วันที่ 8 กันยายน 2024

ตรวจแล้วมีพิรุธ! “พรรณิการ์” ชี้ “มาดามเดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นจริง

People Unity News : ตรวจแล้วมีพิรุธ! “พรรณิการ์” ชี้ “มาดามเดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นจริง – พบยื่นแบบ บมจ.6 เปลี่ยนรายชื่อผู้ถือหุ้นหลังสมัครรับเลือกตั้ง 10 เดือน – ส่งทนายร้อง กกต. ใช้มาตรฐานเดียวกันจัดการ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวถึง กรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แจ้งความเอาผิดฐานใส่ร้าย บิดเบือนกับตนเอง กรณีที่เคยแถลงข่าวระบุเคยถือหุ้นสื่อเครือเนชั่น และมีสามีเป็นผู้บริหารรับดับสูงมาก ซึ่งตอนนี้ศาลรับไต่สวนมูลฟ้องแล้วนั้น โดยระบุว่า ทางทีมงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้พบว่าน.ส.วทันยาเคยถือหุ้นบริษัทในเครือเนชั่นจริง

ดังนั้น ที่บอกว่าตนเองใส่ร้าย จนให้ทนายไปฟ้องและศาลรับไต่สวนมูลฟ้องแล้วนั้น ถามกลับเมื่อข้อเท็จจริงว่าเคยถือหุ้นเครือเนชั่น และคู่สมรสเป็นผู้บริหารระดับสูงมากดังกล่าว การที่กล่าวหาว่าตนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จะเอามูลฟ้องจากไหน และนอกจากนี้ เราได้พบข้อมูลน่าสนใจด้วย เกี่ยวกับการโอนหุ้นสื่อของคุณวทันยา

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การโอนหุ้นเมื่อเสร็จแล้วต้อง แจ้งสำเนาเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อกระทรวงพาณิชย์ ในบริษัททั่วไปอย่างวีลัค เรียก บอจ.5 ส่วนบริษัทมหาชนอย่างเครือเนชั่น เรียก บมจ.6 กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยล่าสุดว่า การแจ้ง บอจ.5 ต่อกระทรวงพาณิชย์ กรณีหุ้นสื่อบริษัทวีลัค ล่าช้า ถือว่ามีข้อพิรุธว่าจะไม่มีการโอนหุ้นก่อนมีการรับสมัครรับเลือกตั้งนั้น เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 หรือหลังการรับสมัครเลือกตั้ง 1 เดือน แต่กรณีการแจ้ง บมจ. 6 คือ สำเนาเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเครือเนชั่นนั้น แจ้งในเดือนกันยายน 2562 คือ 6 เดือน หลังการรับสมัครเลือกตั้ง ซึ่งถ้ากรณีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีคำถามน่าสนสัยว่าทำไมล่าช้า กรณีคุณวทันยายิ่งน่าสงสัยว่า เหตุใดเครือเนชั่นแจ้งล่าช้าถึง 6 เดือน

“ด้วยเหตุนี้ ได้ให้ทนายความไปยื่นข้อร้องเรียนต่อ กกต. เรียบร้อย ให้ใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับคดีคุณธนาธร ในการตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อเอาผิดต่อคุณวทันยา เพราะมีหลักฐานเป็นผู้ขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อ โดยยึดตาม บมจ.6 และยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. รวมถึง ขอให้ กกต.ดำเนินการทางอาญาตามมาตรา 151 ต่อคุณวทันยาด้วย ซึ่งโทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี หรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน และเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธาณะว่า คดีถือหุ้นสื่อ ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ระหว่างนักการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาล รวมถึงเจตนารมย์รัฐธรรมนูญได้รับการตอบสนอง โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายผู้มีอำนาจหรือท้าทายผู้มีอำนาจ” น.ส.วทันยา กล่าว

พิษAI! “สมคิด” เรียกอธิการบดีถกรับมือคนตกงาน 28 ต.ค.นี้

People Unity : ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผย พิษAI! “สมคิด” เรียกอธิการบดีถกรับมือคนตกงาน 28 ต.ค.นี้

วันที่ 25 ต.ค.2562 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมถึงบริษัทเอกชนรายใหญ่มาประชุมเรื่องการผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การตอบโจทย์กำลังคนในวัยทำงานในระบบ รวมถึงคนที่ต้องการจะเปลี่ยนงาน

ทั้งนี้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก ซึ่งเพื่อที่จะหารือร่วมกันถึงการปรับปรุงและพัฒนาทักษะ การเพิ่มทักษะ และการสร้างทักษะใหม่ โดยภาคเอกชนอาจจะมาร่วมจัดทำหลักสูตรในอนาคต เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น ภาคเอกชนอาจจะทำหลักสูตรเอง แต่ให้ อว. เข้าไปส่งเสริมสนับสนุน หรือถ้าภาคเอกชนทำไม่ได้ก็ให้มหาวิทยาลัยเข้าช่วยทำ หรือมหาวิทยาลัยทำหลักสูตรเอง ซึ่งหลักสูตรที่จะทำให้จะทั้งแบบที่มีปริญญากับไม่มีปริญญาก็ได้ ดร.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการสำรวจความต้องการทักษะอาชีพ เพื่อจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้อง โดยเฉพาะหลักสูตรที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องมีปริญญา แต่ต้องพัฒนาไปสู่เกษตร 4.0 ให้ได้ 2. กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปใช้ในกลุ่มคนทำงาน เช่น วิศวกร ช่างฝีมือ เป็นต้น และ 3. กลุ่มภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ โดยในการทำงาน 3 กลุ่มนี้จะให้มหาวิทยาลัยเข้ามาจับคู่กัน เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) จะเน้นเรื่องภาคบริการ และความโดดเด่นของท้องถิ่น ที่จะมายกระดับความสามารถ ด้านภาษา การท่องเที่ยว การเกษตร ส่วนมหา วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)

และอีก 3 พระจอมเกล้าจะเน้นเรื่องของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เป็นต้น ขณะที่มหาวิทยาลัยกลุ่มใหญ่จะเน้นเรื่องการรับมือต่อกระแสดิสรัปชั่น ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาทักษะ การเพิ่มทักษะ และการสร้างทักษะใหม่ อย่างไรก็ตามการดำเนินการทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์การ แก้ปัญหาแรงงานว่างงานในระบบ แรงงานที่ต้องการเปลี่ยนงาน และอาชีพในอนาคต ซึ่งตนได้ประสานกับ 10 บริษัทรายใหญ่ เพื่อให้มาทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาคนใน ยุคดิสรัปชั่นด้วย

มท.ปลดล็อกระเบียบ ให้ อปท.ทั่วประเทศคล่องตัว ช่วย ปชช.

People Unity News : 17 ตุลาคม 2565 มหาดไทยปลดล็อก แก้ไขระเบียบ มท. ว่าด้วยการช่วยเหลือประชาชน ชี้ให้ อปท.ทั่วประเทศ เกิดความคล่องตัว ครอบคลุมและลดผลกระทบโดยเร็วที่สุด

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบจากเสียงสะท้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) ที่เป็นระเบียบเดิม ได้ระบุไว้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ 4 ด้าน คือ 1) ด้านสาธารณภัย 2) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3) ด้านการป้องกันและระงับโรคติดต่อ และ 4) ด้านการช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจากหากเป็นกรณีการช่วยเหลือที่นอกเหนือจาก 4 ด้านดังกล่าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งต้องทำความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มอบอำนาจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ในแต่ละครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีหนังสือทำความตกลงเป็นครั้ง ๆ ไป อันเป็นขั้นตอนที่อาจทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ทันการณ์

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดของระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ดังกล่าว ลดขั้นตอนการปฏิบัติ อันจะทำให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พิจารณายกร่างแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเป็นการเร่งด่วน

“ในขณะนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามประกาศใช้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 ซึ่งได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา โดยระเบียบ ฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพิจารณาช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟู เยียวยา สงเคราะห์ และบรรเทาผลกระทบของประชาชนให้ครอบคลุม รวดเร็ว และลดความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องขอทำความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทั้งไม่ต้องเสนอให้คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา เช่น กรณีฟ้าผ่าทำให้ประชาชนเสียชีวิต กรณีเสียชีวิตเนื่องจากช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติงานหรือช่วยเหลือผู้อื่น กรณีมีเหตุการณ์ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตโดยผู้ประสบภัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และกรณีตั้งศูนย์ช่วยเหลือค้นหาประชาชนที่สูญหาย เป็นต้น โดยในกรณีจำเป็นเร่งด่วนในการช่วยเหลือประชาชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็สามารถพิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ตามความจำเป็น เหมาะสม ไม่เกินอัตราตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานรัฐกำหนด เช่น การนำอัตราตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ของกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือด้านดำรงชีพเป็นค่าอาหาร จัดเลี้ยง 3 มื้อ มื้อละไม่เกิน 50 บาทต่อคน ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บสาหัสเบื้องต้น เป็นเงินจำนวน 4,000 บาท ค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตในอัตราไม่เกินรายละ 29,700 บาท เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือประชาชนอาจช่วยเป็นสิ่งของหรือจ่ายเป็นเงินก็ได้ และกรณีการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาถึงผลกระทบต่อสถานะทางการคลังในการบริหารหรือการจัดการบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 จะช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งสามารถฟื้นฟู เยียวยา สงเคราะห์ และบรรเทาผลกระทบของประชาชนได้คล่องตัว ครอบคลุม และช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากไปได้โดยเร็ว และเมื่อสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ก็ขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน โดยให้ติดประกาศ ณ สำนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานที่กลาง และที่ทำการหมู่บ้าน และชุมชน ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันทวนสอบให้เกิดความถูกต้อง และเกิดความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ

Advertisement

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : 1 มีนาคม 2562 : นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ….” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิทัลหนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยหลักการสำคัญที่ต้องมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญต่างๆใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที กฎหมายนี้จึงมีการกําหนดหน่วยโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII ) ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชน ตลอดจนกําหนดให้มีมาตรฐานและแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ ได้กำหนดไว้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการของรัฐที่สำคัญ เช่น ระบบการเบิกจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น ด้านการเงิน ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และด้านสารธารณสุข ทั้งนี้สามารถเพิ่มด้านอื่นๆได้อีกในอนาคต

“กฎหมายนี้จึงมิได้ส่งผลกระทบและมิได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ ซึ่งกฎหมายได้ระบุประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ (1) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับไม่ร้ายแรง (2) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และ (3) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ”

โดยภัยคุกคามในระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานนั้นๆและหน่วยงานกำกับดูแลต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่วนภัยในระดับร้ายแรงซึ่งทำให้บริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา โดยในการเข้าไปในสถานที่หรือเข้าไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะต้องขอหมายศาล ขณะที่ภัยระดับวิกฤติต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริการที่สำคัญถูกโจมตีจนล่มไม่สามารถให้บริการได้เป็นวงกว้าง หรือมีประชาชนเสียชีวิตและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงให้ใช้อำนาจตามกฎหมายด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนพร้อมกับแจ้งศาลโดยเร็ว

สำหรับความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศต่างๆได้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว และบังคับใช้แก่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในไทยซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนประเทศนั้นๆด้วย จึงต้องกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลในการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นมาตรฐานสากล

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. 2. ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…. 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล)  และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ……

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคามซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

การเมือง : ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น.

“จุรินทร์”สั่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ 3 ข้อ

People Unity News : “จุรินทร์”สั่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ 3 ข้อ เลิกเลือกปฏิบัติ เปลี่ยนหลักคิด และขจัดความรุนแรง เร่งเยียวยา-ชดเชย ผู้ถูกกระทำ

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ครั้งที่ 2/2562 วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ โดยใช้เวลาตลอดครึ่งวันเช้า รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมมีมติ คือ เห็นชอบแผนปฏิบัติการและการใช้งบประมาณของกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 7.3 ล้านบาท ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ การชดเชย เยียวชา และบรรเทาผู้เสียหายจากการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ วงเงิน 1,854,000 บาท และการสนับสนุนความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ และการสร้างความตระหนักรู้ วงเงิน 5,446,000 บาท จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามที่ได้หารือ

และเห็นชอบการทำแผนงานให้สอดคล้องกับประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นของการส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ คือ การเลือกปฏิบัติ การเปลี่ยนหลักคิด และการขจัดความรุนแรงเนื่องจากความแตกต่างทางเพศ และนำมาเสนอครั้งหน้า นอกจากนั้นยังมีข้อสั่งการ ข้อสั่งการ ของนายจุรินทร์ ว่า ให้จัดทำแผนงานและโครงการที่สอดคล้องกับประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นของการส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ คือ การเลือกปฏิบัติ การเปลี่ยนหลักคิด และการขจัดความรุนแรงเนื่องจากความแตกต่างทางเพศ ภายในสองอาทิตย์ และนำมาขอความเห็นชอบครั้งหน้า วันที่ 11 ธค 15.30 น. ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

รายงานข่าวแจ้งว่า นายจุรินทร์ให้ความสำคัญกับสิทธิและความเท่าเทียมและมีความใส่ใจเป็นพิเศษนอกจากนั้นยังเน้นเรื่องวิธีการขั้นตอนที่จะสามารถปฎิบัติรองรับการขจัดความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากความแตกต่างทางเพศและให้มีกระบวนการคู่ขนานอย่างเสรีในการจัดเสวนาสัมมนาแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นภาคสังคม คู่ขนานกับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้

วุฒิสภาเห็นชอบ “อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” เป็นอัยการสูงสุด

People Unity News : 5 กันยายน 2566 วุฒิสภามีมติเห็นชอบให้ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อธิบดีอัยการ รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คนที่ 18

ที่ประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 14 ได้มีมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 โดยมีการเสนอชื่อนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 201 คน ผลการออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบ 193 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 1 เสียง และไม่ออกเสียง 7 เสียง จึงได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด ที่มีอยู่ของวุฒิสภาให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด

ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป

นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ ว่าที่อัยการสูงสุด คนที่ 18 สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรระดับสูง ดังนี้

พ.ศ. 2554 หลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมชั้นสูง (ยธส.3) สำนักงานกิจการยุติธรรม

พ.ศ. 2562 หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 24 (บ.ย.ส.24) สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม

พ.ศ. 2564 หลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 11 (นบยส.11) สำนักงานอัยการสูงสุด

พ.ศ. 2565 หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย “นธป.” รุ่นที่ 10 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับประวัติการทำงานของนายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์

เริ่มรับราชการปี 2528 สำนักงานคดีอาญา สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (จังหวัดอำนาจเจริญ) สำนักงานนโยบาย ยุทธศาสตร์ และงบประมาณ

ปี 2561 รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ

ปี 2563 อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด

ปี 2564 อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ

ปัจจุบันอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด

Advertisement

รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน! “อนุทิน”ยันยึดสัญญาเดิม

People Unity : “อนุทิน” ยันสร้างรถไฟ 3 สนามบิน ยึดสัญญาเดิม พร้อมชดเชยเอกชนด้วยการขยายเวลาเท่านั้น

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2562 จากกรณที่มีกระแสข่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ ภาครัฐและกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่ม CPH ผู้ชนะการประมูล ได้ตกลงแก้ไขสัญญาเดิม จากที่ภาครัฐ ต้องชำระค่าก่อสร้างในปีที่ 6 หรือหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นภาครัฐชำระค่าก่อสร้าง ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนั้น ภาครัฐพร้อมจะจ่ายเงินชดเชย กรณีการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งไม่ใช่ความบกพร่องของเอกชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาครัฐยังยึดสัญญาฉบับเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง RFP ว่าอย่างไร ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะไม่ทันใน 2 ปี เนื่องจากยังมีคนอาศัยอยู่ มีท่อ มีสายไฟ มีสาธารณูปโภคขวางอยู่ ตนไม่เป็นห่วง เพราะเคยประชุมร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางนั้นบอกว่าจัดการได้แน่นอน บางหน่วยงานเปิดเผยว่า จะใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปีด้วย ก็ต้องเชื่อ

“แต่ถ้าครบ 2 ปีแล้ว มันยังติดขัด ต้องไปดูว่าเพราะอะไร หากเกิดจากภาครัฐ เพิกเฉิย ไม่ยอมทำอะไรเลย มันก็ต้องจัดการแบบหนึ่ง แต่ถ้าภาครัฐทำเต็มที่ แต่ไม่ทันจริงๆ ก็ต้องหารือกับเอกชน หาทางออกร่วมกัน แต่ขอให้ย้อนดูกฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของทางภาครัฐ ที่กำหนดให้ชดเชยด้วบการขยายเวลา ตามหลักก็ต้องเป็นไปตามนั้น” นายอนุทิน กล่าวและว่า

ระหว่างการส่งมอบพื้นที่ ไปจนถึงการก่อสร้าง มีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ฝนตก น้ำท่วม มันไม่ใช่ความผิดของใคร แต่มันทำให้การดำเนินงานล่าช้า ตรงนี้ ก็ชดเชยด้วยการขยายเวลาไป แต่ไม่มีทางที่รัฐจะไปจ่ายเงินชดเชยให้เอกชน และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องเอาเงิน แต่โอกาสชนะยาก ส่วนการยกเลิกสัญญา จะทำโดยฝ่ายเดียวไม่ได้ แม้เอกชนจะยกเลิกสัญญาไปแล้ว แต่ก็ต้องทำงานต่อ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ดูเหมือนว่ารัฐจะได้เปรียบทุกประตู แต่กว่าจะถึงวันนี้ รัฐก็ต้องทำตามสัญญา และทำมากด้วย การที่เอกชนมาทำงานกับรัฐ สิ่งที่มั่นใจได้ คือ เมื่อทำงานเสร็จ รัฐจ่ายแน่นอน

“ราคาที่ผู้ชนะประมูลเสนอมา เป็นราคาที่ดีมากๆ ดังนั้นภาครัฐประคบประหงมอย่างเต็มที่ อะไรที่ทำได้ ไม่ขัดกับกฎหมาย ไม่ขัดกับสัญญา รัฐทำเต็มที่ เพราะเปิดประมูลใหม่ หรือทำอย่างไร ก็ไม่มีทางได้ราคานี้ ล่าสุด ได้ยินข่าวว่าทางกลุ่ม CPH มาเซ็นดำเนินงานแน่นอน แต่ขอดูฤกษ์ดูยาม ซึ่งทางรัฐไม่ขัดข้อง ขออย่าให้ถึงวันที่ 7พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดวันยืนสัญญาก็พอ”

กกต.เปิดแอป “ตาสับปะรด” แจ้งทุจริตเลือกตั้ง อบจ. สินบนนำจับสูงสุด 1 ล้านบาท

People Unity News : กกต.เปิดแอป “ตาสับปะรด” รับแจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง อบจ. ให้ประชาชนมีส่วนร่วมรายงานเบาะแส รางวัลสินบนนำจับสูงสุด 1,000,000 บาท

1 ธ.ค. 63 สำนักประชาสัมพันธ์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยเปิดแอปพลิเคชันตาสับปะรดเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง เพื่อใช้ติดตามสถานการณ์และป้องปรามการทุจริตเลือกตั้ง ส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีส่วนร่วมรายงานสถานการณ์เมื่อพบเห็นการทุจริตหรือการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สามารถรายงานสถานการณ์ได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือวีดีโอ ผ่านทางแอปพลิเคชันตาสับปะรด โดยแจ้งเหตุได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02141 8860, 02141 8579 และ 02141 8859 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ

สำหรับผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะได้รับเงินรางวัล หากนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด ไม่เป็นเบาะแสที่ปรากฏเป็นการทั่วไป และผู้แจ้งเบาะแสได้ใช้ความพยายามหรือมีความเสี่ยงในการแสวงหาเบาะแส สามารถแจ้งเบาะแสเป็นหนังสือ ลงชื่อผู้แจ้ง และบอกความประสงค์ขอรับรางวัล หรือแจ้งเบาะแสได้ด้วยตัวเอง และเก็บสำเนาเอกสารการแจ้งเบาะแสไว้เพื่อมาขอรับรางวัล โดยสำนักงาน กกต. จะปกปิดเป็นความลับและจะไม่ระบุชื่อผู้รับเงินรางวัล

ส่วนเงินรางวัล ประกอบด้วย กรณี กกต. มีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท กรณี กกต. สั่งระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว (ใบส้ม) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท

กรณีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือใบเหลือง นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 400,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และหากศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือใบดำ หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายก อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ส.อบจ. เงินรางวัลขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

Advertising

“ธณิกานต์”เผยรับสมัคร”เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน”ร่วมออกแบบกรุงเทพฯ

People Unity News : “ธณิกานต์”ประธานอนุฯพัฒนาการเมือง เปิดรัฐสภารับสมัคร “เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน”ร่วมออกแบบกรุงเทพฯ

วันที่ 11 พ.ย.2562 ประเทศชาติไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน โครงการ ‘Active Citizenship : เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน’ คือ โอกาสอันดีของเยาวชนในการส่งเสียงเพื่อชาติ เสียงที่จะมีภาครัฐและผู้บริหารประเทศมารับฟัง และนำไปต่อยอดให้เป็นรูปธรรม ด้วยการมา workshop ออก idea ร่วมกับพี่ๆภาครัฐและกลุ่มการเมือง เพื่อสร้างบ้านกรุงเทพของเราร่วมกัน

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตบางซื่อ-ดุสิต ประธานคณะอนุกรรมาธิการการสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนฯ สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า คณะอนุฯ เตรียมเปิดรัฐสภาแห่งใหม่ ต้อนรับเยาวชนกว่า 250 คน ที่เข้าร่วมโครงการ ‘Active Citizenship : เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน’ ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ของประเทศไทย ชื่อว่า ‘สัปปายะสภาสถาน’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศ เยาวชนผู้เข้าร่วมทุกทีมจะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองกับพี่ๆนักการเมืองรุ่นใหม่ คณะรัฐมนตรีและทีมผู้บริหารประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเข้ามารับฟัง เพื่อกำหนดนโยบายจากเสียงเยาวชนอย่างแท้จริง

โครงการประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก คือ 1) Open House ให้เยาวชนมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรม workshop เปิดโลกทัศน์ใหม่ ในสถานที่ทำงานจริง รัฐสภาแห่งใหม่ 2) On Field การลงพื้นที่ทำงานจริง สำรวจ เลือกพื้นที่ใกล้ตัว จุดประกายการเปลี่ยนแปลง 3) Voice your idea นำเสนอไอเดียกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ

สอบถามเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ รัฐสภา โทร. 0-2244-2640-41 และ Facebook/เยาวชนคนรุ่นเปลี่ยน LINE : @ActiveCitizenship

รัฐบาลแนะโหลดแอป Thai Consular ก่อนเที่ยว ตปท.ช่วงสงกรานต์

People Unity News : 27 มีนาคม 2566 รัฐบาลแนะผู้จะเดินทางไปต่างประเทศช่วงหยุดยาวสงกรานต์ เตรียมความพร้อมตามแนวทาง กต. ดาวน์โหลดแอป Thai Consular เป็นช่องทางขอความช่วยเหลือเมื่อมีเหตุด่วน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งในส่วนผู้ที่วางแผนจะเดินทางไปต่างประเทศนั้น ขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศได้มีข้อแนะนำ โดยให้ตรวจสอบเงื่อนไขการเข้าประเทศต่างๆ ศึกษาข้อมูลประเทศปลายทาง มีกฎหมายข้อห้ามใดที่สำคัญหรือไม่ รวมทั้งเตรียมเอกสารต่างๆ และหนังสือเดินทางของตนให้พร้อม

ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดของสายการบินต่างๆ จะไม่อนุญาตให้ผู้เดินทางที่หนังสือเดินทางมีอายุน้อยกว่า 6 เดือนเดินทาง จึงขอให้ตรวจว่าหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตเหลืออายุในเกณฑ์ที่ใช้เดินทางได้หรือไม่ หากเหลืออายุไม่ถึง 6 เดือนก็ให้ติดต่อกรมการกงสุลต่อไป ซึ่งปัจจุบันสามารถบริการหนังสือเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากกรมการกงสุล แจ้งวัฒนะแล้ว ประชาชนสามารถติดต่อที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวอีก 7 แห่งในกรุงเทพฯ และอีก 18 แห่งทั่วประเทศด้วย โดยสามารถลงทะเบียนจองคิวออนไลน์ก่อนเข้ารับบริการได้ที่ https://www.qpassport.in.th/#/landing

นอกจากนี้ หากประสงค์จะทำหนังสือเดินทางด้วยตู้ kiosk ก็ทำได้ด้วยการกรอกข้อมูลและถ่ายรูปได้ด้วยตนเอง มีจุดให้บริการที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน ณ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 5 และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต ชั้น G

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศยังแนะนำให้ผู้จะเดินทางไปต่างประเทศดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Thai Consular ซึ่งมีข้อมูลด้านกงสุลและรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย(สอท.) สถานกงสุลใหญ่(สกญ.) ในประเทศต่าง ๆ อย่างครบถ้วน และสามารถขอรับความช่วยเหลือหากเกิดเหตุด่วนในต่างประเทศได้ผ่านการกดเมนู SOS ในแอปพลิเคชัน หรือประสานหมายเลขสายด่วนของ สอท. สกญ. ในประเทศนั้น ๆ ได้ โดยแม้ สอท. และสกญ. หลายแห่งจะปิดทำการช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ชาวไทยในต่างประเทศท่านสามารถติดต่อสายด่วนทุกแห่งได้ ส่วนในประเทศไทยสามารถติดต่อสายด่วนกรมการกงสุลที่เบอร์ 02 572 8442 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

Verified by ExactMetrics