วันที่ 23 ธันวาคม 2024

คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุด

People Unity News :  คนไทยเฮ! ปีใหม่ได้หยุดยาว 5 วัน ครม.ไฟเขียว 30 ธ.ค.เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2562 เป็นหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากตรงกับช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่จึงทำให้มีวันหยุดยาวเป็น 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2562 – 1 มกราคม 2563 ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดต้องบริการประชาชน มีภารกิจความจำเป็น หากยกเลิกเกิดความเสียหาย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน ขอให้ไปพิจารณาตามความเหมาะสมเช่นกัน

“บิ๊กตู่”ยกคำพระสอนใช้สติสัมปชัญญะจัดการกับเฟคนิวส์

People Unity News : “บิ๊กตู่”ยกคำพระสอนใช้สติสัมปชัญญะจัดการกับเฟคนิวส์ พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ปัดตอบไปชี้แจง “เสรีพิศุทธ์” หรือไม่ “ชวน”แนะควรให้เกียรติคนที่ถูกเชิญมาชี้แจง

วันที่ 29 ต.ค.2562 เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center)ว่า ตนได้ทำความเข้าใจไปแล้ว ถึงศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเฟคนิวส์ หรืออะไรต่างๆ วันนี้ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเข้ามา เพื่อที่จะได้สอบสวน สืบสวน หาต้นตอ เพื่อจะได้แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบระยะยาวต่อไป ฉะนั้น สติมาปัญญาเกิด พระท่านว่าไว้อยู่แล้ว สติเตลิดก็ไม่เกิดปัญญา เพราะฉะนั้นต้องตั้งสติให้ดี

ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช เป็นประธาน ออกหนังสือเชิญไปชี้แจงกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวและเดินออกจากการให้สัมภาษณ์ไปทันที

นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่าได้ส่งหนังสือดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ไปยังคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวแล้ว ดังนั้นตนจะพูดก่อนคงไม่ดี เพราะเขาอาจจะยังไม่เห็นหนังสือ

“ชวน”แนะควรให้เกียรติคนที่ถูกเชิญมาชี้แจง

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า ตนสนับสนุนให้รัฐบาลให้ความร่วมมือในการทำงานของกมธ. แต่การเชิญนั้นผู้เชิญต้องมีวุฒิภาวะด้วย รวมถึงเกียรติบุคคลที่ชี้แจง ไม่สามารถข่มขู่ คุกคามใดๆได้ ทั้งนี้ต้องยึดกรอบตามกฎหมาย คือ ให้ความเห็น ให้ข้อเท็จจริง รวมถึงอยู่ภายใต้กรอบอำนาจของตนเอง

“กมธ.สามารถเชิญบุคคลชี้แจงได้ แต่ต้องเป็นไปใต้กรอบกฎหมาย และอำนาจ ทั้งนี้ผมเคยบอก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วว่าหากมีอะไรขอให้มาสภา เพราะเป็นระบบที่ต้องเคารพ แต่หากกมธ.เชิญในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ แต่ไปเชิญเขามาชี้แจงไม่ได้ เพราะกมธ.แต่ละชุดกำหนดบทบาทไว้ตามกฎหมายที่ชัดเจน” นายชวน กล่าว

“วรวัจน์”ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน

People Unity News : “วรวัจน์” ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน อึ้งก.พาณิชย์เผยเจรจาเหลวไร้มาตรการรับมือ

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เปิดเผยว่า การประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะเป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่อง เพราะยังมีอีกจำนวน 11 หน่วยงานและ 1 รัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะกลุ่มงานการค้าต่างประเทศ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

ในที่ประชุมกรรมาธิการผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลว่า หลังการรัฐประหารปี 2557 หลายประเทศเริ่มดำเนินการตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ไทย โดยปี 2558 สหภาพยุโรปหรือ EU มีการตัด GSP ไทย ต่อมาต้นปี 2562 ประเทศญี่ปุ่นก็ตัด GSPไทย และล่าสุดอเมริกาก็ตัด GSPไทย นอกจากนี้ที่ผ่านมามาตราการเจรจาของรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในขณะที่มาตราการช่วยเหลือภาคเอกชน ยังไม่มีความชัดเจน มีแต่การออกมาขอให้ภาคเอกชนปรับตัวลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเอง และกระทรวงพาณิชย์คาดว่า ถึงแม้ถูกตัด GSP แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเกษตรกร

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันในที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณ ว่า ปัญหาจีเอสพี จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบเพียง 1,800 ล้านบาท ไม่ใช่ 40,000 ล้านบาท อย่างที่มีการวิเคราะห์ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการในการรับมือ แต่ไม่แจ้งรายละเอียดต่อกรรมาธิการ นั่นอาจหมายถึงไม่ได้มีแผนมาตราการแก้ไขเตรียมไว้ และบรรจุในงบประมาณปี 63 ทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ควรมีคำตอบให้กับประชาชน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ท้วงติงไปยังกระทรวงพาณิชย์ ว่า จำนวนเงิน 1,800 ล้านบาทดังกล่าวที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง อาจเป็นเพียงแค่ส่วนต่างทางภาษี ซึ่งหากจะคำนวณแบบนี้ คงไม่ถูกต้อง เพราะต้องรวมมูลค่าส่งออกในภาพรวมทั้งหมดไปด้วย ดังนั้นการดำเนินการของสหรัฐครั้งนี้อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่หน่วยงานรัฐคาดการณ์ ทั้งนี้คาดว่าผลกระทบจากการส่งออกสินค้าไทยอาจสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท

“ชวน”พร้อมจับเข่าคุยทุกกลุ่มแก้ รธน.เน้นสร้างสรรค์ ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า

People Unity News : “ชวน”พร้อมจับเข่าคุยทุกกลุ่มแก้ รธน.เน้นสร้างสรรค์ ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า เพื่อตกผลึกความคิด แนะเชิญฝ่ายที่ได้รับผลกระทบร่วมหารือ เพราะทุกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงที่ภาคประชาสังคมจะมายื่นเรื่องต่อสภาเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญว่า ตนยินดีที่จะหารือกับทุกคณะ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งขณะนี้มี 2-3 คณะ ส่วนคณะของนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ยังไม่ได้นัดวันที่จะมาพบ เพียงแต่เป็นข่าวเท่านั้น ส่วนกลุ่มอื่นตนนัดไว้สัปดาห์ก่อน แต่ฝ่ายผู้นัดไม่ว่าง แต่ละคนจะได้มารับรู้รับทราบ และหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีให้ความร่วมมือและรับฟัง ซึ่งตนคิดว่าแต่ละฝ่ายคงมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันได้ในบางเรื่อง เช่น ความคิดเรื่องประชาธิปไตย ก็คงไม่ต่างกันมากนัก ฉะนั้นความคิดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำความเข้าใจกันได้ว่าในสภาไปถึงไหนแล้ว เพราะเมื่อเปิดสมัยประชุมมา ญัตติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะเข้าสู่สภาเป็นเรื่องแรก ฉะนั้นก็จะได้คุยกันว่าเบื้องต้นขณะนี้เขาพยายามหาทางที่จะวางแนวว่าทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญนี้สามารถแก้ได้ ส่วนแก้อะไรนั้นยังไม่พูดถึง

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างมาอยู่ในระบบของสภาเพราะภาคประชาชนไปเคลื่อนไหวข้างนอก นายชวนกล่าวว่า การรณรงค์ข้างนอกเพื่อให้ความรู้กับประชาชนนั้นไม่เป็นไร แต่ต้องให้ความจริงและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนที่ว่าโครงสร้างที่วางไว้คล้ายกับสสร.นั้น ตนคิดว่าต้องคุยกัน รวมถึงฝ่ายที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ส.ว. ก็ต้องเชิญมาคุยว่าหากจะแก้ไขปรับปรุงจะกระทบเขาจริงหรือไม่ หรือควรจะมีเงื่อนเวลาอย่างไร ดังนั้นคิดว่าทุกฝ่ายควรจะพูดคุยกัน ซึ่งก็คงไม่ง่ายนักแต่ดีกว่าไม่คุยกัน แม้กระทั่งรัฐบาลเองเพราะทุกฝ่ายก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้เหมือนกัน

เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้ใครควรที่จะเป็นแม่งานในการนัดหมายทั้งหมดมาพูดคุยกัน นายชวนกล่าวว่าต้องรอดูคณะกรรมาธิการที่สภาจะตั้งขึ้นมา โดยญัตติที่จะเข้าสภาวาระแรกนั้นจะเป็นแนวทางว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถกำหนดแนวทางในการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปได้หรือมีประเด็นว่าจะต้องแก้ ส.ส.หรือ ส.ว.อย่างไร

“ผมคิดว่าการคิดอย่างนี้เป็นการคิดในเชิงสร้างสรรค์ แบบไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า เช่น ยกเลิกรัฐธรรมนูญไม่เอานั่นเอานี่ ซึ่งไม่ถึงขนาดนั้นแต่โดยบทรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทำได้ยาก จึงต้องหาทางว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเป็นได้”

เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมาพูดถึง ม.256 เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่าย นายชวนกล่าวว่า แล้วแต่คณะกรรมาธิการฯจะหารือกัน ส่วนความเป็นไปได้ที่จะให้ภาคประชาชนเช่นนายโคทมเข้ามาเป็นกรรมาธิการด้วย นายชวนกล่าวว่าแล้วแต่เขาจะตั้งเพราะกรรมาธิการชุดนี้สามารถตั้งคนนอกได้

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน ที่ยึดแนวทาง วิชาการนำการเมือง โดยให้กลุ่มนักวิชาการเป็นหัวหอกในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด เพราะกลุ่มนักวิชาการเป็นกลุ่มที่ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง สังคมจะได้ไม่หวาดระแวงว่ามีวาระซ่อนเร้นเพื่อกลุ่มของตัวเอง ซึ่งผิดกับการเคลื่อนไหวของนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายไม่เห็นด้วยว่าทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเท่านั้น ทำให้ขาดการยอมรับและเสียงสนับสนุนจากสังคมโดยทั่วไป ที่มองภาพนักการเมืองในทางลบ ดังนั้นอยากให้นักการเมืองเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเวทีรัฐสภาจะเป็นการเหมาะสมที่สุด โดยการขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังจะตั้งขึ้นในสมัยประชุมสมัยที่จะถึงนี้ เพราะมีสัดส่วน ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวภายนอกสภา ก็ให้เป็นบทบาทของกลุ่มเครือข่ายภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ที่จะต้องเคลื่อนไหวคู่ขนานกับการเคลื่อนไหวในรัฐสภาไปจนประสบผลสำเร็จ

ถ้าให้นักการเมืองหรือพรรคการเมืองตั้งเวทีเคลื่อนไหวในภูมิภาคต่างๆ เหมือนที่ผ่านมา ก็สุ่มเสี่ยงกับการถูกฝ่ายต่อต้านหยิบยกเอาประเด็นบางเรื่องมาเป็นเหยื่อทางการเมือง และขยายผลสร้างแรงต่อต้านขึ้นมาได้ เช่น กรณีวาทกรรม รัฐธรรมนูญเฮงซวยทุกมาตรา หรือการพูดถึงมาตรา1สามารถแก้ไขได้ เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้นเพื่อขจัดความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคม แต่ละฝ่ายควรจะแบ่งบทบาทการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนจะดีกว่า เพื่อเป้าหมายที่สูงสุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“จุรินทร์”มั่นใจ! ใช้แผนก.พาณิชย์รุก 10 ตลาดทั่วโลก รับมือตัด GSP

People Unity News : “จุรินทร์”มั่นใจ! ใช้แผนก.พาณิชย์รุก 10 ตลาดทั่วโลก รับมือตัด GSP เผย ครม.ศก.มอบ 3 กระทรวงเร่งหารือรับมือ

วันที่ 29 ตุลาคม 2562 ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรณีการตัดสิทธิทางภาษีหรือ GSP Generalized System of Preferences (ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร)ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือและได้รายงานระบุว่าจะมีผลกระทบประมาณ 1,500 ล้านบาท ถึง 1,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามก็ยังมีช่องทางให้สหรัฐได้ทบทวนโดยช่องทางที่จะทบทวนนั้นได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ ได้ประสานกับทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันและทูตแรงงานด้วย เพื่อที่จะหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ซึ่งคงจะมีคำตอบกลับมาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปในเร็วๆนี้

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ มอบหมายให้ 3 กระทรวงได้หารือร่วมกันประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาลู่ทางในการยื่นขอให้สหรัฐทบทวน สำหรับทางออกในระยะยาวนั้น กระทรวงพาณิชย์เราก็ได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยตั้ง กรอ.พาณิชย์ (กรรมการร่วมกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน) ทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ส่งออกสินค้าออกทางเรือ ได้มีการเตรียมการสำหรับตลาดต่างๆทั่วโลกเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกซึ่งได้ข้อสรุปแล้วว่าเราจะร่วมมือกันจัดกับภาคเอกชน เร่งรัดการส่งออก บุกตลาดใน 10 กลุ่มตลาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนั้นจะมีสหรัฐอเมริกา รวมอยู่ด้วยและมีจีน อินเดีย แอฟริกาใต้ เอเชียใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี และอีกหลายตลาดรวมทั้งประเทศตุรกี เยอรมันในสหภาพยุโรป และอังกฤษด้วย

เตรียมแผนงานไว้แล้ว เร็วๆนี้จะนำทีมเอกชนและกระทรวงพาณิชย์ไปบุกตลาดที่ประเทศตุรกีและเยอรมัน และหลังจากนั้นคือ ตะวันออกกลางสำหรับประเทศที่มีประชากรมาก เช่น อินเดีย จีน สหรัฐ จะลงลึกไปในหลายมณฑล หรือรายรัฐ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เราจะมีแผนงานเจาะลึกรายรับเพราะ แต่ละรัฐจะมีความต้องการสินค้าแตกต่างกันมีศักยภาพที่เป็น ตลาดนำเข้าสินค้า ของเราได้มากขึ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้ GSP (ในประเทศเหล่านี้)ก็ตามเป็นสิ่งที่เราจะดำเนินการ ทั้งดำเนินการมาแล้วและจะดำเนินเดินหน้าต่อไป

ต่อคำถามที่ว่ามั่นใจขนาดไหนว่าเราจะต่อรองกับสหรัฐอเมริกาได้นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราพยายามจะให้เขาเกิดความเข้าใจว่าบางเรื่องเราทำได้บางเรื่องทำไม่ได้ เช่น ให้ต่างด้าวตั้งสมาพันธ์แรงงานในประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พูดชี้แจงทำความเข้าใจว่า เราอยู่ในฐานะที่จะทำได้หรือไม่อย่างไร หรือข้อเสนออื่นๆ ซึ่งแต่ละกระทรวงหรือ แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ที่จะทำความเข้าใจ ว่าอะไรได้ หรือไม่ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ

“พิชัย”เฮ!อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีโพสต์ปกนิตยสาร TIME พิงพลังดูด

People Unity News : อัยการสั่งไม่ฟ้อง “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีตรมว.พลังงาน โพสต์ปกนิตยสาร TIME ร่วมเสวนาปราบคอรัปชั่นยุค คสช.พลังดูด รอ ผบ.ตร.ทำความเห็น เเย้งหรือไม่นัดอีกที 3 ธ.ค. เจ้าตัวเผยเป็นการปิดปากให้หยุดวิจารณ์เศรษฐกิจย่ำเเย่

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และอดีตรมว.พลังงาน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.61 นายพิชัย โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอรัปชั่นในยุค คสช.และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. บนนิตยสาร TIME (ไทม์) กับลงข้อความห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

วันนี้นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายพิชัยเเละนายยอดชาย ศีลนำสุข ผู้รับมอบอำนาจเดินทางมารับทราบคำสั่ง

นายนรินท์พงศ์กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการว่า เนื่องจากสำนวนคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สรุปสำนวนคดีเเล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายจะตัองส่งไปให้ ผบ.ตร.ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ถ้าหาก ผบ.ตร.ทำความเห็นแย้งมาว่ายังยืนยันที่จะควรสั่งฟ้อง คดีก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดว่าฟ้องหรือไม่ เเต่หาก ผบ.ตร.เห็นด้วยตามอัยการสำนักงานคดีอาญาที่สั่งไม่ฟ้องคดีก็จะยุติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของผบ.ตร.ยังไม่แล้วเสร็จจึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. 62 เวลา 10.00 น.

ด้านนายพิชัย กล่าวว่า อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้เรียกตนไปปรับทัศนคติแล้ว 8 ครั้ง เพื่อบังคับให้ตนอย่าวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การที่ รัฐบาล และ คสช. ในขณะนั้น ไม่รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อีกทั้งยังพยายามปิดปากไม่ให้วิจารณ์ แล้วปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน หากรัฐบาลและคสช. จะได้รับฟังและพิจารณาแก้ไข เศรษฐกิจไทยคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ประชาชนคงไม่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกันแบบนี้ และที่น่าห่วงคือเศรษฐกิจยังจะแย่ลงไปอีก หากรัฐบาลยังมีกรอบคิดเหมือนกันในปัจจุบัน ซึ่งเวลาได้พิสูจน์มากว่า 5 ปีแล้ว

“บิ๊กตู่”ถกด่วน! ครม.เศรษฐกิจปมสหรัฐฯตัด GSP มอบ 3 กระทรวงหาทางทบทวน

People Unity News : “บิ๊กตู่”ถกด่วน! ครม.เศรษฐกิจปมสหรัฐฯตัด GSP มอบ 3 กระทรวงร่วมหาทางแก้ “ดอน” ยังมีเวลาขอให้ทบทวนภายใน 6 เดือน ขณะที่ “จุรินทร์” เตรียมบุก 10 กลุ่มตลาดใหญ่

วันที่ 29 ต.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมรัฐมนตรีในทีมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวาระเร่งด่วน ก่อนจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติที่ตึกบัญชาการ 1 โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ข้อยุติที่สหรัฐอเมริการะงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP กับประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหาวิธีการที่จะเจรจาพูดคุยกันอยู่

ทางด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันหาแนวทางการขอให้สหรัฐฯ ทบทวนเรื่องนี้ โดยผลที่จะเกิดขึ้นจากการยกเลิก GSP ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะทำให้ไทยต้องเสียภาษีนำเข้าสินค้าไปสหรัฐฯ ประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท จากเดิมที่ตัวเลขเป็นศูนย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ ประสานกับทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน หารือกับตัวแทนผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR คงจะมีคำตอบกลับมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในเร็วๆ นี้

ส่วนปัญหาในระยะยาว นายจุรินทร์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์เตรียมบุกตลาดทั่วโลกเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก โดยจะร่วมมือกับเอกชน เปิด 10 กลุ่มตลาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น แอฟริกา เยอรมนี ตุรกี รวมไปถึงสหรัฐฯ โดยในส่วนของสหรัฐฯ จะเจาะลึกรายมลรัฐ เพราะบางมลรัฐพบว่ามีศักยภาพซื้อสินค้าไทยที่แม้ว่าจะถูกตัด GSP ก็ตาม ขณะที่ทางสหรัฐฯ ต้องการให้แรงงานต่างด้าวตั้งสหภาพในไทยนั้น กระทรวงแรงงานจะเตรียมทำความเข้าใจกับสหรัฐฯ ในเรื่องนี้

ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เตรียมใช้เวทีประชุมอาเซียนในไทย หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้ ซึ่งการถูกระงับ GSP ยังไม่ควรตื่นตระหนก เพราะยังมีเวลาพูดคุยให้สหรัฐฯ ทบทวนได้ใน 6 เดือนนี้

ไม่เลื่อนแบนสารพิษเด็ดขาด! “อนุทิน”ยันเดินตามมติ กก.วัตถุอันตราย

People Unity News : ไม่เลื่อนแบนสารพิษเด็ดขาด! “อนุทิน” ยันเดินตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ไม่สนสหรัฐฯตัดจีเอสพีการค้าไทยอ้างแก้ปัญหาสิทธิแรงงานเหลว ลั่นอย่าเอามาโยงกัน

วันที่ 29 ต.ค.2562 จากกรณีที่มีความกังวลกันว่ามติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ให้ยกเลิกสารพิษ อาจเป็นเหตุให้ประเทศไทยถูกตัดสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐฯนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขออย่านำเรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงกับกรณีที่สหรัฐฯ สั่งยกเลิกสั่งยกเลิก GSP กับประเทศไทย ต้องแยกเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนการเดินหน้าของทุกภาคส่วนในการแบนสารพิษนั้น ล้วนทำเพื่อให้ประชาชนมีสุขอนามัยที่ดีปราศจากสารพิษ และไม่ให้มีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ส่วนตัวขอยืนยันว่า ไม่มีเรื่องใดต้องกังวล การดำเนินการแต่ละอย่างมีขั้นตอนที่ต้องรายงานต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบเป็นระยะ

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเกษตรกรเตรียมยืนร้องศาลปกครองให้ยกเลิกแบน 3 สารเคมี นายอนุทิน ตอบว่า เป็นสิทธิ์ของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย แต่ยืนยันว่าขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับ เพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากสารพิษ

นักข่าวถามต่อถึงกระแสข่าวเรื่องมีข้อเสนอให้ขยายเวลาการเริ่มต้นแบนสารพิษไปอีก 6 เดือน จากที่ควรเริ่มต้นในวันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ เป็นให้แบนในช่วงกลางปีหน้า นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีมติจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกไปแล้ว และคณะกรรมการนี้ก็อยู่ภายใต้กฎหมาย

“เรื่องที่มันเกี่ยวกับสุขภาพ มันจะรอได้หรือ สารพิษดังกล่าวไม่ได้อยู่แค่เพียงในผักผลไม้เท่านั้น แต่มีอยู่ทุกที่ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน”

 

“บิ๊กตู่”ไม่ตื่น! ถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี ยันเป็นเรื่องกม.แต่ละประเทศ

People Unity : “บิ๊กตู่”ไม่ตื่น! ถูกสหรัฐฯตัดจีเอสพี ยันเป็นเรื่องกม.แต่ละประเทศ ระบุยังมีเวลาหารือกันอีก 6 เดือน

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ไบเทค บางนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลระดับชาติ ถึงกรณีสหรัฐอเมริกาตัดจีเอสพีสินค้าไทยว่า เป็นเรื่องของสหรัฐฯ เป็นเรื่องของกฎหมายใคร ก็กฎหมายเขา ซึ่งมีการทำงานของหน่วยงานเขา ของเราก็มีของเรา ตนจึงไม่อยากให้ไปคาดเดาว่า ตัดตรงนี้เพราะอะไร อย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลทราบมาอยู่แล้วว่า จะมีปัญหาตรงนี้ ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหามาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้มีการเจรจา ต่อรองเยอะแยะ โดยข้อสำคัญ เราเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ เราก็ต้องแก้ไขปัญหาภายในของเราด้วย โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาแรงงาน เราจะต้องไปดูว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับในประเทศของเรา ทั้งคนของเรา แรงงานของเรา แรงงานต่างด้าวในประเทศ ซึ่งเราพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ฉะนั้นวันนี้ จะคาดเดาไม่ได้ เหมือนเขาก็คาดเดาเราไม่ได้เหมือนกัน ว่าเราจะทำอะไรต่อไป จึงขึ้นอยู่กับกติกา มันอยู่ตรงไหน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กติกาของเรา ก็ทราบอยู่แล้วในหลายเรื่องด้วยกัน วันนี้อยากจะบอกว่า คงไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือว่ากล่าวให้ร้ายกันไปมา มันไม่เกิดประโยชน์ และเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงมา คิดว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลก็ได้ทำมาโดยตลอด เพียงแต่ระยะเวลาที่ดำเนินการมา ได้ทำหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะกฎหมายแรงงานคือปัญหาหลักของเรา ถ้าเราทำตามเขามากๆ เราจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่ากับเราเอง ฉะนั้น เราต้องลดทั้งปัญหาภายใน และภายนอกไปด้วยกัน

นายกฯกล่าวว่า วันนี้เท่าที่ได้ฟังตัวเลขต่างๆ เป็นจำนวนไม่มากนัก ทั้งหมด 500 กว่ารายการ เราใช้ไปประมาณ 300 กว่ารายการ อีก 100 กว่ารายการเราก็ไม่ได้ใช้ของเขา สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ เราต้องตื่นตัว ภาคเอกชนก็ต้องตื่นตัวไปด้วยในการพัฒนา รวมถึงการดูแลแรงงานในประเทศไทยด้วย รัฐบาลไม่ได้ลงไปข้างล่าง แต่ก็จะใช้กฎหมายในการตรวจตรา บังคับจับกุม ฃเป็นเรื่องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก็เดินหน้าปรึกษากันในเรื่องนี้

“ทุกคนต้องมาแก้ปัญหาร่วมกัน เราถ้าไปว่าคนนู้น เดี๋ยวคนนู้นก็ว่ากลับมา ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราต้องแก้ และมีการส่งผู้แทนไปเจรจามาโดยตลอดในทุกเรื่อง ช่วงที่ผ่านมาเราเจรจามาก ในหลายเรื่องที่เป็นปัญหาในอดีต เขาคุยกันหมดแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ประเทศเขาจะยินยอมแค่ไหน”นายกฯกล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีเวลาอีก 6 เดือน เราก็ต้องหาวิธีการพูดคุยกันต่อไป ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายของเขา อย่าให้เป็นปัญหาทางการเมือง และอย่าพูดให้ทุกอย่างมันเลวร้ายไปกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ต้องมีอยู่ คู่ค้าสำคัญของเราเหมือนกัน จะบอกว่าอย่างนู้น อย่างนี้ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของเขา แต่จะทำอย่างไรให้ร่วมมือกันได้ หยุดเถอะเรื่องพวกนี้ ไม่เกิดประโยชน์หรอก มันจะเสียหายมากกว่าเดิม

เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรเราก็จะยึดกฎหมายเรา ไม่โอนอ่อนผ่อนตามใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “กฎหมายเรา โอนอ่อนผ่อนตามใคร ตรงนั้นเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ หรือกฎหมายกับประเทศมหาอำนาจ เราก็ต้องดีลกัน ว่าจะทำอย่างไร บางอันเป็นกฎหมายพหุภาคีเกี่ยวข้องกับหลายประเทศด้วยกัน บางอันเป็นกฎหมายทวิภาคี กฎหมายเขา กฎหมายเรา จะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร แต่ถ้าเขาตั้งกฎเกณฑ์ไว้สูง เราก็ลำบากหน่อย เพราะเรากำลังพัฒนาเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเรื่องนี้โดนกันหลายประเทศ อย่างอินโดนีเซีย ก็ต้องดูว่าเราเสียประโยชน์เท่าไหร่ เราเสียภาษีเพิ่มขึ้นมาประมาณ 50 ล้านเหรียญ

เมื่อถามว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องคุยกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าทางสหรัฐฯ จะมีท่าทีเช่นนี้ออกมา ได้มีการเตรียมมาตรการไว้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มัน 9 ปีมาแล้ว ซึ่งสิทธิประโยชน์ทุกอย่างเราก็ต้องมาดู เอามาทบทวนหมด เพราะทุกอย่างเรากำลังโตขึ้น เมื่อโตขึ้น ก็มีตัดสิทธิพิเศษเหล่านี้ เช่นประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนา เขาให้สิทธิตรงนั้นมา 9 ปีแล้ว ถ้าเขาตัดสิทธิอย่างนี้ เราโตเกินไปหรือไม่ โตเร็วแล้วใช่ไหม รายได้ต่อหัวของประชากรสูงขึ้นใช่หรือไม่ และต้องดูจีดีพีของเราด้วย เพราะเขาดูตรงนี้

“ผมคิดว่าเราคุยกันได้ อะไรที่เป็นสิทธิประโยชน์ วันนี้เขาคืนมา 7 อย่างไม่ใช่หรือ ของเก่ามีตั้ง 500 กว่ารายการ เราใช้ไปแค่ 300 กว่ารายการ ส่วนที่เหลือไม่ได้ใช้ แล้วมูลค่าเหล่านี้ก็ไม่มากนัก แต่ข้อสำคัญต้องไปดู ว่าสินค้ามีความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงน้อยจะไปแก้กันอย่างไร จะดีลกันอย่างไร ขณะเดียวกัน ยังไงเราก็ต้องคบค้าสมาคมกันต่อไป มีการแลกเปลี่ยนซื้อของซึ่งกันและกัน บางทีการเมืองกับเศรษฐกิจมันก็เกี่ยวข้องกันหมด เราก็อย่าให้มันแย่ลงไปก็แล้วกัน อย่าไปยึดโยงกับอย่างอื่นแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก

People Unity : ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ ขณะที่ รมว.ศธ. ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน เผย 1 ธันวาฯ ดีเดย์พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่น่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกท่านมีความมั่นใจ ได้คุยกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคมและเลขาธิการพรรค มั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคทุกท่านมีความพร้อม เพราะต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการทำงานในระบอบประชาธิปไตย มันต้องมีการตรวจสอบ คนเป็นรัฐมนตรีต้องตอบคำถามให้ได้

เมื่อถามว่าเป็นการอภิปรายที่เร็วไปหรือไม่ เพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน นายอนุทิน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ทำงาน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ต่างคนต่างหน้าที่ ถ้าหากเขาไม่ทำหน้าที่ ก็เหมือนเขาละเลยงาน ส่วนในฝ่ายที่ทำงาน ถ้าทำถูกต้อง ทำอย่าซื่อสัตย์ มันต้องมีตัวเลข ข้อมูลมาชี้แจง

“รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่โกงเสียอย่าง ก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไร”

ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน

นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ถึงแนวทางการพัฒนา และปัญหาในระบบให้บริการด้านสุขภาพ ว่า บริการประชาชน คือ งานของเรา ประชุม ระดมสมองหาแนวทางพัฒนาห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล สร้างมาตรการ และมาตรฐานบริการประชาชน จาก ประสบการณ์ทุกๆ ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข ผู้ป่วย และ ญาติผู้ป่วย เริ่มต้นวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ปรับปรุงศักยภาพ 21 โรงพยาบาล ก่อน ตามงบประมาณที่มี แล้วรองบประมาณปี 2563 ออกมา เพื่อจะพัฒนาให้ได้มากที่สุด

ปัญหาสำคัญ ประการหนึ่ง ของห้องฉุกเฉิน คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ ยังแยกแยะไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจคำว่า ฉุกเฉิน เกือบทุกคนรู้สึกฉุกเฉินกันทั้งหมด แต่บางราย ทางการแพทย์ ยังไม่จัดว่าฉุกเฉิน ส่งผลให้คนไข้ไม่ฉุกเฉิน ล้นห้องฉุกเฉิน และกระทบกระทั่งกันระหว่างญาติผู้ป่วย กับ เจ้าหน้าที่ อยู่บ่อยครั้ง

ปัญหาสำคัญที่สุด คือ งบประมาณยังไม่เพียงพอ ทั้งบุคลากร อาคารสถานที่ เครื่องมือ และ ระบบการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย ทั้ง รถพยาบาล และ Telemed
ต้องขอความกรุณาท่านกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ได้โปรดเห็นใจ และ เข้าใจความจำเป็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ โปรดอย่าตัด และ อยากจะขอเพิ่ม ด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้า มา ณ ที่นี้

รมว.คมนาคม พร้อมแจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตอนนี้รอฟังข้อมูล เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องใด ขณะนี้ยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็น ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่า มีเรื่องอะไรที่ตนเองทำเพื่อเอื้อประโยชน์กับใคร

“ก็ดี ผมจะได้ชี้แจงให้หมดว่าทำอะไรไปบ้างแล้วถ้ามองในแง่ดี ผมก็จะได้พูดเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้พูดถึงภาพรวมเป็นฝั่งชี้แจงเสียมากกว่า หรือไม่แน่ ฝ่ายค้านอาจจะมองว่าผมทำงานมากเกินไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว

Verified by ExactMetrics