วันที่ 22 ธันวาคม 2024

“วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร

People Unity :  “วิษณุ”ชี้เป็นสิทธิ! เกษตรกรยื่นศาลค้านแบน 3 สารพิษเกษตร ผลออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2562 ที่ท้องสนามหลวง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ระงับการใช้ 3 สารเคมีที่ใช้กำจัดศัตรูพืช โดยกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีดังกล่าวจะยื่นเรื่องให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ว่า เป็นสิทธิของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีการคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนี้ แล้วแต่ศาลจะสั่ง ซึ่งตามมติจะระงับใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.แต่อย่างไรก็ตาม และถ้าศาลรับคำร้องและมีคำสั่งอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนการรองรับความเดือดร้อนของเกษตรกร คงจะมีการรองรับ แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียด เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงไม่ทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลในการทำงานต่อไป เนื่องจากต้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประเมินสถานการณ์ และหาทางแก้ไข และป้องกันเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่เกษตรกร จะเดินทางมาร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจใดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ได้

“ธนาธร”อารมณ์ยังค้างอัดงบฯปี63ที่เวทีมช. ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

People Unity : “ธนาธร”ขึ้นเวทีเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” คณะนิติ มช.จัด อัดงบฯปี 63 ไม่ตอบสนองประชาชน-เลี้ยงระบบราชการเทอะทะ ชี้เหตุที่มาอำนาจไร้ประชาชนในสมการ ชู”3Dโมเดล”ประเทศไทยไปต่อได้

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา “ปฏิสังขรณ์ประเทศไทย” ซึ่งจัดขึ้นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยประสบการณ์หาเสียงเจอแต่คนบ่นปัญหาปากท้อง สวนทางงบประมาณปี 63 ไม่ตอบโจทย์ ชี้เหตุรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชนย่อมไม่แคร์ประชาชน ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญพร้อมลดอำนาจกองทัพ กระจายอำนาจ นำประชาธิปไตยกลับมา

นายธนาธรระบุว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ตนหดหู่มาก ตนได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่ในเรื่องการช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครปฐม กับการคุมทีมอภิปราย พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ตอนช่วงเช้าเวลาตนได้ออกไปเคาะประตูเจอกับผู้คน สิ่งที่ได้ฟังจากชาวบ้านมันเจ็บปวดมาก ทุกคนต่างมาระบายให้ตนได้ฟังถึงปัญหาเศรษฐกิจ หลายคนสิ้นหวัง บางคนไม่มีงานทำ ค้าขายในตลาดยอดลดลง คนทำงานโรงงานไม่มีโอที และเมื่อตนได้กลับจากหาเสียงมาเจอกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตนก็ยิ่งหดหู่เข้าไปใหญ่

นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นประเทศ ตนไปเดินเคาะประตูเสร็จตอนเย็นกลับมาทำการบ้านเรื่องงบประมาณ ว่างบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาทจะทำให้ชีวิตของคนที่ตนไปเจอมาดีขึ้นได้อย่างไร ข้อสรุปที่เรามีก็คือใช้งบประมาณแบบนี้ทำให้ชีวิตคนส่วนใหญ่ดีขึ้นไม่ได้เลย มันเจ็บปวดและเราเจ็บใจ เรามีงบประมาณเพียงพอ แต่งบประมาณไม่ตอบสนองชีวิตและความต้องการของชีวิตประชาชน เราเห็นเลยว่าเรามีเงินพอที่จะเลี้ยงดูผู้ป่วย ที่จะทำให้การศึกษาของเด็กและเยาวชนดีกว่านี้ ทำให้ปัญหาท้องถิ่น การจัดการน้ำ ที่ดิน ฝุ่น PM2.5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนฯลฯ ดีกว่านี้ แต่เราไม่เห็นการจัดการงบประมาณเหล่านี้

“นี่เป็นเรื่องการเมืองและเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของอำนาจ หลังการเลือกตั้งองค์กรที่ชื่อ คสช.หายไปแล้วก็จริง แต่ระบอบ คสช.ยังอยู่กับเราในรูปแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มาของอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำ คือกลุ่มทุน ระบบราชการ รถถัง ปืน กองทัพ กฎหมาย ตุลาการ แสดงออกผ่าน ส.ว.250 คน ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณของเขาจึงไม่ต้องเอาไปจัดสรรเพื่อประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าถวายสัตย์เช่นนั้น เพราะเขาไม่แคร์ประชาชน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าตั้งรัฐมนตรีที่มีข้อครหาเรื่องยาเสพติด เพราะเขาไม่ต้องแคร์ประชาชน ประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการของเขา” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา การใช้งบประมาณเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ เต็มไปด้วยงบดำเนินการ ค่าสัมมนา ค่าเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม ค่าที่พัก ฯลฯ จากการทำการบ้านเรื่องงบประมาณที่ผ่านมา เราเห็นงบแบบนี้เยอะไปหมด ถูกเอาไปหล่อเลี้ยงกองทัพ ไปเอื้อกลุ่มทุน นี่คือสิ่งที่เราเห้นแล้วเรารู้สึกเจ็บปวด ชีวิตของประชาชนมันยากเย็นและต้องต่อสู้ดิ้นรน แต่เราไม่มีอำนาจที่จะไปช่วยเหลือเขาได้เลย ทั้งๆที่เรารู้ว่าประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นได้มากกว่านี้

ทั้งๆที่งบประมาณประเทศ 3.2 ล้านล้านบาท มีหน้าที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศที่ผ่านมา และพาประเทศก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยงบประมาณแบนี้ตนว่าล้มเหลวทั้งสองด้าน แต่พวกเขาไม่แคร์ เพราะพวกเขาไม่ได้มาจากประชาชน นี่คือกลไกที่วางเอาไว้หมดแล้ว นี่คือความเจ็บปวด เมื่อเราเห็นความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63

ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงกับงบประมาณปี 63 คือความอ่อนแอของประชาธิปไตย ดังนั้นเวลาเราพูดถึงประชาชนมันมีความหมาย ความแข็งแกร่งของประชาชนและประชาธิปไตยต้องดูว่าความต้องการของประชาชนมันได้รับการตอบสนองหรือไม่ เราจะปฏิสังขรณ์และพาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างไร แน่นอนที่สุดรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องได้รับการแก้ไข แต่จะพาไปข้างหน้ามากกว่านี้ต้องจัดการสิ่งที่ตนเรียกว่า “3D” คือ Demilitarization – ลดบทบาทกองทัพทางการเมือง, Decentralization – ลดอำนาจระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง, และ Democratization – พาประเทศไทยกลับสู่การเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง

ถ้าไม่จัดการ 3D นี้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้ จะทำสามอย่างนี้ได้ต้องเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญ และต่อให้ทำ 3D นี้สำเร็จ นี่ก็จะยังไม่ใช่จุดจบของการเดินทาง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญได้แต่ลดบทบาทกองทัพไม่ได้ก็กลับไปเท่าเดิม อย่างคนที่ต่อสู้ในพฤษภาคมปี 2535 มา ลืมทำในสิ่งหนึ่งไปคือการปฏิรูปกองทัพ สุดท้ายก็เกิดรัฐประหารปี 2549 ถ้าไม่ลดบทบาทของกองทัพการรัฐประหารก็จะกลับมา

“ดังนั้นผมฝากไว้ ประเทศเราไม่มีทางไปต่อข้างหน้าได้เลย ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เขายังเอาระบอบ คสช.ไว้อยู่ และอย่าฝากความหวังไว้กับคน แต่จงลุกชึ้นมาทำและเปลี่ยนแปลงด้วยมือของเราเอง” นายธนาธรกล่าว

“มนัญญา”ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม

People Unity : “มนัญญา” น้อมคารวะ คกก.วัตถุอันตราย แบน 3 สารพิษเกษตร มีผลทันที 1 ธ.ค.นี้ ขอบคุณมอบสิ่งที่ดีที่สุดกับคนไทย ลั่นเดินหน้าดูแลเยียวยาเกษตรกรได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม”

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับทราบมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร ให้มีผลวันที่ 1 ธ.ค.2562ว่า ขอน้อมคารวะ คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีมติตามความเห็นของ 3 กระทรวงให้แบน 3 สารเคมี ขอขอบคุณที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้พูดว่าเป็นชัยชนะของใคร มองว่าทุกฝ่ายเป็นคนไทยด้วย ต้องทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศไทยและปลอดภัยทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค

หลังจากนี้กระทรวงเกษตรฯจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ว่าต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไร จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดูว่า ปุ๋ยอินทรีย สารชีวะภัณฑ์ ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาการขึ้นทะเบียนไม่ได้ จะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายได้ รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเกษตรกร เช่นควรมีการเก็บตัวอย่าง พืชสมุนไพรไทย ที่มีฤทธิ์จำกัดศัตรูพืช ในแต่ละช่วงของพืชสมุนไพร ดูว่าช่วงไหนให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อนำมากำหนดเงื่อนเวลา มาตรฐานการผลิต มาตรฐานการใช้ได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้เกษตรกร ได้มีทางเลือกใช้ทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้แม้จะไม่มีสาร3ตัว แต่ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร ได้อนุญาตให้นำเข้าตามกฏหมาย อยู่แล้วหลายร้อยชนิด ซึ่งเกษตรกรใช้อยู่กันเป็นประจำ

“ใครต้องการเสนอสิ่งที่ดีในการทำเกษตร มาหาพี่ได้ ให้มาร่วมมือกันทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศ พร้อมดูแลเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าชนิดพืชใด จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลเกษตรกร เพื่อให้ตรงกับความต้องการ ส่งไปตรวจสอบความเป็นอยู่เกษตรกร ให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกษตรกรต้องการให้ช่วยเหลือ นอกจากนี้จะเปิดกว้างให้ขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ สารทดแทน สารชีวภาพ ยังมีหลายตัวให้มาขึ้นทะเบียน จากที่ไม่เคยผ่านการอนุญาตให้จดทะเบียน โดยจะมาหารือกันทำอย่างไรให้สูตรต่างๆถึงเกษตรกร สามารถนำไปทำเองใช้ได้แพร่หลายด้วย” น.ส.มนัญญา กล่าว

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าถ้าถามความรุ้สึกวันนี้ ไม่เป็นชัยชนะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ซึ่งจะให้บอกความรู้สึกบอกไม่ถูก จริงๆแล้วพี่เป็นคนของพี่น้องประชาชน จะดีใจ หรือเสียใจ คงไม่ได้ ถ้าถามว่ามาตรการเดินหน้าต่อไปคือดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด

“วันนี้พี่ชาดา ไทยเศรษฐ์ ห่วงสถานการณ์ไม่ค่อยปกติ ได้เรียกตัวให้กลับบ้าน จ.อุทัยธานี ท่านอยากดูแล” น.ส.มนัญญา กล่าวและว่า

วันนี้ประชุมครม. ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องประชุมคก.วัถตุอันตราย ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ คงไม่ใช่ตัวเราคนเดียว มาจากพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่าย ใครๆก็อยากทานอาหารปลอดสารปลอดภัย ไม่ใช่ชัยชนะของใคร ขอบคุณทุกฝ่ายอีกครั้ง ทุกหน่วยงานร่วมกันสนับสนุนการแบนสาร

แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาในการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรมาเข้ารับอบรมการใช้สารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้ มีเพียง 4-5 แสนคนเท่านั้น หากเทียบเคียงกับเกษตรกร ผู้ปลูกสวนยาง 1.4 ล้านราย มีพื้นที่ปลูกยาง 17ล้านไร่ ผู้ปลูกอ้อย 8แสนราย พื้นที่ปลูก8ล้านไร่ และเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง 1.8 ล้านไร่ ปลูกข้าวโพด 4 ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน7ล้านไร่ แต่การที่มีเกษตรกรมาขอขึ้นทะเบียนอบรมใช้สาร เพียงเท่านี้ หมายถึงว่าเกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 30 ล้านราย ไม่จำเป็นต้องใช้สาร 3 ตัวนี้ นอกจากนั้นในการใช้พาราควอต จำกัดหญ้า จะใช้เริ่มปลูกต้นยางในช่วงอายุต้นยาง 1-4 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ใช่ เมื่อเปิดกรีดได้ และผู้ปลูกยางรายใหม่ ถ้าพิจารณาจากโครงการส่งเสริมของรัฐปลูกยางใหม่ ทดแทนสวนยางเก่า มีพื้นที่ปีละ 4 แสนไร่ ทำให้เห็นว่าปริมาณนำเข้าสารเคมีที่ผ่านมามากเกินกว่าจำนวนพืชไร่ พืชสวน ที่จะใช้สาร ที่มีความจำเป็นต้องใช้

“พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง

People Unity : “พท.”อารมณ์ค้าง! ชี้รัฐจัดงบฯปี63 เห็นความมั่นคงดีกว่าปากท้อง ทำผิดหลักการไม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านงดออกเสียงในการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในชั้นรับหลักการนั้น เพราะทางพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นถึงความสำคัญของกระบวนการจัดทำงบประมาณ เพราะงบประมาณเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ การนำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นทางพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงยอมให้หลักการของการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ผ่าน

นอกจากนี้ในรายละเอียดของงบประมาณ ต่างๆที่อยู่ตามกระทรวง ทางคณะกรรมาธิการงบประมาณจะมีการลงลึกในรายละเอียดถึงการใช้จ่าย รวมไปถึงการปรับลดและแก้ไขในกรอบงบประมาณ และจะติดตามดูว่ารัฐบาลมีการนำข้อท้วงติงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำเสนอไปแก้ไขหรือไม่ หากรัฐบาลไม่รับฟังหรือเกลี่ยงบประมาณใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด พร้อมดึงดันเอาตามใจรัฐบาล ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านคงรับไม่ได้คงต้องโหวตคว่ำงบประมาณในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างแน่นอน

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้มีข้อสังเกตว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนในลำดับท้ายๆ แต่ให้ความสำคัญกับด้านความมั่นคงมาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งผิดหลักการจัดทำงบประมาณ กลไกงบประมาณเป็นเพียงแค่กลไกหนึ่ง ต่อมาคือนโยบายที่จะนำไปปรับใช้ คืองบลงทุนที่จะลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศภาพของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันคือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยดับไปหมดแล้ว ทั้งการค้า การบริโภค การส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย พร้อมที่จะสนับสนุนและรองรับการลงทุนต่างๆได้ ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องปรับแนวคิดและเร่งให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทำงาน พร้อมการนำงบประมาณลงไปใช้เชื่อว่าเศรษฐกิจคงจะดีขึ้น หากไม่ปรับแนวคิดเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะมีปัญหาไปอีกหลายปี

บิ๊กล็อต! ครม.แต่งตั้งโยกย้าย”บิ๊กขรก.”หลายกระทรวง

People Unity : บิ๊กล็อต! ครม.แต่งตั้งโยกย้าย”บิ๊กขรก.”หลายกระทรวง ส่วน ศธ. “ดิศกุล”นั่ง กศน. “อรรถพล” สช.

.วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนระดับสูงหลายกระทรวง ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 6 ราย ได้แก่ 1.นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน 2.นายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ อธิบดีกรมพิธีการทูต ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ 3.นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพิธีการทูต 4.น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย 5.นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ และ 6.นายเอกพล พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมยุโรป ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ – เลสเต ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 5 ราย ได้แก่ 1.นายรัตนะ สวามีชัย รองเลขาสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ 2.นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองอธิดีกรมปสุสัตว์ ดำรตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฯ 3.นายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฯ 4.นางดาราเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฯ และ 5.นายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป

กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.นายพงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข 2.น.ส.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฯ และ 3.นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจฯ

กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 8 ราย ได้แก่ 1.นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 2.นายศรีชัย พรประชาธรรม เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจฯ 3.นายประชาคม จันทรชิต รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจฯ 4.นางปัทมา วีระวานิช ผู้ตรวจฯ ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 5.นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ ศึกษาธิการภาค 2 ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงฯ 6.นายธีรพงษ์ สารแสน ศึกษาธิการภาค 10 ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงฯ 7.นายพีระ รัตนวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจฯ และ 8.นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจฯ ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายนิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ นายปริญญา พัฒนภักดี เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นายพชร อนันตศิลป์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน และ นายสุพันธ์ุ มงคลสุธี เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)

“ไพศาล” เชียร์สุดลิ่ม! แบน 3 สารพิษ ยุติอาชญากรรมแผ่นดิน

People Unity : “ไพศาล” เชียร์สุดลิ่ม! แบน 3 สารพิษ ยุติอาชญากรรมแผ่นดิน ก้าวต่อไปคือเสรีกัญชา

วันที่ 22 ต.ค.2562 นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กPaisal Puechmongkol ระบุว่า..เป็นความถูกต้องในการบริหารบ้านเมือง และเป็นการยุติอาชญากรรมแผ่นดินที่สังหารผลาญ ชีวิตและเป็นอันตรายต่อประชาชนจำนวนมากมาช้านานแล้ว

ขอชื่นชมความร่วมมือร่วมใจความสามัคคีของทุกหมู่เหล่า ที่ผลักดันจนเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อทุกคนตื่นขึ้นแล้ว ก็ไม่มีพลังอำนาจใดมาต้านทานได้ จังหวะก้าวต่อไปคือ การให้เสรีในการปลูกและใช้กัญชาในการรักษาความเจ็บป่วย ของประชาชน โดยไม่ให้มีการผูกขาดแก่ต่างชาติหรือเจ้าสัว หรือหน่วยงานของรัฐหน่วยใดหน่วยหนึ่ง

จ้องแต่เล่นเกมการเมือง! “ธนาธร”เป็น กมธ.งบฯ พปชร.เล็งยื่นศาลรธน.

People Unity : “สิระ”เตรียมยื่นศาล รธน.ตีความคุณสมบัติ”ธนาธร” ร่วมเป็น กมธ.วิสามัญได้หรือไม่ ซัด “อนาคตใหม่” จ้องแต่เล่นเกมการเมือง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22ต.ค.2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ว่า พรรคอนาคตใหม่กำลังทำมาตรา 129 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุว่า สภาฯ มีอํานาจเลือกบุคคลผู้เป็น ส.ส.หรือมิได้เป็น ส.ส.ตั้งเป็น กมธ.วิสามัญเพื่อกระทํากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ และรายงานให้สภาฯทราบตามระยะเวลาที่กําหนด ดังนั้นการเสนอชื่อ นายธนาธร ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราว ในระหว่างรอคำวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ นายธนาธร ในกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เข้ามาเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 นั้นกระทำไม่ได้

“นายธนาธรถ้าเข้ามาในฐานะ ส.ส.และตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงทำหน้าที่ ส.ส.ไม่ได้ ส่วนจะใช้สิทธิ์คนนอกก็มีคำถามว่านายธนาธรเป็นคนนอกหรือไม่ เพราะยังมีสมาชิกภาพ ส.ส.อยู่” นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ในวันพฤหัสบดีนี้ช่วงเช้าตนจะไปยื่นคำร้องเพื่อให้กรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ตรวจสอบ และในช่วยบ่ายจะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความคุณสมบัติของนายธนาธรที่จะร่วมเป็น กมธ.วิสามัญ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ตนฝากไปถึงนายธนาธร ว่าหากอยากเป็น กมธ.วิสามัญให้ลาออกจาก ส.ส. เพื่อใช้สถานะคนนอก ตนจะไม่ยื่นตีความดังกล่าว

“ไม่เข้าใจว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายหรือเป็นเพราะว่าทั้งพรรคไม่มีผู้ที่เหมาะสมจะทำหน้าที่นี้ จึงต้องเลือกนายธนาธรเข้ามา และไม่มั่นใจว่าเหตุที่เสนอชื่อนายธนาธร เพราะต้องการเข้ามาทำเพื่อประเทศชาติ หรือหวังผลตีรวนทางการเมืองกันแน่ หากเป็นข้อหลัง ตนคิดว่าไม่สมควร เพราะการพิจารณางบประมาณในครั้งนี้เป็นการทำเพื่อนผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน” นายสิระ กล่าว

“อนุทิน”ชี้มติแบน 3 สารพิษได้เห็นขรก.-นักวิชาการมีคุณธรรม

People Unity : “อนุทิน”ชี้มติแบน 3 สารพิษเป็นผลงานทุกคน ได้เห็นข้าราชการ นักวิชาการที่มีคุณธรรมทำเพื่อสุภาพ-ชีวิต ของปชช.

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบนสารพิษ 3 ตัวว่า สิ่งที่ดีใจคือ เรายังเห็นว่า ประเทศไทยเรายังมีข้าราชการ นักวิชาการที่มีคุณธรรม มีสำนึกต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างราชที่ลงมติแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด จากทุกกรม ทุกกระทรวง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง

แต่เป็นภารกิจของรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขซึ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเรื่องแบนสารพิษนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายตอนหาเสียงด้วยซ้ำ แต่เป็นภารกิจที่ต้องทำ และภาคภูมิใจที่อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการอย. พร้อใจกันโหวตอย่างเปิดเผย นำนโยบายของกระทรวงไปทำให้บรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอน ใครทำอะไรได้ก็ทำ เรามีหน้าที่แบน เราก็แบนอย่างสุดหัวใจ ใครจะค้านก็ไปค้าน ผลจะเป็นอย่างไรเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว เรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน เป็นเรื่องสุขภาพ ชีวิต ใครไม่เคยโดนก็ไม่รู้หรอก อย่างไรก็ตาม ครม.ไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่ละกระทรวงจะต้องไปหามาตรการเยียวยา

เมื่อถามถึงแนวทางในการคุ้มครอง เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแบนสารพิษครั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า จขะอนุญาตให้ใช้สารพิษที่มีมติแบนไปนี้ถึงวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ส่วนเรื่องเยียวยา เช่น การหาสารทดแทน เป็นเรื่องของกระทรวงไหนมีหน้าที่อย่างไร ทั้งนี้ วันนี้ถือเป็นผลงานร่วมกันของทุกคน แต่สำหรับตนไม่ได้ถือเป็นผลงาน แต่ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่อยู่ในคณะกรรมการ วันนี้ดี เปิดเผยกันมแล้ว ก็ขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เฟซบุ๊ค “Anutin Charnvirakul” ของนายอนุทิน ขึ้นภาพขณะนำผู้บริหารในกระทรวงสาธรณสุขออกกำลังกาย พร้อมข้อความว่า
เชียร์ลีดเดอร์ของกระทรวงสาธารณสุข

มติที่ประชุม มีผู้เข้าประชุม 26 ท่าน
1. พาราควอท
-แบน 21 จำกัดการใช้ 5
2. ครอร์ไพริฟอส
-แบน 22 จำกัดการใช้ 4
3.ไกลโฟเซต
-แบน 19 จำกัดการใช้ 7

ขอกราบขอบพระคุณและน้อมคารวะต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายเฉพาะผู้ที่ลงมติแบนการใช้สารพิษด้วยจิตสำนึกที่รักและห่วงใยในคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน ประวัติศาสตร์จะจารึกวีรกรรมที่ท่านทำเพื่อแผ่นดินเกิดในวันนี้เยี่ยงวีรบุรุษของชาติ ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ประเทศของเรายังมีข้าราชการและนักวิชาการที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมหลงเหลืออยู่ในบ้านของเรา
โดยมีคอมเม้นท์ให้กำลังใจเป้นจำนวนมาก อาทิ

“ความเห็นต่างไม่เปนไร ไม่ว่ากันครับ…แต่ก็ถือว่าที่ประชุมเสียงข้างมากลงมติแบน…ก็ต้องขอบคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล และชาวคณะทุกท่าน และท่านมนัญญา ไทยเศรษฐ์ และท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน ด้วยครับ”

“ข้่าราชการทุกคน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลชุดนี้ และเป็นการทำงานร่วมกันของทุกพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆครับ”

“สมเจตนาประสงค์เป็นคุณูประการกับประชาชนชาวไทยและประเทศชาติ ขอขอบคุณอย่างสูงต่อทุกท่านทื่ได้ผลักดันเรื่องนื้ให้เกิดเป็นความสำเร็จตามเป็าหมายชัดเจนถึงโทษภัยร้ายแรงของสารเคมีดังกล่าวครับ”

“บิ๊กป้อม”เผยครม.ไฟเขียว”ชิม ช้อป ใช้”เฟส 2 เริ่ม 24 ต.ค.

People Unity : “บิ๊กป้อม”เผยครม.ไฟเขียว”ชิม ช้อป ใช้”เฟส 2 เริ่ม 24 ต.ค.  ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนองห้องชุดไม่เกิน 3 ล้าน “สมคิด”ชูกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ด้านบิ๊กบอสเครือสหพัฒน์จี้แบงก์ชาติดูเงินบาทอย่าแข็งมากเกิน

วันที่ 22ต.ค.2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้อนุมัติมาตรการชิมช็อปใช้ ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 62 ระยะที่ 2 ใน 4 มาตรการ ประกอบด้วย

1.มาตรการส่งเสริมการบริโภคในประเทศ (ชิมช้อปใช้ เฟส 2) จำนวน 3 ล้านคน โดยรับลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 24 ต.ค.62 นอกจากนี้ ยังขยายมาตรการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.62 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.62

โดยสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมี 3 ส่วน

1) รัฐบาลสนับสนุนวเงินเพื่อเป็นสิทธิซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการฯ จำนวน 1,000 บาท/คนผ่านแอพฯ “เป๋าตัง”

2) กรณีผู้ที่ลงทะเบียนเติมเงินใน g-wallet ช่อง 2 เพื่อใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก รวมถึงบริการต่างๆ ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น จะได้รับ cash back เท่ากับ 15% ของยอดการชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาท/คน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท/คน)

3) ให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการใช้จ่ายผ่าน g-wallet ช่อง 2 โดยรัฐบาลจะสนับสนุน cash back เท่ากับ 20% ของยอดการชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาท/คน สำหรับวงเงินใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท/คน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท/คน) ซึ่งจะรวมถึงผู้ที่ได้รับสิทธิ 10 ล้านคนแรกที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิ

2. มาตรการลดภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง (ที่ต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน) โดยจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง จาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัย ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้-24 ธ.ค.63 ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากการปรับลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวราว 2,652 ล้านบาท

3. มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ตั้งวงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท

4. มาตรการเร่งรัดการเบิกค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ซึ่งมาตรการนี้จะเริ่มตั้งแต่ พ.ย.-ธ.ค.62 รวม 2 เดือน

“สมคิด”ชูกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ด้านบิ๊กบอสเครือสหพัฒน์จี้แบงก์ชาติดูเงินบาทอย่าแข็งมากเกิน

ทางด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 ยังจำเป็นต้องแจกเงิน 1,000 บาทให้กับผู้ลงทะเบียน เพราะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น และที่ผ่านมามองว่าประชาชนใช้จ่ายเงินคล่องมากขึ้น นับว่าการออกโครงการชิมช้อปใช้ เป็นวิธีการที่ได้ผล เพราะดึงดูดให้ประชาชนผู้ลงทะเบียนออกไปใช้จ่ายต่างจังหวัดมากขึ้น และยังดึงดูดให้ร้านค้ารายย่อย รายใหญ่ รายใหม่นับแสนรายเข้ามาร่วมโครงการมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องเร่งพัฒนาระบบข้อมูล Big Data เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับหลายหน่วยงานของรัฐ เพื่อรองรับการให้สวัสดิการรูปแบบต่างๆเพิ่มเติม

สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย.62 แม้ติดลบร้อยละ 1.4 ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับประเทศไทย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และไทยยังมีสินค้าอีกหลายกลุ่มสามารถทำตลาดเพื่อการส่งออกได้ เช่น สินค้าเกษตร และสินค้าทำตลาดเฉพาะกลุ่มในประเทศเป้าหมาย

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่เหมือนที่หลายฝ่ายกังวล เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเข้มแข็ง และการชะลอตัวลักษณะดังกล่าวเป็นแบบนี้มานานหลายปี เศรษฐกิจไทยยังดำเนินอยู่ไปได้ เศรษฐกิจไทยจึงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ กำลังซื้อของรายย่อยที่ขาดหายไป จึงต้องเติมกำลังซื้อรูปแบบต่างๆเช่น ชิมช้อปใช้ เพื่อให้ภาคเกษตร ร้านค้ารายย่อย วิสาหกิจชุมชน มีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้สิ่งสำคัญต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยให้เหมาะสม ยอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลดีต่อการลงทุน นำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรเข้ามาขยายการลงทุน เพื่อพัฒนาโครงสร้างหลักของประเทศ อีกมุมหนึ่งการดูแลส่งออก ด้วยการให้เงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ดูแลสินค้าเกษตร สร้างรายได้ให้เกษตรกร ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดูแล

ขณะที่การทำงานปัจจุบัน ธปท.ยังให้ความสำคัญกับการปรับทิศทางนโยบายดอกเบี้ยสอดคล้องกับแนวโน้มอัตราของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จนทำให้กองทุนเฮดฟันด์จับทิศทางนโยบายการเงินของไทยได้ ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าในปัจจุบัน ท้ายที่สุดส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรรายย่อยของประเทศ ขณะที่หลายประเทศทั้งพัฒนาแล้วหรือบางประเทศ ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินช่วยดูแลเศรษฐกิจในประเทศในช่วงทั่วโลกประสบปัญหา จึงอยากให้ ธปท.พิจารณาปัจจัยดังกล่าวนี้ เพื่อดูแลเงินบาทอ่อนค่าลงดูแลภาคเกษตร

“แบน 3 สารพิษ”แล้ว! มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่เอกฉันท์

People Unity : “แบน 3 สารพิษ”แล้ว! มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่เอกฉันท์ “อนุทิน”ปลื้มโฟสต์แจ้งด่วน

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 22ต.ค.2562 ที่กระทรวงอุึตสาหกรรม นายภาณุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รักษาการรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณา คือ การแบนหรือไม่แบนวัตถุอันตราย 3 สาร ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต กำหนดเวลาประชุม 09.30-14.00น. โดยบริเวณหน้าห้องประชุมมีตำรวจรักษาความปลอดภัยเฝ้าดูแล 2 นาย

ขณะที่บรรยากาศภาพรวมพบว่ามีผู้ชุมนุมเกษตรกรกลุ่มไม่ต้องการให้แบน 3 สารเคมีจากหลายจังหวัด มาเฝ้าติดตามผลการประชุมประมาณ 500 คน โดยกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชน นำโดยนายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือถึงกรรมการวัตถุอันตรายที่มีจำนวน 29 คน ขอให้ผลการประชุมไม่ว่าจะแบนหรือไม่แบน 3 สารเคมี ก็ขอให้ลงมติอย่างเปิดเผย เพื่อความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่เป็นความลับ เพื่อเป็นผลดีต่อประชาชน และคณะกรรมการ และอย่าได้อ้างสิทธิหรืออื่นๆ เพื่อประชาชนจะได้หายข้อข้องใจ กังขา และถ้าเป็นไปได้ให้ประชาชนเข้าร่วมรับฟังสังเกตการณ์ หรือทีวีวงจรปิดก็ได้ ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มสนับสนุนให้แบนมาสังเกตการณ์ช่วงเช้าจำนวนหนึ่งแยกย้ายออกไป

ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขและรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ระบุว่า เชียร์ลีดเดอร์ของกระทรวงสาธารณสุข

มติที่ประชุม มีผู้เข้าประชุม 26 ท่าน
1. พาราควอท
-แบน 21 จำกัดการใช้ 5
2. ครอร์ไพริฟอส
-แบน 22 จำกัดการใช้ 4
3.ไกลโฟเซต
-แบน 19 จำกัดการใช้ 7

ขอกราบขอบพระคุณและน้อมคารวะต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายเฉพาะผู้ที่ลงมติแบนการใช้สารพิษด้วยจิตสำนึกที่รักและห่วงใยในคุณภาพชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน ประวัติศาสตร์จะจารึกวีรกรรมที่ท่านทำเพื่อแผ่นดินเกิดในวันนี้เยี่ยงวีรบุรุษของชาติ ขอแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคนที่ประเทศของเรายังมีข้าราชการและนักวิชาการที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรมหลงเหลืออยู่ในบ้านของเรา

กลุ่มต้านจ่อฟ้องศาลฯเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ทางด้านนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ตัวแทนภาคเกษตรกร ได้แจ้งต่อเครือข่ายภาคเกษตรกรที่มารอผลการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าได้มีมติอย่างไม่เป็นทางการแบน 3 สารพิษทั้งพาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไฟริฟอส แล้ว หลังจากรับทราบแล้วทางกลุ่มฯ จะยังคงยืนยันที่จะมีการยื่นศาลปกครองในวันที่ 28 ต.ค.นี้เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว และ อีกทั้งจะไปยื่นถอดถอนมติกระทรวงสาธารณสุข/2560 ที่เป็นต้นเหตุของการแบน 3 สารดังกล่าวเพราะมีการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมถึงจะดำเนินการยื่นฟ้องเอาผิดตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดโดยจะแยกฟ้องทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง กลุ่มเอ็นจีโอ รวมถึงบอร์ดคณะกรรมการวัตถุอันตรายในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ

“ผลตรวจการตกค้างของสารดังกล่าวในผักผลไม้นั้นไม่พบการตกค้างของสารพาราควอต และไกลโฟเซดแต่อย่างใดแต่การมาแบน 3 สารเพื่อเหตุผลใดแน่”น.ส.อัญชุลีกล่าว”

นอกจากนี้ทางเครือข่ายภาคเกษตรกรที่คัดค้านการแบน 3 สารพิษจะรอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการเยือนญี่ปุ่นกลับมาก่อนเพื่อรอฟังนโยบายเพราะเบื้องต้นนายกฯเคยระบุไว้ว่าจะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจาก 4 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อประเด็นดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามคำสั่งนายกฯ

Verified by ExactMetrics