วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024

โฆษกรัฐบาล ขอบคุณประชาชนเชื่อมั่นโครงการ Digital Wallet

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 สิงหาคม 2567 โฆษกรัฐบาล ขอบคุณความเชื่อมั่นประชาชนจากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่กว่า 80% จะลงทะเบียนรับเงิน Digital Wallet และที่ประชุมวุฒิสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย 1.22 แสนล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นนี้ เป็นกำลังใจให้รัฐบาลยืนหยัดต่อ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า 6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภา ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน Digital Wallet ซึ่งรัฐบาลยืนยันเสมอมาที่จะใช้งบประมาณนี้ตามวัตถุประสงค์โปร่งใสตรวจสอบได้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อประชาชน และการกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุถึง ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งได้สอบถาม เกี่ยวกับการใช้เงิน Digital Wallet ซึ่งพบว่าประชาชนที่ผ่านเงื่อนไขรับ Digital Wallet ส่วนใหญ่ลงทะเบียน มีจำนวนถึง 82.6% ไม่ลงทะเบียน 17.4%

โดยประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีลักษณะการใช้เงิน 10,000 บาท ภายในครั้งเดียวที่ 64.1% แบ่งใช้หลายครั้ง 14.7% ไม่แน่ใจ 21.2% และสำหรับประเภทของสินค้าที่จะใช้ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เสื้อผ้า 32.7% สินค้าเพื่อการศึกษา 17.7% เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) ของใช้ส่วนตัว 16.9% สินค้าวัตถุดิบเพื่อการเกษตร 11.5% ยารักษาโรค 8.4% ธูปเทียนและเครื่องสักการะ ชุดถวายสังฆทาน 6.5% สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน 6.2%

“โฆษกรัฐบาลเปิดเผยว่า ทั้งยอดการลงทะเบียน และความคิดเห็นของประชาชน ทำให้รัฐบาลมีกำลังใจที่จะยืนหยัดต่อสู้ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Digital Wallet รัฐบาลรู้ดีว่าเงินเหล่านี้มีความหมายกับประชาชนที่เฝ้ารอ และเป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลตั้งแต่ต้น ที่จะดำเนินนโยบายอย่างถูกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ รัฐบาลขอบคุณทุกเสียงสนับสนุน และขอให้มั่นใจว่า จากยอดลงทะเบียนที่เกิดขึ้นรัฐบาลจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นแรงกระตุกฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย“ นายชัย กล่าว

Advertisement

นายกฯ ยันจุดยืนไทย ไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ ย้ำ ระบบยุติธรรมไทยมีความเป็นกลางและสากล เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เชื่อคดียุบพรรคทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสินของศาล ไม่กังวลจะมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น หลังศาลตัดสิน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้เชิญทูต 18 ประเทศมาร่วมสังเกตการณ์คดียุบพรรคก้าวไกล หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ ว่า ตนเองไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ และไม่ทราบเนื้อหาในการพูดคุยกัน แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ใน 18 ประเทศ เรื่องระบบยุติธรรมและฝ่ายบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยมีความเป็นกลางและสากล ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองพูดแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกรณีของตนเองที่เป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน แต่เมื่อมีประเด็น เรื่องร้องเรียนก็เป็นหน้าที่ที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน “ของผมเอง อย่างที่บอกยื่นไปเรียบร้อยแล้ว คอยวันตัดสินวันที่ 14 ส.ค. ผมก็ไม่ได้มีการไปคุยกับใครทั้งสิ้น ประเทศเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้เกียรติเหมือนกัน เพราะไม่ทราบรายละเอียดสนทนาพูดคุยมีอะไรบ้าง” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม มีความกังวลในเนื้อหาจากกระทรวงต่างประเทศส่งไปยังสหประชาชาติ เรื่องคดียุบพรรค พอแปลเป็นเนื้อความภาษาไทยมีข้อความค่อนข้างรุนแรงนั้น  นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน ในเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศมีการชี้แจงไปยังสหประชาชาติ ส่วนการแปลให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงดีกว่าว่าแปลอะไร แต่จุดยืนจริง ๆ ของเรา ไม่ยอมให้ก้าวก่ายในระบบตุลาการ และไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่าย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะมีการแถลงบ่ายนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ เกี่ยวกับเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์พรุ่งนี้ และมั่นใจว่าทุกคนตั้งอยู่ในความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว

Advertisement

นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 สิงหาคม 2567 นายกฯ เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมงานศพมารดาในนามส่วนตัว มาแสดงความเสียใจ ย้ำ พร้อมรับฟังคำแนะนำจากนายกฯ รองนายกฯ ทุกคน

วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. ณ บริเวณโถงกลาง  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ไปเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพมารดาของนายกรัฐมนตรีว่าเหมาะสมหรือไม่เนื่องจากสถานะไม่เหมือนเดิมว่า ท่านไปในฐานะส่วนตัวและตนก็ได้พบปะกับท่านในหลายโอกาส ซึ่งตนได้สูญเสียมารดา ท่านก็มาให้กำลังใจ และในวันนั้นท่านได้เจอกับคนที่คุ้นเคยในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ซึ่งเรื่องนี้ คิดว่าทุกคนมีข้อคิดเห็นของแต่ละคน คงคิดได้เองอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้เป็นการส่วนตัว แต่ดูเหมือนนายกฯ จะฟังคำแนะนำจากแค่ พลเอก ประยุทธ์ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แค่ 2 คนนี้ จะมีการบาลานซ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า  ไม่จริง ตนเองเจอท่านอานันต์ ปัญญารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีก็รับฟัง และไม่ได้รับฟังแค่ระดับนายกฯ อย่างเดียว รองนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรีต่าง ๆ ก็เจอ เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตนเองก็เจอ ซึ่งมองว่าแล้วแต่โอกาสมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการมองท่าทีของนายกฯ ในระยะหลังๆ มีการตีตัวออกห่างจากนายทักษิณ หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ตีตัวออกห่างใครทั้งนั้น เพราะทำงานอย่างเดียว แต่ถ้าการทำงานและไม่สามารถไปพบบางท่านได้ ก็เชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจว่าผมมีหน้าที่นายกฯ ที่ต้องทำงานอยู่แล้วและลงพื้นที่ตลอด ทุกคนก็เห็นวันเสาร์ก็ยังทำงานอยู่

ส่วนในเดือนสิงหาคม มีคดีต่าง ๆ ทางการเมืองมีการเช็คกระแสหรือไม่ว่า จะส่งผลกระทบนักลงทุนเรื่องความเชื่อมั่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเช็คกระแสใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าเรื่องปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่และตนเองใช้เวลาส่วนมากเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ในการแก้ปัญหาอยู่ ส่วนกระแสจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งในเดือนสิงหาคมมีอีเว้นท์หลายเรื่อง ทั้งวันที่ 7 สิงหาคมและ 14 สิงหาคมนี้ แน่นอนก็เป็นธรรมดาที่นักลงทุนก็ต้องกังวล

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเช้าก็ได้มีการดูและเช็คตลาดหุ้นพบว่าขยับขึ้นมา เชื่อว่าน่าจะควบคุมได้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ตกลงมามากเป็นประวัติศาสตร์ วันนี้ก็ขยับขึ้นมาแล้ว โดยเข้าใจว่าขยับขึ้นมาถึง 10% แล้ว และเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นแพนิคเซลล์  โดยเชื่อว่าทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในเรื่องของแอปพลิเคชันจีนที่เข้ามาได้มีการสั่งการกระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากรในด้านการจดทะเบียนต่าง ๆ ให้เรียบร้อย

Advertisement

รัฐบาลแจง ข่าว ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัย เป็นข่าวปลอม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 “รัดเกล้า” วอนอย่าเชื่อข่าวปลอม อย่าแชร์! เนื้อหา ธปท. เตือน แอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำ DGA คอนเฟิร์ม แอปฯ เน้นความมั่นคงและความปลอดภัยของข้อมูล ระบบเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลโลก

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แอปฯ ทางรัฐ มีความปลอดภัย มีมาตรฐานการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยระดับโลก ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและระบบเป็นหลัก มีการตรวจสอบและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง

ตามที่มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนแอปฯ ทางรัฐ ไร้ความปลอดภัยนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำเตือนว่าเป็นข่าวปลอม !! ภายหลังตรวจสอบข้อมูล ธปท. ชี้แจงว่า ไม่ได้ระบุตามที่เป็นข่าว แต่เคยมีหนังสือให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาระบบสำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยากให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัย (confidentiality & security) ความถูกต้องน่าเชื่อถือ (integrity) และความมีเสถียรภาพพร้อมใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง (availability) รวมทั้งมีการบริหารจัดการด้าน IT Governance โดยระบบลงทะเบียนต้องได้มาตรฐานเทียบเคียงกับบริการภาคการเงินสามารถป้องกันความเสี่ยงของการถูกสวมรอย หรือใช้เป็นช่องทางการทำทุจริต หรือการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้ รวมถึงมีศักยภาพรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้  ซึ่งทางรัฐบาลเองได้รับทราบความเห็นทุกข้อ และได้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อปิดข้อกังวลเหล่านี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แอปฯ ทางรัฐ ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGA) ทำหน้าที่เพียงเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากหน่วยงานต้นทาง โดยไม่ได้เก็บข้อมูลประชาชนแต่อย่างใด และข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯ ทางรัฐสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูล และผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น อีกทั้ง แอปฯ ทางรัฐในปัจจุบัน ยังไม่มีการเชื่อมกับบัญชีธนาคารและไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนแต่อย่างใด ฉะนั้นข่าวลือว่าข้อมูลส่วนตัวโดนดูดออกไปหลังจากลงทะเบียน หรือความกังวลใจว่าบัญชีธนาคารจะโดนแฮ็คหลังจากลงทะเบียนนั้น เป็นเฟคนิวส์ ขอวอนประชาชนอย่าเชื่อและไม่ส่งข้อมูลต่อ เพื่อระงับการสร้างความกังวลใจที่ผิด ๆ ในสังคม

รองโฆษกฯ เสริมว่าแอปฯ ทางรัฐ อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลและบริการของตนเข้าสู่แอปพลิเคชันทางรัฐเท่านั้น ภายใต้วิธีการเชื่อมต่อที่มีการควบคุมกำกับดูแล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง โดยไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไป หรือภาคเอกชน หรือธนาคารเชื่อมโยงข้อมูลบัญชีและระบบบริการกับแอปฯ ทางรัฐแต่อย่างใด ขอประชาชนมีความสบายใจ

Advertisement

นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 สิงหาคม 2567 นายกฯ มั่นใจ ก.เกษตรฯ คุมปลาหมอคางดำได้ หลังหลายฝ่ายกังวล อาจแพร่กระจายไปพื้นที่อื่น

วันนี้ (5 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการน้ำถึงการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำหากเกิดน้ำท่วมและน้ำหลากไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการเสนอมาตรการไปเรียบร้อยแล้วทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว  และเชื่อว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำ หรือปลาหมอคางดำ ได้มีการพัฒนาร่วมกัน ไม่ใช่แก้อย่างหนึ่งแล้วเกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่ง มั่นใจว่ากระทรวงเกษตรฯ ดูแลดีอยู่แล้ว และมั่นใจว่า เรื่องปลาหมอคางดำจะบริหารจัดการได้

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณทุกความร่วมมือช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียน Digital Wallet

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 สิงหาคม 2567 นายกฯ ขอบคุณทุกความร่วมมือในการช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ Digital Wallet ซึ่งมียอด จุดบริการอำนวยความสะดวก ถึงกว่า 6000 แห่งทั่วประเทศ

วันนี้ (4 สิงหาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอบคุณความร่วมมือของทุกหน่วยงาน รวมทั้งภาคเอกชน ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ Digital Wallet โดยข้อมูลล่าสุดมีคนลงทะเบียนตรวจสอบตัวตนแล้วกว่า 24 ล้านคน (สถานะ ) รวมทั้ง โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า กระแสตอบรับยอดลงทะเบียนของประชาชนเป็นกำลังใจในการเดินหน้าทำงาน สู้กับเสียงคัดค้าน ด้อยค่า หวังผลทางการเมือง แต่ไม่ได้ทำให้กำลังใจของรัฐบาลลดลงเพราะมีเสียงสะท้อนที่มีค่าจากประชาชน ซึ่งขอให้ประชาชนรับฟังการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานรัฐบาล อย่าหลงเชื่อข่าวลวงสร้างความสับสน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานจากทุกภาคส่วนร่วมอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนให้กับประชาชนกลุ่มผู้ที่มีสมาร์ทโฟน ที่อาจประสบปัญหา และไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร หรือต้องการความช่วยเหลือจากเดิมมีกว่า 5,000 จุด ปัจจุบัน เพิ่มเติมที่ธนาคารกรุงไทย 900 จุด รวมเป็นกว่า 6000 จุด

โดยรัฐบาลได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนฯ ให้กับประชาชน โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์สถานที่จุดให้บริการ (Walk – in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้

– ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ

– ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)

– ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ

– ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ

– ธนาคารกรุงไทย จำนวน 900 แห่ง ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคท (ดีอี) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้บริการอำนวยความสะดวกประชาชนตลอดเวลาทำการ ส่วนพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 โดยรัฐบาลจะมีการแจ้งวิธีการลงทะเบียนและจุดให้บริการอย่างเป็นทางการต่อไป

Advertisement

นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลัง ปชช.แห่สมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มพรวด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ขอบคุณกระแสตอบรับโครงการ Digital Wallet หลังประชาชนสมัครใช้งานแอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

วันนี้ (29 ก.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการแถลงรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่กำหนดให้ประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567

ทำให้ยอดการสมัครเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ ของประชาชน เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเดิม (ก่อนวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) มีจำนวนการใช้งานเฉลี่ยวันละ  50,000-60,000 ครั้ง ขณะที่ปัจจุบัน (ภายหลังวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) พบว่ามีจำนวนการสมัครเข้าใช้งานเฉลี่ยถึงวันละ 800,000 – 900,000 ครั้ง ซึ่งมากกว่ายอดการสมัครใช้เดิมกว่า 10 เท่า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับทราบยอดการใช้แอป “ทางรัฐ” เพิ่มจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นผลมาจากกระแสตอบรับ ความเชื่อมั่น ความหวังที่มีต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำงานเพื่อประชาชน เพื่อบรรเทาหนี้สิน แบ่งเบารายจ่าย เพื่อวิถีชีวิตคนไทย ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเพื่อให้เกิดเป็นแรงกระเพื่อม พายุหมุนทางเศรษฐกิจ ที่กลับมาเพิ่มแรงกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ต่อยอดสู่การวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ไทยในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชม.) โดยรัฐบาล โดยกระทรวง DE เตรียมเจ้าหน้าที่รองรับการทำงานของระบบไว้กว่า 500 คน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา ตอบข้อสงสัย เรื่องการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชน

Advertisement

นายกฯ ส่งเสริมยกระดับครูมวยไทยให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมวยไทย หนึ่งใน Soft Power สำคัญ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 23 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ส่งเสริมการต่อยอด ยกระดับครูมวยไทยให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ เชื่อมั่นศักยภาพมวยไทย หนึ่งใน Soft Power สำคัญ พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย เพื่อเพิ่มโอกาส สร้างงาน ยกระดับอาชีพครูมวยไทย

วันนี้ (23 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งให้ความสำคัญกับการเสริมสร้าง Soft Power ของไทย โดยเชื่อมั่นในศักยภาพมวยไทย เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งใน Soft Power หลักของประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ขานรับดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยได้ สร้างมาตรฐานผู้ฝึกสอนมวยไทย ตั้งเป้าผลักดันให้ครูมวยไทยเป็นที่ยอมรับ เชิญชวนครูฝึกมวยไทยและค่ายมวยทั่วโลกเข้ามารับการทดสอบเพื่อรับวุฒิบัตรรับรอง จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ครูฝึกมวยไทยมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท และในสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าถึง 1.25 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ การสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานของครูมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับจึงเป็นอีกประเด็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีค่ายมวยไทยเปิดสอนมากกว่า 5000 แห่งทั่วประเทศ 4000 แห่งทั่วยุโรป 1700 แห่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นอีก 50 ประเทศ

โดยในช่วงต้นปี 2567 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ประกาศมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาอาชีพภาคบริการสาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย และปัจจุบันมีศูนย์ทดสอบผู้ฝึกสอนมวยไทยที่ได้รับอนุญาตแล้ว 18 แห่ง ตลอดจน มีศูนย์ทดสอบของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอีก 77 แห่งทั่วประเทศ

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า มวยไทยมีเสน่ห์ และเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักทั่วโลก เป็น Soft Power คุณภาพ ที่พร้อมรับการสนับสนุน เกิดจากการผสมผสานของภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตลักษณ์ วัฒนธรรมที่มีมูลค่า สามารถนำมาสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจขยายผลในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นความสำคัญ ร่วมกันนำเสนอจิตวิญญาณของมวยไทย เพิ่มโอกาสสร้างงาน ยกระดับอาชีพคนไทย” นายชัย กล่าว

Advertisement

นายกฯ ให้นโยบายสั่งตัดต้นตอการผลิตยาเสพติด โดยตัดต้นตอแหล่งเงิน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กรกฎาคม 2567 นายกฯ ย้ำการตัดต้นตอการผลิต โดยตัดต้นตอแหล่งเงินเป็นเรื่องสำคัญ สั่งการ ตช. ป.ป.ส. ปปง. บูรณาการความร่วมมือสืบสวน ปราบปราม ขยายผลเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยมาตรการทางทรัพย์สิน เพื่อทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้า การเงินของกลุ่มนักค้ายาเสพติด

วันนี้ (19 ก.ค.67) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 1201 ชั้น 12 สำนักงาน ปปง. เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับฟังการดำเนินงานด้านยาเสพติดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ปปง. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ป.ป.ง. นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ตลอดจนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้รับฟังรายงานสรุปการดำเนินงานด้านยาเสพติดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จากเลขาธิการ ปปง. โอกาสนี้ นายกฯ  ย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็น Demand Side และ Supply Side การฟื้นฟู แก้ไขเยียวยา ซึ่งการที่นายกฯ และรองเลขาธิการ ป.ป.ส.  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาที่สำนักงาน ปปง. วันนี้ เป็นการมาโฟกัสเรื่องของผู้กระทำผิด และการแยกผู้ป่วยออกมาก่อน โดยเรื่องผู้กระทำผิดเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบันทางฝ่ายจับกุมได้มีการจับได้จำนวนมาก เพิ่มขึ้น 4-5 เท่า แต่ราคายาบ้าก็ไม่ขึ้น แสดงให้เห็นว่ามีการเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ต้นทุนการผลิตเขานำเงินมาจากไหน หากมีการจับได้ต้องมีการยึดทรัพย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หน้าที่ของการยึดทรัพย์ไม่ใช่ว่าบางคดียึด บางคดีไม่ยึด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด บางรายการไม่รู้ว่าได้มาอย่างไร เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งภาระการพิสูจน์ทรัพย์เป็นหน้าที่ของผู้ถูกยึด ว่าได้ทรัพย์มาได้อย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงาน ปปง. ทั้งนี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ และโปร่งใส เพื่อไม่ให้มีการกล่าวโทษว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้กระทำผิด ปัจจุบันมีเคสเล็ก ๆ เข้ามาจำนวนมาก ตรงนี้ต้องระมัดระวัง ให้ดูเคสเล็ก ๆ ด้วย โดยดูตามระดับความสำคัญ ซึ่งหากเป็นเคสใหญ่ มีเรื่องวงเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ให้รีบดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งเรื่องการอายัดทรัพย์ ปัจจุบันเรื่องธุรกรรมการเงิน มีการโยกย้ายถ่ายเทได้สะดวกสบายผ่านหลายวิธีการ เพราะฉะนั้นอย่ามัวช้า เรามีกฎหมายและมีอำนาจอยู่แล้ว น่าจะยึดมาก่อนเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญ

นายกฯ กล่าวถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานว่า เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเรื่องของการเลือกปฏิบัติอย่าให้เกิดขึ้น หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจพิเศษมาก ซึ่งเรื่องของการที่จะมีการยึดทรัพย์ เพราะต้องการตัดต้นตอของยาเสพติดทั้งหมดออกไป โดยเรื่องนี้ต้องให้มีความคืบหน้าให้มากยิ่งขึ้นและอยากให้ทำโดยเร็วอย่าให้เป็นที่ครหานินทาได้ โดยจะมาเข้มงวดเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้นายกฯ ได้กล่าวถึงการได้มีการพูดคุยกับฝ่ายปราบปรามยาเสพติด ในเรื่องของการจัดเตรียมยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความพร้อม ทั้งในฝ่ายของทหาร ตำรวจ และสำนักงาน ป.ป.ส.

นอกจากนี้ นายกฯ ได้เน้นย้ำถึงการทำงานเชิงรุกก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของการ Training การอบรมให้องค์ความรู้กับพนักงาน ซึ่งการทำงานเชิงรุกไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องที่ต้องล้วงลูก และลงไปทำงานจริง ๆ รวมถึงยึดทรัพย์ให้ได้โดยเร็วไม่เช่นนั้นทรัพย์จะถูกแปลงไปได้โดยง่ายดาย ซึ่งนายกฯ ย้ำว่าสำนักงาน ปปง. มีเจ้าหน้าที่และองคาพยพพร้อมอยู่แล้ว การเดินทางมาวันนี้เพื่อมาส่งข้อความ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสังคมก็จับตาดูอยู่  ทั้งนี้เรื่องปัญหายาเสพติดเกี่ยวข้องหมด ซึ่งนายกฯ ได้ประกาศไปแล้วว่าจังหวัดร้อยเอ็ดจะต้องเป็นจังหวัดสีขาว ซึ่งส่วนหนึ่งคือการปราบปราม การบำบัดดูแล ฟื้นฟู  แต่หากเขายังมีกระแสเงินไปหล่อเลี้ยงได้เรื่องนี้ก็ไม่จบ เพราะฉะนั้นการมาวันนี้เป็นการต่อจิ๊กซอว์ให้ครบทุก ๆ ภาคส่วนอย่างแท้จริง และถือเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลนี้ได้ประกาศไปแล้วจังหวัดร้อยเอ็ดต้องเป็นจังหวัดสีขาวให้ได้ภายในสิ้นไตรมาส 3 นี้ เพราะเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องกัดกร่อนสังคมไทยมายาวนานมากและเป็นสารตั้งต้นหลายอย่าง โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เราทำควบคู่กันไปก็เป็นเรื่องสำคัญ ในเรื่องการตัดต้นต่อการผลิตด้วยการตัดต้นตอแหล่งเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ

พร้อมทั้งนายกฯ ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ส. และ สำนักงาน ปปง. บูรณาการความร่วมมือในการสืบสวน ปราบปราม ขยายผลเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยมาตรการทางทรัพย์สิน เพื่อทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้าและการเงินของกลุ่มนักค้ายาเสพติด รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ในการบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายยาเสพติด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรการทางภาษี เป็นต้น เพื่อดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของกลุ่มนักค้ายาเสพติด ตัดวงจรทางการเงินของกลุ่มนักค้ายาเสพติดในทุก ๆ รูปแบบ อีกทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือและเสริมสร้างแนวร่วมในการตรวจหาทรัพย์สินในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดำเนินการเชื่อมโยงระบบข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการปราบปราม และทำลายโครงสร้างการค้ายาเสพติด รวมไปถึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กระทรวงดีอี DSI  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาเว็บพนันออนไลน์ ด้วยการทำงานเชิงรุก เพื่อจับกุมผู้กระทำผิด ปิดเว็บไซต์ และขยายผลสู่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนใช้มาตรการทางกฎหมาย และมาตรการทางทรัพย์สินอย่างเข้มงวดเพื่อตัดวงจรการกระทำผิดและวงจรทางการเงินของเจ้าของเว็บพนัน   นอกจากนี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงาน ปปง. กสทช. ธปท. สมาคมธนาคารไทย DSI และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาแก๊ง Call Center ข้ามชาติ โดยเฉพาะการตัดตอนการโอนเงิน การแก้ไขปัญหาบัญชีม้า การสืบสาวไปจนถึงผู้ก่อเหตุและยึดทรัพย์สินเพื่อนำมาเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนพิจารณาจัดหาแนวทางการป้องกันการทำธุรกรรมทางการเงินกับแก๊ง Call Center ที่รัดกุม เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนถูกหลอกลวงและสูญเสียเงินได้ง่ายอีกต่อไป

“ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ยืนยันทุกคนเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ประเทศไทยแข็งแรงขึ้น ซึ่งการทำให้ปลอดยาเสพติดโดยการดำเนินการทั้งเรื่องการปราบปราม การเยียวยา ดูแลรักษาบำบัด การตัดตอนแหล่งเงินทุนที่เป็นสารตั้งต้น เพราะถ้าไม่มีเงินก็ทำไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เราเข้มมาก รวมถึงเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ เพราะเรื่องของยาเสพติดไม่ใช่แค่ยาบ้าที่เพิ่มขึ้นแต่เฮโรอีนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบว่าตลาดปลายทางจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย โดยช่วงบ่ายจะพบกับทูตออสเตรเลีย และสัปดาห์หน้าจะพบกับทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากทางสำนักงาน ปปง. ต้องการประสานงานในเรื่องใดก็ขอให้บอกได้ วันนี้สำนักงาน ป.ป.ส. และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาด้วยก็ขอให้ทำงานร่วมกันให้มากขึ้น อย่าทำงานเป็นไซโล ให้ทำงานเชิงรุกมองปัญหาไปข้างหน้าแล้วแก้ไข เหนือสิ่งอื่นใดขอเป็นกำลังใจและดูแลตัวเองดี ๆ” นายกฯ กล่าว

Advertisement

รัฐบาลตั้งเป้าดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 กรกฎาคม 2567 นายกฯ หนุนรัฐบาลผลักดันหน่วยงานภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการประชาชน พร้อมตั้งเป้าดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าผลจากการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ต่อยอดสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งผลักดันการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้อย่างครอบคลุม ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ (พ.ศ. 2567-2570) เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ นำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงาน พร้อมกำหนดค่าเป้าหมายดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index: EGDI) ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก ควบคู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (IMD Competitiveness Ranking) ด้านประสิทธิภาพภาครัฐ (Government Effectiveness) ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 20 ของโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ร่างยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญที่ระบุให้ ประเทศไทยเป็น รัฐที่ล้ำหน้า (Digital & Innovative Government) และรัฐที่เปิดกว้าง (Open Government) โดยมุ่งพัฒนาภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความทันสมัย สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาการทำงานและการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ซึ่งล่าสุดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลฯ เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พัฒนาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่

1) Paper Less ลดการใช้กระดาษให้เหลือน้อยที่สุด และใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ Cloud ซึ่งมีความปลอดภัย บริหารข้อมูลได้รวดเร็ว

2) ประยุกต์การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านหน่วยงานรัฐด้วยระบบ Digital ID เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ระหว่างโรงพยาบาล ร้านขายยา และสถานพยาบาลทั่วประเทศ โดยจะประสานงานร่วมกับสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)

3) สร้างความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมด้านดิจิทัล ผลักดันเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ ภายใต้ “โครงการอินเทอร์เน็ตสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต” พร้อมจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน และพัฒนาอาสาสมัครดิจิทัล ให้ความรู้ด้านดิจิทัล สร้างโครงข่ายเชื่อมโยงการสื่อสารทั่วประเทศ โดยบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งพัฒนาทักษะของคนรุ่นใหม่ สร้าง Start up โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนสนับสนุนธุรกิจด้านดิจิทัล ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

4) สร้างความมั่นคงปลอดภัยและความเชื่อมั่นในการใช้งานดิจิทัล เร่งปราบปรามและจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้บริการตลอด 24 ชม. รับเรื่องร้องเรียนภัยออนไลน์ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 ให้บริการสอบถามข้อมูลและรับเรื่องร้องเรียนภาครัฐ แจ้งเบาะแสข่าวปลอม อาชญากรรมออนไลน์

ทั้งนี้ ภายใต้ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการฯ กำหนดค่าเป้าหมายให้ดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก และมีคะแนนไม่ต่ำกว่า 0.82 (คะแนนเต็ม 1) ซึ่งจากการประเมินครั้งล่าสุดโดยองค์การสหประชาชาติ ปี 2565 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 55 (คะแนน 0.766 คะแนน) ของดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 193 ประเทศ (https://publicadministration.un.org/egovkb/en-us/Data/Country-Information/id/169-Thailand) ขณะที่ด้านอันดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (IMD Competitiveness Ranking) กำหนดค่าเป้าหมายให้ด้านประสิทธิภาพภาครัฐ ไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 20 ซึ่งปัจจุบันสถาบัน IMD จัดประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 คะแนน 55.1 ของปี 2567 (https://www.imd.org/entity-profile/thailand-wcr/#_yearbook_Government%20Efficiency)

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการผลักดันความพร้อมของภาครัฐในการมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศ เท่าทันสังคมเทคโนโลยีและนวัตกรรม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างหน่วยงาน พร้อมกับการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน อำนวยความสะดวกให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงบริการสาธารณะ และประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศที่ทันสมัย ก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค” นายชัย กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics