วันที่ 19 กันยายน 2024

ครม.ไฟเขียว! โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ “รามา-ธนารักษ์” ให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัยเหมาะสม

People Unity News : 29 พฤษภาคม 2565 ครม. ไฟเขียว! โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ “รามา – ธนารักษ์” วงเงิน 1,345 ล้านบาท ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัยเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต

ที่ประชุม ครม. เมื่อ 24 พ.ค. 65 ได้อนุมัติให้กรมธนารักษ์และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ดำเนินโครงการที่พักผู้สูงอายุ รามา – ธนารักษ์ บนที่ดินราชพัสดุ จ.สมุทรปราการ วงเงิน 1,345.934 ล้านบาท

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิต รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุที่ว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปัจจุบัน มีผู้สูงอายุสนใจจองสิทธิเช่าห้องพักอาศัยแล้ว 1,310 ราย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิที่พักอาศัย 30 ปี, เจ็บป่วยฉุกเฉินในระดับไม่รุนแรงใช้ห้องพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง, หากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องการดูแลในระยะยาว จะได้รับสิทธิการอยู่ในสถานบริบาลผู้สูงอายุรามาธิบดี (เมื่อห้องว่าง), สินเชื่อและเงื่อนไขผ่อนเป็นพิเศษ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

Advertisement

นายกฯชวนประชาชนร่วมงานวันมาฆบูชา

People Unity News : 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายกฯ เชิญชวนร่วมงานวันมาฆบูชา พ.ศ. 2566 “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” ตั้งใจทำดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา “ประทีปแห่งพระธรรม นำศรัทธา บูชาเพ็ญเดือน 3” เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้วันมาฆบูชา โดยตัวแทนนักเรียนโรงเรียนวัดอินทาราม กรุงเทพฯ จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล และชมการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ บทสรรเสริญพระพุทธคุณ โดยคณะนักเรียนระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา ทีมรางวัลชนะเลิศ ประเภททีมหญิงล้วน ระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ประจำปีพุทธศักราช 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด และกล่าวว่าเป็นบทสวดที่จำได้เคยสวดตอนเด็กและท่องจำมาโดยตลอด ซึ่งศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความร่มเย็น เป็นศาสนาแห่งความสมานฉันท์ การสวดมนต์ในช่วงเวลาว่างช่วยให้จิตใจร่มเย็นและควรเข้าใจถึงความหมายของบทสวดต่างๆ ซึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นความจริง

“ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมวันมาฆบูชา ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนาที่วัดใกล้บ้าน หรือนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมที่บ้านตามความสะดวก หากไม่สะดวกสามารถร่วมกิจกรรมทางศาสนาผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่วมกันตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอให้ความสุขสวัสดีเกิดขึ้นแก่ตัวเอง ทุกคน และทุกครอบครัว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ งานส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา พุทธศักราช 2566 กำหนดจัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในส่วนกลางจัดกิจกรรมระหว่างวันที่ 4 – 6 มีนาคม 2566 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และในวันที่ 6 มีนาคม 2566 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวียนเทียน และกิจกรรม Walk Rally 9 มงคล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ และในส่วนภูมิภาคกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 1 – 6 มีนาคม 2566 ตามบริบทของแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดทำบัตรอวยพรวันมาฆบูชาออนไลน์ (E-Card) และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ ผ่านทาง www.dra.go.th อีกด้วย

Advertisement

“สนธิรัตน์”แจงเหตุเลิกอุดหนุนแก๊สโซฮอล์หวังแก้ปาล์มน้ำมัน

People Unity : รมว.พลังงาน แจงปมเลิกอุดหนุนแก๊สโซฮอล์-ไบโอดีเซล มั่นใจยกบี10 แทนบี7 แก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบอย่างยั่งยืน เหตุน้ำมันไทยต่างเพื่อนบ้านเพราะโครงสร้าง พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางไฟฟ้าอาเซี่ยน พ้องบน้อยแต่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร กรณีที่สมาชิกมีความเป็นห่วงต่อพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะมีการยกเลิกสนับสนุนเรื่องแก๊สโซฮอล์หรือไบโอดีเซลในอีก6 ปีข้างหน้าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่งก็ตระหนักถึงปัญหานี้ และกระทรวงพลังงานจะต้องดำเนินการในการขับเคลื่อนให้สามารถดำเนินการได้อย่างไร สาเหตุที่พ.ร.บ.ตัดกองทุนน้ำมันออกไปเพราะประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเรื่องไบโอดีเซล แก๊สโซฮอล์ในอดีต ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนเอาน้ำมันบี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานของไบโอดีเซล โดยจะเริ่มวันที่ 1 ม.ค.2563 ซึ่งการใช้บี10 เป็นพื้นฐานขับเคลื่อนไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ของจุดเริ่มในการแก้ปัญหาที่จะพิสูจน์ว่าเป็นการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบอย่างแท้จริง

ประเทศไทยประสบปัญหาปาล์มน้ำมันมา 20-30 ปี เราไม่สามารถหาทางออกได้เพราะเรามีตัวซัพพลายมากกว่าความต้องการในตลาดในประเทศ 4-5 แสนตันต่อปี ไม่มีความสามารถในการแข่งขันที่จะส่งออกปาล์มน้ำมันไปสู่ประเทศอื่นเพราะเราเป็นผู้ผลิตปาล์มน้ำมันของโลก เพียงแค่ประมาณ 5% เทียบแล้วเรามีขนาดเล็กมาก และมีต้นทุนของเกษตรกรสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทางออกเดียวที่จะรักษาเสถียรภาพปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจสำคัญคือการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง

“กระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยการให้บี10 เป็นน้ำมันพื้นฐานจากบี7 คาดว่าไม่เกินไตรมาสที่ 2 เราสามารถที่จะเพิ่มปริมาณการใช้ CPO ขึ้นมาประมาณ 4 แสนตัน โดยจะใช้มาทำบี10 บี20 ประมาณปีละ 2.2 ล้านตันต่อปี ถือเป็น 2 ใน 3 ของผลผลิตปาล์มน้ำมันของประเทศ และเป็นครั้งแรกของประเทศที่ซัพพลายของปาล์มน้ำมันจะสมดุลย์กับดีมาน และเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาสเถียรภาพของราคาปาล์มน้ำมัน”

นอกจากนี้กระทรวงพลังงานจะให้ความใส่ใจในการดูแลสต๊อกB100 เพราะจะเป็นพื้นฐานในการนำมาผลิต บี7 บี10 บี20 โดยการที่จะใส่มาร์กเกอร์ลงไปในB100 ว่า CPO ทุกลิตรจะถูกควบคุมไม่ให้มีการลักลอบ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้จะมีโอกาสในการแก้ปัญหาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เป็นปัญหาเรื้อรังอย่างชัดเจน ดังนั้นความสำเร็จเหล่านี้มีความสำคัญมากในการเป็นเครื่องพิสูจน์ที่จะให้กระทรวงพลังงานหาทางแก้กฎหมายกองทุนให้ได้รับการสนับสนุนอย่างเดิม

นายสนธิรัตน์กล่าวว่าเรื่องของไบโอฟูเอล หรือเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่ได้เป็นเพียงช่วยเกษตรกร แต่ตอนนี้ไทยพบปัญหาที่ใหญ่มากคือPM2.5 ซึ่งจะเป็นเรื่องของไบโอดีเซล หรือเอทานอลก็ดีที่มาใช้กับแก๊สโซฮอล์ เป็นนโยบายที่กระทรวงพลังงานจะขับเคลื่อนเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับเกษตรกรต่อไป

ส่วนเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมันที่มีคำถามว่าทำไมราคาน้ำมันในไทยถึงแพงกว่าราคาน้ำมันในมาเลเซีย เพราะไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันเกือบจะ 90% หมายความว่าทุกบาททุกสตางค์ต้องสูญเสียเงินออกนอกประเทศ มีการคำนวณราคาน้ำมันแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือเนื้อน้ำมันที่เราอิงราคามาตรฐานของโลก ซึ่งในเนื้อน้ำมันก็มีคุณภาพของน้ำมันยกตัวอย่างไทยใช้ยูโร4 มีเพียงสิงคโปร์เท่านั้นที่ใช้ยูโร5 แต่พม่า อินโดนีเซีย ลาว เขมร หรือแม้แต่มาเลเซีย ตัวน้ำมันดีเซลก็ยังเป็นยูโร3 ส่วนที่ 2 เนื่องจากเราเป็นประเทศนำเข้า ได้อาศัยโครงสร้างของน้ำมันซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนคือ ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีท้องถิ่น ในภาษีเหล่านี้ก็คือรายได้ของรัฐบาลที่ใช้ในงบประมาณแผ่นดิน เพราะเราต่างจากมาเลเซียที่ผลิตและส่งออกน้ำมัน ดังนั้นจึงไม่มีโครงสร้างเหล่านี้

ส่วนที่3 เรามีกลไกในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันโดยมี 2 กองทุนใหญ่ๆคือ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะใช้รักษาสมดุลช่วงเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงานซึ่งจะใช้ในการส่งเสริมเรื่องพลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงาน และส่วนที่ 4 ค่าการตลาด ซึ่งในยุคของตนจะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามที่โครงสร้างแตกต่างจากเพื่อนบ้าน ไทยก็ไม่ได้ราคาสูงอย่างที่เข้าใจ มีสิงคโปร์ ลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา หรือแม้แต่อินโดนีเซีย ที่เป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันก็ยังมีราคาดีเซลสูงกว่าเรา ส่วนที่ต่ำกว่าเราจริงๆนั้นก็มี พม่า เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน

“อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ส่วนเวียดนามโครงสร้างราคาน้ำมันคล้ายของไทย ในอดีตที่ราคาน้ำมันของไทยเทียบเท่ามาเลเซีย เพราะรัฐชดเชย ผมตระหนักดีว่าราคาน้ำมันมีผลกับประชาชน เราจะดูแลโครงสร้างเหล่านี้”

ส่วนเรื่องความสามารถในการแข่งขันค่าไฟฟ้า ไทยจะแข่งขันได้จะต้องมีต้นทุนราคาพลังงานที่แข่งขันได้ ซึ่งเราเรียกว่า Competitive Energy ซึ่งเรามุ่งมั่นจะทำเรื่องค่าไฟให้ได้มาตรฐาน มีราคาที่แข่งขันได้ ประเทศไทยมีจุดอ่อนคือไม่มีแหล่งพลังงาน เช่น นิวเคลียร์ หรือถ่านหิน โรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดได้ยากมากในไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เราไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเหล่านั้นได้ แต่ก็มีแผนPDP 2018 ที่จะสร้างโครงสร้างสมดุลใน 20 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายให้มีต้นทุนราคาไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและแข่งขันได้ในอนาคต มีเป้าหมายทำไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าไฟฟ้าภูมิภาคอาเซี่ยน โดยใช้จุดแข็งคือการเป็น Center of Asean และพยายามพัฒนาเรื่องพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีต้นทุนถูกลงในอนาคต

“กระทรวงพลังงานมีงบน้อยมาก 2,100 กว่าล้าน เทียบกับงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน คิดเป็น 0.06% แต่เราจะใช้งบเหล่านี้อย่างมีคุณภาพและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยให้ได้มากที่สุด” นายสนธิรัตน์กล่าว

นายกฯเผยกำลังดูข้อกฎหมายกรณีการเคลื่อนไหวของทักษิณในต่างประเทศ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเผยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาข้อกฎหมายการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เวลา 13.05 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวปลุกระดมนักการเมืองในต่างประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดตามกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เคยเตือนไปแล้ว และเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณากันต่อไป ส่วนการสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆของคนนอก เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมายอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลา มีการบังคับใช้กฎหมายแล้วกลายเป็นว่า ไม่มีความเป็นธรรมกันขึ้นมาอีก ซึ่งเรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด สื่อมวลชนต้องช่วยกันทำความเข้าใจด้วย แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง แตกต่างกันคนละอย่างสองอย่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ เราต้องทำทุกอย่างให้ครบตามขั้นตอนและกระบวนการ อย่างครั้งที่แล้วก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นว่ารัฐบาลไปไล่ล่า ถ้าทุกคนอยู่กันแบบสงบเงียบเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องไปทำอะไรกันต่อเพราะต่างก็มีคดีกันอยู่ทั้งสิ้น

People unity news online : post 16 สิงหาคม 2561 เวลา 10.40 น.

“วิษณุ” ยันรัฐบาลแห่งชาติ ทำไม่ได้ จะยกเว้น รธน.เพื่อทำเรื่องนี้ไม่ได้

People Unity News : 2 มิถุนายน 2566 “วิษณุ” แจงหลังถูกโจมตีกรณีพูดเรื่องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ ตอบเพราะสื่อถาม แต่เวลานำเสนอข่าว สื่อไม่ลงคำถามที่ถาม ยันรัฐบาลแห่งชาติ ทำไม่ได้ จะยกเว้น รธน.เพื่อทำเรื่องนี้ไม่ได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีก่อนหน้านี้ให้ความเห็นหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยประเด็นการถือหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติในการรับรองผู้สมัคร ส.ส. จะส่งผลให้เกิดการเลือกตั้งซ่อมใหม่ในพื้นที่ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. โดยยืนยันว่า เจตนารมณ์ที่สื่อสารในวันนั้น เพราะสื่อมวลชนถาม และเวลาไปออกข่าวก็ไม่ได้เสนอคำถาม เมื่อตนตอบไป มีผู้สื่อข่าวแย้งว่าเป็นไปได้หรือไม่ หากต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ ตนก็ตอบว่าเคยมีเท่านั้นเอง

“ไม่ได้ไปเปรียบเทียบและความเป็นจริงก็เปรียบเทียบไม่ได้ เพราะเป็นคนละกรณี ผมอธิบายตามหลักของกฎหมาย แต่จากนี้คงจะไม่ให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าว เพราะจะไม่เกิดความเป็นธรรมกับพรรคก้าวไกล เนื่องจากพรรคก้าวไกลกำลังเดินไปในทางที่เขาควรจะทำอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าไปทำให้กระบวนการของเขาสะดุด ถ้าพูดมากกว่านี้ไปก็เหมือนกับตั้งใจให้เขาสะดุด เมื่อผมไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่ควรพูดอะไรอีก” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปตามกฎหมายที่จะต้องเป็นอยู่แล้วใช่หรือไม่  นายวิษณุ กล่าวว่า ช่วยไปถามคนอื่นก็แล้วกัน

ส่วนกรณีนายจเด็ด อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจว่าคำนี้มาจากไหน เพราะประเทศไทยไม่เคยมี แต่ต่างประเทศเคยมี

เมื่อถามว่า เวลาบ้านเมืองเกิดปัญหาก็มักจะนึกถึงคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดา เหมือนคนที่เจอเหตุจมน้ำ  ไฟไหม้ เจออะไรก็ต้องคว้า คิดอะไรออกก็คิด จึงไม่แปลกที่จะคิดและเสนอความคิดแบบนี้ออกมา แต่หากสังคมไม่ยอมรับ ก็ควรหยุดคิด รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ทำหรือไม่ ไม่ทราบ ต้องไปถามนายจเด็ด

เมื่อถามว่าหากยกเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ขั้นตอนจะต้องทำอย่างไร นายวิษณุ ตอบว่า ทำไม่ได้  ยกเว้นไม่ได้ รัฐธรรมนูญมีกว่า 200 มาตรา จะยกเว้นได้อย่างไร สมัยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา อดีตนายกรัฐมนตรี เคยยกเว้นคือการยึดอำนาจ

ส่วนบ้านเมืองต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบใดจึงจะมีรัฐบาลแห่งชาติได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ให้ไปถามคนอื่น หากตนตอบจะกลายเป็นไปรับลูก ส.ว.จเด็ด จะกลายเป็นคนหนึ่งเป็นปี่ คนหนึ่งเป็นขลุ่ย ไม่ควรตอบ

เมื่อถามว่า ส.ว.ควรจะโหวตตามเสียงข้างมากหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอไม่ตอบ เพราะท่านเป็น ส.ว.หรือ ส.ส. พรรคจะไปบังคับให้โหวตไม่ได้ ต้องมีอิสระ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าเรื่องอื่นต้องโหวตตามพรรค และมีเรื่องใดบ้างที่ต้องโหวตตามใจ ยกตัวอย่างปี 2562 มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ไม่เป็นอะไร และใครก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ด้วย จะไล่ออกจากพรรค ต้องมีเรื่อง ทุกคนมีความรู้ มีหัวจิตหัวใจ ก็คิดกันเองแล้วกัน

Advertisement

“บิ๊กตู่” กำชับสถานศึกษาระมัดระวังการลงโทษเด็กนักเรียน ไม่ให้ใช้ความรุนแรง

People Unity News : นายกรัฐมนตรีกำชับสถานศึกษาระมัดระวังการลงโทษเด็กนักเรียน การรับน้อง ไม่ให้ใช้ความรุนแรงหรือกลั่นแกล้งโดยเด็ดขาด

วันนี้ (29 ก.ย. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมว่า ขอให้อยู่ภายใต้กฎหมายและไม่ทำลายทรัพย์สินทางราชการ พร้อมกำชับให้หน่วยงานภาครัฐระมัดระวังในการปฏิบัติต่อประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้ประชาชนให้แสดงความคิดเห็น แต่ขอความร่วมมือไม่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อลดแรงกดดันและความรุนแรงในสังคม พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่เผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้ทราบ

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้เกิดการพิจารณาร่วมกันของ 2 สภา ซึ่งต้องติดตามความคิดเห็นของ กมธ. ต่อไป โดยนายกรัฐมนตรียืนยันไม่มีอำนาจในการกำกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสมาชิกรัฐสภาทุกท่านมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น เพียงขอให้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีฝากถึงบุคลากรทางการศึกษารวมทั้งสถาบันการศึกษาทุกระดับ ให้ระมัดระวังการลงโทษเด็กนักเรียน และการรับน้อง ต้องไม่ใช้ความรุนแรงหรือออกกำลังกายอย่างหักโหมโดยเด็ดขาด รวมถึงไม่ให้กลั่นแกล้งกัน (bully) ในสถานศึกษา โดยได้กำชับกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษาต่างๆ ให้ดูแลความเรียบร้อย แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะปัจจุบัน โซเชียลมีเดียช่วยเผยแพร่ข้อมูล ทำให้สื่อสารออกไปอย่างรวดเร็ว อาจนำไปสู่การรวมกลุ่มของผู้ที่ไม่พอใจและเกิดการเรียกร้องได้

Advertising

ครม.อนุมัติยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ช่วงวันหยุดสงกรานต์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 เมษายน 2567 ทำเนียบ – ครม. ยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7, 9 ช่วงวันหยุดสงกรานต์ 11 – 17 เม.ย. 67

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ยกเว้นค่าผ่านทาง ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันพุธที่ 17 เมษายน 2567 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว

ซึ่งรัฐบาลสูญเสียรายได้ค่าผ่านทาง 190 ล้านบาท คาดหวังมีรถวิ่งใช้บริการกว่า 5 ล้านคัน แต่คาดว่าก่อให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจทางอ้อม 285 ล้านบาท และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถและมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง

Advertisement

“เพื่อไทย”จึ้รัฐเร่งเจรจาสหรัฐฯก่อนถูกตัด GSP

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

People Unity News : “เพื่อไทย”จึ้รัฐเร่งเจรจาสหรัฐฯก่อนถูกตัด GSP แนะเตรียมหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบด้านภาษี

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายศราวุธ เพชรพนมพร รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ประเทศพัฒนาแล้วให้กับประเทศกำลังพัฒนาและ ด้อยพัฒนา หรือ GSP กับประเทศไทย

นายศราวุธ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศฯ จะนำเรื่องที่ไทยจะถูกสหรัฐตัดสิทธิ GSP หารือว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าการที่ไทยถูกตัดสิทธิ เพราะโตเร็วเกินไป มีการพัฒนาสูงนั้น เห็นว่าไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ถูกต้อง เพราะหากมองตามข้อเท็จจริง จะพบว่าประเทศที่จะได้รับสิทธิ GSP จะต้องมีรายได้ต่อหัวไม่เกิน 12,476 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งไทยมีรายได้ต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ 7,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี รวมถึงต้องพิจารณาว่าประเทศไทยแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานได้ตรงตามมาตรฐานสากลแล้วหรือไม่ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ยังเหลืออีก 6 เดือนก่อนที่จะถูกตัดสิทธิ รัฐบาลต้องเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ เพราะหลายประเทศที่ถูกตัดสิทธิ GSP ก็เดินหน้าเจรจาสำเร็จมาหลายประเทศแล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบด้านภาษี ทั้งนี้คณะกรรมาธิการการต่างประเทศฯ จะเชิญกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ มาหารือเพื่อหามาตรการเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการที่จะได้รับผลกระทบครั้งนี้

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชน และควรหาทางเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อขอคืนสิทธิ GSP เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลายประเทศก็เคยเจรจากับสหรัฐฯ จนได้รับสิทธิคืน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรตีกิน และเป็นสิทธิอันชอบธรรมของนายกรัฐมนตรีที่จะให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเห็นว่าประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องถูกตัดสิทธิ GSP รัฐบาลไม่ควรปัดความรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับประชาชนและผู้ประกอบการ

เผยนายกฯผลักดัน กม.เพิ่มความคุ้มครองให้ลูกจ้าง 11 เรื่อง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 พฤษภาคม 2567 นายกฯ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ผลักดันกฎหมายเพิ่มความคุ้มครองให้กับลูกจ้าง 11 เรื่อง ส่งเสริมแรงงานให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ครอบคลุมตามกฎหมาย

วันนี้ (5 พฤษภาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นอีกกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มุ่งผลักดันมาตรการ ส่งเสริมแรงงานให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามกฎหมาย ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยในปัจจุบัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้ผลักดันการออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ.2567) ตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 เมษายน 2567 มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการคุ้มครองให้กับลูกจ้างซึ่งทำงานบ้าน 11 เรื่อง ได้แก่ 1. มีเวลาทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน 2. มีเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง 3. มีสิทธิลากิจธุระอันจำเป็น 4. ห้ามลูกจ้างหญิงมีครรภ์ทำงานเวลา 22.00 – 06.00 น. ทำล่วงเวลา หรือวันหยุด 5. ลูกจ้างหญิงลาคลอดได้ 98 วัน 6. ห้ามเลิกจ้างเพราะเหตุมีครรภ์ 7. ให้นายจ้างแจ้งการใช้แรงงานเด็ก 8. ลูกจ้างเด็กมีสิทธิฝึกอบรมโดยได้รับค่าจ้าง 30 วัน 9. ลูกจ้างหญิงได้รับค่าจ้างลาคลอด 45 วัน 10. ห้ามนายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด 11. ลูกจ้างได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

“รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานในทุกภาคส่วน ให้แรงงานทุกกลุ่ม ได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ครอบคลุมและสอดคล้องตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจ รวมทั้ง สนับสนุนให้ กฎ ระเบียบ ช่วยดูแลคุ้มครองแรงงาน อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม ด้วยตระหนักดีว่า แรงงานทุกคนคือกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ” นายชัย กล่าว

Advertisement

“นิพนธ์”ติดตามใช้งบฯแก้ภัยแล้งห้วยแถลงโคราช

People Unity News : “นิพนธ์”รมช.มท.ลงพื้นที่ติดตามการใช้งบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ห้วยแถลงโคราช พร้อมย้ำนโยบายประกันรายได้เกษตรกร

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อตรวจติดตามการใช้งบประมาณเพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา โดยได้สำรวจแหล่งน้ำดิบบริเวณอ่างเก็บน้ำลำฉมวกครอบคลุมในพื้นที่ 3 อำเภอประกอบด้วย ห้วยแถลง จักราช และพิมาย ซึ่งเป็นน้ำต้นทุนเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร

นายนิพนธ์ ได้กล่าวเน้นย้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 โดยขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนได้ใช้น้ำอย่างประหยัดเพราะน้ำต้นทุนมีปริมาณน้อยกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ เพื่อจัดการตามแผนรับมือภัยแล้งตามที่ได้ให้แนวทางไว้ และเยี่ยมให้กำลังใจแก่เกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงนโยบายการประกันรายได้ ข้าว มันสำปะหลัง ยาพารา และปาล์ม ที่ครม.อนุมัติแล้ว ส่วนการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดรัฐบาลจะเร่งรัดดำเนินการในเร็วๆนี้

Verified by ExactMetrics