พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 1 มีนาคม 2568 สถานทูตสหรัฐฯ และญี่ปุ่นประกาศไปยังพลเมือง ให้ระมัดระวังภัยก่อการร้ายในไทย หลังมีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนเมื่อพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปีสิบปีที่แล้ว

สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เผยแพร่คำประกาศในวันศุกร์ในหน้าเว็บไซต์ แนะนำให้พลเมืองอเมริกันระมัดระวังการอยู่ในที่ชุมนุมชนที่นักท่องเที่ยวชอบไป ให้ทบทวนแผนการเรื่องความปลอดภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

สถานทูตญี่ปุ่นส่งอีเมลเตือนพลเมืองในประเด็นเดียวกัน ให้ชาวญี่ปุ่นในไทยติดตามข้อมูลข่าวสารด้านความปลอดภัยจากสื่อท้องถิ่นและเว็บไซต์ Tabi-Reji ของรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ระมัดระวังพื้นที่ที่อาจเป็นเป้าหมายการก่อการร้าย เช่น ศูนย์การค้า ศาสนสถาน ระบบขนส่งสาธารณะ

ในอีเมลที่ทางการญี่ปุ่นส่งให้กับพลเมืองระบุว่า “นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับประเทศไทย” ตามการรายงานของรอยเตอร์

คำประกาศจากทั้งสองสถานทูตมีขึ้นหลังรัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 40 คนกลับไปยังประเทศจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยคนกลุ่มนี้หลบหนีจากจีน ก่อนจะถูกจับกุมตัวและถูกคุมขังในสถานกักกันของไทยเป็นเวลากว่า 10 ปี

การตัดสินใจของรัฐบาลไทยมีขึ้นราว 10 ปี หลังการส่งชาวอุยกูร์กลับจีนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวน 109 คน ซึ่งตามมาด้วยเหตุวางระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ในเดือนถัดมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บ 125 ราย

ในปีเดียวกัน ตำรวจจับกุมชาวอุยกูร์สองคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมกันวางระเบิด โดยปัจจุบันทั้งสองยังคงถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่

สถานทูตสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุระเบิดศาลพระพรหมว่าเกิดขึ้นในจุดที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก

กระทรวงการต่างประเทศไทยไม่ได้ตอบรับคำขอความเห็นของรอยเตอร์เกี่ยวกับการแจ้งเตือนดังกล่าว

การส่งชาวอุยกูร์ในสัปดาห์นี้นำมาซึ่งคำประณามและความกังวลจากสหรัฐฯ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวมถึงสหราชอาณาจักร แม้ว่าตัวแทนรัฐบาลไทยระบุว่า การส่งตัวกลับเป็นไปโดยสมัครใจ และรัฐบาลปักกิ่งยืนยันที่จะดูแลชาวอุยกูร์เหล่านั้นอย่างดี

ที่ผ่านมามีรายงานและข้อครหาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนและองค์การระหว่างประเทศว่าจีนนำคนอุยกูร์ในซินเจียงเข้าค่ายอบรม ซึ่งมีการซ้อมทรมานและใช้แรงงานบังคับ ซึ่งทางการจีนปฏิเสธมาโดยตลอด

เจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเมียนมาจากสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) ให้ความเห็นกับวีโอเอไทยว่า อิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องจากบทบาทการปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ตามชายแดนไทย-เมียนมาตั้งแต่เดือนมกราคม ทำให้จีนสามารถเดินหน้าวาระด้านความมั่นคงกับไทยได้เต็มที่

เขากล่าวว่า “การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับในเวลานี้ไม่ใช่ความบังเอิญ มันคือสัญญาณของอิทธิพลด้านความมั่นคงของจีนที่มากขึ้นในไทย มันมีความเป็นไปได้ว่านี่จะมีผลไปสู่แรงกดดันที่มากขึ้นต่อกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยในเมียนมาในช่วงหลายเดือนนับจากนี้”

ทาวเวอร์ระบุว่าจีนน่าจะใช้อิทธิพลที่มากขึ้นเพื่อช่วยรัฐบาลทหารเมียนมาปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ดังกล่าว เช่นเดียวกันกับที่จีนกำลังกดดันกลุ่มกองกำลังชาติตามชายแดนจีน-เมียนมา

ในการแถลงข่าวค่ำวันพฤหัสบดี นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์เกี่ยวข้องกับการที่หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะจีนเข้ามาปราบมิจฉาชีพหรือไม่ โดยตอบว่าเป็นคนละเรื่องกัน

ที่มา VOA ไทย  ข้อมูลเพิ่มเติมจากรอยเตอร์, เบนาร์นิวส์

Advertisement