วันที่ 28 พฤศจิกายน 2024

เลื่อนแบนสารพิษ! “อนุทิน”ลั่นเรียกคุยภท. จ่อคืนกรมวิชาการเกษตรให้”เฉลิมชัย”

People Unity News : “อนุทิน” เรียกพรรคภูมิใจไทยคุย หลังมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลาแบน 2 สารเคมีออกไป และกลับมติเลิกแบนไกลโฟเซต จ่อถอยคืนกรมวิชาการเกษตร ให้รมว.เกษตรไปพิจารณา ระบุ ภท.เปลี่ยนรมต.ไม่ได้

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลา แบน 2 สารเคมีออกไป และอนุญาตให้ใช้ไกลโฟเซต ว่า ก็ต้องย้ำว่าให้รอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากการได้รับรายงานจาก 2 คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข คือ เลขาธิการอย. และอธิบดีกรมวิทยาศาสต์การแพทย์ ได้มารายงานให้ตนทราบว่ายังไม่มีการลงมติใดๆ อีกทั้งมติเดิมก็ยังมีการรับรอง แล้วจะอย่างไรต่อไปดังนั้นต้องไปถามนายสุริยะ ซึ่งตนจะรอฟัง

นายอนุทิน กล่าวว่า ยังยึดหลักของกระทรวงสาธารณสุขคือเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชน ต่อให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติอย่างไรก็ตามแต่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามติที่ประชุมออกมาอย่างไรเราก็เคารพ

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้พบและพูดคุยกับนายสุริยะแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้เจอกันนิดนึงที่สภา ก็ไม่มีอะไร เรื่องนี้อย่าเอาไปผูกกับการเมืองเป็นอันขาด คนละเรื่องกันเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของสุขภาพ เรื่องของสารพิษและเป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งนายสุริยะ แม้เป็นประธานกรรมการแต่ก็เป็นหนึ่งเสียงในคณะกรรมการชุดนั้น เป็นผู้นำการประชุมไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นำหรือไปเปลี่ยนมติอะไรได้

เมื่อถามว่าแต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวถูกมองไปเป็นเรื่องการเมืองแล้ว หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กำลังพูดอยู่ขณะนี้ว่าอย่าไปมองเป็นการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องของการทำงาน ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมากรรมการวัตถุอันตรายลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้แบน 3สารนั้นในวันที่ 1 ธค.นี้ และกรมวิชาการเกษตรจะต้องทำเรื่องมาให้ที่ประชุมกรรมการลงนาม แต่ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พย.นั้นไม่มีการทำเรื่องมาให้ประธานกรรมการลงนามและการประชุมดำเนินต่อไปอย่างไรไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือตรงถึงที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดย ที่น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ทราบเรื่องถือว่าข้ามขั้นตอนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็เขาก็ข้ามขั้นตอนอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว แต่เป็นอันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ฟังคำสั่งรมช. มนัญญาดังนั้นผมก็ต้องไปพูดคุยกัน ในพรรคภูมิใจไทยเราก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องคืนกรมวิชาการเกษตรไปให้รมว.ดูแล หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า ก็ในเมื่อควบคุมกันไม่ได้และปวดหัวกันอย่างนี้ ในเมื่อเราพยายามทำในเรื่องนี้แล้วเขาไม่ตอบสนอง ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่เป็นไร คงต้องคุย กันในพรรคภูมิใจไทยก่อน ผมเป็นหัวหน้ามนัญญา ผมก็ต้องบอกว่าจะทู้ซี้คุมไปทำไม กลุ่มแล้วก็กลุ่มไม่ได้แล้วทะเลาะกันเราไม่อยากให้ข้าราชการ กับข้าราชการการเมืองมาทะเลาะกันมันดีเสียเมื่อไหร่ ก็ต้องเสนอไปถึงผู้บังคับบัญชาของรมช. มนัญญาก็คือนายเฉลิมชัย รมว.เกษตร ถ้าจะคืนก็ต้องทำหนังสือขอคืนด้วยเหตุผลอะไรบ้างก็ต้องเขียนลงไป เช่น ควบคุมไม่ได้ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายอย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องขอคืนจากนั้นก็ต้องให้รมว. เฉลิมชัยพิจารณาว่าจะให้ดูต่อหรือจะเปลี่ยนกรม ในเมื่อรัฐมนตรีเปลี่ยนไม่ได้ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนกรม

เหตุเสียเวลาเชื่ออนาคตเกิดซ้ำอีก ฝ่ายค้านจ้องเอาคืนแน่

People Unity News : “ชวน”รับไม่อยากให้ลงคะแนนใหม่ หลังรบ.แพ้โหวต เหตุเสียเวลาเชื่ออนาคตเกิดซ้ำอีก ฝ่ายค้านจ้องเอาคืนแน่ ขณะที่ฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรมนับคะแนนต่อ เลื่อนซักฟอกรัฐบาลปลายเดือน ม.ค.63 อ้างใกล้ปีใหม่

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมสภาฯที่มีองค์ประชุมไม่ครบจนต้องสั่งเลิกการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.นี้ ระหว่างการเตรียมนับคะแนนใหม่ จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและผลกระทบจากการใช้ประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) ว่า การขอให้มีการนับคะแนนใหม่เป็นสิทธิตามข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อที่ 85 เมื่อมีผลคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่ตามข้อบังคับกำหนดให้การนับคะแนนใหม่ต้องใช้วิธีการขานชื่อลงคะแนน

“บรรยากาศอย่างนี้มีทุกสมัย แต่นี่เป็นครั้งแรก ตอนพักการประชุมก็พยายามเจรจากันว่าจะจบลงด้วยดีอย่างไร แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมถอน อีกฝ่ายเลยเดินออกจากห้องประชุม ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการข้อบังคับ” นายชวน กล่าว เมื่อถามว่าต้องตำหนิใครเป็นพิเศษหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ต้องไปถามคนที่ไม่ลงชื่อครับ”

เมื่อถามว่าต่อไปฝ่ายรัฐบาลอาจใช้วิธีการนี้แก้เกมครั้งต่อไปหากมีการแพ้โหวตอีกหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ผมว่าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลแล้ว ฝ่ายค้านเขาก็มีสิทธิแล้ว สมมติฝ่ายค้านเห็นว่าคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน เขาก็ขอนับคะแนนใหม่ อันนี้ คือสิ่งที่คาดการณ์กันว่าจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต”

เมื่อถามอีกว่าหากมีการใช้วิธีการกันแบบนี้บ่อยครั้งจะมีผลให้การทำงานของสภาเดินหน้าไปได้ช้าหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ปกติเขาก็ใช้ ปกติก็ไม่ค่อยใช้ แต่นี่เป็นครั้งแรกของสภานี้นับตั้งแต่มีการเปิดสมัยประชุมมาที่มีการใช้การนับคะแนนใหม่”

“เมื่อวานนี้ผมถึงย้ำว่ายืนยันไหมว่าจะให้มีการนับคะแนนใหม่ เพราะผมไม่อยากให้นับคะแนนใหม่ ทำให้เสียเวลาเยอะเลย แต่ฝ่ายรัฐบาลยังยืนยัน เมื่อยืนยันก็ไม่มีทางทำอย่างอื่นได้นอกจากจะนับคะแนนใหม่ พอนับคะแนนใหม่ฝ่ายค้านก็เดินออก องค์ประชุมก็ไม่ครบ ต้องมานับกันใหม่วันนี้ เรียกชื่อกันวันนี้” นายชวน กล่าว

สำหรับเรื่องปัญหาเครื่องการลงคะแนน ประธานสภาฯ กล่าวว่า โดยทั่วไปปัญหาไม่ได้มีมาก เพราะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วปรากฎว่าบัตรของส.ส.บางคนสกปรก โดยเมื่อเอามาทำความสะอาดก็ใช้ได้ปกติ ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูทุกจุดและรายงานมาอย่างที่ได้กล่าวข้างต้น จะไปโทษเครื่องทั้งหมดไม่ได้

ฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรมนับคะแนนต่อ

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ในการประชุมสภาฯวันนี้ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมนับคะแนนด้วย ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหากันเอง เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีผลในระยะยาว ความจริงตามข้อบังคับการประชุม ฝ่ายค้าน มีโอกาสที่จะขอนับคะแนนใหม่แต่แนวทางเราไม่ทำ เกรงจะมีผลกระทบ การทำงานของสภา

เลื่อนซักฟอกรัฐบาลปลายเดือน ม.ค.63 อ้างใกล้ปีใหม่

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า วันนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะให้คำตอบว่าการนับเวลาจะใช้ 1 ปี หรือสมัยประชุม ซึ่งจะครบวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 63 ดังนั้นฝ่ายค้าน ก็จะหารือกันว่าเดือนธันวาคม ใกล้ช่วงปีใหม่ วันเลือกตั้งซ่อมจังหวัดขอนแก่น สมาชิกพรรคหลายคนก็เป็นกรรมาธิการงบประมาณฯ กว่าจะบรรจุก็เกือบปลายเดือนธันวาคม ถ้าเลื่อนไปในปลายเดือนมกราคม 63 อาจจะมีประโยชน์มากกว่าจะได้ไม่เสียของ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้อาจจะเลื่อน

“ศักดิ์สยาม”ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ หลังพบพิรุธ 9 ข้อ ชงต่อ DSI เอาผิดแพ่งและอาญา

People Unity News : รมว.คมนาคม แจง กมธ.กฏหมายฯ ลั่นไม่จ่ายค่าโง่โอปเวลล์ 2.4 หมื่นล. หลังพบพิรุธใหม่ 9 ข้อ จ่อชงDSI จัดการเอาผิดแพ่งและอาญา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงภายหลังเข้าชี้แจงกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ถึงกรณีการจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า หลังจากตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วันที่ 31 กรกฎาคม ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษากรณีการจ่ายค่าชดเชยให้บริษัทโอปเวลล์ โดยได้รับข้อมูลจากผู้ที่หวังดีต่อประเทศชาติ เพราะเกรงว่าการจ่ายเงินให้โครงการดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง และมีข้อพิรุจหลายประการที่หน่วยงานของรัฐไม่นำไปเป็นคู่ต่อสู้คดีที่ผ่านมา

คณะทำงานได้ศึกษารายละเอียดโครงการอย่างรอบคอบ พบข้อพิรุจทั้งหมด 9 ข้อ คือ 1.วันที่ 6 ตุลาคม 2532 รายละเอียดโครงการไม่ตรงตามมติ ครม. 2.วันที่ 16 ตุลาคม 2532 การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ รวดเร็วผิดปกติ และให้สิทธิประโยชน์มากกว่าตามหลักการที่เป็นมติ ครม. 3.วันที่ 15 มกราคม 2533 มีการแทรกแซงรายละเอียดโครงการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และคณะกรรมการฯ มีการเอื้อประโยชน์ให้โฮปเวลล์-ฮ่องกง 4.วันที่ 31 พฤษภาคม 2533 โฮปเวลล์-ฮ่องกง เสนอเงื่อนไขไม่ตรงตามประกาศของคณะกรรมการฯ 5.วันที่ 6 กรกฎาคม 2533 มีความผิดปกติในการร่างสัญญาสัมปทานและการลงนามในสัญญาสัมปทาน 6.เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2533 มีการเอื้อประโยชน์ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และหลีกเลี่ยงการใช้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 28 (ปว.281) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 7.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 การลงนามในสัญญาสัมปทานไม่เป็นไปตามมติ ครม. 8.วันที่ 4 ธันวาคม 2533 มีการรายงานเท็จต่อ ครม. และ 9.บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด ไม่มีสิทธิได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าทั้ง 9 ข้อ เป็นข้อมูลใหม่ที่จะฟ้องต่อศาลให้สัญญาเดิมเป็นโมฆะเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินแผ่นดิน หรือค่าโง่ จำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด โดยตนได้นำเรื่องดังกล่าวรายงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อให้รับทราบ โดยนายกฯกำชับให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้ศึกษาควบคู่ไปด้วย

ส่วนขั้นตอนในการดำเนินคดี การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้กรมพัฒนาธุกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อให้เพิกถอนบริษัทโอปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นโมฆะในการเป็นคู่สัญญาของโครงการฯ ซึ่งมีเวลาพิจารณาภายใน 30 วัน หากเพิกเฉยก็จะร้องศาลปกครองให้มีคำสั่งต่อไป ซึ่งในระหว่างนี้จะไม่มีการบังคับคดีให้ชดเชยค่าเสียหาย ขณะเดียวกันก็เตรียมยื่นเอกสารทั้งหมดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการเอาผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา รวมถึงยกเป็นคดีพิเศษ เพราะมีหน่วยงาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

ฝ่ายรัฐบาลแพ้สภาฯป่วนจนล่ม! โหวตตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44

People Unity News : ฝ่ายรัฐบาลแพ้สภาฯป่วนจนล่ม! โหวตตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44 “ชวน”ขอให้สมาชิกรักษามารยาทไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้ดำเนินการขอมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีผู้เข้าประชุม 467 คน ลงคะแนนเห็นด้วย 234 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดลงคะแนน 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

ทั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และเสนอให้มีการนับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ ส่งผลให้ฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วง และกล่าวหาว่าประธานฯ ไม่เป็นกลาง ซึ่งนายชวน ยืนยันว่าตนมีความเป็นกลางในการทำหน้าที่ แต่การที่มีสมาชิกเสนอนับคะแนนใหม่เป็นสิทธิของสมาชิกตามข้อบังคับ โดยตนจะยึดถือข้อบังคับ ข้อ 85 ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้

“ผมมาจากพรรคเสียงข้างน้อย ถ้าไม่เป็นกลางก็อยู่ไม่ได้ ผมจำเป็นต้องยึดถือข้อบังคับ ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น” นายชวน กล่าว พร้อมระบุว่า ขอรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยได้ตั้งตัวแทนจากพรรคการเมืองเป็นกรรมการนับคะแนน เพื่อลงคะแนนใหม่ แต่ปรากฎว่าฝ่ายค้านไม่ส่งตัวแทนเป็นกรรมการนับคะแนน พร้อมมีเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายชวน

“ขอให้สมาชิกรักษามารยาทด้วย ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน” นายชวน กล่าว

ขณะที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่านค้าน ได้เสนอให้พักการประชุม นายชวน จึงได้สั่งพักการประชุม 15 นาที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเริ่มประชุมนายชวนได้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายค้านแล้วพากันเดินออกจากห้องประชุม จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ทั้งนี้สมาชิก ส.ส.มีทั้งหมด 499 คน ซึ่งเมื่อนับองค์ประชุมต้องให้กึ่งหนึ่งคือ 250 คน ถึงจะดำเนินการประชุมต่อได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภานับองค์ประชุมปรากฎว่ามีเพียงแค่ 92 คน จึงสั่งปิดการประชุม และให้มาประชุมเพื่อลงมติใหม่อีกรอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเสียงข้างมาก 236 เสียง เห็นด้วยกับการตั้งกมธ.ฯ เป็นเสียงของพรรคฝ่ายค้าน และมีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นด้วย เนื่องจากเป็นผู้เสนอญัตติ

ขณะที่เสียงข้างน้อยที่ไม่ให้ตั้งมี 231 เสียง โดยเป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และมีผู้งดออกเสียง จำนวน 2 เสียง คือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง

“ช่อ”จวกรบ.ขอนับคะแนนใหม่

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลขอให้มีการนับคะแนนใหม่การโหวตตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ว่า เป็นที่แน่ชัดและมีการถ่ายทอดสดการประชุมไปยังประชาชนทั่วประเทศในการลงมติฝ่ายที่เห็นด้วยในการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจาก ม.44 ด้วยคะแนน 234 ต่อ 230 คะแนน แต่กลับมีการขอโดยทางประธานวิปรัฐบาลให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถนับคะแนนใหม่ได้จริง ถ้าหากคะแนนห่างกันไม่เกิน 25 คะแนน แต่ว่าการนับคะแนนใหม่ กับการรวมคะแนนใหม่นั้นไม่เหมือนกัน

“ไม่ต้องทราบเรื่องระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาใดๆ เลยก็ได้แต่ขอให้ประชาชนใช้สามัญสำนึกพิจารณาดูว่าถ้าหากการโหวตของสภา ฝ่ายที่แพ้โหวตมาขอให้นับคะแนนใหม่แบบนี้ เราจะมีสภาไว้ทำไม เสียงข้างมากเมื่อชนะแล้วจำเป็นต้องดำเนินต่อไป ที่สำคัญการตั้ง กมธ.ชุดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายอย่างการอภิปรายไม่วางไว้วางใจ การตั้ง กมธ.เราคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะอยู่ฝักฝ่ายการเมืองใดก็ย่อมสมควรที่จะเห็นด้วยและนำเสนอความเห็นของตัวเองในชั้น กมธ. ตนจึงไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ทางประธานวิปรัฐบาลต้องมาขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และทำให้เกิดความวุ่นวาย” น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ทั้งนี้ทางเรายืนยันว่าหากมีการให้นับคะแนนใหม่จริงๆ จากนี้สภาจะมีสภาพเป็นอย่างไรถ้าฝ่ายหนึ่งแพ้หรือฝ่ายหนึ่งขอให้นับใหม่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ สภาอันเป็นตัวแทนของประชาชนเป็นตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่ และหากผลโหวตออกมาไม่เหมือนเดิม ประชาชนก็คงต้องเป็นผู้ตัดสินว่าเมื่อฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ต้องการตั้ง กมธ.ชนะไปแล้ว กลับมีการประท้วงจากฝ่ายรัฐบาลขอให้ลงคะแนนใหม่อีกครั้ง และกลับกลายเป็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ตั้งหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการให้เกิดการเยียวยาชดเชยกับผู้ได้รับผลกระทบจาก คสช.หรือไม่ ไม่ต้องการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ถูกพรากสิทธิเสรีภาพจากประชาชนในยุค คสช.หรือไม่

“อนุทิน”ผิดหวัง! มติ คกก.วัตถุอันตรายฯเลื่อนแบนสารพิษ

People Unity News : “อนุทิน”ชี้ มติ คกก.วัตถุอันตรายฯ เลื่อนแบนสารพิษ ไม่กระทบเรือเหล็ก แต่ยอมรับ “ผิดหวัง” ก้มหน้ารักษาชีวิตประชาชนต่อไป พร้อมรณรงค์ให้เกษตรกรระวังขอให้โชคดี อโรคยา ปรมา ลาภา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตราย พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้กำหนดระยะเวลาใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 จากเดิม 1 ธันวาคม 2562 ส่วนวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข กล่าวว่า ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงมติเดิม แต่อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวไม่เป็นเอกฉันท์ เพราะคณะกรรมการในสัดส่วนของกระทรวงสาธารณสุขยังคงยืนยันให้มีการแบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจาณณ์ว่ามตินี้จะมีผลต่อการพิจารณาในการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการพิจาณาของคณะกรรมการแต่ละท่านซึ่งมีอิสระ เพียงแต่ว่าจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขคือ อะไรที่มีปัญหาต่อสุขภาพ ต่อชีวิตประชาชน เราเห็นชอบด้วยไม่ได้

“เราต้องให้เกียรติ เพราะคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดนี้ มีท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ก็ต้องไปฟังท่านแถลง ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็สุดซอยแล้ว รัฐมนตรีมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ก็สุดซอยแล้ว ทำเต็มที่เพื่อปกป้องสุขภาพ รักษาชีวิตพี่น้องประชาชน แต่ทั้งหมดมันมีกระบวนการการลงมติกัน ฝ่ายเสียงข้างน้อยก็ต้องทำตามกฎหมาย”

เมื่อถามว่า ผิดหวังหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า เรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญกว่าชีวิตคน นายอนุทิน ระบุว่า ก็ผิดหวัง ถ้าหากมีกฎหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจหักล้างมติวันนี้ ตนก็จะเซ็นตอนนี้เลย แต่มันทำไม่ได้

นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องการแบนหรือไม่แบนสารพิษ ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล เพราะคณะกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ผู้แทนจากราชการอย่างเดียว เขาออกมติมาแบบไหนเราก็ต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับก็แปลว่าเราไม่เคารพกฎหมาย เราได้แสดงเจตนาของเราแบบนี้ ในเมื่อเห็นเป็นอย่างอื่น เราก็ต้องกลับมาทำหน้าที่เดิม ก็คือกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะรักษาให้หายต่อไป

“เรื่องนี้จะไม่ใช่รูเล็กๆ ให้เรือเหล็กล่ม เพราะผมมีช่างอ๊อก จบวิศวกรรมโลหะ เรื่องจุดยืนของพรรคร่วมแต่ละพรรคจะเห็นต่างก็ไม่เป็นไร เพราะแต่ละกระทรวงมีภารกิจและมุมมองต่างกัน กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงเกษตรฯก็มีมุมมองอีกอย่าง อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของสาธารณสุขจากนี้ ต้องรณรงค์ให้เกษตรกรระวังมากขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสมากขึ้น ใช้ตามคำแนะนำเพิ่มมากขึ้น และขอให้โชคดี อโรคยา ปรมาลาภา” นายอนุทินกล่าวในตอนท้าย

“หมอธีระวัฒน์”ซัดพึ่งพารบ.ไม่ได้ ปชช.ต้องมารับผลกระทบ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายยืดเวลาแบนสารเคมีพาราควอตและคลอร์ไพรีฟอส และให้ใช้ไกลโฟเซตต่อ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่ายอมรับผลมติ ว่า ถึงนายอนุทิน จะยอมรับมติก็จริง แต่ประชาชนไม่ยอมรับ และการขับเคลื่อนให้ประชาชนรับทราบอันตรายตรงนี้ก็ต้องทำต่อ และต้องให้ประชาชนเรียกร้องสิทธิชีวิตตัวเอง รวมทั้งเวลาจะซื้อพืชผักผลไม้ ต้องให้ถามคนขายว่า มีการใช้สารเคมีหรือไม่ และหากไม่แน่ใจว่าคนขายโกหกหรือไม่ ตอนนี้เรากำลังพัฒนาชุดตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้มีราคาถูกและแม่นยำ รวดเร็วภายใน 10 นาที เพื่อให้ช่วยอีกที เรียกว่า ผู้บริโภคดูแลกันเอง โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐบาลแล้ว เพราะพึ่งพาไม่ได้แล้ว

“หากท่านอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่ายอมรับมติจริง ในฐานะที่ผมเป็นหมอที่รักษา และเชื่อว่าหมออีกหลายคนยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแบบนี้ประชาชนต้องมารับผลกระทบกันเอง” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

“ชาดา”เดือด! ไม่แบนไกลโฟเซต

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอย่างมีอารมณ์ภายหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเลื่อนการแบนการใช้ 2 สารเคมีทางการเกษตร โดยไม่แบนไกลโฟเซตว่า รู้สึกไม่พอใจ เพราะมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดที่แล้ว ได้มีมติยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีไปแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ ไม่มีการลงมติ จึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการออกมาแถลงผลเลื่อนการยกเลิกแบนสารเคมี จึงเรียกร้องให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจง รวมถึงนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คืนกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ บริหารแทนแล้ว เพราะหากไม่สามารถบริหารสั่งการได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปควบคุมดูแลใด ๆ ต่อ

ส่วนนางสาวมนัญญา จะลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายชาดา ยืนยันว่า ไม่จำเป็น เพราะรัฐมนตรี และพรรคภูมิใจไทย ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถแล้ว และยังถูกผู้เสียผลประโยชน์ด่าทอต่าง ๆ นานา แต่ผู้ที่ต้องลาออกควรเป็นผู้ที่ทำไม่ถูกต้อง พร้อมเปิดเผยว่า นางสาวมนัญญา ยังมีกำลังใจในการทำงาน และหลังจากนี้เสนอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน นัดจุดเทียนหน้าบ้าน ถ้าประชาชนจุดทียน ไม่เอาสารพิษ ไม่รัฐมนตรีที่เอาสารพิษ ทุกอย่างก็น่าจะจบ

ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะมีการหารือมาตรการใด ๆ หลังจากนี้หรือไม่นั้น นายชาดา ยืนยันว่า ไม่จำเป็น เพราะจะต้องรักษามารยาทในพรรคร่วมรัฐบาล แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีมารยาท พรรคภูมิใจไทย คงไม่ทำเช่นนั้น

“ช่อ” ย้ำชัด “เดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่นโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ก่อนสมัคร ส.ส. 7 วัน

People Unity News : “ช่อ” ย้ำชัด “เดียร์” เคยถือหุ้นเนชั่น ตั้งข้อสังเกตโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ – ก่อนสมัคร ส.ส.เพียง 7 วัน ถามทำไมไม่ทำพร้อมหุ้นสื่ออื่นซึ่งเกิดในตลาดหลักทรัพย์ – จี้ กกต. ตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราาฏรตามรัฐธรรมนูญ โดยพรรณิการ์ กล่าวว่า การที่ตนได้ตั้งคำถามถึงเรื่องการถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่นของคุณวทันยา วงษ์โอภาสี ที่ก่อนหน้านี้คุณวทันยา ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยเกี่ยวข้อง และไม่เคยถือหุ้นเครือเนชั่นเลย ตนยืนยันได้ว่าสามารถไปตรวจเช็คได้ในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของคุณวทันยา และคุณฉาย บุนนาค คู่สมรส

“มีการยืนยันชัดเจนว่าคุณวทันยา ได้โอนหุ้นบริษัทเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ป ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าคุณวทันยา เคยถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่น ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับเนชั่นตามที่เป็นข่าวออกมา ข้อสังเกตในความผิดปกติที่มากไปกว่านั้นก็คือ การโอนหุ้นเครือเนชั่น ของคุณวทันยา เกิดขึ้นก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐเพียง 7 วัน ถือเป็นการกระทำที่กระชั้นชิดเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้คุณวทันยา ได้ขายหุ้นของนิวส์ เน็ตเวิร์ค ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่สามารถบิดเบือนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561” นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวต่อ ตนขอตั้งคำถามไปยังคุณวทันยาดังนี้ 1.เหตุใดเมื่อมีการโอนหุ้น นิวส์ เน็ตเวิร์ค ไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 2561 แต่หุ้นจำนวนเพียงเล็กน้อยของเครือเนชั่น ที่คุณวัทนยาถืออยู่ จึงไม่ได้มีการโอนออกไปในช่วงเวลาเดียวกัน กลับมีการโอนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งก่อนการรับสมัครรับเลือกตั้งเพียง 7 วัน 2.การโอนหุ้น นิวส์ เน็ตเวิร์ค เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่ว่าการโอนหุ้นเครือเนชั่น มัลติมีเดียกรุ๊ปนั้น กลับเป็นการโอนนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการโอนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์หมายความว่า เป็นการทำหนังสื่อสัญญาฝ่ายเดียวของเนชั่น ก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้นได้ว่า หากเป็นหนังสือสัญญาฝ่ายเดียวไม่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้ผ่าน TSD (ศูนย์กลางรับฝากหลักทรัพย์) อย่างที่คุณวทันยาได้อ้างเอาไว้ และจะมีข้อสงสัยเกิดขึ้นได้ไหมว่า 3.ทำไมถึงมีการโอนหุ้นที่กระชั้นชิดเพียงไม่ถึง 7 วันก่อนรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งที่หุ้นสื่ออื่นๆที่คุณวทันยาถืออยู่ ได้โอนไปหลายเดือนก่อนหน้านั้นแล้ว

“ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดิฉันอยากจะขอฝากไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ได้ยื่นเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงการถือหุ้นของคุณวทันยา และการโอนหุ้นนอกตลาดในครั้งนี้ มีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร ดิฉันต้องการให้คุณวทันยาได้ชี้แจงต่อกกต. ในเรื่องนี้” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่ เนชั่นจะดำเนินการฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา ว่า ตนเองขอยืนยันการแถลงข่าวกรณีที่พรรคอนาคตใหม่โดนโจมตีจากสื่อบางสำนัก เป็นการพูดบนหลักการของข้อเท็จจริง และเป็นการวิจารณ์แบบสุจริต อีกทั้งเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวร้ายป้ายสีมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังเป็นการให้สื่อมวลชนตระหนักถึงจรรยาบรรณและวิชาชีพในการเสนอข่าว
ส่วนการที่เนชั่นฟ้องกลับนั้น โดยส่วนตัวมองว่า เป็นสิทธิของเนชั่นที่สามารถทำได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเฟคนิวส์ ทีมกฎหมายของพรรค กำลังรวบรวมข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ เพื่อจะดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าว และปล่อยข่าวที่บิดเบือน ซึ่งตนเอง ได้เตือนไปยังสื่อฯ ต่าง ๆ ให้เลิกเผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยัน การดำเนินการลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นการท้าชนในเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมาย แต่เพื่อให้สื่อฯ ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพที่ควรจะเป็น นางสาวพรรณิการ์กล่าว

“พล.ต.บุรินทร์ – เสธ.พีท”แจง”กมธ.ปิยบุตร” ยันไม่เคยคิดเป็นศัตรูประชาชน-แค่ผู้รับมอบอำนาจ

People Unity News : “กมธ.กฎหมายฯ” เชิญ “พล.ต.บุรินทร์ – เสธ.พีท” ชี้แจงปมร้องทุกกล่าวโทษผู้เห็นต่างทางการเมือง -​ เผยเป็นแค่ผู้รับมอบอำนาจ ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจได้ ย้ำ ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับประชาชน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภาเกียกกาย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายปิยบุตร แสงกนก​กุล​ ในฐานะประธาน กมธ. พร้อมคณะ เปิดประชุมในวาระพิจารณา​ศึกษากรณีการดำเนินคดีโดยรัฐ เพื่อกลั่นแกล้งประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง ทางด้านกลุ่มผู้ร้องเรียนที่เดินมาร่วมให้ข้อมูลทั้งสิ้น 10 ราย ได้แก่ นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว, นายธนพล พันธุ์งาม, นางศรีไพร นนทรีย์, นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย, นายเกษมชาติ ฉัตรนิรัติศัย, นางสาวดวงทิพย์ ฆารฤทธิ์, นางสาวณัฎฐา มหัทธนา, นายกฤต แสงสุรินทร์ และนายวศิน พงษ์เก่า โดยมีพลตรี บุรินทร์ ทองประไพ ในฐานะสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และพันเอก พิทักษ์พล ชูศรี ผบ.กรมทหารพราน ที่ 22 เป็นผู้ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ​ถึงกรณีดังกล่าว

โดยเริ่มต้น นายปิยบุตร ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มนักกิจกรรมที่โดนคดีความได้เป็นผู้ซักถาม และพูดถึงคดีความของตนเอง จากนั้นเปิดโอกาสให้กรรมาธิการแต่ละคนได้ร่วมซักถาม สลับกับให้ พล.ต.บุรินทร์ และ พ.อ.พิทักษ์พล ชี้แจงเป็นระยะ โดย น.ส. ชลธิชา กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร 24 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ตนโดนไปแล้ว 7 คดี ซึ่งทุกคดีผู้แจ้งความคือ พล.ต.บุรินทร์ ทั้งนี้ ตนใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต จัดกิจกรรมโดยสงบ สันติ โดยตลอด กรณีนี้เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมืองหรือไม่

“โบว์” เชื่อมีกระบวนการปิดปากผู้เห็นต่าง

น.ส.ณัฎฐา ระบุว่า คดีความที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เชื่อว่ามีการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ เป็นกระบวนการคุกคาม กลั่นแกล้งดำเนินคดีปิดปากประชาชน ทางหนึ่งคือ ให้มีผู้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว กับอีกทางหนึ่งคือ มีสร้างข่าวปลอมให้ร้ายทำลาย แม้ผู้เสียหายเช่นตนเองจะมีการแจ้งความดำเนินคดี แต่ไม่มีการดำเนินคดีดังกล่าว ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

นางศรีไพร ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต ระบุว่า ปัญหาแรงงานหลังจากมีรัฐประหาร คนงานย่านรังสิตตกงานทันที 300 กว่าคน นายจ้างฉวยโอกาสปิดโรงงาน แรงงานไม่อาจชุมนุมเรียกร้องได้ อำนาจต่อรองแรงงานหมดสิ้น ตนจึงต้องมาแสดงออกในเรื่องนี้ แต่ก็ถูกดำเนินคดี และอีกเรื่องคือ หลังการรัฐประหาร ปัญหาคนงานได้รับการแก้ไขช้าลง คนที่ออกมาเรียกร้อง ถูกติดตาม ทหาร ตำรวจ ตามถึงบ้าน แม้ปัจจุบัน มีการเลือกตั้งแล้ว วันนี้ก็ยังไม่มีความเป็นอิสระ

ขณะที่ น.ส.ดวงทิพย์ กล่าวว่า แม้ตนเองจะเป็นทนายความสิทธิมนุษยชน ทำงานในพื้นที่ภาคอีสาน แต่จากการเข้าไปสังเกตการณ์ก็ถูกดำเนินคดี ซึ่งบุคคลสำคัญที่ร้องทุกข์กับประชาชน กลุ่มนักศึกษาในพื้นที่ ส่วนใหญ่แล้วคือ พ.อ.พิทักษ์พล ชูศรี ไม่ว่าจะเป็นกรณีการพาเจ้าหน้าที่บุกค้นโดยไม่มีหมายค้นบ้านนักศึกษาดาวดิน หรือ แจ้งความดำเนินคดี ม.112 กับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากกรณีการแชร์ข่าวบีบีซีไทย

กมธ.ร่วมซัก -กระบวนการแจ้งความ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการซักถามของ กมธ.นั้น นายปิยบุตร ประธาน กมธ.ถามว่าในการดำเนินคดี 1. อาศัยอำนาจกฎหมายใด 2.ในการไปแจ้งความมีคำสั่้งจาก คสช.ให้เป็นผู้แทนหรือตัดสินใจได้ตัวเอง ด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ เลขานุการกรรมาธิการ กมธ. ถามว่า 1.ในการได้รับมอบอำนาจ แต่ละคดีเป็นเรื่องที่ฝ่ายข่าวชงเรื่องแล้วเบื้องบนมอบอำนาจให้ หรือ เบื้องบนเห็นข่าวและเห็นว่าจะดำเนินคดีเลยขอข้อมูล แล้วส่งให้ท่านในฐานะผู้รับมอบอำนาจ 2.ที่ผ่านมา มีบางคดีที่ยกฟ้อง ซึ่งหากผู้บังคับสั่งให้แจ้งความ ท่านมีดุลยพินิจเห็นว่าไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิด ท่านมีสิทธิ์ที่จะแย้งไม่ดำเนินคดี หรือว่าต้องยืนยันแจ้งความดำเนินคดี

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม โฆษก กมธ. ถามว่า กรณีที่มีการดำเนินคดีกับผู้แชร์ข่าว หรือบทความ เช่น ในกรณีของการแชร์ข่าวบีบีซีไทย ซึ่งมีผู้แชร์ข่าวดังกล่าวไปกว่า 3,000 คน แต่ที่ถูกดำเนินคดีมีเพียง 2 คนนั้น พิจารณาจากอะไร

แจงเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจาก คสช.

ด้าน พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษ สำหรับตนเองและ พ.อ.พิทักษ์พล อยู่ในฐานะผู้รับมอบอำนาจเท่านั้น เพียงรับส่งมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้ไปดำเนินคดีตามตามคำสั่ง คสช. ตั้งแต่ ปี 2557 ซึ่ง แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.ด้านกองกำลัง มอบให้ ผบ. กองกำลังต่างๆมีอำนาจ 2.ส่วนที่ขึ้นกับสำนักงานเลขาธิการรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อสำนักงานเลขาฯได้รับมติ​จากคณะ คสช.ให้ดำเนินคดีกับบุคคลใดก็ตาม ก็จะทำหนังสือมอบอำนาจมายังตน แล้วจะปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา​ต่อไป โดยตนจะเป็นผู้รับมอบอำนาจในเรื่องการเมือง และยังมีเรื่องอื่นๆ ที่มีคนอื่นรับผิดชอบ เช่นเรื่องเกี่ยวกับ ยาเสพติด อาวุธสงคราม เป็นต้น ในกรณีของตน ทุกคดี เป็นคดีความสงบเรียบร้อย เป็นอาญาเกี่ยวกับความมั่นคง จึงเป็นความผิดยอมความไม่ได้ ที่ว่าตนแจ้งความแล้ว 200-300 คดี เป็นคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับ คสช.

พล.ต.บุรินทร์ กล่าวด้วยว่า 1.เมื่อมีเหตุการณ์จะมีการรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน นำเสนอ คสช. พิจารณาแล้วถึงมอบหมาย โดยส่งพยานหลักฐานมาให้ 2.เมื่อรับคำสั่งแล้ว ไม่มีโอกาสใช้ดุลยพินิจ เป็นคำสั่งต้องปฏิบัติตาม ส่วนการดำเนินคดีกับผู้แชร์ข้อความที่มีความผิด กรณีบุคคลผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักสามารถติดตามได้ ขณะที่บุคคลอื่นๆ อาจต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ บางคนใช้ชื่อปลอม

ลั่นไม่เคยผลักประชาชนเป็นศัตรู

พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า อยากเรียนว่า เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เราถึงได้รับมอบอำนาจให้ไปแจ้งความดำเนินคดี และทุกครั้ง ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย ตนไม่สามารถพูดลึกไปกว่านี้ได้ เป็นผู้ได้รับอำนาจตามกฎหมาย เป็นผู้ปฏิบัติตามเท่านั้น ถ้าไม่ปฏิบัติก็มีความผิด ไม่เคยมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรู ทุกคนเป็นพลเมือง เราทำทุกอย่างให้ประเทศเดินหน้า เราไม่มีทางที่จะผลักให้ประชาชนเป็นศัตรู ไม่มีประเทศไหน รัฐไหนทำอย่างแน่นอน กองทัพต้องอยู่กับประชาชน เรื่องที่แจ้งความแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องพนักงานสอบสวน ที่จะต้องติดตาม ซึ่งเมื่อพยานหลักฐานชัดเจนเขาก็ต้องติดตามเรื่อง

ขณะที่ พ.อ.พิทักษ์พล กล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่แชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับคดี ป.อาญา ม.112 ว่า มาจากการติดตามกลุ่มข่าวของจังหวัดขอนแก่น โดยสันติบาล ข่าวกรองแห่งชาติ ก็เข้ามาดูเรื่องนี้ ซึ่งขณะนั้นมีการแชร์บทความที่เกี่ยวข้องกับ ม.112 เมื่อไปดู ฝ่ายกฎหมายให้คำปรึกษา แจ้งให้ไปร้องทุกข์ เรื่องตนกับไผ่ หรือนายจตุภัทร์ ไม่ได้มีเหตุแค้นเคืองอะไรกันมาก่อน ตนแจ้งความในฐานะเจ้าพนักงาน และไม่ก้าวล่วงเรื่องการดำเนินคดีแต่อย่างใด

“อนุทิน”โพสต์แจ้ง! กก.วัตถุอันตรายยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต

People Unity News : “อนุทิน”โพสต์แจ้ง! กก.วัตถุอันตรายยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต อีก 2 ชนิดเลื่อนแบน 6 เดือน

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เวลาประมาณ 14.40น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า

“”ด่วน!!!
กรรมการวัตถุอันตราย
ยกเลิกการแบน
สารไกลโฟเซต”

ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุตสาหกรรม เป็นฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชน คือ มติแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้มีผลวันที่ 1 ธันวาคม 2562 หลังจากมติคณะกรรมการอันตรายออกไป ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งเกษตรกร ผู้นำเข้าอาหารสัตว์ต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหว ต้องการให้เลื่อนการแบน 3 สารเคมีออกไปก่อน

ทั้งนี้ คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้พิจารณาข้อเสนอของปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว จึงมีมติดังนี้

1. ให้ออกประกาศกำหนดวัตถุอันตราย พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยให้กำหนดระยะเวลาใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 สำหรับวัตถุอันตรายไกลโฟเซตให้ใช้มาตรการจำกัดการใช้ตามมติคณะวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561

2. มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดทำมาตรการรองรับในการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสมสำหรับวัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส รวมถึงมาตรการในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และให้นำเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาภายในระยะเวลา 4 เดือน

“อนุทิน”ประกาศ”แบนสารพิษ”เป็น”นโยบายเร่งด่วน”ของ สธ.

People Unity News : “อนุทิน”ประกาศ”แบนสารพิษ”เป็น”นโยบายเร่งด่วน” เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เพจเฟซบุ๊กกระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่การปราศรัยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รับการพัฒนามาต่อเนื่องตลอด 77 ปี จนปัจจุบันนี้ การบริการด้านสุขภาพของไทย อยู่ในอันดับ 6 ของโลก และเป็นที่ 1 ของอาเซียน ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น จากสถานการณ์ของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง อาทิ การขยับสู่การเป็นโลกดิติตัล สังคมผู้สูงอายุ เรื่องการค้าการลงทุน ความเป็นสังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศที่กระทบต่อสุขภาพ

จากนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะพัฒนาการดำเนินการ บนหลักการ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง และเศรษฐกิจไทยแข็งแรง” ด้วยโนยาย 5 ด้าน คือ
1.การพัฒนางานด้านสาธารณสุข ตามแนวพระราชดำริ 2.ให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ 3.ให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ และมีความมั่นคงทางสุขภาพ 4.ผลักดันเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการสาธารณสุข 5.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

มีนโยบายเร่งด่วนคือ การสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาและสมุนไพรทางการแพทย์อย่างปลอดภัย จัดการภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างครบวงจร ยกระดับ อสม. ให้เป็นหมอประจำบ้าน ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และ

“สนับสนุนให้ยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่มีอันตรายต่อสุขภาพประชาชน”

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกคน

“ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ

People Unity News : “ธนกร”ลั่นรัฐบาลพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอกทุกเมื่อ สวน”สุทิน”อย่าจิตตก ยันไม่มีกลั่นแกล้ง แจงเป็นอำนาจ”ชวน”ที่จะบรรจุวาระ ขณะที่”บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เกรงว่ารัฐบาลจะกลั่นแกล้งบรรจุญัตติใกล้ช่วงปีใหม่ว่า นายสุทินวิตกเกินเหตุ ขอให้ใจเย็นๆ ทำจิตใจให้สบายๆ อย่ามองโลกในแง่ร้าย รัฐบาลพร้อมจะชี้แจงทุกที่ทุกเวลา วันไหนก็ได้ เพราะเรามั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม การบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นอำนาจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา4เดือนกว่ารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ทุกนโยบายขับเคลื่อนเต็มสูบ แม้ว่าประเทศจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก รัฐบาลก็พยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจเดินหน้าให้ได้ โดยเฉพาะการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก รัฐบาลทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทราบดี ที่สำคัญรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น เชื่อว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ขณะที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นความล้มเหลวในการบริหารงานนั้น ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล เพราะรัฐบาลทำงานมา4เดือน งบประมาณปี2563ก็ยังไม่ได้ใช้ บวกกับประเทศเจอปัญหาเศรษฐกิจโลก เรียกว่ารัฐบาลทำเต็มที่แล้ว ขนาดสำนักวิจัยซูเปอร์โพลยังยกให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นครม.ในใจประชาชน เพราะทำงานหนัก กล้าคิด มือสะอาด

“บิ๊กป้อม”ไม่หวั่นศึกอภิปราย ปัดทีมศก.เกิดเกาเหลา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงการสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เตรียมพร้อมรับศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นไรเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ก็ได้กำชับในที่ประชุม ครม.และทุกกระทรวงไปแล้ว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลและนโยบายต่างๆไม่ได้มีปัญหา เพราะทุกคนอยู่ในรัฐบาล

“ส่วนตัวของผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่มีอะไร จะต้องไปเตรียมความพร้อมเรื่องอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะล็อคเป้าไว้ที่ 3 ป.นั้น ก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันก่อนที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติเลย ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะอภิปรายใครบ้าง รอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ประเด็นเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องของทีมเศรษฐกิจซึ่งทีมเศรษฐกิจทั้งหมดยืนยันมีเอกภาพอยู่ ไม่มีเอกภาพจะอยู่กันได้อย่างไร และตลอด 3 เดือนของการทำงานที่ผ่านมารัฐบาลมีความตั้งใจทำงานตามกฎหมาย และไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความข้องใจ รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่และร่วมมือกันทุกฝ่าย

Verified by ExactMetrics