People Unity News : “วิษณุ” รับแล้ว! ถกแกนนำ พปชร. ดูตัวกมธ.ศึกษาแก้รธน.จริง ป้องกันความขัดแย้งต้องมี ส.ว.ร่วมด้วย ขณะที่ “พุทธิพงษ์” คาดสัปดาห์หน้าสรุปชื่อ กมธ.แย้มมีคนนอก 2-3 คน ส่วน “วราวุธ” บอกปธ.กมธ.จะเป็นใคร “เอาที่พี่สะดวกเลย”
เมื่อเวลา 08.15 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวร่วมประชุมกับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกี่ยวกับการตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ว่า ไม่เคยประชุมอย่างเป็นทางการ เพียงแต่คุยกันเล่นๆ ระหว่างนั่งรับประทานข้าว ไม่เคยนำไปสู่ข้อสรุปอะไร แต่มีการเอ่ยคนจะไปเป็น กมธ.ประมาณ 10 คน จากนั้นให้วิปรัฐบาลไปหารือ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาหารือหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาดังกล่าว แสดงว่าถูกแอบอ้างชื่อใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ได้คุยกันจริง ไม่ใช่การหารือ มีการเอ่ยถึงคนนั้นคนนี้ ควรจะมีคนนอกหรือควรจะมี ส.ว.ด้วยหรือไม่ ซึ่งตนให้ข้อสังเกตว่า ควรให้มี ส.ว.เข้ามาด้วย เพราะถ้าไม่มีจะทำให้เกิดความขัดแย้งได้ง่าย ส่วนจะเป็นใครก็สุดแท้แต่ ทางที่ดีไปถามวิปวุฒิสภา ให้เขาเป็นคนส่งรายชื่อมา ส่วนที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. ระบุว่า ส.ว.ไม่ควรเข้าร่วม เพราะเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็แล้วแต่ เราคุยกันเช่นนั้น พล.อ.สมเจตน์จะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของเขา
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.สมเจตน์ให้ความเห็นเช่นนี้ แสดงว่า ส.ว.ไม่อยากเข้าร่วมใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีคนที่อยากจะมา ตนไปร่วมงานแต่งงาน ก็มีคนเข้ามาบอกหลายคนว่าอยากจะมาเป็น กมธ. เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลายพรรคการเมืองอยากจะแก้อำนาจ ส.ว. เพราะถ้าเข้ามาจะถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ นายวิษณุ ย้อนถามกลับว่า แล้ว ส.ส.มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ มันก็มีด้วยกันทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญเป็นของประเทศ จึงไม่เกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสีย เพราะมีด้วยกันทั้งหมด หากไม่อยากให้ใครมีส่วนได้ส่วนเสีย กมธ.ก็ต้องเป็นกลาง ไม่สังกัดพรรคการเมืองอะไร แต่นี่อุตส่าห์มาแบ่งโควต้ากัน จึงไม่ต้องมาพูดเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย
“พุทธิพงษ์”คาดสัปดาห์หน้าสรุปชื่อ กมธ.แย้มมีคนนอก 2-3 คน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ถึงตอนนี้ก็ได้ระดับหนึ่งแล้ว ยืนยันว่าคนที่จะมาจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จะต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจในเรื่องรัฐธรรมนูญและสามารถควบคุมการประชุมให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย เพราะทุกพรรคมีประเด็นที่แตกต่างกันไป
เมื่อถามว่าหากหลายฝ่ายมองว่าถ้าประธานกรรมาธิการเป็นคนนอกจะมีความเหมาะสมกว่าในการทำหน้าที่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องดู ขณะนี้มีคนนอกประมาณ 2-3 คนแล้ว รวมถึงมีคนในด้วย ซึ่งหากมีโอกาสก็คงจะได้พูดคุยกัน และความจริงวันนี้ก็อาจจะได้พูดคุยกันแต่นายกฯ ติดภารกิจจึงต้องรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่ก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วเบื้องต้น
เมื่อถามต่อว่ามีการทาบทามกันแล้วใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ก็มีรายชื่อคนที่เขาไปพูดคุยกันอยู่ ตามที่เห็นในข่าวประมาณนั้น ฉะนั้นขอให้รออีกไม่นานก็จะได้เห็นรายชื่อ คาดว่าในสัปดาห์หน้าอาจจะได้ข้อสรุป
นายสมศักดิ์ เทพสุทินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ไม่มีความเห็น ปล่อยให้เขาว่ากันไป ตนเคยพูดไปแล้วแต่ตอนนี้เลยเวลาไปแล้ว เขาจึงต้องมีการพูดคุยกันใหม่ วันนี้เป็นเรื่องจริง ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงกันแล้ว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า มีการพูดคุยกันเป็นระยะๆอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาหารือด้วย ให้เป็นหน้าที่ของพวกตนและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามย้ำว่าวันเดียวกันนี้ จะถือโอกาสพูดคุยกันหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันเป็นระยะอยู่แล้ว
“วราวุธ”บอกปธ.กมธ.แก้รธน.จะเป็นใคร”เอาที่พี่สะดวกเลย”
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า สำหรับเรื่องสัดส่วนการตั้งกรรมาธิการนั้น ยังไม่มีการหารือกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ไม่ทราบว่าจะมีการหารือกันในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ไม่มีบรรจุในวาระการประชุมแต่อย่างใด ต้องรอดูก่อนว่าจะมีการพูดคุยกันหรือไม่ ส่วนตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯ นั้น พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้คิด และไม่มีข้อคิดเห็นอะไร นอกจากขอย้ำอย่างที่เคยบอกไปว่าต้องมีความยืดหยุ่นและเก๋า ส่วนจะเป็นใครเอาที่พี่สะดวกเลย เมื่อถึงเวลาเสนอสัดส่วนกันมาธิการพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะได้หารือกันซึ่งจะมีการประชุมพรรคในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้แล้วคงได้ข้อสรุปเรา 11 ส.ส.ได้ 1 คน ก็โอเคแล้ว
“อนุสรณ์”ถามรัฐบาลที่ตีรวนแก้รัฐธรรมนูญ แย่งชิงการนำหรือยื้อให้นานที่สุด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การช่วงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า จริงๆแล้วพรรคร่วมรัฐบาลทราบดีว่า ประเด็นการเลือกตัวประธานนั้น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและสำคัญที่สุด เพราะการทำงานในรูปแบบคณะกรรมาธิการนั้นตัวกรรมาธิการทุกคนมีความสำคัญ แต่ละคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน แต่ที่สังคมยังต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมวิปรัฐบาล อาจมาจาก 2 สาเหตุ คือ การเล่นการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลชิงการนำกันมากเกินไป หรือ ความพยายามตีรวน เพื่อยื้อการศึกษาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญออกไปให้ได้นานที่สุดของพรรคแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพวกเขาได้ประโยชน์สูงสุด คนกลุ่มใดได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ คนกลุ่มนั้นก็ต้องพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญนั้นให้นานที่สุด ส.ว.ที่ได้ประโยชน์ จึงพยายามร่วมด้วยช่วยยื้อ จุดพลุสร้างวาทกรรม แก้รัฐธรรมนูญจะก่อวิกฤติ ซึ่งห่างไกลจากสภาพปัญหาที่แท้จริงไปมาก แต่หากจะมีกลุ่มที่วิกฤติคือกลุ่มเสียผลประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่านั้น การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปพูดว่าเป็นตัวเองนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ได้เป็นนายกฯตั้งแต่ ส.ว.ยังไม่ทันเลือกนั้น อาจเข้าใจผิด หรือพูดความจริงไม่หมด
“พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคนมาเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อพล.อ.ประยุทธ์ เอาบัตรเขย่งมาคำนวณคะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จนได้ส.ส.เอื้ออาทร มาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็บอกว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แต่ที่ไม่ได้บอกคือพล.อ.ประยุทธ์ มาจากการเลือกตั้งที่ออกแบบมาเพื่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น” นายอนุสรณ์ กล่าว