วันที่ 27 ธันวาคม 2024

รากฟันเทียมไทยมาตรฐานระดับโลก

People Unity News : 22 พฤษภาคม 2566 รัฐบาลชื่นชมความสำเร็จนักวิจัยไทย ผลิตรากฟันเทียมฝีมือคนไทยมาตรฐานระดับโลก ราคาถูกกว่านำเข้ากว่า 10 เท่า สปสช.บรรจุสิทธิประโยชน์ให้ผู้สูงอายุตามสิทธิบัตรทองรักษารากฟันเทียมฟรี

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลชื่นชมความสำเร็จการผลิตรากฟันเทียมฝีมือคนไทยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก โดยนักวิจัยในมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ จาก 3 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือเป็นนวัตกรรมจากฝีมือคนไทย ชื่อรุ่นว่า PRK ที่ย่อมาจากคำว่า พระรามเก้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดริเริ่มโครงการที่มาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยราษฎร และมีพระประสงค์ให้ผู้สูงอายุได้มีสุขภาพช่องปากที่ดี โดยเฉพาะกับการได้รับรากฟันเทียมอย่างเท่าเทียม

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ปัจจุบันสามารถผลิตรากฟันเทียมได้ปีละ 1 แสนชิ้น ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ในทวีปเอเชียที่ผลิตรากฟันเทียมที่ได้มาตรฐานเพื่อใช้งานได้เองถัดจากประเทศเกาหลีใต้ โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้กับผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องได้รับการรักษารากฟันเทียมตามสิทธิบัตรทอง ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสุขภาพ เพราะการใช้รากฟันเทียมที่ผลิตขึ้นได้เอง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศ ที่มีราคาสูงถึงชิ้นละประมาณ 4-5 หมื่นบาท ที่สำคัญ รากฟันเทียมที่ผลิตได้เองจะมีราคาถูกลงเหลือเพียงชิ้นละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น

“ที่ผ่านมาการรักษารากฟันเทียม จะอยู่ในกลุ่มคนที่มีกำลังจ่าย เพราะราคาค่ารักษาค่อนข้างแพง ซึ่งรากฟันเทียมต้องนำเข้าจากต่างประเทศ การที่ประเทศไทยผลิตรากฟันเทียมสำเร็จ จะช่วยให้การรักษาฟันโดยการใช้รากฟันเทียมเข้าถึงประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุได้มากขึ้น ปัจจุบันรากฟันเทียมฝีมือคนไทยถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยแล้วกว่า 5 หมื่นคน หรือคิดเป็นประมาณกว่า 1 แสนชิ้นผ่านโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีสุขภาพที่ดีขึ้น สามารถกินอาหารได้ตามปกติ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล

People Unity : โฆษกพรรคเพื่อชาติค้านติด “GPS”รถส่วนบุคคล ชี้รัฐบาลไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือน ต้องการเพียงควบคุมพร้อมเพิ่มภาระและส่อแสวงหาผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติชี้ว่า รัฐบาลนี้เสนอโครงการใดๆ ไม่มีความเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีเงินเดือนให้ ต้องการเพียงอยากรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมประชาชน โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเพิ่มภาระให้ประชาชนหรือไม่ แต่ละโครงการที่เสนอเพื่อโยนหินถามทาง มีพื้นฐานวิธีคิดมาจากการสอดส่องความคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาล และอาจมีแนวโน้มที่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้าผู้เสนอและผู้ดำเนินการโครงการ โดยเบียดบังประชาชนเป็นการฉ้อราษฎร์แฝงรูปแบบหนึ่ง โครงการล่าสุดในการเสนอจะบังคับติด GPS รถส่วนบุคคลเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งรถตู้สาธารณะบังคับติดทุกคันอยู่แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในรถตู้ก็ยังมีอยู่ ตนคิดว่าเบื้องลึกการนำเสนอไม่น่าจะใช่วัตถุประสงค์การลดอุบัติเหตุ การลดอุบัติเหตุเป็นวัตถุประสงค์รองที่ถูกนำมาเป็นวัตถุประสงค์สร้างภาพ วัตถุประสงค์หลักน่าจะมาจากรายได้ผูกพันที่รถทุกคันต้องจ่ายเดือนละ 300 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้ที่รับสัมปทานจากรัฐบาลจะมีค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำร้อยละ 10 ให้ผู้ดำเนินการโครงการ กรณีนี้รถหนึ่งคัน หนึ่งเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการ 30 บาทต่อคันต่อเดือน โดยปริมาณรถที่จดทะเบียนตามกฏหมายสะสมถึงสิ้นปี 2561 มีจำนวน ประมาณ 30 ล้านคัน ในทุกเดือนจะมีประโยชน์ถึงผู้ดำเนินการโครงการคร่าวๆ 900 ล้านบาท อีกทั้งการติดตั้งระบบครั้งแรก ผู้ดำเนินโครงการก็จะได้รับผลประโยชน์จากรถคันละ 300 บาท ประมาณการคร่าวๆ ก็มีรายได้ 9,000 ล้านบาท และยังมีประโยชน์แฝงเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาลที่คอยติดตามผู้ที่มีความคิดเห็นต่างซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนอีกด้วย

“อยากฝากถึงคณะรัฐบาลรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีช่วยคิดถึงประชาชนให้มากๆ ก่อนที่จะเสนอโครงการอะไรหรือทวงบุญคุณจากประชาชน เพราะตอนนี้ประชาชนอยู่ในยุคค่าใช้จ่ายสูงรายได้ต่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลังอย่าคิดเพิ่มหรือผลักภาระให้ประชาชน ในขณะที่ชอบอ้างว่าอาสามาทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่กลับเสนอโครงการเบียดบังประชาชนแบบฉ้อราษฎร์แฝง อีกทั้งละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่การลงทะเบียนไวไฟร้านกาแฟ มายังโครงการบังคับติด GPS รถยนต์ มีแต่เพิ่มภาระประชาชนและทำให้เศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นอีก” โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว

“จุรินทร์”สั่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ 3 ข้อ

People Unity News : “จุรินทร์”สั่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ 3 ข้อ เลิกเลือกปฏิบัติ เปลี่ยนหลักคิด และขจัดความรุนแรง เร่งเยียวยา-ชดเชย ผู้ถูกกระทำ

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ครั้งที่ 2/2562 วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ โดยใช้เวลาตลอดครึ่งวันเช้า รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมมีมติ คือ เห็นชอบแผนปฏิบัติการและการใช้งบประมาณของกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 7.3 ล้านบาท ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ การชดเชย เยียวชา และบรรเทาผู้เสียหายจากการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ วงเงิน 1,854,000 บาท และการสนับสนุนความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ และการสร้างความตระหนักรู้ วงเงิน 5,446,000 บาท จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามที่ได้หารือ

และเห็นชอบการทำแผนงานให้สอดคล้องกับประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นของการส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ คือ การเลือกปฏิบัติ การเปลี่ยนหลักคิด และการขจัดความรุนแรงเนื่องจากความแตกต่างทางเพศ และนำมาเสนอครั้งหน้า นอกจากนั้นยังมีข้อสั่งการ ข้อสั่งการ ของนายจุรินทร์ ว่า ให้จัดทำแผนงานและโครงการที่สอดคล้องกับประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นของการส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ คือ การเลือกปฏิบัติ การเปลี่ยนหลักคิด และการขจัดความรุนแรงเนื่องจากความแตกต่างทางเพศ ภายในสองอาทิตย์ และนำมาขอความเห็นชอบครั้งหน้า วันที่ 11 ธค 15.30 น. ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

รายงานข่าวแจ้งว่า นายจุรินทร์ให้ความสำคัญกับสิทธิและความเท่าเทียมและมีความใส่ใจเป็นพิเศษนอกจากนั้นยังเน้นเรื่องวิธีการขั้นตอนที่จะสามารถปฎิบัติรองรับการขจัดความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากความแตกต่างทางเพศและให้มีกระบวนการคู่ขนานอย่างเสรีในการจัดเสวนาสัมมนาแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นภาคสังคม คู่ขนานกับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้

ผบ.ทบ. เตรียมมอบอีก 3 พื้นที่ทหารให้ ปชช.ใช้ประโยชน์

People Unity News : 31 ตุลาคม 2566 กอ.รมน. – ผบ.ทบ. ขอบคุณรัฐบาลแก้ไขระเบียบคืนที่ดินให้กรมธนารักษ์ หลัง ทบ. เคยขอคืนเองแล้วแต่ไม่สำเร็จ เผย เตรียมจัดสรรอีก 3 พื้นที่ทหาร “แก่งปะลอม-แหลมฟ้าผ่า-สนามบินนครพนม” ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ เสนอ นายกฯ เป็นประธานมอบคืน 25 ธ.ค.นี้

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากที่ดินของทหาร ซึ่งหมายรวมถึง หน่วยที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหมทั้งหมด โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับมาให้เร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว พร้อมมอบให้กองทัพบกเป็นเจ้าภาพ จึงได้เรียนเชิญนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่มาหารือกับผู้นำเหล่าทัพที่กองทัพบกในวันนั้นได้รายละเอียดพอสมควร ว่า ที่ดินของกองทัพต่างๆ นั้น มีพื้นที่ที่เรายังไม่ใช้ประโยชน์และมีพี่น้องประชาชนต้องการประกอบสัมมาอาชีพจำนวนเท่าไหร่

“ที่ผ่านมาบางเรื่องกองทัพพร้อมให้การสนับสนุนแต่ก็ติดขัดเรื่องกฎระเบียบบางอย่าง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้ขจัดปัดเป่าและได้แก้ไขปัญหา จนทำให้ที่ดินเหล่านั้นสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งกองทัพบกเคยทำเรื่องที่จะส่งคืนพื้นที่ประมาณ 50,000 ไร่ในปี 2552 แต่ด้วยระเบียบทำให้ไม่พร้อมในการที่เราจะส่งคืนปีนั้นได้ ในปัจจุบันแนวทางที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางไว้ภายใต้ชื่อหนองวัวซอโมเดลอยู่ในขั้นตอนกรมธนารักษ์สอบสวนสิทธิ์การครอบครองใช้ประโยชน์ และรับคำร้องขอเช่าจากประชาชน โดยกำหนดว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 25 ธ.ค. ตามที่นายกฯระบุว่าจะมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชน โดยในวันนั้นจะเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี” พล.อ.เจริญชัย กล่าว

พล.อ.เจริญชัย กล่าวอีกว่า โครงการนี้จะใช้เป็นแนวทางในการจัดสรรประโยชน์จากที่ดินของกระทรวงกลาโหมในเบื้องต้นอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.กองบัญชาการกองทัพไทย อยู่ที่แก่งปะลอม บ้านพุราด อ. ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จำนวน 2,300 ไร่เศษ 2. พื้นที่ของกองทัพเรือใน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.เมือง จ. สมุทรปราการ จำนวน 300 ไร่เศษ 3.พื้นที่กองทัพอากาศ สนามบินนครพนม อ.เมือง จ.นครพนม จำนวน 500 ไร่เศษ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลจะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอันเนื่องมาจากการขาดแคลนที่ดินทำกินเพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนั้นจะเปลี่ยนสถานะของประชาชนในการครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตมาเป็นผู้เช่าใช้ที่ดินอย่างถูกกฎหมายลดปัญหาการสร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐได้ด้วย ทั้งนี้ขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้พื้นที่ทั้งหลายในการครอบครองและไม่ได้ใช้ประโยชน์คืนให้กับพี่น้องประชาชนได้ในที่สุด

Advertisement

“ประยุทธ์” สั่งทุกกระทรวงประชาสัมพันธ์ผลงานสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

People Unity News : นายกรัฐมนตรีเผยรูปแบบการทำงานเน้น “รับฟังเสียงประชาชน ยินดีรับข้อมูล” เน้นตรงความต้องการประชาชนให้มากที่สุด ย้ำทุกกระทรวงต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

เมื่อวานนี้ (23 ก.พ. 64) เวลา 13.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรีและส่วนราชการต่างๆ เน้นให้ทุกกระทรวงติดตาม กำกับ ดูแลการทำงาน ทั้งงานตามภารกิจหลักและงานที่ได้รับมอบหมาย ด้วยบูรณาการงบประมาณและโครงการ โดยเน้นการสื่อสารสองทาง ทั้งบนลงล่าง (Top-Down) และแบบล่างขึ้นบน (Bottom-Up) นำความต้องการของประชาชนนำมาปรับแก้ไขให้เกิดความต่อเนื่องและความยั่งยืน

นายกรัฐมนตรียังแถลงว่า ได้สั่งการกระตุ้นส่วนราชการ ข้าราชการทุกคน ให้ติดตามประเมินผลการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนที่เกิดจากการจัดทำโครงการจากงบประมาณจำนวนมากในแต่ละปี ต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความผิดชอบ ที่ผ่านมาต้องขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงข้าราชการ ที่ร่วมกันแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดให้นายกรัฐมนตรีทราบในหลายช่องทางทั้งช่องทางของรัฐและผ่านสื่อมวลชน มีข้อมูลสำคัญมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำไปแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เป็นการใช้อำนาจของประชาชนในบริหารราชการแผ่นดิน ควบคู่ไปกับรัฐบาล ให้ประชาชนเข้าถึงการร้องทุกข์ แจ้งความ เพื่อสามารถครอบคลุมทุกปัญหาได้เร็วมากขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงช่องทางประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐบาล อาทิ PM PODCAST ซึ่งจะใช้แพลตฟอร์มนี้พูดคุยถึงความก้าวหน้าในการทำงานภาพรวม อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ไฟฟ้า การคมนาคม และจะเพิ่มเติมการทำงานอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องน้ำ การดูแลผู้มีรายได้น้อย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงผลงานให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ตามที่ได้มีการอภิปรายชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำให้ทุกกระทรวงเผยแพร่ข้อมูลถึงความคืบหน้าในการทำงาน โครงการที่กำลังดำเนินการ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยเช่นกัน และขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมมือทำงานเป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตาม ให้มีการติดตามความเคลื่อนไหวในแอปพลิเคชัน Clubhouse เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงหากมีการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนด้วย

Advertising

“ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี บอกรอขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

People Unity : “ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี ขอรอฟังเสียงนกหวีดขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน ตามโครงการพะเยาโมเดล

วันที่ 27 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดปัวใหม่ ต. ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยตัวแทนราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วมในงานทอดกฐินสามัคคีเป็นจำนวนมาก โดยยอดทำบุญกฐินมีจำนวนทั้งสิ้น 4, 200, 870 บาท( สี่ล้านสองแสนแปดร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน )

ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมในประเพณีทำบุญสลากภัตที่วัดทุ่งกิ่ว อ.เมือง จ.พะเยา และได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ช่วงที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตนได้หาเสียงกับพี่น้องชาวพะเยาว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกชาวนา มีเป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชาวนาพะเยามีรายได้มากขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวโครงการพะเยาโมเดล โดยเบื้องต้นได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการซื้อขายข้าวหอมมะลิ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา กับ บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้พะเยาโมเดล โดยให้ ซีพี รับซื้อข้าวหอมมะลิ ความชื้น 15 % ได้ในราคาที่ 18,000 บาทต่อตัน จำนวน 40,000 ตัน จากชาวนาในจังหวัดพะเยา ซึ่งสูงกว่าราคาประกันข้าวหอมมะลิของรัฐบาล 3,000 บาทต่อตัน หรือราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 5,000-6,000 บาทต่อตัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มีกำหนดจัดงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก” ณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และในเร็ว ๆ นี้ จังหวัดพะเยาเตรียมจัดงานเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิระหว่างคู่ค้าเอกชนรายอื่น ๆ ดังนั้น ตนขอให้พี่น้องชาวพะเยา รอฟังเสียงนกหวีดเพื่อประกาศวันรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในราคาดังกล่าว ระหว่างนี้ขอให้รอหลังเก็บเกี่ยวอย่าเพิ่งนำไปขาย อย่าให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า พะเยาโมเดล ยังจะขยายโครงการไปยังพืชอื่น อาทิ ยางพารา ลำใย ลิ้นจี่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ ไข่ไก่ เป็นต้น โดยเฉพาะราคายางพาราจะมีเป้าหมายร่วมเอกชนรับซื้อที่ราคา 65 บาทต่อกิโลกรัมด้วย เมื่อทำสำเร็จจะนำเป็นตัวอย่างขยายไปจังหวัดอื่นต่อไป

ประยุทธ์ เร่งผลักดันความร่วมมือแรงงานไทย-ซาอุฯ ย้ำ! ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 2 เดือน

People Unity News : ประยุทธ์ เร่งผลักดันความร่วมมือแรงงานไทย – ซาอุดีอาระเบีย ย้ำ! ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 2 เดือน

27 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งจัดหาแรงงานไทยที่มีศักยภาพเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย หลังการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียที่ผ่านมาได้มีการหารือระหว่าง รมว.แรงงาน ไทย และ รมว.ทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาทางสังคม ซาอุดีอาระเบีย เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านแรงงาน โดยเฉพาะในภาคบริการ ทั้งธุรกิจโรงแรม สุขภาพ อุตสาหกรรมก่อสร้าง

ปัจจุบันมีแรงงานไทยเข้าทำงานในซาอุดีอาระเบีย จำนวน 1,345 คน ทั้งงานช่างเชื่อม ช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์ ผู้ปฏิบัติงานในโรงงาน ผู้ช่วยกุ๊ก แม่บ้าน ฯลฯ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ การจัดหาแรงงานไทยต้องทำทันทีและเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 2 เดือน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการยกระดับการพัฒนาฝีมือแรงงานไทย กระตุ้นให้มีการจัดหาแรงงานที่เป็นธรรม มีการคุ้มครองสิทธิแรงงานและสวัสดิการ ให้สอดคล้องกับที่ซาอุดีอาระเบียต้องการ

Advertising

ด่วน!! ศาล รธน.ชี้ขาด กม.ลูกพรรคการเมืองพรุ่งนี้

People Unity News : 22 พฤศจิกายน 2565 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติร่างกฎหมายลูกพรรคการเมืองขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่พรุ่งนี้ ชี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัยได้ ยุติไต่สวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) เวลา 09.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่.. ) พ.ศ. … มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9  และมาตรา 10 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (2) หรือไม่ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ คำร้องดังกล่าว ประธานรัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่  29 สิงหาคมที่ผ่านมา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมมีคำสั่งแจ้งผู้ร้อง และให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือ พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติพรุ่งนี้

Advertisement

“จุรินทร์”ลุยพบเกษตรกรกาญจนบุรีดันซื้อรถเกี่ยวอ้อยเข้าครม.

People Unity News : “จุรินทร์”ลุยพบเกษตรกรกาญจนบุรี ลั่นเดินหน้าประกันรายได้ช่วยเกษตรกรตามสัญญา  ดันซื้อรถเกี่ยวอ้อยเข้าครม.

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรมการค้าภายใน และ กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับนายฉัตรพันธุ์ เดชกิจสุนทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ตามโครงการสัมนาเสริมสร้างความรู้และประชาสัมพันธ์ชี้แจง มาตรการประกันรายได้เกษตรกร โดยนายจุรินทร์ ได้ชี้แจงการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาล ทั้งข้าว ปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยจังหวัดกาญจนบุรีมีทั้งผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการในพืช 2 ชนิดเป็นหลัก คือ มันสำปะหลัง และ ข้าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า โดยล่าสุดวันนี้ (11พย.2562) เพิ่งอนุมัติในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง คือจะประกันรายได้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เกษตรกรจะได้เงินทั้งกระเป๋าซ้ายและกระเป๋าขวา คือการขายปกติตามราคาตลาดแล้วได้ส่วนต่างจากราคาที่ประกันรายได้ไว้นั้นเข้ากระเป๋าอีกข้าง โดยจะนำเข้าครม.วันพรุ่งนี้ในการประชุมครม.สัญจรที่จ.กาญจนบุรี

“นี่ไม่ถึง 100 วันเลยครับ เพิ่งมาร่วมรัฐบาลทำงานเต็มที่เดินหน้านโยบายที่ตัดสินใจมาและนายกฯพลเอกประยุทธ์อนุมัติในครม.ก็จ่ายกันเลยครับ เช่นกันกับนโยบายประกันรายได้พืชชนิดอื่นๆ ซึ่งปาล์มน้ำมันจ่ายไปแล้ว ยางพาราจ่ายแล้วและดำเนินการต่อเนื่องอยู่ วันนี้มันสำปะหลัง และจะเป็นข้าวโพดในครั้งต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว พร้อมรับเสียงปรบมือเกรียวกราว จากเกษตรกร

นอกจากนั้น นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงนโยบายสำหรับชาวไร่อ้อยในการอนุญาตให้นำเข้ารถยนต์มือสองเฉพาะรถยนต์เพื่อทำการเกษตร เพื่อบรรเทาภาระในการซื้อรถเกี่ยวอ้อยของพี่น้องชาวไร่อ้อย ที่ต้องซื้อรถเกี่ยวอ้อยมือหนึ่งที่ราคา 10 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 3 ล้านบาทสำหรับรถเกี่ยวอ้อยมือสอง ซึ่งจะช่วยลดภาระเกษตรกรข้าวไร่อ้อยกว่าสามเท่า โดยเรื่องนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.พรุ่งนี้และหากครม.เห็นชอบจะลงนามในประกาศกระทรวงพาณิชย์เพื่ออนุญาตให้นำเข้ารถยนต์เพื่อการเกษตรมือสองได้ทันที

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : 1 มีนาคม 2562 : นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ….” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิทัลหนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยหลักการสำคัญที่ต้องมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญต่างๆใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที กฎหมายนี้จึงมีการกําหนดหน่วยโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII ) ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชน ตลอดจนกําหนดให้มีมาตรฐานและแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ ได้กำหนดไว้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการของรัฐที่สำคัญ เช่น ระบบการเบิกจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น ด้านการเงิน ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และด้านสารธารณสุข ทั้งนี้สามารถเพิ่มด้านอื่นๆได้อีกในอนาคต

“กฎหมายนี้จึงมิได้ส่งผลกระทบและมิได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ ซึ่งกฎหมายได้ระบุประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ (1) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับไม่ร้ายแรง (2) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และ (3) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ”

โดยภัยคุกคามในระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานนั้นๆและหน่วยงานกำกับดูแลต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่วนภัยในระดับร้ายแรงซึ่งทำให้บริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา โดยในการเข้าไปในสถานที่หรือเข้าไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะต้องขอหมายศาล ขณะที่ภัยระดับวิกฤติต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริการที่สำคัญถูกโจมตีจนล่มไม่สามารถให้บริการได้เป็นวงกว้าง หรือมีประชาชนเสียชีวิตและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงให้ใช้อำนาจตามกฎหมายด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนพร้อมกับแจ้งศาลโดยเร็ว

สำหรับความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศต่างๆได้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว และบังคับใช้แก่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในไทยซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนประเทศนั้นๆด้วย จึงต้องกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลในการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นมาตรฐานสากล

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. 2. ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…. 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล)  และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ……

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคามซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

การเมือง : ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น.

Verified by ExactMetrics