People Unity News : 21 กุมภาพันธ์ 2566 ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยมีมาตรการเชิงรุกตรวจสอบ มูลนิธิ-สมาคม หลังพบหลายแห่งดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ ฟอกเงินทุนสีเทา สั่ง นายทะเบียนอำเภอลงพื้นที่สแกน ขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงมาตรการเชิงรุก ในการตรวจสอบการจัดตั้งมูลนิธิและสมาคม ภายหลังปรากฏพบเป็นข่าวบางแห่ง เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินสีเทา ว่า การขอจดแจ้ง มูลนิธิและสมาคม ต้องเป็น สุภาพชนคนดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม หลักการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ในรูปแบบคณะกรรมการ และการดำเนินการ ต้องเป็นไปในทางที่ชอบมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ส่วนทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 200,000 บาท รวมถึงต้องมีการรายงานผลดำเนินการประจำปี ให้นายทะเบียนอำเภอได้รับทราบ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามพระราชบัญญัติ กำหนดความผิด เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535
ส่วนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว ว่ามูลนิธิทำผิดกฎหมาย ใช้เป็นช่องทางของกลุ่มทุนจีนสีเทา นั้น นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อมีการตรวจพบทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้ดำเนินการ เช่น มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป และอีกหลายมูลนิธิที่ปรากฏเป็นข่าว พบว่าไม่ได้ทำการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เหล่านี้แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ คือระบุเป็นมูลนิธิแต่ไม่ได้จดทะเบียนกับจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการรับรองบุคคลที่เป็นจีนสีเทา เมื่อตรวจเจอเจ้าหน้าที่กรมการปกครองจะดำเนินคดี
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเชิงรุก อธิบดีกรมการปกครองได้สั่งการไปยังนายทะเบียนอำเภอ ทุกอำเภอให้ตรวจสอบมูลนิธิในพื้นที่ ว่าได้ดำเนินกิจกรรมไปตามข้อบังคับตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ ส่วนไหนที่เห็นว่า ไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องก็ให้ทำการยกเลิก ที่ผ่านมามีการสำรวจเสร็จไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพราะจากการตรวจสอบบางมูลนิธิ มีชื่อที่ดี เช่น มูลนิธิที่เกี่ยวกับการศึกษา อีกทั้งจากการตรวจสอบเบื้องต้น มีมูลนิธิที่ไม่ได้ดำเนินการเพียง 100 กว่าแห่ง ซึ่งตนมองว่าน้อยเกินไป ทางกรมการปกครองจึงสั่งการให้นายอำเภอต้องไปสำรวจใหม่อีกหนึ่งครั้ง โดยให้กันอัตรากำลังลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมที่ทำการของมูลนิธิจริง เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำหรับมูลนิธิที่ทำผิดกฎหมายและตรวจพบก็ได้ดำเนินการทางคดีไปแล้ว โดยยื่นต่ออัยการเพื่อส่งคำร้องไปยังศาลให้ศาลมีคำสั่งยกเลิก อย่างกรณี ปลอมเป็นมูลนิธิก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว
“ที่ทำผิดกฏหมายก็ไม่ค่อยมีตัวตน ซึ่งมาตรการเชิงรุกคือให้นายทะเบียนอำเภอไปตรวจสอบ พูดคุย ตรวจเอกสารการดำเนินกิจการกิจกรรมของมูลนิธิ สมาคม และที่ตั้ง เพื่อที่จะได้เห็นของจริง” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ส่วนกรณีมูลนิธิ หรือ สมาคม ที่กระทำความผิดแต่ไม่ได้จดทะเบียน นั้น นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส หากเห็นอะไรที่ผิดสังเกต เนื่องจากบางมูลนิธิ บางสมาคมก็ดำเนินการไปโดยที่อาจเล็ดรอดหูตาเจ้าหน้าที่ไปได้ ต่อไปนี้มูลนิธิและสมาคมที่จดทะเบียนในแต่ละพื้นที่ จะมีการแจ้งผู้ปกครองท้องที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้มีรายชื่อติดเอาไว้ว่าในพื้นที่มูลนิธิและสมาคมอะไรบ้าง หากนอกเหนือจากนั้นให้แจ้งมายังนายทะเบียนอำเภอ
Advertisement