วันที่ 27 ธันวาคม 2024

นายกฯ ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่น หลังผลโพลคะแนนรัฐบาลเพิ่ม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 พฤศจิกายน 2567 นายกฯ ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นการทำงาน หลังสวนดุสิตโพลชี้ประชาชนไว้ใจ 2 เดือน คะแนนรัฐบาลเพิ่ม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นต่อการทำงานของตนและรัฐบาล ซึ่งขอยืนยันว่า จะต้องเร่งทำงานหนักอีกมาก เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่สั่งสมมานานกว่า 10 ปี ในทุกๆ ด้าน

โดยในช่วง 2 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตลอดระยะปีเศษ ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบันที่ทำงานไปได้ประมาณ 2 เดือนกว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นการตอบสนองปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินหมื่น การเข้าช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์เมื่อยามเกิดภัยพิบัติในทุกองคาพยพ หรือการแก้ไขปัญหาเชิงรุก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการปราบปรามยาเสพติด ที่เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนเป็นอย่างมาก

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว สอดคล้องกับผลโพลของ “สวนดุสิตโพล” วันนี้ ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2567” พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคมปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน โดยประชาชนให้คะแนนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน และผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบ คือ มาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงเกิดภัยน้ำท่วม

“รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มุ่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เร่งเดินหน้าทำงานเชิงรุกผ่านมาตรการ โครงการต่างๆ พร้อมกับเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ผ่านนโยบาย Soft power และจะเร่งขับเคลื่อนทุกนโยบายเพื่อนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศชั้นนำของโลกให้ได้ในเร็ววัน” นายจิรายุ กล่าว

Advertisement

นายกฯ สั่ง คมนาคม-เกษตร-อุตสาหกรรม รับมือ PM 2.5 ไม่รับซื้อข้าวโพด – อ้อย จากการเผาทั้งใน-ต่างประเทศ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 ตุลาคม 2567 นายกฯ “แพทองธาร“ สั่ง คมนาคม-เกษตรฯ-อุตสาหกรรมหาแนวทางแก้ PM 2.5 ไม่รับซื้อข้าวโพด – อ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ

วันนี้ (29 ตุลาคม 2567) เวลา 12.10 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  สั่งการให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว รวมไปถึงปัญหาภาคการเกษตรฯ ว่าจะมีมาตรการอย่างไรบ้าง เช่น ไม่รับซื้อข้าวโพด อ้อย จากการเผาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงปัญหาฝุ่นควันจากรถยนต์ และภาคอุตสาหกรรม โดยได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงคมนาคม ให้ตรวจจับรถยนต์เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แล้วกระทรวงคมนาคม ให้ออกมาตรการควบคุมโรงงานที่รัดกุมมากขึ้น

Advertisement

โฆษกรัฐบาล โต้ข่าวลือเขี่ยทิ้งคนจน ยันเงินหมื่นเฟส 2 มาแน่ คนลงทะเบียนรับ 100%

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “จิรายุ” โฆษกรัฐบาล โต้ข่าวลือเขี่ยทิ้งคนจน ยันเงินหมื่นเฟส 2 มาแน่ คนลงทะเบียนรับ 100% พร้อมเผยโอนเงินกลุ่มเปราะบางก๊อก 2 แล้ว 3.1 แสนคน ยังค้างอีก 6.5 หมื่นคน ไม่ผูกพร้อมเพย์ เตือนเร่งดำเนินการก่อนเสียสิทธิ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า” ถึงความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ว่า ตามที่มีข่าวว่ากระทรวงคลังขยับจัดระเบียบสวัสดิการรัฐไล่เขี่ยทิ้งคนจนนั้น ตนได้พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง แต่ในความเป็นจริงโดยเร็ววันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและเศรษฐกิจฐานราก โดยจะมีการหารือถึงแนวทางในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทบทวนข้อมูลบัตรสวัสดิการใหม่ทุก 2 ปี พูดง่ายๆ ก็คือวันสุดท้ายวันที่ 31 มี.ค.2568 ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ช่วงหลังปีใหม่

ทั้งนี้ในรายการได้มีการเปิดเสียงที่นายจิรายุ สัมภาษณ์นายจุลพันธ์ ซึ่งกล่าวยืนยันว่า สุดท้ายเงิน 10,000 บาทถึงมือพี่น้องประชาชนทุกคนที่ลงทะเบียนแน่นอน โดยแบ่งการดำเนินการเป็นเฟส เฟสแรกดำเนินการแล้วในรูปแบบเงินสด สำหรับกลุ่มเปราะบาง ขั้นตอนถัดไปกำลังเริ่มการประชุมหารือเพื่อวางกรอบที่ชัดเจนเพื่อเติมเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียนแล้วกับแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” รวมถึงกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ต้องลงทะเบียนต่อไป ยืนยันกับทุกคนว่าโครงการนี้ยังเดินหน้าโครงการ และทุกคนจะได้เงิน 10,000 บาท 100 เปอร์เซ็นต์

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการโอนเงินหนึ่งหมื่นบาทเฟสแรกให้กับกลุ่มผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้วเกือบ 14 ล้านคนยังมีตกหล่นไม่ได้เงินเพราะไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ 3.7 แสนคน แต่เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการโอนรอบ 2 สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ 311,000 กว่าคน ยังคงค้างอีกประมาณ 6.5 หมื่นคน ส่วนมากไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ซึ่งจะมีการโอนซ้ำให้อีก 2 รอบ คือวันที่ 21 พ.ย. และ 21 ธ.ค.นี้ ดังนั้นขอให้คนที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับสิทธิ แล้วยังไม่ได้ดำเนินการผูกพร้อมเพย์ ก็ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย เพราะหากโอนครบ 2 รอบแล้วยังไม่ได้ดำเนินการก็จะถือว่าท่านสละสิทธิ์

Advertisement

 

“ชูศักดิ์” เผยตรวจสอบที่ดิน 3 แปลง “ไร่เชิญตะวัน” ไม่รุกที่ป่าสงวน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “ชูศักดิ์” เผยตรวจสอบที่ดิน 3 แปลง “ไร่เชิญตะวัน” ไม่บุกรุกที่ป่าสงวน กำชับสำนักพุทธฯ จังหวัด เร่งตรวจสอบแชร์แครอทภาคอีสาน

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ของพระ ว.วชิรเมธี ในจังหวัดเชียงราย ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า อาจบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นจากการตรวจสอบทั้งหมด 3 แปลงที่ขออนุญาตไป ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอไป 2 แปลง มูลนิธิวิมุตตยาลัย ขออนุญาตไป 1 แปลง ผลการตรวจสอบไม่ปรากฎว่ามีการบุกรุกที่สาธารณะ อยู่ในขอบเขต

เมื่อถามถึงความคืบหน้าตรวจสอบบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ได้มีการรายงานความคืบหน้าเข้ามาหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีการรายงานเข้ามา ส่วนจะมีพระเข้าข่ายผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ ย้ำว่า ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง คือ วินัย ที่คณะสงฆ์จะต้องชี้ และหากผิดอาญาก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องดำเนินคดี และขออย่าคาดเดาว่าจะมีใครเข้าข่ายความผิด ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อน

ส่วนกรณีแชร์แคร์รอท ในพื้นที่ภาคอีสาน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สำนักพุทธฯ ได้ส่งเรื่องไปสำนักพุทธฯ ประจำจังหวัดในภาคอีสาน ตรวจสอบว่ามีกรณีเหล่านี้ที่ไหนบ้าง และให้รีบรายงานเข้ามาโดยด่วน

ส่วนการเล่นแชร์ของพระสงฆ์ สำนักพุทธฯ รายงานว่าผิดวินัยหรือไม่ นายชูศักดิ์ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะต้องว่ากัน แต่หากดูเรื่องวิจารณญาณของคนธรรมดาสามัญทั่วไปก็พอจะวินิจฉัยแล้ว แต่เรื่องวินัย ตนย้ำมาโดยตลอดว่าเป็นเรื่องของคณะสงฆ์

“ถามว่าเราประชาชนคนธรรมดา พระเล่นแชร์ผิดหรือไม่ มันก็ใช้วิจารณญาณดูพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขณะนี้รอให้สำนักพุทธฯ รายงานเรื่องดังกล่าวเข้ามาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องฮอต เป็นประเด็นที่สื่อและประชาชนให้ความสนใจ” นายชูศักดิ์ กล่าว

Advertisement

นายกฯ เซ็นตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ นั่ง ปธ.เอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “แพทองธาร” นายกฯ เซ็นตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ นั่งประธานเอง ขณะที่ “หมอเลี๊ยบ” ปธ.คกก.พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง 2 ฉบับ ฉบับแรก ลงวันที่ 16 ต.ค.2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่กำกับการกำหนดยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศในด้านต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ และบูรณาการการทำงานของหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ยกระดับทักษะ และปลดล็อกศักยภาพของคนไทย ให้สร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ส่วนฉบับที่ 2 น.ส.แพทองธาร ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ขึ้นมารับตำแหน่งเดิมของ น.ส.แพทองธาร ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อจัดทำแผนเฉพาะด้านในด้านต่างๆ และกำกับการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ

Advertisement

รู้ยัง?? มาตรการช่วยเหลือน้ำท่วมของรัฐบาลมีอะไรบ้าง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 ตุลาคม 2567 มาตรการช่วยน้ำท่วม ลดภาษี – ลดค่าใช้จ่าย – เพิ่มสินเชื่อฟื้นฟูบ้านเรือน

วันนี้ (15 ต.ค. 67) ณ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือที่ประกาศและมีผลบังคับใช้แล้ว ดังนี้

ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล เท่ากับจำนวนเงินชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาล ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แก่บริษัทและห้างหุ้นส่วนสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากบริษัทประกันเพื่อชดเชยความเสียหายจากอุทกภัย หรือสรุปแบบง่าย ๆ คือ เงินช่วยเหลือที่ได้รับจากรัฐบาล และเงินชดเชยที่ได้จากบริษัทประกันภัย ไม่ต้องนำไปนับรวมเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษี รวมถึง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับสิ่งของที่นำเข้ามาเพื่อบริจาคแก่ผู้ประสบอุทกภัย

กรมธนารักษ์ ลดค่าเช่าที่ราชพัสดุแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

การเช่าเพื่ออยู่อาศัย หากที่พักเสียหายบางส่วน ยกเว้นค่าเช่า 1 ปี แต่หากที่พักเสียหายทั้งหลัง, ยกเว้นค่าเช่าให้ 2 ปี การเช่าเพื่อการเกษตร, ยกเว้นค่าเช่าให้ 1 ปี การเช่าเพื่อประโยชน์อย่างอื่น หากไม่สามารถทำกิจการได้ตามปกติเกิน 3 วัน ยกเว้นค่าเช่าเป็นรายเดือน  ยกเว้นการคิดเงินเพิ่มเติม ให้แก่ผู้เช่าที่จ่ายค่าเช่าไม่ได้ เนื่องจากประสบอุทกภัย

สินเชื่อ Soft loan เพื่อช่วยเหลือ ซ่อมแซมและฟื้นฟูอาคารบ้านเรือน กิจการการ ตลอดจนมาตรการลดภาระหนี้สิน ลดอัตราดอกเบี้ย และพักหนี้ให้แก่ผู้กู้ที่ประสบอุทกภัย ดังนี้

โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5 % ต่อปี ระยะเวลา 2 ปี โดยให้วงเงินรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท โดยสามารถขอรายละเอียดของสินเชื่อก้อนนี้ได้จากธนาคารที่ใช้บริการอยู่ หรือธนาคารใกล้บ้าน (มี 16 ธนาคารที่เข้าร่วม)

โครงการ SMEs No One Left Behind ของ บสย. ที่เป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 1,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000 – 2 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 1.25 % ต่อปี และระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี

ธนาคารออมสิน ช่วยเหลือลูกหนี้เดิม ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย 6 เดือน สำหรับสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และช่วยเหลือผู้ถือบัตรเครดิต ด้วยการปรับลดอัตราชำระขั้นต่ำเป็น 3% ให้ 3 รอบบัญชี

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับลูกหนี้ที่ยังมีสถานะปกติ หรือค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน สามารถขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุดถึง 20 ปี โดยมีระยะปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี และยกเว้นดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และมีมาตรการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน สำหรับเสริมสภาพคล่องและใช้จ่ายค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี โดย 6 เดือนแรกอัตราดอกเบี้ย 0% ที่เหลือ อัตราดอกเบี้ย MRR  และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนซ่อมแซมบ้าน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2% ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้การช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ด้วยการลดเงินงวดที่ชำระ 50% และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2% เป็นเวลา 6 เดือน

สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดย 6 เดือนแรกอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลาที่เหลืออัตราดอกเบี้ย 1%

สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี โดย 6 เดือนแรกอัตราดอกเบี้ย 0% และผ่อน 1,000 บาทต่องวด ระยะเวลาที่เหลืออัตราดอกเบี้ย 1%

สำหรับการขอสินเชื่อใหม่หรือสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย สามารถขอกู้ได้ถึง 2 ล้านบาทต่อ 1 หลักประกัน อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ระยะเวลาที่เหลือตามเงื่อนไขของการผ่อนชำระ (โดยมีตั้งแต่ 2% – 6%) และยังมีการให้ค่าสินไหมทดแทนเร่งด่วนแก่ผู้ทำกรมธรรม์ประกันภัยที่อยู่อาศัย โดยจ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มีมาตรการพักหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มีมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย กรณีกู้ยืมเงิน Fixed Loan พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงิน จะขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินไปอีกไม่เกิน 180 วัน และยังมีมาตรการเติมทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการ หากมีธุรกิจอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ให้วงเงินเพิ่ม 10% ของวงเงินอนุมัติสินเชื่อ

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน

สำหรับนโยบายที่อยู่ระหว่างการออกระเบียบกฎหมายเพิ่มเติม

  1. มาตรการลดหย่อนภาษี โดยจะกำหนดให้รายจ่ายการซื้ออุปกรณ์และวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านในพื้นที่น้ำท่วม สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชน
  2. มาตรการขยายระยะเวลาการยื่นแบบชำระภาษี รวมถึงการยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักรและชิ้นส่วน ที่เกิดจากการลงทุนเพื่อทดแทนความเสียหายจากน้ำท่วม
  3. มาตรการสินเชื่อ Soft Loan เพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วม โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อให้ฟื้นฟูทันช่วง High Season

ทั้ง 3 มาตรการ อยู่ระหว่างการออกประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) และประกาศ BOI คาดว่าจะสามารถนำเสนอเข้า ครม. ได้ภายในเดือนตุลาคม

Advertisement

นายกฯกำชับเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยให้แล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 ตุลาคม 2567 นายกฯ “แพทองธาร” กำชับเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยให้แล้วเสร็จภายในตุลาคมนี้ มอบหมายคณะทำงานฯ เตรียมรับมือภัยธรรมชาติ ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เผยเตรียมประชุม ครม.สัญจร “เชียงราย-เชียงใหม่” ปลายปี สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจ

วันนี้ (15 ตุลาคม 2567) เวลา 14.45 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.)  ครั้งที่ 2/2567 โดยมีคณะกรรมการ คอส. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมฯ ตอนหนึ่ง ว่า ความจริงมีแพลนที่เคยพูดคุยกันไว้ว่า ต้องการที่จะแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งกรณีน้ำท่วม หรือปัญหาดินโคนถล่มที่เกิดขึ้น ณ จังหวัดเชียงราย   ดูเหมือนว่าปีหน้าหรือปีต่อ ๆ ไป  ยังอาจมีปัญหาเหล่านี้อยู่ ซึ่งกังวลว่า อาจจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ 100% แต่ต้องมีวิธีรับมือที่ดีขึ้น  รวมถึงจะต้องหาวิธีการแก้ปัญหาให้จบเร็วขึ้น  ซึ่งขอให้ร่วมมือกันในการศึกษาตรงนี้อย่างจริงจังภายในปีนี้ก่อนที่จะถึงปีหน้า ที่สำคัญต้องชื่นชมทุกภาคส่วนทางราชการ จิตอาสา มูลนิธิต่าง ๆ ที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วย  ที่ลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด  โดยเฉพาะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ อยู่กับประชาชน  ทำให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจ ซึ่งรัฐมนตรีอยู่หน้างานสามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที  ปัจจุบันนี้สถานการณ์คลี่คลายไปมากแล้วเมื่อเช้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือเพื่อทำให้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เสร็จภายในปลายเดือนตุลาคม หรือก่อนเดือนพฤศจิกายน นี้  สำหรับการประชุมในวันนี้ เพื่อรับทราบสถานการณ์และการช่วยเหลือเยียวยาในการป้องกันปัญหาและแก้ไขปัญหาที่ต้องรอรับเหตุการณ์ในปีหน้าต่อไป

ที่ประชุม รับทราบการเร่งฟื้นฟูสถานการณ์อุทกภัย การพิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำระยะยาว การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม การพิจารณาแนวทางเยียวยาให้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ และการติดตามประเด็นการหารือความร่วมมือด้านน้ำกับเมียนมา

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแผน/ผลการดำเนินงานของคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และดินโคลนถล่มส่วนหน้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเยียวยาผู้ประสบภัย/ความก้าวหน้าการปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย รวมถึงแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาในปี 2568 ระยะกลาง และระยะยาว

นายจิรายุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้คณะทำงานฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำและสถานการณ์ดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ยังคงประสบปัญหาอยู่  ทุกหน่วยงานติดตามอย่างใกล้ชิด และเร่งให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของศปช.ส่วนหน้า ให้สรุปความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ รวมถึงงบประมาณในการดำเนินการสร้าง หรือการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในปีต่อ ๆ ไป เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ในการประชุม นายกรัฐมนตรียังมอบหมายกรมบัญชีกลาง เร่งรัดปรับปรุงระเบียบการเยียวยา ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว พร้อมกับมอบปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนคณะทำงานฯ ให้เร่งรัดพิจารณาโครงการก่อสร้างป้องกันน้ำท่วมให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 สำหรับการช่วยเหลือของ ศปช.ส่วนหน้าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และในช่วงปลายปีจะจัดประชุม ครม.สัญจร ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายหรือเชียงใหม่เพื่อเป็นกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่น รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่

นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีทำหนังสือขอบคุณจากใจนายกรัฐมนตรี มอบให้กับทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยจะเป็นผู้ลงนามเองทั้งหมด พร้อมย้ำการเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้

Advertisement

 

ศปช. แนะประชาชนที่เอกสารสำคัญหาย ติดต่อ อปท. ขอออก “หนังสือรับรองผู้ประสบภัยฯ”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ตุลาคม 2567 ศปช. แนะประชาชนที่เอกสารสำคัญหาย ติดต่อ อปท. ขอออก “หนังสือรับรองผู้ประสบภัยฯ” ส่วนลำพูนระบายน้ำต่อเนื่องคาดอีก 5 วันแห้งทุกพื้นที่ เร่งล้างโคลนบ้านเรือนเชียงราย คืบ 97 %

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของจ.เชียงราย ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภาพรวมคืบหน้าถึงร้อยละ 97 โดยนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย ทั้ง 6 ตำบล 1,285 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่เข้าล้างทำความสะอาดถนน  ล้างทำความสะอาดบ้านเรือน จัดเก็บขยะ เสร็จทั้งหมดแล้ว เหลือในพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและท้องถิ่นในพื้นที่ ยังคงล้างถนนและบ้านเรือน อีก 40 ครัวเรือน จากทั้งหมด 82 ครัวเรือนก็จะแล้วเสร็จตามเป้าหมาย ส่วนที่ อ.แม่สาย เฟส2  ภาพรวมคืบหน้าร้อยละ 80 โดยที่ชุมชนหัวฝาย เหมืองแดงใต้และปิยะพร ดำเนินการล้างทำความสะอาดบ้านเรือนให้ประชาชนเรียบร้อยแล้ว  เหลือพื้นที่เหมืองแดง  ไม้ลุงขน เกาะทราย และสายลมจอย กำลังพลของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม ยังเร่งดำเนินการต่อเนื่อง

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จ.ลำพูนขณะนี้ นายจิรายุ กล่าวว่า ภาพรวมระดับน้ำลดลงทุกจุดแล้ว โดย นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน รายงานว่า สามารถระบายน้ำที่ไหลเข้ามา ลงสู่ลำน้ำสายหลักได้แล้วร้อยละ 60 ยังเหลืออีกร้อยละ 40 คาดว่าจะใช้เวลาอีก 5 วันสถานการณ์คลี่คลาย และได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจเส้นทางน้ำ เพื่อเร่งเปิดทางน้ำ ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มบางจุด ไม่ได้ถอนเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนกรณีน้ำท่วมขังเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นในพื้นที่บางจุด วันนี้ (13 ต.ค.) สถานีพัฒนาที่ดินลำพูน กรมพัฒนาที่ดิน แจกน้ำหมักและสารเร่งซุปเปอร์พด.6 ที่เป็นเชื้อจุลินทรีย์ ช่วยบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น จำนวน 500 ขวดและ500 ซอง ให้ผู้ประสบภัยหมู่ 1 , 2 และ 4 ต.หนองช้างคืน อ.เมือง ณ อาคารเอนกประสงค์ วัดหนองช้างคืน พร้อมแนะนำวิธีการใช้ด้วย

“ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ประสานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำนันและผู้ใหญ่บ้านอย่างเร่งด่วน โดยการสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังโดยเร็ว บำบัดน้ำเสีย กำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ หากเกินขีดความสามารถในพื้นที่ ให้ประสานศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับอำเภอและจังหวัด เพื่อประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ประสบภัย ที่เอกสารสำคัญชำรุดหรือสูญหาย ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัวประชาชน  โฉนดที่ดิน ใบรับรอง หรือหนังสือสำคัญของทางราชการ สามารถติดต่อขอรับใหม่ได้ โดยขอรับ “หนังสือรับรองผู้ประสบภัยประเภทบุคคลธรรมดา” จาก อปท.ในพื้นที่ก่อน แล้วนำหนังสือรับรองดังกล่าวไปดำเนินการขอรับเอกสารสำคัญในขั้นตอนต่อไปได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ “หนังสือรับรองผู้ประสบภัยประเภทบุคคลธรรมดา” จำเป็นต้องใช้ในการประกอบเพื่อขอรับเงินเยียวยาตามนโยบายรัฐบาล ทั้งการเยียวยาเหมาจ่ายครัวเรือนละ 9,000 บาท และเงินช่วยเหลือค่าล้างดินโคลน หลังละ 10,000 บาท

“เงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท คาดว่าจะโอนเข้าบัญชีผู้ประสบภัยเร็วๆนี้ ส่วนเงินค่าล้างโคลน  เทศบาล/อบต.ในแต่ละพื้นที่จะต้องลงพื้นที่สำรวจ ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนประชุมพิจารณาและจ่ายเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป เน้นย้ำผู้ประสบภัย ขอให้ตรวจสอบข้อมูลครัวเรือนว่าอยู่ในการสำรวจของเทศบาลหรือไม่ ป้องกันรายชื่อที่่อาจตกหล่น” นายจิรายุ กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าการพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จ.เชียงใหม่ นายจิรายุ กล่าวว่า ได้รับรายงาน ที่ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดเชียงใหม่ (ก.ช.ภ.จ.เชียงใหม่) ครั้งที่ 2 ล่าสุดมี 2 อำเภอได้รวบรวมเอกสารครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย ส่งมาให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติขอรับเงินช่วยเหลือแล้ว คือ อ.ฝาง จำนวน 1,257 ครัวเรือน เป็นเงิน 11,313,000 บาท และอ.สันทราย จำนวน 443 ครัวเรือน เป็นเงิน 3,987,000 บาท  ยอดรวมครั้งนี้ 1,700 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 15,300,000 บาท จากนี้จะส่งเอกสารคำร้องไปให้ ปภ.เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและพิจารณาอนุมัติเงินจากรัฐบาล ก่อนจ่ายเงินเข้าบัญชีธนาคารของประชาชนโดยตรง ยืนยันไม่มีผู้ประสบอุทกภัยที่เข้าหลักเกณฑ์ตกหล่นแม้แต่รายเดียว ในส่วนของอำเภอที่เหลือ ให้เร่งสำรวจ รวบรวมและยื่นเอกสารให้คณะกรรมการฯพิจารณาโดยเร็ว ซึ่งจะประชุมพิจารณาทันที ไม่เว้นวันหยุดราชการ กำชับต้องให้ความสำคัญและเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเร็วที่สุด

Advertisement

นายกฯ ประชุมขันนอตความปลอดภัยทางถนน คมนาคมตั้ง คกก. ยกระดับรถโดยสารสาธารณะเร่งด่วนภายใน 15 วัน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 ตุลาคม 2567 นายกฯ ประชุมขันนอตความปลอดภัยทางถนน ยกระดับการเดินทางทุกประเภท ของไทยต้องดีขึ้น สั่งการทุกหน่วยงานต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ด้านคมนาคมตั้ง คกก. เพื่อยกระดับรถโดยสารสาธารณะกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนภายใน 15 วัน

วันนี้ (7 ตุลาคม 2567)  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันนี้  (7 ตุลาคม 2567)  เวลา 10.40 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องความปลอดภัยทางถนน โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการประชุมว่า  เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567  เป็นเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ  ทำให้รัฐบาลต้องกลับมามองทุกกรอบอีกครั้ง  โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนน  รวมทั้งกฎหมายหลายฉบับที่ไม่ทันสมัย ต้องมีการพูดคุยหารือเพื่อปรับแก้กฎหมาย ข้อบังคับใช้ ต่าง ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยเป็นสิ่งที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย   กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  และกระทรวงศึกษาธิการ  ต้องการพูดคุยกันในวันนี้  ทั้งการบังคับใช้ในทุกเรื่อง ทั้งนี้มีข้อเสนอเกี่ยวกับ “รถบัส“ ว่าควรมีการแนะนำเหมือนการโดยสารบนเครื่องบินว่าทางออกไปทางไหน  ใช้ อุปกรณ์นั้นความปลอดภัยต่างๆ อย่างไร  โดยในโซเชียลก็มีการนำเสนอเรื่องการแนะนำประตูทางออกฉุกเฉินที่ค่อนข้างดี  ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลองศึกษาและดูตัวอย่างที่ประชาชนเสนอแนะมาถือว่าได้ประโยชน์

นายกรัฐมนตรี  กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน  โดยเฉพาะโครงการร่วมกับทางสหประชาชาติหรือยูเอ็น คือ Mr. Jean Todt ในนาม UN Special Envoy for Road Safety ที่จะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้   และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกได้เห็น ถึงการคมนาคม  การใช้รถใช้ถนน   ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ  โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน   ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ   ผู้ประกอบการที่เป็นภาคเอกชน จะได้บอกได้ว่าปัญหาจริง ๆ ที่พบคืออะไร ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างไร  หรือมองเห็นสิ่งที่จะพัฒนาร่วมกันได้อย่างไร

นายจิรายุฯ  กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมที่ได้ตั้งคณะกรรมการฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหายกระดับรถโดยสารสาธารณะอย่างเร่งด่วนภายใน 15 วัน พร้อมทั้งมอบหมายกรมการขนส่งทางบกเรียกตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะที่ติดตั้งแก๊ส NGV ซึ่งจากข้อมูล  มีทั้งหมด จำนวน 13,426 คัน ประกอบด้วย รถบัสจ้างเหมา จำนวน 1,336 คัน รถบัสประจำทาง จำนวน 5,967 ค้น และรถตู้/รถมินิบัส จำนวน 6,123 คัน หากพบสภาพไม่พร้อมใช้งานให้สั่งห้ามการนำรถออกใช้งาน หากพร้อมใช้งานให้ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตรวจสอบต้องตรวจสอบอย่างละเอียด คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

“ขอให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบสภาพรถ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน และสร้างความปลอดภัยต่อการใช้รถใช้ถนน” นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ

 Advertisement

นายกฯไปเป็น ปธ.ประชุม ก.ตร.พรุ่งนี้ ชี้ใครมาเป็น ต้องปราบยาเสพติด ลดอาชญากรรมตามนโยบายรัฐบาลให้ได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 ตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรียืนยันไปเป็น ปธ.ประชุม กตร.พรุ่งนี้ ชี้ใครมากุมบังเหียน ตร. ต้องปราบยาเสพติด ลดอาชญากรรมทุกประเภทตามนโยบายรัฐบาลให้ได้

วันนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 8/2567 ในวันพรุ่งนี้ (7 ตุลาคม)  เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระสำคัญที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ คือการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีชื่อผู้มีอาวุโส 3 คน ได้แก่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจและ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.

สำหรับขั้นตอนการคัดเลือก ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยการประชุมเมื่อเข้าพิจารณาวาระนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พล.ต.อ.ไกรบุญ และพล.ต.อ.ธนา จะต้องออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสียองค์ประชุมจึงมีเพียง นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก  พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ รองศาตราจารย์ประทิต สันติประภพ และศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ เป็นคณะกรรมการพิจารณา

“ไม่ว่าท่านใดจะมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป้าหมายสำคัญตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาคือการดูแลทุกข์สุข พิทักษ์สันติราษฎร์ ให้กับพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดและลดอาชญากรรมทุกประเภทให้ได้”

ส่วนเรื่องอื่น ๆ ของ ก.ตร จะเป็นวาระการพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ  เรื่องการขอขยายระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เรื่องการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งเฉพาะทาง  และเรื่องเพื่อทราบ อาทิ การรายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.วินัย การรายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร. กฎหมาย ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำ  การรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 การรายงานผลการดำเนินการพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี  เป็นต้น

Advertisement

Verified by ExactMetrics