วันที่ 26 พฤศจิกายน 2024

เกษตรกรขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และ บจธ. พัฒนาที่ดินทำกินสร้างรายได้

People Unity News : 20 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานบอร์ด บจธ. (ธนาคารที่ดิน) ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือดูแล พี่น้องเกษตรกร ในการพัฒนาที่ดินทำกิน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามหลักศาสตร์พระราชา และดำเนินการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 ในการตรวจเยี่ยมเกษตรกร 8 จังหวัด 12 วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศที่ผ่านมา เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรทุกครัวเรือนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองอย่างยั่งยืน

ในการตรวจเยี่ยมที่ผ่านมา มีตัวแทนเกษตรกรออกมากล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และหน่วยงาน บจธ. ที่ได้ให้ความช่วยเหลือ อาทิ นางสุมิตรา จันทราพูน สมาชิกวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาบ้านมั่นคงเมืองแม่สอด ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า หลังจากที่ท่านประวิตร ได้สั่งการ มีหน่วยงานต่างๆ ประสานงานกลับมาที่กลุ่มเราเพื่อบูรณาการร่วมกันเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่ชุมชนของเรา อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอด สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล กำแพงเพชร การประปาส่วนภูมิภาคแม่สอด องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 33 ล่าสุดผู้ว่าฯ ตาก นายสมชัย เจริญกิจรุ่งโรจน์ นัดประชุมทุกภาคส่วนงานที่รับผิดชอบร่วมหารือแนวทางการบูรณาการพัฒนาพื้นที่ ในวันที่ 23 ส.ค. 2565 ในพื้นที่ พี่น้องเราต้องขอขอบคุณทาง บจธ. ที่ช่วยประสานงานในทุกๆเรื่องให้ จากเรื่องที่เราคิดว่ายากก็เป็นเรื่องง่าย ต่อไปเราก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีถนนดี มีน้ำบริโภค มีน้ำใช้ในการเกษตร มีไฟฟ้าส่องสว่าง แค่นี้พวกเราก็พอใจแล้ว ขอบคุณ บจธ. และทุกๆหน่วยงานจริงๆ

นายศักยะ ตั้งอยู่ ผู้แทนสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปฏิรูปที่ดินบ้านห้วยม่วงเพื่อการผลิตลำไยคุณภาพ กล่าวว่า ขอขอบคุณนโยบายรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บจธ. ช่วยเหลือให้พี่น้องกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีที่ดินที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กลุ่มของเรามีความตั้งใจที่จะรักษาที่ดินสืบทอดไว้ให้กับลูกหลาน ตามนโยบายของรัฐที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดิน และลดปัญหาความยากจนของประชาชน

ด้านนายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน กล่าวว่า บจธ. ได้ร่วมประสานงานกับทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ร่วมกันบูรณาการการทำงานช่วยสนับสนุน และพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่โครงการฯ เพื่อเร่งสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชนเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆได้ในอนาคต โดยผลจากการที่ บจธ. ได้จัดให้ผู้บริหารส่วนราชการต่างๆ ได้ร่วมกันตรวจเยี่ยมผ่านระบบ video conference เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคในพื้นที่ และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้สั่งการทันที ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว

Advertisement

มท.1 ยันใช้คุณธรรมประเมินความดีความชอบในมหาดไทย

People Unity News : 19 สิงหาคม 2565 มท.1-ปลัด การันตีมหาดไทยยุค “พล.อ.อนุพงษ์” โปร่งใส-ไว้ใจได้ เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม มีระบบ Ai ประเมินการทำงาน ย้ำแต่งตั้งโยกย้ายใช้ระบบคุณธรรม ดูการกระทำในอดีตด้วย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเสวนาออนไลน์หัวข้อ “ผู้นำ..กับการปราบโกง!!” และการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว่าการคอรัปชั่นมีผลต่อการเมืองและแก้ได้ด้วย1.ยุทธศาสตร์ชาติ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน ส่วนการปราบปรามต้องใช้วิธีการลงโทษโดยกฎหมายวินัย อาญา  2.ต้องมี แผนแม่บท เน้นระบบให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น มีความยุติธรรมในการลงโทษ และ 3.ต้องปฏิรูปพัฒนาระบบยุติธรรม พัฒนาคนเพื่อให้ได้คนดีเข้ามาทำงาน กระทรวงมหาดไทยมีศูนย์ปราบปรามการทุจริต ตั้งแต่ระดับกระทรวงลงไปถึงจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 57 ถึงปี 65 มีการลงโทษผู้ที่กระทำผิดทุจริตไปแล้ว 1,200 ราย

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คนที่มารับราชการต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีระบบอบรมให้อยู่ในระเบียบวินัย มีผู้บังคับบัญชาคอยประเมิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยส่งเสริมเรื่องคุณธรรม จริยธรรมตลอดเวลา และสร้างแรงจูงใจโดยคัดเลือกบุคคลต้นแบบบุคคลที่เป็นข้าราชการที่ดี ซื่อสัตย์ ให้รางวัลและปูนบำเหน็จเรื่องความก้าวหน้า ในแต่ละปีข้าราชการมหาดไทยซึ่งมีจำนวนนับแสนคน มีผู้กระทำผิดถูกลงโทษเป็นประจำตลอดเวลา

“ขณะเดียวกันองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ติดตามประเมินผลการทำงานของราชการ รัฐวิสาหกิจ กระทรวงมหาดไทยได้คะแนนความโปร่งใสในการทำงานสูงขึ้นทุกปี ซึ่งตรงกับแนวโน้มที่รัฐมนตรีบอกว่าจำนวนเรื่องร้องเรียนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งปีนี้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้คะแนนเกณฑ์ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสหรือ  Ita ได้คะแนน 96.11 และรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับข้าราชการประจำให้ทำงานโดยประชาชนมีส่วนร่วม  อย่างเช่นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างจะมีภาคประชาชนองค์กรต่างๆมีส่วนร่วมในการตรวจสอบตรวจรับงาน จัดทำแผนพัฒนาอำเภอ พัฒนาจังหวัด” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนทำระบบติดตามประเมินผลในงานนโยบายต่างๆ ว่ามีความก้าวหน้าอย่างไร และยังมีระบบ AI ที่ศูนย์ดำรงธรรมเป็นระบบอัตโนมัติซึ่งประชาชนสามารถร้องเรียนได้ 24 ชั่วโมงทั้งเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โทรศัพท์และระบบ AI จะประเมินว่าเหตุใดจังหวัดนี้มีเรื่องร้องเรียนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เห็นว่าข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยเป็นข้าราชการที่สำนึกและมีจิตใจมุ่งมั่นที่จะทำงานด้วยความสุจริตและตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน โดยอำเภอและจังหวัดสร้างทีมเครือข่ายอำเภอละ 100 คน เพื่อให้สบายใจว่านายอำเภอจะทำงานโดยร่วมคิดร่วมทำและร่วมรับผิดชอบกับประชาชน

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ส่วนระบบการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวง รัฐมนตรีให้นโยบายว่าให้พิจารณาตามระบบคุณธรรม ดูความประพฤติ ความสามารถและประวัติในอดีต จึงมั่นใจว่ากระทรวงมหาดไทยในยุคของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นกระทรวงมหาดไทยที่โปร่งใส ไว้ใจได้ ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยยังมีผู้ตรวจราชการที่จะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและคอยแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบข้อมูลของข้าราชการ

“ระบบการพิจารณาเรื่องความดีความชอบ เรื่องตำแหน่งแห่งหน เราใช้ระบบคุณธรรม ใช้คณะกรรมการที่มอบหมายความไว้วางใจเป็นผู้ช่วยคัดเลือกคนตามความรู้ความสามารถ ตามความประพฤติและตามสิ่งที่ควรจะได้ ดังนั้น ยุคนี้เอาคนไม่ดีให้มามีอำนาจนั้น ไม่มีแน่ ที่สำคัญการลงโทษก็ไม่ช่วยเหลือกัน แต่กระบวนการลงโทษต้องทำตามกฎหมาย ตั้งแต่การสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีมูลต้องตั้งกรรมการสอบวินัยและลงโทษ ถ้ามีเรื่องเชิงประจักษ์ก็ไม่รอถึงขนาดนั้น ในเชิงบริหารงานบุคคล เราเรียกมาประจำส่วนกลาง สิ่งเหล่านี้จะทำให้พี่น้องชาวมหาดไทยมีบรรทัดฐานที่เหมือนกันว่าเราประเมิน 360 องศา มีเหตุเราก็ต้องช่วยกันตักเตือนถ้าไม่ดีขึ้นก็ช่วยไม่ได้ก็ต้องลงโทษกันดังนั้นสบายใจได้ถ้ามีอะไรก็ 1567 เชิญใช้ได้ 24 ชั่วโมง” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

Advertisement

แต่งตั้ง ”อนุชา บูรพชัยศรี” หวนนั่ง โฆษกรัฐบาล

People Unity News : 18 สิงหาคม 2565 นายกฯ เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “อนุชา บูรพชัยศรี” นั่งเก้าอี้โฆษกรัฐบาลอีกรอบ หวังให้งานประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลต่อเนื่อง เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้เลื่อนขึ้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และได้ลาออกจากตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงเย็นวานนี้ (17 ส.ค.) นั้น ในวันนี้ (18 ส.ค. 65)  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 205/2565 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการการเมืองปฏิบัติหน้าที่ อีกหน้าที่หนึ่ง เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อเนื่องเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2536 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 197/2562 เรื่อง หน้าที่ของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐนตรี

นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งมอบหมายให้ นายอนุชา บูรพชัยศรี ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อีกหน้าที่หนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายอนุชา บูรพชัยศรี เคยดำรงตำแหน่ง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. 2563 – 24 ส.ค. 2564 ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

Advertisement

รมว.คลัง ระบุหนี้กองทุนน้ำมันเป็นหนี้สาธารณะ

People Unity News : 17 สิงหาคม 65 ขุนคลัง ยอมรับค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน หวังให้แบงก์เชื่อมั่นเติมสภาพคล่อง  ยืนยัน ค้ำหรือไม่ค้ำเป็นหนี้สาธารณะ ไม่กระทบภาระงบประมาณ แนะกองทุนน้ำมัน ใช้หนี้คืนภายใน 7 ปี

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มติ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้กับกองทุนน้ำมันและเชี้อเพลิง  ตามแผนวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือรายละเอียดกับกระทรวงพลังงาน เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯมีฐานะติดลบ จึงต้องหาทุนมาใช้อุดหนุนราคาน้ำมันเพื่อดูแลประชาชน  ทั้งนี้เพื่อให้แผนกู้ 3 หมื่นล้านบาทล่าสุด หวังให้สถาบันการเงินเกิดความมั่นใจมากขึ้น  ต่อการชำระหนี้ของกองทุน้ำมัน เพราะเห็นว่า ราคาน้ำมันยังมีความผันผวน

นายอาคม ย้ำว่า แม้กระทรวงคลังไม่ได้ค้ำประกันการกู้เงินให้กับกองทุนน้ำมัน แผนเงินกู้ทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท จะถูกนับเป็นหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่แล้ว เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯเป็นหน่วยงานของรัฐ และมีอำนาจการกู้เงินตาม พ.ร.บ.กองทุนฯ หลังจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารรายได้ของกองทุนน้ำมัน ในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน ในช่วงราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง โดยต้องชำระหนี้คืนภายในระยะเวลา 7 ปี อีกทั้งแผนกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯไม่กระทบต่อภาระงบประมาณ เพราะเป็นการบริหารจัดการกระแสเงินจากรายได้และการอุดหนุนราคาน้ำมันเพื่อลดผลกระทบกับประชาชน

Advertisement

ครม.สั่งกองทุนส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน นำกำไรส่วนเกิน 14,377 ลบ. ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

People Unity News : 16 สิงหาคม 65 ครม.เห็นชอบเรียกให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี 2565 จำนวน 14,377 ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการเรียกให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี 2565 จำนวนเงินทั้งสิ้น14,377 ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็วหลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบ ซึ่งหลังจากนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานยังมีกระแสเงินสดที่สามารถดำเนินงานได้ปกติโดยไม่ขาดสภาพคล่องประมาณ 11,734 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 เห็นชอบการเรียกให้ทุนหมุนเวียนจำนวน 7 ทุนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี 2564 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน 60 วัน หลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบ และรับทราบรายงานผลการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูที่ได้นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินปีบัญชี 2562 จำนวน 350 ล้านบาท  และกองทุนสิ่งแวดล้อมที่ได้นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินปีบัญชี 2563 จำนวน 81 ล้านบาท และที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ 1/2565 ได้มีมติเห็นชอบให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวนเงิน 14,377 ล้านบาท

Advertisement

เปิดให้ร้านค้า ลงทะเบียน “คนละครึ่งเฟส 5” วันนี้ ส่วนประชาชนยืนยันสิทธิ 19 ส.ค.

People Unity News : 15 สิงหาคม 65 โฆษกรัฐบาลเผย “คลัง” เปิดให้ร้านค้า ลงทะเบียนร่วมโครงการ “คนละครึ่งเฟส 5” วันนี้วันแรก (15 ส.ค.65) ส่วนประชาชนเตรียมยืนยันสิทธิ 19 ส.ค.นี้ ผ่านเป๋าตัง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่เป็นไปตามข้อสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก สร้างเม็ดเงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.65) เป็นวันแรกที่กระทรวงการคลัง เปิดรับลงทะเบียนให้ผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมโครงการ จนกว่าจะประกาศปิดรับสมัคร โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว และประสงค์จะเข้าร่วมโครงการต่อไป ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ โดยคุณสมบัติและประเภทกิจการที่สามารถเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ) ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid) ส่วนในวันที่ 17 ส.ค. 65 จะเปิดรับลงทะเบียนร้านอาหารและเครื่องดื่ม สมัคร Food delivery Platform เฉพาะหมวดอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประชาชน ซึ่งมีจำนวนสิทธิ 26.5 ล้านสิทธิ จะสามารถยืนยันสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.65 และใช้สิทธิในการซื้อสินค้าหรือบริการ ภายใต้โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 14 ก.ย.65 ตั้งแต่เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการ

“โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 เป็นโครงการที่ประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าพึงพอใจอย่างมาก เชื่อมั่นว่า การดำเนินการโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง จะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มอุปสงค์ในการบริโภคช่วยเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องช่วงปลายปี 2565” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

หนุนสร้างสะพานไปเกาะสมุย

People Unity News : 14 สิงหาคม 65 รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยถึงเวลาสร้างสะพานข้ามเกาะสมุยแล้ว เพื่อเพิ่มรายได้และโอกาสทางการท่องเที่ยวให้ไทย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมประชุมหารือกับส่วนราชการ เอกชน จ.สุราษฎร์ธานี และเกาะสมุย เพื่อหารือถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวบนเกาะสมุย รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ การสร้างสะพานข้ามมายังเกาะสมุย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อันจะช่วยเพิ่มรายได้เข้าประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเกาะสมุย ซึ่งมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น เกาะสมุยจะพัฒนาให้เป็น Wellness Destination หรือเป็น Green Destination ซึ่งตนเองจะส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มาเก็บข้อมูล นำไปพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย

ส่วนการพัฒนาการท่องเที่ยวของเกาะสมุยจะไปถึงการสร้างสะพานข้ามไปยังเกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็นจากอำเภอดอนสัก หรืออำเภอขนอม เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม เบื้องต้นได้มีการศึกษาเรื่องนี้แล้ว และพบว่ามีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งในอดีตอาจไม่คุ้มค่า แต่ปัจจุบันจากการศึกษาพบว่ามีความคุ้มค่า เพราะสมุยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จนสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า หากมีสะพานข้ามเกาะสมุยก็จะส่งผลดีถึงบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ด้วย

อนึ่ง ท่าเรือฝั่งเกาะสมุยห่างจากท่าเรือฝั่งดอนสักประมาณ 30 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่าย “แก้ปัญหาค้ามนุษย์” ดันไทยสู่ “เทียร์ 2” สำเร็จ ระยะต่อไปตั้งเป้า “เทียร์ 1”

People Unity News : 10 สิงหาคม 65 ในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 64

พร้อมกล่าวชื่นชมและขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันแก้ปัญหาค้ามนุษย์ จนทำให้สถานะการค้ามนุษย์ไทยอยู่ระดับ “เทียร์ 2” ซึ่งดีขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อน และขอให้ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ประสบความสำเร็จในเป้าหมายระยะต่อไป คือการนำพาประเทศไทยไปสู่ระดับ “เทียร์ 1”

สำหรับผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ปี 64 นั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รายงานว่า จับกุมและเริ่มการดำเนินคดีอาญา 188 คดี เพิ่มขึ้นจากปี 63 ร้อยละ 41.75 และเป็นคดีที่มาจากการสืบสวนสอบสวนช่องทางออนไลน์มากที่สุด 107 คดี หรือร้อยละ 56.91 ของจำนวนคดีค้ามนุษย์ในชั้นสืบสวนทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีก 17 คน พร้อมให้ความช่วยเหลือและให้ความคุ้มครองผู้เสียหาย 414 คน เพิ่มขึ้นจากปี 63 ร้อยละ 79.22 สำหรับแผนการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในระยะต่อไป เช่น

✔️เพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย 

✔️ถอดบทเรียนแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  

✔️ยกระดับศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน / จัดสรรอัตรากำลังเพิ่มเติม

✔️ยกระดับระบบรับเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียนการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การบริหารจัดการข้อมูล และการส่งต่อคดี

✔️ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Advertisement

ครม. อนุมัติงบ 4,019 ลบ. บริหารจัดการน้ำปี 65 – กักเก็บน้ำฤดูแล้งปี 65/66 มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 3 หมื่นไร่

People Unity News : 9 สิงหาคม 2565 ที่ประชุม ครม. (9 ส.ค. 65) อนุมัติงบกลางวงเงิน 4,019.80 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกระทรวงมหาดไทย นำไปเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 65 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้งปี 65/66 จำนวน 1,361 รายการ

สำหรับพื้นที่เป้าหมายนั้น จะเป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัย/ภัยแล้ง ตามที่ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด รวมถึงพื้นที่เสี่ยงที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไข บรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งโดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ สทนช. ประเมินว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 35,723 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำได้ราว 34.02 ล้าน ลบ.ม. มีประชาชนได้รับประโยชน์ 36,735 ครัวเรือน และยังช่วยกำจัดผักตบชวาและวัชพืชน้ำได้ถึง 4.74 ล้านตัน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มการลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการซื้อวัสดุและจ้างแรงงานคนในท้องถิ่นอีกด้วย

Advertisement

ก.แรงงาน เร่งสกัด! แรงงานไทยไปเกาหลีใต้ผิดกฎหมาย ลดเสี่ยงไม่ให้ ปชช. ตกเป็นเหยื่อ

People Unity News : 5 สิงหาคม 2565 กรณีทางการเกาหลีใต้ปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศของคนไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งนั้น (ประมาณ 10,000 คน ถูกปฏิเสธแล้ว 5,000 คน)

ก.แรงงาน ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าว ได้สั่งการกรมการจัดหางานเร่งตรวจสอบผู้มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศอย่างเข้มงวดใน 2 ด่านที่คนหางานมักจะเดินทาง คือด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ และด่านตรวจคนหางานดอนเมือง

โดยในปี 65 ได้ระงับการเดินทางผู้มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศแล้ว จำนวน 328 คน และได้ขยายผล จับกุม ดำเนินคดีสาย/นายหน้าเถื่อนแล้ว 112 ราย เป็นการหลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 158 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 12,758,210 บาท

สำหรับแรงงานไทยที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศจะต้องไปอย่างถูกต้องด้วย 5 วิธี

✔️กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง

✔️บริษัทจัดหางานจัดส่ง

✔️นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างของตนไปทำงานต่างประเทศ

✔️นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝึกงานในต่างประเทศ

✔️คนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตัวเอง โดยต้องแจ้งการเดินทางกับกรมการจัดหางานก่อนเดินทางทุกครั้ง และต้องเดินทางออกไปทำงานโดยผ่านด่านตรวจคนหางานที่ประจำอยู่ ณ ท่าอากาศยาน

ทั้งนี้ การไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องถูกกฎหมาย จะช่วยลดความเสี่ยงไม่ต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ได้ทำงานอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ต้องหลบซ่อน

ผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลี สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ doe.go.th/overseas หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด/กรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ฝ่ายจัดส่งไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลี EPS โทร. 0 2245 6716, 0 2245 9429

Advertisement

Verified by ExactMetrics