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้างจึงยังไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีแรงงานจำนวนมากนั้นยังไม่เติบโตดีเท่าที่ควร

ด้าน นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (TISCOASSET) เปิดเผยผลการดำเนินงาน มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ของ บลจ.ทิสโก้ เติบโต 40% จาก 290,239 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 406,802 ล้านบาท ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเติบโต 7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2567 เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ทั้งหมด 6 กองทุน สามารถบริหารและถึงเป้าหมายในระยะเวลาได้ทั้งหมด 5 กองทุน ถึงเป้าหมายเร็วที่สุดคือภายใน 8 วัน

สำหรับในปีนี้ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโต การขยายฐานลูกค้า และ AUM ในทั้ง 3 ธุรกิจ ทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคล และโดยเฉพาะธุรกิจกองทุนรวม

ทั้งนี้ ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มาแล้วทั้งหมด 152 กองทุน (ถึงเป้าหมายในระยะเวลา 88 กองทุน และถึงเป้าหมายนอกระยะเวลาลงทุน 32 กองทุน) มีกองทุนที่อยู่ระหว่างลงทุน 1 กองทุน (ยังไม่ถึงเป้าหมายและเกินกว่ากำหนดเวลาลงทุน 11 กองทุน) และกองทุนไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 20 กองทุน

ขณะเดียวกัน บลจ.ทิสโก้ จะเดินหน้าแนะนำ 2 ธีมกองทุนรวมที่โดดเด่นของปี 2568 ได้แก่ ธีมที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 2.0 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกอบด้วย กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจ AI ของสหรัฐฯ กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ และกองทุนหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ รวมถึงธีมกองทุนที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard Play) ในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย กองทุนหุ้นขนาดกลาง – เล็กของสหรัฐฯ กองทุนหุ้นเอเชีย และกองทุนหุ้นเวียดนาม

Advertisement