วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

“ประยุทธ์” สั่งฝ่ายความมั่นคงทำคดีพายิ่งลักษณ์หนีให้รอบคอบตามพยานหลักฐาน

People unity news online : นายกฯกำชับฝ่ายความมั่นคงทำคดีพา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีให้รอบคอบพร้อมกับชี้แจงสังคม ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าปราบทุจริตอย่างจริงจัง ยกกรณีตรวจค้นบ้านอดีต ผอ.พศ. เป็นตัวอย่าง

วันนี้ (23 กันยายน 2560) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัวนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการพร้อมรถยนต์ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการด้วยความรอบคอบตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และชี้แจงให้สังคมได้รับทราบเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

“ส่วนจะเชื่อมโยงหรือขยายผลไปถึงอดีตนายตำรวจระดับสูงหรือบุคคลใดอีกหรือไม่ ก็จะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน โดยรัฐบาลยืนยันถึงความโปร่งใสและไม่เคยเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งขอให้สังคมได้ติดตามตรวจสอบไปพร้อมกันด้วย”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดด้วยว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังและไม่เคยนิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าว โดยแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาชาติ (พศ.) แล้ว แต่หน่วยงานของรัฐก็ยังคงเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากล่าสุดที่มีการบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตผู้บริหารระดับสูงของ พศ. ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี

“นายกฯให้ความสำคัญกับทั้ง 2 เรื่องเป็นอย่างมากโดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและมีความชัดเจนในทุกเรื่อง เพื่อให้สามารถอธิบายแก่สังคมให้เกิดความกระจ่างได้ พร้อมกับเน้นย้ำว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ โดยหากพี่น้องประชาชนมีข้อมูลเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ไม่เฉพาะแต่ 2 เรื่องดังกล่าวข้างต้น ขอให้ส่งข้อมูลไปยังผู้ที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนและเด็ดขาดต่อไป”

People unity news online : post 23 กันยายน 2560 เวลา 23.20 น.

เผยกำหนดการนายกฯนำ ครม.ลงพื้นที่สุพรรณ-อยุธยา ประชุม ครม.สัญจร

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเตรียมนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ภาคกลาง และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีกำหนดประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 19 กันยายน 2560 พร้อมลงพื้นที่ทั้งจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพบปะประชาชนและติดตามผลการดำเนินงานของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดต่างๆในพื้นที่ภาคกลาง

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานี้ คณะรัฐมนตรีมีวาระพิจารณาแผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์และทิศทางการพัฒนาภาคกลาง เพื่อเร่งรัดโครงการต่างๆให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในรอบเวลาที่กำหนดคือ พัฒนาภาคกลางสู่มหานครทันสมัยและเป็นฐานการเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เส้นทางขนส่งสองฝั่งทะเล โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาประกอบไปด้วย

1.พัฒนากรุงเทพฯ เป็นมหานครทันสมัยระดับโลกควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเมือง

2.พัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและสร้างความเชื่อมโยงเพื่อกระจายการท่องเที่ยวทั่วทั้งภาค

3.ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมโดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

4.บริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และคงความสมดุลของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

5.เปิดประตูการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย – ภาคกลาง – ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

และ 6.พัฒนาความเชื่อมโยงเศรษฐกิจและสังคมกับทุกภาคเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ติดตามประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และทิศทางการพัฒนาของภาคกลาง พร้อมทั้งโครงการตามแผนบูรณาการการส่งเสริมความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) โดยเฉพาะโครงการสำคัญขนาดใหญ่ในพื้นที่ด้วย

สำหรับประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำหนดการดังนี้

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2560 เวลาประมาณ 07.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางจากสนาม ฮ. พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท ไปยังจุดจอด ฮ. ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปสักการะหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลย์วรวิหาร และพบปะประชาชน พร้อมตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังโรงเรียนเกษตรกรชาวนา สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง เพื่อเยี่ยมชมผลการดำเนินงานของโรงเรียนเกษตรกรชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี ข้าวนาแปลงใหญ่ ศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร และโครงการ 9101 โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับนักเรียนชาวนาและชาวสุพรรณบุรี ณ โรงเรียนเกษตรชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี

ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเดินทางโดย ฮ. จากศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ไปยังจุดจอด ฮ. สำนักงานเทศบาลตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเดินทางต่อไปยังหมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา เพื่อตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการทุ่งรับน้ำ “โครงการเปิดน้ำเข้านา – ปล่อยปลาเข้าทุ่ง” และเปิดประตูระบายน้ำบ้านแพนเข้านา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปโครงการทำนาเหลื่อมปีและโครงการขุดดินแลกน้ำ และพบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับ จากนั้นเวลาประมาณ 16.30 น. ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคกลาง ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อมอบนโยบาย รับฟังการนำเสนอทิศทางการพัฒนาภาคกลาง และรับฟังโครงการสำคัญที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์

วันอังคารที่ 19 กันยายน 2560 เวลาประมาณ 07.00 น. นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และชาวอยุธยาร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป ณ บริเวณหน้าวัดมหาธาตุ พร้อมเยี่ยมชมตลาดกรุงศรี และนั่งรถรางเยี่ยมชมมรดกโลก (กิจกรรมเผยแพร่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว) ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากนั้น เวลา 09.00 น. โดยประมาณ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2560 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา

ช่วงบ่ายเวลาประมาณ 13.30 น. ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบปะประชาชน ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา และเวลาประมาณ 17.10 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร จากจุดจอด ฮ. สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปยังสนาม ฮ. พล. ม  2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

People unity news online : post 15 กันยายน 2560 เวลา 22.30 น.

กลุ่ม “เบญจรงคกุล” และสมาคมการค้าไทย-จีน มอบเงินบริจาคแก่นายกรัฐมนตรี

People unity news online : เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2560 เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี รับมอบเงินบริจาคจาก นายวิชัย เบญจรงคกุล ประธานบริหารบริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด พร้อม นางจุฑามาศ เบญจรงคกุล จำนวน 2,000,000 บาท และ นาย Zhuang jia ประธานสมาคมการค้าไทย-จีน และคณะ จำนวน 1,500,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 3,500,000 บาท เพื่อสบทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัยต่อไป

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนเงินช่วยเหลือฯได้มีการนำเงินบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในด้านต่างๆ ได้แก่ ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต 37 ราย ค่าประกอบอาหารเลี้ยง และถุงยังชีพ ปัจจุบันกองทุนฯมียอดเงินคงเหลือจำนวน 705,854,795.98 บาท

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมประธานบริหารบริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด รวมทั้งประธานสมาคมการค้าไทย-จีน และคณะ ที่ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบสาธารณภัยต่างๆ ทั้งนี้ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ในที่ใดของประเทศหรือต่างประเทศ และคนต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยไม่ว่าจะเชื้อชาติใด รวมถึงคนจีนก็ล้วนแสดงน้ำใจช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆในประเทศไทยอยู่เสมอ รวมทั้งการร่วมบริจาคเงินสบทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ด้วย ซึ่งประเทศไทยและจีนถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาโดยตลอด พร้อมกล่าวว่าจะนำเงินที่ได้รับบริจาคดังกล่าวไปบริหารจัดการและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยและให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดอย่างแท้จริง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลได้ดูแลประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงตามศักยภาพของแต่ละกลุ่ม ทั้งภาคธุรกิจ เอกชน ภาคประชาชน SMEs รวมถึงประชาชนในระดับฐานราก โดยขอให้ทุกคนได้นึกถึงและสร้างโอกาสให้กับคนที่มีรายได้น้อยหรือคนระดับฐานรากได้มีโอกาสเติบโตอย่างเข้มแข็ง ให้สามารถมีอาชีพ รายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ในส่วนของรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมถึงมิตรประเทศต่างๆ เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนประชาคมโลก และประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งขอให้ทุกคนได้น้อมนำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

People unity news online : post 14 กันยายน 2560 เวลา 22.30 น.

นายกฯแจกหนังสือ “The SPEED of Trust” ให้ ครม.ปลุกกำลังใจทำงาน

People unity news online : ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 เวลา 16.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า วันนี้ตนได้แจกหนังสือ 1 เล่มให้ ครม.ไปอ่านกันชื่อว่า The SPEED of Trust เป็นหนังสือเกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจ คนเขียนเป็นคนมีชื่อเสียงของโลกเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ กระบวนการปรับทัศนคติที่จะทำให้คนมีกำลังใจในการทำงาน มีการสร้างการปลุกจิตสำนึกให้กับตัวเองและองค์กร ซึ่งตนพยายามจะขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้มาตลอดรวมถึงตัวเองด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมก็ศึกษาอ่านและทำความเข้าใจ อะไรที่ผมต้องปรับแก้กับตัวเองได้ เช่น อารมณ์ร้อน พูดจาไม่เพราะ ผมก็พยายามปรับของผมไปเรื่อย แต่ท่านก็ต้องเห็นใจผมด้วยเพราะผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม อาจจะไม่ค่อยน่ารักเท่าไร แต่ผมก็ทำงานเต็มที่ เกิน 100 เปอร์เซ็นต์ของผม”

People unity news online : post 14 กันยายน 2560 เวลา 22.00 น.

เลขา สมช.เผยความรุนแรงภาคใต้ลดลง-เตรียมเสนอซ่อมกล้อง CCTV ทั่ว 3 จว.ชายแดนใต้

People unity news online : เมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม 2560) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (เดิม) ชั้น 2 อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ครั้งที่ 2/2560 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พลเอก ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในส่วนกลาง และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลทั้ง 13 คน ในฐานะกรรมการ คปต. เข้าร่วมประชุมด้วย

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต่อที่ประชุม คปต. ว่า การใช้เครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อมุ่งป้องกัน และขจัดเงื่อนไขภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องเร่งจัดระบบให้มีกรอบการจัดหา และการบำรุงรักษาให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเหล่าทัพและ กอ.รมน. เร่งจัดทำและปรับปรุงแผนงานที่เกี่ยวข้องให้สมบูรณ์ ทันสมัย เพื่อนำเสนอ คปต. พิจารณาต่อไป

ขณะที่การใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความก้าวหน้าไปเป็นลำดับ โดยมอบหมายให้ กอ.รมน. และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดทำรายละเอียดของแผนการซ่อมบำรุงกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ และพิจารณาจัดทำแผน/ โครงการที่สำคัญเร่งด่วน โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนฯ เพื่อนำเสนอ คปต. พิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป

ส่วนแผนการเสริมสร้างกองกำลังประจำถิ่นและกำลังประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2560 – 2564 ซึ่ง กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองอย่างมีประสิทธิภาพ นั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ สมช. ไปพิจารณาทบทวนแผนงานโครงการที่หน่วยดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์สอดคล้องกับแผนดังกล่าว รวมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบริเริ่มจัดทำแผนงานโครงการใหม่ๆภายใต้แผนงานฯดังกล่าว ทั้งนี้ งานเสริมสร้างกองกำลังประจำถิ่นและกำลังประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ รวมถึงการจัดกำลังทหารพรานเป็นกำลังรับผิดชอบหลักในพื้นที่เสริมสร้างความมั่นคงและพื้นที่เศรษฐกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ตลอดจนให้จัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และดูแลพื้นที่ภายในให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลเอก ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุม คปต. ได้รับทราบเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรอบ 9 เดือน ที่ผ่านมา สรุปว่า เหตุการณ์รุนแรงลดลงมาโดยลำดับ เมื่อเทียบกับห้วงเดียวกันในปีที่แล้ว รวมทั้ง ได้มีวาระติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติ คปต. หรือข้อสั่งการประธาน คปต. ได้แก่ การพัฒนาระบบประสานงานด้านการข่าว มาตรการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยพื้นที่โครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” และการใช้ประโยชน์จากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เร่งรัดซ่อมบำรุงกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ชำรุดให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกรอบแผนซ่อมบำรุงกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เสนอ โดยแผนซ่อมบำรุงกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ดังกล่าวเป็นแผนซ่อมบำรุงที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเฝ้าระวังป้องการก่อเหตุร้ายเชิงรุกก่อนที่จะมีการก่อเหตุขึ้น

อีกทั้ง ที่ประชุม คปต.ได้เห็นชอบร่างแผนการเสริมสร้างกองกำลังประจำถิ่นและกำลังประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2560 – 2564 ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ซึ่งเป็นกรอบแผนดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักระดับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น รวมทั้งได้เห็นชอบการขออนุมัติกรอบอัตรากำลังพนักงานมหาวิทยาลัยในพื้นที่เพิ่มเติมของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และเห็นชอบโครงการสานฝันกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนในพื้นที่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างยั่งยืน

People unity news online : post 3 สิงหาคม 2560 เวลา 22.30 น.

นายกฯเผยต้องการให้เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจริงๆ

People unity news online : 28 มิถุนายน 2560 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 85 ว่า วันนี้นอกจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีปีที่ 85 แล้ว และยังเป็น 85 ปีของประชาธิปไตยไทย ถึงแม้จะมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศบ้าง แต่ก็ยังเป็นประชาธิปไตย เพราะใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นหลักประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ในช่วงพิเศษนี้ ยังมีกระทรวง ทบวง กรมเหมือนเดิม และถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆที่ลุ่มๆดอนๆมาตลอด

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า “ผมอยากให้วันที่ 24 มิถุนายน วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย เป็นการเริ่มต้นประชาธิปไตยที่เป็นธรรมาภิบาลได้หรือไม่ เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ก็ต้องสร้างกันตั้งแต่วันนี้ ให้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี้คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ไทยที่จะนำไปสู่การมีธรรมาภิบาลจริงๆ สื่อต้องช่วยด้วย”

People unity news online : post 29 มิถุนายน 2560 เวลา 09.19 น.

นายกฯเผยตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ประชาชน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

People unity news online : 27 มิถุนายน 2560 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลักการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล สนับสนุนการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ว่า เรื่องที่รัฐบาลจะไปตั้งพรรคการเมือง ตนยังคิดไม่ถึงขั้นนั้น คิดเเต่ว่าวันนี้เราจะแก้ไขบริหารราชการเเผ่นดินอย่างไร ในขณะที่มีรัฐธรรมนูญออกมาเเล้ว เเละกำลังจัดทำกฎหมายลูก ซึ่งหลายอย่างจะมุ่งเน้นการเมืองไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกลุ่มเเม่น้ำ 5 สายที่จะช่วยกันทำออกมา องค์กรอิสระต่างๆอีกมากมาย รวมถึงการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่จะทำให้เราได้รัฐบาลใหม่ที่มีธรรมาภิบาล ซึ่งต้องไปด้วยกฎหมาย

“อย่ามากังวลว่าตัวผมจะอยู่หรือไม่ อย่างไร จะตั้งพรรคเองหรือเปล่า วันนี้ผมยังไม่คิดตรงจุดนี้ ขอให้ผ่านไปก่อน สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดเองว่าจะทำอย่างไรในอนาคต เราต้องคาดหวังสิ่งที่ดี สิ่งที่ทำได้ในอนาคต ทำได้สำเร็จ อย่าไปคิดว่าต้องไปทำโน่นทำนี่เวลานี้ สมาธิจะเสีย วันหน้าก็อยู่ที่ประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับกรณีผลสำรวจที่ออกมานั้น ตนขอขอบคุณผู้สนับสนุน เเละขอบคุณผู้ไม่สนับสนุนด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการรับฟังความคิดเห็นสองทาง ส่วนกรณีการลาออกของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถห้ามได้ มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ลาออกเพื่อไปสมัครพรรคการเมือง และขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกล่าวยืนยันว่าไม่กระทบต่อโรดแมปของรัฐบาล

People unity news online : post 28 มิถุนายน 2560 เวลา 09.16 น.

นายกฯกำชับข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐซื่อสัตย์สุจริต อย่าทำเพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ

People unity news online : วันที่ 11 มิถุนายน 2560 พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยให้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความพยายามของรัฐบาลทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อันดับความโปร่งใสของไทยจากการประเมินขององค์กรต่างๆดีขึ้น เช่น World Justice Project (WJP) International Country Risk Guide (ICRG) รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ IMD เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็วๆนี้

“คะแนนการประเมินของแต่ละองค์กรมาจากทั้งสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการและมุมมองของคนทั่วไปโดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จ เช่น การออกกฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต การลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด การป้องกันไม่ให้มีการให้หรือรับสินบน การลงนามสัญญาคุณธรรมในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นต้น

ท่านนายกฯได้เน้นย้ำว่า ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ไม่ปล่อยให้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม โดยยกตัวอย่างกรณีของ ผวจ.กาฬสินธุ์ และข้าราชการในจังหวัดที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนการทุจริตเรียกเงินช่วยเหลือการสอบวินัยของผู้บริหารท้องถิ่น และได้วางแผนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในขณะที่กำลังรับเงินจากผู้เสียหายบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อส่งตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า สังคมมีความคาดหวังอย่างมากว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ และจะต้องแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นเหตุ ด้วยข้อเท็จจริง อย่างมีคุณธรรม

“ท่านนายกฯอยากเห็นคนไทยปรับความคิดใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเอง เช่น ต้องรู้จักแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง ไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ชุมชนแข็งแรง ประเทศชาติก็จะดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอความหวังจากนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว”

People unity news online : post 12 มิถุนายน 2560 เวลา 03.16 น.

 

กลาโหมเผยผลรับฟังความเห็นทุกภาคส่วนทั้งประเทศต่อการสร้างสามัคคีปรองดอง

พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์

People unity news online : เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2560 พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าของกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง ว่า ข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จากกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้ถูกรวบรวมและสังเคราะห์ตามหลักวิชาการ ร่วมกับผลการศึกษาด้านการสร้างความสามัคคีปรองดอง นำมาสู่การจัดทำ “เอกสารความเห็นร่วม” ก่อนที่จะจัดทำร่าง “สัญญาประชาคม”

สำหรับข้อมูลจาก “เอกสารความเห็นร่วม” ซึ่งรวบรวมความเห็น ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศ จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในภาพรวมสะท้อนถึงความตื่นตัวและความสนใจในประเด็นการเมืองและการปรับเปลี่ยนทางการเมืองมากที่สุด

โดยส่วนกลาง ประชาชนให้ความสนใจด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ  ด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข รวมทั้งด้านสื่อมวลชนและการป้องกันทุจริต ลดหลั่นลงมาตามลำดับ ขณะที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่และกลุ่มการเมืองให้ความสำคัญประเด็นด้านการเมือง ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ความเท่าเทียมของพรรคการเมืองเป็นหลัก

หากจำแนกภาคส่วนต่างๆ มีท่าทีที่แตกต่างกัน โดยภาคเศรษฐกิจ ต้องการรักษาผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของตนเองเป็นสำคัญ ภาคประชาสังคมให้ความสำคัญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในทุกๆด้าน รวมทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ ในขณะที่องค์กรสื่อมวลชนมุ่งเน้นสิทธิเสรีภาพของตนเองและต้องการให้สื่อดูแลกันเองโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงาน

ในส่วนภูมิภาค ประชาชนมีความสนใจด้านการเมืองมากที่สุดและให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ สังคมการศึกษา สาธารณสุข ด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมตามลำดับ โดยพื้นที่ภาคกลาง มีความสนใจด้านการเมือง มากกว่าด้านอื่นๆอย่างชัดเจน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ความสนใจด้านการเมือง การบุกรุกพื้นที่ป่าและด้านสังคม ส่วนพื้นที่ภาคเหนือให้ความสนใจด้านการเมืองและต้องการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม สำหรับพื้นที่ภาคใต้มีความสนใจด้านความเหลื่อมล้ำในการครอบครองที่ดินและการบริหารจัดการน้ำ

หากจำแนกลักษณะของผู้ให้ความคิดเห็นตามกลุ่มต่างๆ สามารถระบุท่าทีที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มการเมืองจะมุ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเป็นธรรม ขณะที่กลุ่มนักวิชาการ นักศึกษาและสื่อมวลชนจะเน้นถึงกติกาทางการเมือง แนวทางการนำไปสู่การลดความขัดแย้ง ปัญหาคอร์รัปชั่น และความจริงใจของภาครัฐในการแก้ปัญหาต่างๆ กลุ่มข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีความสนใจในการแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น เช่น การเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มนายทุนต่อราคาพืชผลทางการเกษตร และการเมืองระดับท้องถิ่น ในขณะที่กลุ่มผู้นำชุมชนและชาวบ้าน สนใจเพิ่มเติมในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและที่ดินทำกินในท้องถิ่นเป็นสำคัญ

พล.ต.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสะท้อนความคิดเห็นผ่านผู้แทนองค์กรภาคส่วนต่างๆ จากเวทีการรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศในกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองที่ผ่านมา  ถือเป็นข้อมูลที่บริสุทธิ์ซึ่งผ่านการสังเคราะห์ทางวิชาการครั้งใหญ่ ที่แสดงถึงความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ปัญหาที่มีในแต่ละพื้นที่และความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วน รวมทั้งการมองอนาคตที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบ สันติสุข  ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญยิ่งของสังคมที่ประชาชนทุกคนจะได้ร่วมเรียนรู้และทำความเข้าใจไปด้วยกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนคลี่คลายปัญหาของสังคมครั้งใหญ่ สู่เป้าหมายร่วมคือ “การปฏิรูปประเทศ”

People unity news online : post 5 มิถุนายน 2560 เวลา 12.26 น.

“ลุงตู่” ระบาย “วันนี้ไม่ใช่ทำงาน 100% เเต่ทำงาน 200%”

People unity news online : 16 พฤษภาคม 2560 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้ตนไม่ใช่ทำงาน 100 เปอร์เซนต์ เเต่ทำงานเต็ม 200 เปอร์เซนต์ เพราะต้องกำกับดูเเล ติดตามนโยบายทั้งหมด ตามรูปแบบของตน ขอถามคนที่จะเข้ามาทำงานในวันข้างหน้าว่าจะทำอย่างไร จะปรับสิ่งที่ผิดพลาดจากครั้งที่เเล้วอย่างไร

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เอาคำถามที่จะถามว่าผมยังทำไม่เสร็จ ไม่มีผลงานบ้างล่ะ ไปถามเขาสิว่าที่ผ่านมาเขามีผลงานอะไร ผลงานนั้นถูกต้องเท่าเทียมจริงหรือเปล่า ทำไมยังเหลือให้ผมทำอีกเยอะเเยะ เเล้วมาบอกว่าทำไม่เสร็จ เเล้วที่ทำมา 30 ปี กี่สิบปีกันมากี่รัฐบาล ก็เลยต้องมียุทธศาสตร์ชาติไงล่ะ ต้องทำต่อไป 20-30 ปี นโยบายรัฐบาลที่ทำดีเเล้วก็ทำต่อ ผมไม่ได้ไปล้มทั้งหมด เเต่ต่อไปจะล้มหรือเปล่าไม่รู้ ทำให้มันดีขึ้น เเกะมันออกมา เเต่จะดีขึ้นทันใจไม่ได้ ต้องใช้การทำงาน การมีส่วนร่วม หลายอย่างต้องไปดู อะไรที่ไม่ก้าวหน้าก็บอกมา ผมจะไปตามให้ มีรัฐบาลไหนฟังเเบบนี้บ้าง”

ส่วนผลการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงครบรอบ 3 ปี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนตัวไม่พอใจเพราะทำงานให้เสร็จตามเวลาไม่ได้ แต่ได้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตราบเท่าที่มีงบประมาณและเวลาให้ทำ ส่วนใครจะทำต่อก็เป็นเรื่องของวันข้างหน้า และต้องการให้ทุกอย่างต่อเนื่องในวันข้างหน้า ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจ และไม่พอใจกล่าวหาว่ารัฐบาลจะสืบทอดอำนาจ แต่ผมจะสืบทอดปัญหาที่แก้ไขไม่เสร็จให้รัฐบาลชุดต่อไปทำงานแก้ไขปัญหาเพื่อประเทศชาติ

People unity news online : post 16 พฤษภาคม 2560 เวลา 22.43 น.

Verified by ExactMetrics