วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

มท. จ่อชง ครม.ไฟเขียว พ.ร.ก.เว้นความผิดอาญาผู้นำส่งปืนเถื่อนให้ทางการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 กุมภาพันธ์ 2567 โฆษกมหาดไทย เผยความคืบหน้า พ.ร.ก.เว้นความผิดอาญาผู้นำส่งปืนเถื่อนให้ทางการ มท.1 ลงนามแล้ว พร้อมส่ง ครม.ไฟเขียว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามข้อสั่งการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดมาตรการให้ผู้ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนมาส่งมอบให้แก่ทางราชการ พร้อมกำหนดยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่บุคคลนั้นด้วย เพื่อให้เป็นมาตรการลดจำนวนปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนผิดกฎหมายที่มีผู้ใช้ในการก่ออาชญากรรมและความรุนแรงในสังคม

ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยได้ยกร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต หรือสิ่งเทียมอาวุธมามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ…. พร้อมกับยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งมอบ การรับมอบ การเก็บรักษา และการทำลายอาวุธปืนที่ได้มีการนำมาคืนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามในร่าง พ.ร.ก. และร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำบรรจุเป็นวาระเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อมีผลบังคับต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้มีมาตรการทางกฎหมายดังกล่าว เนื่องด้วยปัจจุบันได้เกิดกรณีการประทุษร้ายทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ปรากฏขึ้นจำนวนมาก ซึ่งสถิติปี 2559-2566 พบว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุอาชญากรรมนั้น ร้อยละ 83 เป็นอาวุธปืนผิดกฎหมาย ขณะที่สิ่งเทียมอาวุธปืนซึ่งดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น จากการลักลอบทำ ดัดแปลง สั่ง นำเข้า ค้า ทั้งช่องทางปกติและช่องทางออนไลน์ ซึ่งเพียงการจับกุมปราบปรามไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด จำเป็นต้องมีหลายมาตรการควบคู่กัน เพื่อเร่งลดผลกระทบต่อทางสังคมจากปัญหาอาวุธปืน ทั้งทางด้านความเชื่อมั่น ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุน

“การควบคุมอาวุธปืนและสิ่งเทียมอาวุธปืนให้มีจำนวนลดน้อยลง ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศและความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งการออก พ.ร.ก.ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน หรือสิ่งเทียมอาวุธที่ไม่ได้รับอนุญาตมาส่งมอบให้ทางราชการในเวลาที่กำหนด พร้อมกำหนดเกณฑ์การส่งมอบ การเก็บรักษา การทำลายอาวุธปืนดังกล่าว จะเป็นมาตรการที่จะช่วยให้มีการลดจำนวนอาวุธปืนในระบบลงได้ในเวลาอันสั้น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertisement

“ธรรมนัส” สั่งเด็ดขาด ตรวจการออก ส.ป.ก.4-01 มิชอบทั่วประเทศ สั่งประชุม ส.ป.ก.ทั่ว ปท. 27 ก.พ.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 กุมภาพันธ์ 2567 รมว.เกษตรฯ กำชับเข้มให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณรอยต่อกับป่าอนุรักษ์ หากพบการจัดสรรที่ดินโดยมิชอบ จะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยจะประชุมมอบนโยบายปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ 27 ก.พ.นี้

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี จะประชุมปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินการบริเวณเขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้การบริหารจัดการพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เหมาะสมตามหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และบริบทความจริงของสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ ได้ลงนามคำสั่งด่วนถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ตลอดจนสั่งการให้เร่งตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณพื้นที่ตามแนวเขตปฏิรูปที่ดินที่ติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวเขตกับที่ดินของรัฐทุกประเภท ทั้งในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานอื่นๆ ว่ามีกรณีจัดที่ดินโดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด หากพบว่าการจัดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องโดยเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า พื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ส.ป.ก. จะไม่จัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกิน แต่จะกันไว้จัดทำ “ป่าชุมชน” ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ ควบคู่กับการรักษาและเพิ่มพื้นที่ป่า

นอกจากนี้ยังเตรียมสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร หรือที่ดินว่างเปล่า เพื่อรองรับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยให้จัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มเหล่านี้ตามระเบียบ ส.ป.ก. ต่อไป พร้อมเน้นย้ำให้ยึดถือตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

Advertisement

นายกฯ ยินดี “อุ๊งอิ๊ง” ได้รับเชิญเยือนกัมพูชา มั่นใจไม่มีอะไรเสียหาย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ยินดี “สมเด็จฮุน เซน” ส่งเทียบเชิญ “อุ๊งอิ๊ง” เยือนกัมพูชา เชื่อสัมพันธ์สองประเทศดีขึ้น มั่นใจไม่มีอะไรเสียหาย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ ว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศเป็นไปได้อย่างเดียวคือดีขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าแขกคนสำคัญที่มาเยี่ยมนายทักษิณ คือ สมเด็จฮุน เซน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ ทั้งระดับผู้นำและประชาชน เชื่อว่าไม่มีอะไรเสียหายแน่นอน และตนให้การสนับสนุนและยินดีด้วย

Advertisement

เผยรถประจำตำแหน่งนายกฯ “คันใหม่”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 กุมภาพันธ์ 2567 ทำเนียบฯ เช่ารถประจำตำแหน่งนายกฯ “คันใหม่” มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท เป็นรถคู่แฝดกับรถยนต์ Lexus คันหรูที่ลูกสาวซื้อให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา การเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คัน โดยวิธีคัดเลือกจากผู้ประกอบการ 4 ราย ซึ่งบริษัทไทยเร้นอะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันและไม่เป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และได้ยื่นเอกสารการเสนอราคาครบถ้วน ถูกต้อง มีคุณสมบัติและข้อเสนอทางด้านเทคนิคครบถ้วน ถูกต้อง ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือเชิญชวนเข้ายื่นข้อเสนอและเอกสารการยื่นข้อเสนอโดยวิธีคัดเลือก และรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุ โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 7,644,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้ด้วยแล้ว

ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.67) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริษัทได้จัดส่งรถยนต์ All NEW Lexus LM 350h Executive 4-Seater สีเงิน Sonic Titanium ป้ายทะเบียน “สร 30 กรุงเทพมหานคร” ถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าบุตรสาวซื้อให้และนำมาใช้ช่วงเริ่มรับตำแหน่ง

จากนั้นเวลา 12.20 น. วันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประเดิมใช้รถคันนี้ เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ตัวย่อ “สร” ย่อ มาจาก สำนักนายกรัฐมนตรี และ สร.1 คือ นามเรียกขาน “นายกรัฐมนตรี” ส่วนเลข 30 คือลำดับของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในความหมายเลขทะเบียนนี้ จึงอาจหมายถึง นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

Advertisement

“เศรษฐา” เข้าพบ “ทักษิณ” บ้านจันทร์ส่องหล้า

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ เศรษฐา โบกมือทักทายสื่อหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ก่อนเข้าพบ “ทักษิณ” เยี่ยมอาการป่วยและร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

บรรยากาศบ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการพักโทษเป็นวันที่ 7 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา สื่อมวลชนมารอเกาะติดสถานการณ์หลังมีกระแสข่าวจะมีบุคคลสำคัญเข้าพบนายทักษิณ

จนเมื่อเวลา 11.47 น. พบว่ามีรถ Mercedes Benz​ รุ่น​ s 580 e ป้ายแดง​หมายเลขทะเบียน ร​ 3355 กรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าภายในบ้านบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ใช้เดินทางมาเมื่อวันก่อน​ ซึ่งมีรายงานว่าเป็นรถของคนภายในบ้าน

จากนั้นเวลา​ 12.20 น. นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นั่งรถหมายเลขทะเบียน​ป้ายแดง All NEW Lexus LM 350h Executive 4-Seater สีเงิน Sonic Titanium ป้ายทะเบียน “สร 30 กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งที่ทำเนียบรัฐบาลกองยานพาหนะจัดหา และเพิ่งส่งมอบให้ยังทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ พร้อมกับลดกระจกลง ทักทายสื่อมวลชนบริเวณหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า

Advertisement

นายกฯ ขอคนไทยเชื่อมั่นในศักยภาพประเทศ แม้จะเชื่อมั่นรัฐบาลหรือนายกฯ หรือไม่ก็ตาม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ: ก้าวใหม่ประเทศไทย” ขอ ปชช.เชื่อมั่นศักยภาพของประเทศ ย้ำรัฐบาลจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง นำเงินสู่ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาทุกมิติ – หวังทุกฝ่ายพาประเทศไทยก้าวใหม่สู่อนาคต

วานนี้ (23 ก.พ.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานครบรอบ “44 ปี ฐานเศรษฐกิจ” ในหัวข้อ ”Thailand New Era : ก้าวใหม่ประเทศไทย” โดยขอให้ประชาชน ไม่ว่าจะเชื่อมั่นใจรัฐบาล หรือตนหรือไม่ แต่ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยย้ำว่า รัฐบาลจะเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง นำเงินมาสู่ประชาชน ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน และเสริมสร้างศักยภาพด้านจิตใจของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยจะอยู่กับวังวนความขัดแย้ง จนมาบดบังแสงสว่างของประเทศ จนประเทศตกต่ำไม่ได้ ซึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพจิตใจของประชาชนนั้น รัฐบาลได้ส่งเสริมสิทธิต่าง ๆ ที่ประชาชนพึงจะได้เป็นก้าวใหม่ประเทศไทย ผ่านการเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อให้ประชาชนทุกเพศ สามารถอยูในประเทศนี้ได้อย่างเท่าเทียม และรัฐบาลจะยังคงเดินหน้าให้เสรีภาพในเพศสภาพแก่ประชาชน และจะส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ไม่มีอาชีพใดที่ต้องถูกด้อยค่า รวมถึงการสมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรคร่วมรัฐบาล จึงได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพถึงปัญหาดังกล่าว เพราะต้องให้สิทธิประชาชนเลือก และให้สิทธิแก่กองทัพ เพิ่มบุคลากรในแขนงที่มีความจำเป็น รวมถึงสิทธิอากาศสะอาด ที่ขณะนี้ ฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ สามารถลดปริมาณไปได้มาก จากการทำงานร่วมกันของหน่วยงานรัฐ และประชาชนให้ความสำคัญ จนทำให้ฝุ่นละอองลดลงไป แม้จะมีอยู่บ้าง แต่ก็จะต้องมีการบริหารจัดการในพื้นที่ที่มีปัญหาให้มากกว่านี้ พร้อมยืนยันว่า หากประเทศเพื่อนบ้านใด เผาซากวัชพืชเกษตร รัฐบาลจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศนั้นเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ประชาชนกู้เงินนอกระบบ 80,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 4,000 บาท ดังนั้น ประเทศไทยมิติใหม่ หนี้นอกระบบต้องหมดไป และฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่ายอมแพ้ เพราะปัญหาเหล่านี้ บั่นทอนศักยภาพประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐบาลคาดหวังให้ประชาชนมีที่ดินทำกินที่ถูกต้อง สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ หลักประกันเสริมสร้างความคล่องตัวทางการเงินได้ จึงขอให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับที่ดิน ที่ต้องการให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า การท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพ รัฐบาลได้มีการเปิดฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ซึ่งในสัปดาห์หน้า วันที่ 1 มีนาคมนี้ ประชาชนคนไทย สามารถเดินทางไปประเทศจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว และรัฐบาลจะยังคงเดินหน้า เพื่อขอยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ที่แต่ละจังหวัด ที่มีซอฟต์พาวเวอร์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่การเดินทางยังลำบาก ค่าเดินทางบางจังหวัดแพงกว่าการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาต่อไป และรัฐบาลจะพัฒนา และยกระดับสนามบินทั่วประเทศ ให้มีระบบการเข้าออกที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ รวมถึงการแก้ปัญหาในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแก้ปัญหาครบทุกมิติ ให้เป็นโอกาสดึงดูดการท่องเที่ยวระดับสูง และยกระดับสนามบินของประเทศ รวมถึงยังตั้งใจพัฒนาสายการบินไทย ให้กลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไทยที่มีศักดิ์ศรีได้อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า ในต้นเดือนมีนาคมนี้ ตนเองมีกำหนดการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อหารือทวิภาคี ร่วมกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้นำ “ผ้าย้อมคราม” ของภาคอีสาน ไปนำเสนอกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น เพื่อสร้างโอกาสให้กับผ้าครามของภาคอีสานไทย และจังหวัดอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ มีรายได้ และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรว่า ประเทศไทย มีเกษตรกรกว่า 10 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายจะยกระดับรายได้เกษตรกร 3 เท่า ภายใน 4 ปีผ่านนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อให้เกษตรกร มีผลตอบแทนต่อไร่สูงขึ้น รวมถึงการเปิดตลาดเกษตรแห่งใหม่ ๆ ในต่างประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงการปลูกพืชหลากหลาย ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น ถั่วเหลือง, โปรตีนจากพืช หรือ แพลนท์เบส เพื่อให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร และสามารถฉายศักยภาพของประเทศไทยได้ รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ที่ประชาชนมุสลิมมีการเจริญเติบโตทางประชากรมาก และอาหารฮาลาลจะกลายเป็นสินค้าที่สำคัญสำหรับประเทศอาหรับ ซึ่งในสัปดาห์หน้า ตนเองจะลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อดูโอกาสในพื้นที่ และนำโอกาสไปให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นำจุดขายของจังหวัดชายแดนใต้ไปขาย และนำเสนอบนตลาดโลก เช่น ปลานิลน้ำไหล ผังเมืองยะลา ศิลปวัฒนธรรมชายแดนใต้ เพื่อสร้างโอกาส และอนาคตก้าวใหม่ประเทศไทยสู่ชายแดนใต้ เพื่อลดความขัดแย้ง และก่อนหน้านี้ ประเทศไทย ได้หารือกับประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันตั้งศูนย์ฮาลาล เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และแก้ปัญหาความไม่สงบ

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงสาเหตุที่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ดำเนินนโยบายประกันราคา การจำนำ ว่า เนื่องจากรัฐบาล ไม่ต้องการบิดเบือนราคาตลาด เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว จะใช้นโยบายเหล่านี้เมื่อประสบภัยพิบัติ และเกษตรกรต้องการมีเกียรติ และศักดิ์ศรี สามารถขายสินค้าได้ตามกลไกตลาด แต่ประเทศไทยกลับต้องประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ตนจึงลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในจังหวัดที่มีปัญหา เช่น อุบลราชธานี จนสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ตนจะลงพื้นที่อีกทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหา ใส่ใจปัญหา ยกระดับชีวิตประชาชน และเกษตรกรให้ดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ จะแก้ไขลำพังโดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการรวมพลังของภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายความมั่นคง และทุก ๆ ภาคส่วน ช่วยกันนำพาประเทศไทยไปถึงจุดที่จะต้องไปให้ถึงได้ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ ดังนั้น ก้าวใหม่ประเทศไทย จึงถือเป็นหัวข้อการปาฐกถาที่เหมาะสมต่อสถานการณ์เป็นอย่างมากและตนอยากให้ประเทศไทย โลดแล่นไปในโลกอนาคตได้อย่างมีเกียรติ และศักดิ์ศรี และเชื่อว่า ประชาชน ก็อยากเห็นประเทศไทย มีมุมมองความสว่างไสว เหมือนที่ตนอยากจะเห็นเช่นเดียวกัน

Advertisement

นายกฯ ลั่น ไม่ไว้หน้าใคร​ หากพบผู้พิทักษ์​สันติ​ราษฎร์​ เอี่ยวผิด กม.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ยืนยัน​ไม่ไว้หน้าใคร​ หากพบผู้พิทักษ์​สันติ​ราษฎร์​ เอี่ยวผิดกฎหมาย​ ชี้​ไม่เหมาะสม​ หลังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใช้พื้นที่สื่อตอบโต้​กัน บอกต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง​ 2 ฝ่าย​

นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์​ หักพาล​ รองผู้บัญชาการ​ตำรวจ​แห่งชาติ​ แถลงข่าวตอบโต้​ หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา​ 157 และ​มาตรา​ 149 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นการเมือง​ แต่เป็นประเด็นการกระทำผิดกฎหมายที่ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด  รัฐบาลนี้ยึดตามหลักการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมก่อนทั้งสองฝ่าย

ส่วนการที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข้าไปมีส่วนพัวพันเรื่องที่ผิดกฎหมาย​ จะทำให้ความไว้วางใจของประชาชนลดน้อยลงหรือไม่​นั้น นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​อยากให้ดำเนินการพิสูจน์โดยเร็ว หรือยึดกฎหมายเป็นหลัก​ โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆฝ่ายที่ถูกกล่าวโทษด้วย ส่วนจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของตำรวจหรือไม่​ นายเศรษฐา​ ระบุว่า ตนเชื่อว่า​ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คงทราบว่าอะไรควรทำหรือไม่

เมื่อถามย้ำว่าการที่ผู้รักษากฎหมายทำผิดกฎหมาย​เสียเอง นายกรัฐมนตรี​สวนกลับทันทีว่า อย่าเพิ่งพูดว่าเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ส่วนการออกมาใช้พื้นที่ในการตอบโต้ผ่านสื่อฯ เหมาะสมหรือไม่​ นายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า ตนก็ไม่อยากให้ทำ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากมีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น​ ตนก็ไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

Advertisement

กำชับทุกจังหวัดเข้มใช้ กม.แก้ฝุ่น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กุมภาพันธ์ 2567 กระทรวงมหาดไทย  – โฆษก มท. เผย “อนุทิน” สั่งตามความคืบหน้าแก้ฝุ่นทั่วประเทศ กำชับทุกจังหวัดใช้กฎหมายเคร่งครัด ย้ำโทษถึงคุก

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามนโยบายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการเชิงรุก หยุดการเผา ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ล่าสุดผู้นำชุมชนใช้วิธีทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ทำให้การเผาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำว่า นอกจากทำงานเชิงรุกแล้ว ยังต้องมีช่องทางให้ประชาชนแจ้งเบาะแสการเผา และหากพบการเผาให้ใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด  ทั้งนี้ พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2535 การเผาทำให้เกิดเหตุรำคาญ เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท และความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

“นายอนุทินเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และกำลังใช้ทุกองคาพยพในการแก้ปัญหาอย่างสุดความสามารถ เพราะคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสิ่งที่หน่วยงานให้ความสำคัญและใส่ใจ ตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertisement

ประธาน ป.ป.ช. แจงทักท้วงเงินดิจิทัล ทักท้วงตามหน้าที่ ไม่ได้ชี้ว่าจะทุจริต

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 กุมภาพันธ์ 2567 ประธาน ป.ป.ช. แจงทักท้วงเงินดิจิทัลตามหน้าที่ ไม่ใช่ชี้ขาดทุจริต โอ่ลุยสางทุจริตพันเรื่อง หลายเรื่องชนะคดีที่ฟ้องเอง

พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนา ” ศาลรัฐธรรมนูญ​และองค์กรอิสระมีความสำคัญต่อประเทศและประชาชน อย่างไร” ว่า กฎหมายป.ป.ช.ฉบับใหม่ กำหนดระยะเวลาการทำงานในแต่ละภารกิจของป.ป.ช.ไว้ ซึ่งจะมีผลให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น เช่น เรื่องที่ป.ป.ช.มีมติให้ฟ้อง กฎกมายก็กำหนดไว้ว่าต้องส่งไปยังอัยการภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ป.ป.ช.มีมติ และอัยการสูงสุดเห็นว่า สำนวนมีความสมบูณณ์ สามารถฟ้องได้ ก็ต้องมีคำวินิจฉัยและยื่นต่อศาลภายใน 180 วัน แต่หากเห็นว่า สำนวนไม่สมบูรณ์ ควรตั้งกรรมการร่วมระหว่างป.ป.ช.และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการภายใน 90 วัน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่อัยการสูงสุดเห็นไม่สั่งฟ้อง แต่ป.ป.ช.เห็นว่าพยานหลักฐานที่ป.ป.ช.ตรวสอบแน่นหนาจะฟ้องเอง ที่ผ่านมา ยื่นฟ้องต่อศาลเองไปแล้วกว่า 331 เรื่อง โดยมี 70% ที่ศาลลงโทษตามที่ ป.ป.ช.ยื่น

“ที่ผ่านมา ป.ป.ช.เก็บสถิติทั้งเรื่องร้องเรียน เรื่องที่ดำเนินการเสร็จแล้วไว้อย่างละเอียด และติดตามทุกเรื่อง เหมือนวอร์รูมของทหารว่า แต่ละเรื่องไปถึงขึ้นตอนไหน ติดขัดปัญหาตรงไหน โดยช่วงที่ผ่านมาสามารถสะสางคดีค้างเก่าได้มากพอสมควร จนทำให้มั่นใจได้ว่าในปี 2567 จะสามารถพิจารณาเรื่องที่ร้องเรียนมาได้เสร็จพันกว่าเรื่อง ล่าสุดป.ป.ช.ยังได้รับการบรรจุพนักงานสอบสวนอีก 200 อัตรา อยู่ระหว่างการเปิดสอบ หากได้รับกำลังพลเพิ่มเข้ามาจะยิ่งทำให้การทำงานของ ป.ป.ช.รวดเร็วยิ่งขึ้น” ประธานป.ป.ช. กล่าว

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงการจัดทำข้อเสนอแนะมาตรการป้องกันทุจริตตามมาตรา 32 พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.ว่า ที่ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต มีการหาข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เป็นการไปตามมาตรา 32 เพื่อป้องปราม ไม่ได้เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 35 ซึ่งกำหนดว่า หากมีเหตุอันควรสงสัยว่า อาจจะมีการดำเนินการที่นำไปสู่การทุจริต ให้ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และถ้าผลการตรวจสอบพบว่า มีเหตุอันควรต้องระมัดระวัง ป.ป.ช.อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการเท่าที่มีอยู่ มีหนังสือแจ้งหน่วยงานของรัฐดังกล่าวและคณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข เพราะถ้าจะดำเนินการตามมาตรานี้ จะต้องมีข้อสงสัยเรื่องการทุจริต ต้องศึกษาให้มากกว่านี้

Advertisement

นายกฯ ย้ำ บอร์ด Digital Wallet เดินหน้าภายใต้ รธน. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 กุมภาพันธ์ 2567 ทำเนียบ – บอร์ด Digital Wallet เดินหน้าใช้เงิน 5 แสนล้านบาท ภายใต้กฎหมายเกี่ยวข้อง ตั้งอนุกรรมการด้านการตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีปละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 1/2567 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและวางรากฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศในอนาคต เพื่อให้โครงการฯ นี้ ให้สำเร็จ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ 500,000 ล้านบาท

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการฯ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม รวมทั้งรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด

ที่ประชุมไม่ต้องการให้เกิดข้อห่วงกังวลเรื่องความโปร่งใส ในการดำเนินโครงการ คณะกรรมการไม่ต้องการให้มีข้อครหา ในการดำเนินนโยบายนี้ จึงได้มีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายฯ (กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์) เป็นอนุกรรมการร่วมหารือกับฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อตอบข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กระทรวง DES และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA) ศึกษาและดำเนินการตามข้อหารือ และข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางการขยายขอบเขตการพัฒนาระบบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้เพื่อป้องการการทุจริต และยังได้แต่งตั้งอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำอันเข้าข่ายการผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ

ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานฯ ได้รับฟังข้อคิดเห็นของทุกหน่วยงานที่ร่วมการประชุมอย่างทั่วถึง และหลากหลาย โดยทุกส่วนได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างเป็นประโยชน์ ถึงขอบเขตปัญหาทางเศรษฐกิจของประชาชน ข้อห่วงกังวล และการออกแบบมาตรการนี้ ที่ประชุมพร้อมนำไปพิจารณา ประมวลความคิดเห็น เพื่อข้อสรุปนำมาหารือกันอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในช่วงท้ายว่า ตลอดเวลาของการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ใกล้ชิด เข้าถึงประชาชน เห็นแววตา ความลำบากของประชาชน และต้องการให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ต้องการให้โครงการนี้เกิดการทุจริต จึงตั้งใจที่จะควบคุม เพื่อให้เป็นมาตรการที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และประชาชน

Advertisement

Verified by ExactMetrics