วันที่ 23 ธันวาคม 2024

“ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี บอกรอขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

People Unity : “ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี ขอรอฟังเสียงนกหวีดขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน ตามโครงการพะเยาโมเดล

วันที่ 27 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดปัวใหม่ ต. ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยตัวแทนราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วมในงานทอดกฐินสามัคคีเป็นจำนวนมาก โดยยอดทำบุญกฐินมีจำนวนทั้งสิ้น 4, 200, 870 บาท( สี่ล้านสองแสนแปดร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน )

ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมในประเพณีทำบุญสลากภัตที่วัดทุ่งกิ่ว อ.เมือง จ.พะเยา และได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ช่วงที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตนได้หาเสียงกับพี่น้องชาวพะเยาว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกชาวนา มีเป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชาวนาพะเยามีรายได้มากขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวโครงการพะเยาโมเดล โดยเบื้องต้นได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการซื้อขายข้าวหอมมะลิ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา กับ บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้พะเยาโมเดล โดยให้ ซีพี รับซื้อข้าวหอมมะลิ ความชื้น 15 % ได้ในราคาที่ 18,000 บาทต่อตัน จำนวน 40,000 ตัน จากชาวนาในจังหวัดพะเยา ซึ่งสูงกว่าราคาประกันข้าวหอมมะลิของรัฐบาล 3,000 บาทต่อตัน หรือราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 5,000-6,000 บาทต่อตัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มีกำหนดจัดงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก” ณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และในเร็ว ๆ นี้ จังหวัดพะเยาเตรียมจัดงานเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิระหว่างคู่ค้าเอกชนรายอื่น ๆ ดังนั้น ตนขอให้พี่น้องชาวพะเยา รอฟังเสียงนกหวีดเพื่อประกาศวันรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในราคาดังกล่าว ระหว่างนี้ขอให้รอหลังเก็บเกี่ยวอย่าเพิ่งนำไปขาย อย่าให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า พะเยาโมเดล ยังจะขยายโครงการไปยังพืชอื่น อาทิ ยางพารา ลำใย ลิ้นจี่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ ไข่ไก่ เป็นต้น โดยเฉพาะราคายางพาราจะมีเป้าหมายร่วมเอกชนรับซื้อที่ราคา 65 บาทต่อกิโลกรัมด้วย เมื่อทำสำเร็จจะนำเป็นตัวอย่างขยายไปจังหวัดอื่นต่อไป

สุดอลังการ!กุนซือ”บิ๊กป้อม”เปิดงาน มหกรรมอาหารนานาชาติสารคาม

People Unity : สุดอลังการ!กุนซือ”บิ๊กป้อม”เปิดงาน มหกรรมอาหารนานาชาติสารคาม ขณะลงพื้นที่ภาคอีสานติดตามผลการช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด เผย”ประวิตร”ยันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากควบคู่กันไป

เมื่อ 27 ต.ค.2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ (พล.อ.ประวิตร) ลงพื้นที่ติดตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ในการช่วยเหลือฟื้นฟู หลังน้ำลดพื้นที่ภาคอีสาน ได้แก่ จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด

ทั้งนี้ผู้แทนประชาชนของจังหวัดดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม ตั้งแต่เริ่มน้ำท่วม กระทั่งการฟื้นฟู ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาล ที่มีความห่วงใย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาดูแลช่วยเหลือ มีทั้งการมอบสิ่งของจำเป็น เงินชดเชย การซ่อมแซม การซ่อมแซมบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาดินทราย ที่มากับกระแสน้ำเข้าไปในพื้นที่ทำนาเป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยทหารในพื้นที่และ เจ้าหน้าที่รัฐจากส่วนกลางมาให้การสนับสนุนจนสามารถกลับมาใช้พื้นที่สำหรับการปลูกข้าวและพืชไร่ได้ตามปกติซึ่งชาวบ้านมีความพอใจในการช่วยเหลือที่รัฐบาลมอบให้เป็นอย่างมากเป็นการสะท้อนความจริงใจและทำตามที่รัฐบาลเคยพูดไว้เสมอว่าจะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง

หลังจากนั้นนายประสานได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานพิธีไหว้เจ้าแสดงงิ้วและมหกรรมอาหารนานาชาติ ประจำปี 2562 ณ บริเวณ หอนาฬิกา จังหวัดมหาสารคาม

นายประสานได้กล่าวเปิดงานพร้อมย้ำว่าพล.อ.ประวิตรได้แสดงความขอบคุณประชาชนและจังหวัดมหาสารคามตลอดจนองค์กรส่วนท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชนไทย-จีน จิตอาสา ที่ร่วมกันจัดงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ด้วยดี

“พล.อ.ประวิตรในฐานะประธานคณะกรรมการมรดกโลกได้ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นมาโดยตลอดและพร้อมให้การสนับสนุนทุกกิจกรรมผ่านทางกระทรวงวัฒนธรรมเพราะถือว่าอารยธรรมท้องถิ่นได้มีการสืบทอดผ่านวัฒนธรรมอันดีงาม และตกทอดสู่คนรุ่นหลังได้ชื่นชมพร้อมทั้งหวังที่จะธำรงรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไปและหวังว่าการจัดงานประเพณีครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาคุณภาพชีวิต การค้า การลงทุน และการเพิ่มรายได้ประชาชนตามนโยบายยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล” นายประสาน กล่าว

“อุตตม” ยัน “ชิมช้อปใช้” เกิดประโยชน์ทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ 13 ล้านคน

People Unity : “อุตตม” ยัน “ชิมช้อปใช้” ประโยชน์เกิดขึ้นกับคนไทยทั้งประเทศไม่ใช่แค่ 13 ล้านคน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยผ่านเฟซบุ๊กถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า มีหลายคำถามเกิดขึ้นมากมายกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 โดยเฉพาะมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นในระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยวในระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง

ผมขอกล่าวถึงการดำเนินมาตรการนี้ของรัฐบาล ว่า ประโยชน์จากมาตรการระยสั้นนี้ มีจุดประสงค์ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี ผ่านการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของชุมชนจังหวัดต่างๆ ด้วยการท่องเที่ยว การซื้อสินค้าและบริการ ผ่านผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 13 ล้านคน

โดยจากคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เม็ดเงินที่อัดฉีดลงไปจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินประมาณ 5-6 เท่าในระบบเศรษฐกิจ ผ่านร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน โฮมสเตย์ จำนวนกว่า 1.7 แสนราย ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก 2-3 หมื่นล้านบาท

ภาพของการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบ เริ่มต้นจาก ผู้มีสิทธิ์ 13 ล้านคน ใช้สิทธิ์ในร้านค้าประเภท “ชิมช้อปใช้” ซึ่งก็คือ ร้านอาหาร OTOP ร้านค้าชุมชน วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการายย่อย ที่พัก โฮมสเตย์ รวมทั้งสิทธิ์จาก Cash back 15-20% ในกระเป๋า 2

เม็ดเงินนี้จะพุ่งเป้าตรงไปสู่ชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจฐานราก ผ่านภาคแรงงาน ภาคบริการ ภาคการผลิต ซึ่งได้แก่ ชาวบ้าน เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ที่จะจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนผ่าน สินค้าอุปโภค บริโภค ไปสู่ภาคการผลิต ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เม็ดเงินจากโรงงานจะกระจายไปยัง แรงงานและครอบครัว ก่อนที่จะหมุนกลับไปที่ ร้านค้า ร้านอาหารในชุมชนอีกครั้ง เป็นเช่นนี้ประมาณ 5-6 รอบการหมุนเวียน หรือมากกว่านั้น

ก่อนที่เม็ดเงินจากระบบการหมุนเวียนจะกลับมายังภาครัฐผ่านระบบภาษี ซึ่งถือเป็นงบประมาณส่วนหนึ่งของรัฐ ที่จะใช้ในการกำหนดนโยบายและโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน

ดังนั้น มาตรการ “ชิมช้อปใช้” จึงไม่ใช่การแจกเงินเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์จำนวนเพียงแค่ 13 ล้านคนได้รับประโยชน์เพียงเท่านั้น แต่หมายถึงการเชื่อมโยงภาคเศรษฐกิจฐานรากทั้งประเทศ ร่วมกับโครงการต่างๆของรัฐบาลต่อจากนี้ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงในทุกกลุ่มและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ ด้วยการใช้จ่ายเงินงบประมาณทุกบาทอย่างคุ้มค่าที่สุด

โฆษณา

“หม่อมเต่า”แจงยัน! ไทยคุ้มครองสิทธิแรงงาน ตามหลักมาตรฐานสากล

People Unity : “หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล”รมว.แรงงาน เผยกรณีสหรัฐฯตัดจีเอสพีไทย ยืนยันกระทรวงแรงงานและหน่วยงานเกี่ยวข้องบูรณาการคุ้มครองแรงงานยึดหลักสากลมาตลอด ทั้งการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดระดับความสำเร็จมากเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานโดยปรับสถานะเป็นเทียร์ 2 การคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงและได้ปลดใบเหลืองไอยูยู

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับ นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงานถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (จีเอสพี) ของไทยในอีก 6 เดือน โดยอ้างว่าประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลได้นั้น ณ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดย รมว.แรงงาน ได้กล่าวถึงผลการดำเนินการคุ้มครองแรงงานของกระทรวงแรงงานเพื่อให้เป็นไปและสอดคล้องตามหลักมาตรฐานสากลว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลคุ้มครองแรงงานทุกคน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์และความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน โดยทุกภาคส่วนได้บูรณาการการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการดำเนินงาน ทำให้ประเทศไทยอยู่ในระดับความสำเร็จมาก (Significant Advancement) ของสถานการณ์การขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ในปี 2560 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ยังได้ปรับสถานการณ์ปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยจาก Tier 2 Watch List มาเป็นระดับ Tier 2 และสหภาพยุโรป หรืออียู ประกาศปลดใบเหลืองไอยูยู ในส่วนของการรับรองอนุสัญญาฯต่อไอแอลโอ กระทรวงแรงงานได้ให้สัตยาบันพิธีสารส่วนเสริมปี ค.ศ.2014 ส่วนเสริมอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ.1930 และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย การช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากแรงงานบังคับ และกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานหรือบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งการยื่นจดทะเบียนให้สัตยาบันอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานภาคประมง ค.ศ.2007 ต่อไอแอลโอ เพื่อคุ้มครองแรงงานประมงให้ได้รับสิทธิด้านสุขภาพ ประกันสังคม และความปลอดภัยในการทำงาน โดยจะมีผลบังคับใช่ในวันที่ 18 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกันยังได้พิจารณาให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ ฉบับที่ 87 และ 98 เกี่ยวกับการรวมตัวตั้งเป็นสหภาพแรงงานและเจรจาต่อรอง ซึ่งขณะนี้กำลังปรับปรุงกฎหมายเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและกฤษฎีกา รวมทั้งรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อให้การดูแลคุ้มครองแรงงานทุกคนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามหลักมาตรฐานสากลต่อไป

โฆษณา

ร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯปลื้ม อปท.ทั่วประเทศ จัดเดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ

People Unity : ร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯปลื้ม อปท.ทั่วประเทศ จัดเดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ มอบรายได้เป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้กว่า 2,000 คน

วันที่ 27 ต.ค.2562 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานฝ่ายหาทุนการศึกษา มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้เห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดงานเดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำรายได้ไปจัดตั้งกองทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ยากไร้ในจังหวัดนั้นๆ ในมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ โดย อปท.เจ้าภาพ ได้กำหนดวันแข่งขัน เดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติดังกล่าว สามารถสมัครได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในทุกจังหวัด

อนึ่ง ในขณะนี้มีอปท.เจ้าภาพใน 5 จังหวัด ที่ได้จัดงานเดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯไปเรียบร้อย คือ

1.ปราจีนบุรี มีเงินตั้งทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ 470,000.-บาท

2. สตูล มีเงินตั้งทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ 165,000.-บาท

3.กำแพงเพชร มีเงินตั้งทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ 178,452.-บาท

4.ยะลา มีเงินตั้งทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ 518,400.-บาท

5.ยโสธร มีเงินตั้งทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากไร้ 750,000.-บาท

มูลนิธิฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2525 โดยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นประธานก่อตั้งฯตามคำกราบทูลเชิญของหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก ผู้ประสานการก่อตั้ง มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพให้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาส โดยให้ทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านความรู้และคุณธรรม กว่า 2,000 คน เพื่อให้เยาวชนเจริญเติบโตเป็นคนดีของชาติสามารถช่วยเหลืองตนเองได้ในอนาคต

โฆษณา

ยูสเซอร์-โปรแกรมเมอร์ร่วมงาน “Hackafuture” อนค.จัด

People Unity : “อนาคตใหม่” จัดงาน “Hackafuture” เหล่ายูสเซอร์-โปรแกรมเมอร์ ตบเท้าร่วมระดมความคิด ด้าน “ณัฐพงษ์” ชี้ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ทำให้ไทยก้าวทันโลก

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ฝั่งธนบุรี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ นายไกลก้อง ไวทยาการ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกับทีมดิจิทัล จัดงาน HackaFuture เชิญชวนประชาชนร่วมกันระดมสมองและออกแบบแอพพลิเคชั่นฉบับพรรคอนาคตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมในวันนี้เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 09.00 น. มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมสร้างแอพพลิเคชั่นเป็นจำนวนมาก ทั้ง user,coder,designer รวมไปถึงเหล่า programer ที่ต้องการมาร่วมกันสร้างและพัฒนา แอพพลิเคชั่นแบบพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมือง โดยให้เข้าถึงอย่างง่ายที่สุด

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า งานในวันนี้เป็นการรวบรวมเครือข่ายทั้งยูสเซอร์ โค้ดเดอร์ ดีไซน์เนอร์ ที่จะมาร่วมกันออกแบบแอพพลิเคชั่น ที่จะเป็นแอพฯการเมืองในมุมของภาคประชาชน ออกแบบตามความต้องการของยูสเซอร์ เป็นการทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อที่จะทำให้พรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคการเมืองของทุกคน ในมุมของยูสเซอร์ที่มาในวันนี้ ก็จะเป็นการแชร์ความต้องการของประชาชนผู้ที่ใช้แอพพลิเคชั่นในทุกๆวัน เพื่อที่จะให้โค้ดเดอร์หรือโปรแกรมเมอร์ พัฒนาโปรแกรมให้ตอบสนองความต้องการให้ได้มากที่สุด ทำให้การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมถึงกันโดยง่าย พรรคการเมืองทุกพรรคมีเว็ปไซด์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่วันนี้เป็นการระดมสมองเพื่อโมบายแอพฯ นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อที่จะใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ก่อนหน้านี้พรรคอนาคตใหม่มีเว็ปไซด์สำหรับรับเรื่องร้องทุกข์ แต่ประชาชนอาจจะต้องการแอพพลิเคชั่นอย่างอื่น ที่เปิดพื้นที่นำเสนอนโยบาย นำเสนอไอเดีย หรือแม้แต่ร่วมออกแบบงบประมาณในท้องที่ต่างๆ เราต้องการไอเดียของทุกๆคนเพื่อมาระดมสมองเพื่อที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า โดยเอาดิจิทัลแพลตฟอร์ม เอาเทคโนโลยีมาช่วยทำให้เข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น ทำให้รัฐมีความโปร่งใสมากขึ้น พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในตอนนี้ ตื่นมาก็เปิดแอพพลิเคชั่นไม่สีฟ้าก็สีเขียว นั่นคือไลน์หรือเฟซบุ๊ก เราอยากจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เป็นของประชาชน เข้าถึงการมีส่วนร่วม รายงานร้องทุกข์ หรือแม้แต่ข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ ที่ทำให้ตื่นเช้ามาจะเปิดแอพฯนี้เป็นอันดับแรก สามารถใช้ได้ทุกวันและเป็นทางออกของการแก้ปัญหาต่างๆ ผมเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะสามารถทำให้ประเทศไทยก้าวทันโลก” ณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องร้องทุกข์แล้ว สิ่งที่คิดว่าจะเกิดได้ใกล้ที่สุดจากแอพพลิเคชั่นนี้คือ อนาคตกฎหมายลูกทุกฉบับ อยากจะให้เกิดจากการระดมความคิดเห็น เพราะกฎหมายคือกติการ่วมกันของสังคม จะดีกว่าไหมที่เราไม่ได้ยกการร่างกฎหมายไปอยู่ในมือของนักกฎหมายที่เราอ่านภาษากฎหมายไม่เข้าใจ จะดีกว่าไหมถ้าการร่างกฎหมายเกิดจากความคิดของประชาชน ว่าอยากได้กติการ่วมกันของสังคมยังไง เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลไม่สามารถทำได้ เราจะถามคน 60 ล้านคน เพื่อร่างกฎหมายฉบับเดียวออกมาได้อย่างไร การมีดิจิทัลแพลตฟอร์ม จะเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้ในโลกอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมตลอดทั้งวัน จะเป็นการแบ่งกลุ่มเพื่อแชร์ข้อมูลทั้งฝั่งผู้ใช้ ผู้สร้างและผู้ออกแบบ โดยเน้นการระดมไอเดียของการมีส่วมร่วมจากภาคประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับโลโก้พรรคอนาคตใหม่ที่เป็นสามเหลี่ยมหัวกลับที่ยึดโยงกับประชาชน ทั้งนี้ในเวลา 20.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางมาร่วมงาน Hackafuture ที่ศูนย์ฯอนาคตใหม่ธนบุรีอีกด้วย

People Unity : “วรวัจน์”จี้รัฐเร่งหามาตรการรับมือภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ยกระดับความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดจีเอสพี

People Unity : “วรวัจน์”จี้รัฐเร่งหามาตรการรับมือภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ยกระดับความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกตัดจีเอสพี

วันที่ 27 ตุลาคม 2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพี กับสินค้าไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 39,650 ล้านบาท นั้น มีผลกระทบกับภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่อยู่ในภาวะซบเซาอยู่แล้ว อย่างยิ่ง

ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่ง แก้ปัญหา ช่วยเหลือต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ยังคงส่งออกสินค้าและแข่งขันได้ โดยไม่กดราคาสินค้าเกษตรลงไปอีกและต้องหามาตรการลดต้นทุนทางด้านการเพาะปลูกโดยด่วน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้รัฐบาลควรต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทั่วโลกยอมรับ ว่าเป็นจุดแข็งของประเทศไทยเพราะจะทำให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาสินค้าเกษตรพื้นฐาน ซึ่งในการพิจารณางบประมาณหากพบว่าหน่วยงานไหนที่มีแผนงานในการส่งเสริมและแก้ไขการแปรรูปสินค้าเกษตร ทางคณะกรรมาธิการจะให้การสนับสนุนแต่หากหน่วยงานไหนไม่มีแผนงานชัดเจน หรือใช้งบประมาณฟุ่มเฟือย ยังไม่จำเป็น ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือช่วยเหลือประเทศในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ทางคณะกรรมาธิการคงจะมีการปรับลดงบประมาณอย่างแน่นอน ในส่วนของการทำหน้าที่กรรมาธิการนั้น ทางกรรมาธิการจะมีส่วนร่วมในการเร่งแก้ไขวิกฤติประเทศและให้คำแนะนำหน่วยงานเพื่อไม่ให้สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ทรุดหนักลงไปอีก

“จุรินทร์”ยันอีก! มะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวกับแบน 3 สารพิษ

People Unity : “จุรินทร์”ยันอีก! มะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวกับแบน 3 สารพิษ ขี้ข้อเท็จจริงตัวเลขสิทธิพิเศษทางภาษีที่ถูกตัดประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาทเท่านั้น “หมอตี๋”ยัน สธ.มีจุดยืนปกป้องสุขภาพคนไทยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้

วันที่ 27 ตุลาคม 2562 เวลา 13.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิทางภาษีหรือ GSP ว่า ขอเรียนให้ทราบว่าในเรื่องกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ตัดจีเอสพีสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกานั้น ประเด็นก็คือ ปัจจุบันนี้สหรัฐฯให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือที่เรียกว่าจีเอสพี ที่ส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ รวมทั้งหมดราคา 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไทยไม่ได้ใช้สิทธิ์เต็มตามจำนวนที่ให้สิทธิ์เรา ใช้สิทธิ์แค่ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ส่งออกไปในทุกวันนี้

ประเด็นของการจากตัดจีเอสพี ก็หมายความว่าต่อไปนี้สินค้าของไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จำนวนยอดขายรวมกัน 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้นจะต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐ จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษี ภาษีที่ต้องเสียตกร้อยละ 4-5 โดยประมาณ ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าต่อไปนี้สินค้าไทย ที่จะส่งไปขายสหรัฐอเมริกาจะต้องมีภาระภาษีแทนที่จะไม่ต้องจ่ายภาษี ซึ่งภาระทางภาษีแต่ละปี เมื่อคำนวณแล้วตกประมาณ 1,500 ถึง 1800 ล้านบาท

“กล่าวโดยสรุปก็คือการตัดสิทธิ์พิเศษภาษีทางศุลกากรของสหรัฐทำให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปขายยังสหรัฐอเมริกา มีภาระที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 1500 -1800 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามประเด็นที่เป็นที่มาของสหรัฐฯ อ้างว่าใช้เป็นเงื่อนไขในการตัดสิทธิ์ ทำให้เราต้องเสียภาษีคือเรื่องแรงงาน สหรัฐต้องการให้ไทยเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าว ที่มาทำงานอยู่ในประเทศไทยสามารถตั้งสหพันธ์แรงงานได้อันนี้เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นอื่นนั้นขอให้ทางทรวงแรงงานเป็นผู้ให้ข้อเท็จจริง” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงพิจารณาประจำปีของเขาแต่เราสามารถที่จะอุทธรณ์หรือขอให้ทบทวนใหม่ได้ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมาอย่างเช่นปีที่แล้วก็ทบทวนรายการสินค้าคืนมาให้ 7 รายการ และปีนี้เราก็จะยื่นขอทบทวนอีก ถ้าเขาไม่ทบทวนถือว่าเป็นอำนาจของเขาเข่นกันเพราะเขามีสิทธิ์ฝ่ายเดียวเขาสามารถให้หรือไม่ให้ประเทศใดก็ได้ อย่างไรก็ตามประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เขาให้ฝ่ายเดียว เมื่อเขาไม่ให้หรือทบทวนแล้วไม่ให้เราก็จะไม่ได้สิทธิ์พิเศษนั้นต่อไปนี้เราก็จะต้องจ่ายภาษีตามเงื่อนไขที่เขากำหนดทำให้เรามีภาระทางภาษีเพิ่มขึ้น 1500 -1800 ล้านบาท ส่วนคำถามเรื่องสำหรับการแบน 3 สาร เท่าที่ติดตามไม่ได้เป็นเงื่อนไขของครั้งนี้สิ่งที่เราทราบเป็นทางการ คือ เกี่ยวกับประเด็นแรงงาน สรุปว่าสิ่งที่เขาอ้างในการตัดสิทธิ์ไม่เกี่ยวกับ 3 สาร แต่อย่างใด

“หมอตี๋”ยัน สธ.มีจุดยืนปกป้องสุขภาพคนไทยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยจากการประกาศแบน 3 สารเคมีนั้นว่า ในฐานะกระทรวงสาธารณสุข ถือพันธกิจสำคัญคือเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพเพราะฉะนั้นเมื่อเรามีข้อมูลว่า ทั้ง 3 สารมีอาจจะมีอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งกระทรวงก็ได้ประกาศไปแล้ว และทางคณะกรรมการวัตถุอันตรายก็ได้ประการแบน 3 สารเคมีไปแล้ว ดังนั้นถือ เป็นสิทธิของกระทรวงสาธารณสุข ที่เราเน้นความปลอดภัยของประชาชนในการบริโภคอาหาร และเป็นสิทธิที่เราจะปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงในการดูแลสุขภาพของคนไทย

ดร.สาธิต กล่าวด้วยว่า ส่วนผลกระทบด้านอื่นๆ คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมาดูแลว่า เกษตรกรจะต้องมีสารทดแทนอย่างไร ซึ่งก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่รัฐบาลจะตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยนั้น ในส่วนกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นสิทธิในการแสดงจุดยืนเรื่องการดูแลสุขภาพของคนไทย

“มัลลิการ์”โพสต์เตือนอย่าตื่นตูมอย่าปั่นกระแสจนเกินเหตุ

นางมัลลิการ์ บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ได้โพสต์เตือนว่า อย่าตื่นตูมมากไป และ อย่าปั่นกระแสจนเกินเหตุ แล้วพวกที่กระโจนใส่ท่านนายกรัฐมนตรีนั้น ลืมอะไรไปหรือเปล่า?

1.โดยหลัก ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการแบน 3 สารพิษ 2.ส่วนกรณีสิทธิด้านแรงงานตามกล่าวนั้น อเมริกาและไทยเจรจากันมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2556 ที่สมาพันธ์แรงงานUSAยื่นหนังสือร้องเรียน (ตอนนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์) 3.ส่วนเรื่อง GSP (สิทธิด้านภาษี) เราได้รับสิทธินี้เป็นพิเศษมาตั้งแต่ปี 2519 และเราก็ใช้สิทธินี้อย่างเต็มที่มาเรื่อยๆซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้รับเป็นพิเศษ 4.การทบทวนเพิ่มหรือลดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP เป็นกระบวนการปกติที่มีการเจรจาและทำกันมาอยู่ตลอด (เราได้สิทธิ 3,500 รายการแต่เราใช้เพียง 1,285 รายการเท่านั้นเพราะนอกจากนั้นเราไม่ได้ผลิตหรือไม่ได้ส่งUSA) 5.ต้องแก้ไขข่าวที่สื่อลงนิดหนึ่ง คือ ตัวเลข 40,000 ล้านบาท ที่สื่อฯลงนั้นไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกตัดสิทธิ (อันนั้นเป็นตัวเลขโดยรวมของการส่งออกUSAใน 573 รายการ) แต่ตัวเลขที่ถูกตัดคือสิทธิด้านภาษี ก็คือ 61 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1,800 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกไปUSAต้องจ่ายเป็นภาษีศุลกากรเขาและเป็นกรณีภาษีที่เรายังมีโอกาสในการเจรจาซึ่งมีระยะเวลา 6 เดือนจากนี้ ซึ่งการเจรจานี้ก็เป็นเรื่องปกติสามารถทำได้ตามฟอรัมต่างๆที่เราจะได้เจอเขาโดยเฉพาะในต้นเดือนพย.นี้)

6.มาตรการรองรับจากกระทรวงพาณิชน์ โดยท่านรองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้ให้นโยบายตั้งแต่ต้นโดยเป็นมาตรการรองรับสงครามการค้าและมาตรการเชิงรุกด้านตัวเลขส่งออกอยู่แล้ว คือ เราเน้นฟื้นตลาดเก่า เพิ่มตลาดใหม่ รุกตลาดยุโรปและอื่นๆ รวมทั้งตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย จีน อินเดีย เป็นต้น และเพิ่มมูลค่าทางสินค้าโดยการปรับเปลี่ยนเพิ่มคุณภาพและนวัตกรรมต่อไป

7.ภาพรวมที่ผ่านมา การส่งออกไป USA นั้นไทยเราได้ดุลการค้า ในสินค้ายานยนต์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ และกลุ่มอาหาร #ไม่มีใครนิ่งเฉย #อย่าตกใจจนขย้ำผู้นำประเทศตน

“หมวดเจี๊ยบ”สอนรัฐบาล”บิ๊กตู่”รีบแจงมะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวแบน 3 สารพิษ

People Unity : “หมวดเจี๊ยบ”สอนรัฐบาล”บิ๊กตู่”รีบแจงมะกันตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวแบน 3 สารพิษ อย่าปล่อยให้สังคมตื่นตระหนกและเข้าใจผิด จนกลายเป็นปัญหาลุกลามกระทบความสัมพันธ์ ไทย-สหรัฐ

วันที่ 27 ต.ค.2562 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรทำความเข้าใจกับสังคมไทยให้ทั่วถึงว่าการแบน 3 สารพิษ ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้สหรัฐตัด GSP ของสินค้าไทย เพราะความจริงแล้วรัฐบาลสหรัฐได้ทบทวนการตัดGSP ของไทย และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ มาเป็นปีแล้ว เพราะมีความเชื่อว่า จีนหันมาผลิตสินค้าในประเทศอาเซียนที่ได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีหรือ GSP จากสหรัฐ แล้วส่งสินค้ากลับไปขายที่สหรัฐโดยใช้ประเทศอาเซียนเป็นทางผ่าน ทั้ง ๆ ที่ จีนและสหรัฐทำสงครามการค้ากันอยู่ และนี่คือ ประเด็นหลักในการตัด GSP ไม่ใช่เรื่องการแบน 3 สารพิษอย่างที่บางคนเข้าใจ ทั้งนี้ รัฐบาลประยุทธ์รู้ตัวล่วงหน้านานแล้วว่าจะถูกตัด GSP เพราะสหรัฐไม่ได้ตัด GSP เฉพาะของไทยเพียงชาติเดียว แต่เขาไล่ตัดมาหลายประเทศแล้ว แม้แต่ อินเดีย ที่เคยได้โควต้า GSP มากที่สุดจากสหรัฐ ก็โดนตัดโควต้า GSP ทิ้งทั้งหมด จะเห็นว่าอินเดียเสียประโยชน์หนักกว่าไทยเสียอีก และการถูกตัด GSP ไม่ได้แปลว่าห้ามนำเข้าสินค้าเหล่านั้นเข้าสหรัฐ เพียงแต่จะทำให้ต้นทุนสินค้าบางรายการสูงขึ้น จนแข่งขันได้ยาก ซึ่งในภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2561 ก็ยังได้เปรียบดุลการค้าเหนือสหรัฐอยู่ ถึง 378,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสินค้ามูลค่า 40,00 ล้านบาท ที่จะถูกตัด GSP ถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และยังเป็นปริมาณที่อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลไทยจะใช้เวทีเจรจาเพื่อแก้ปัญหาได้ โดยไม่ต้องกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยกเว้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มีความสามารถหรือใช้เครื่องมือทางนโยบายไม่เป็น

ทั้งนี้ บุคคลที่สมควรถูกตำหนิมากที่สุด ในกรณีการตัด GSP ครั้งนี้ คือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้ใช้แรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลได้ตามที่องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ร้องทุกข์ไปยังสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างตัด GSP สินค้าไทย ทำให้ประเทศไทยต้องเสียประโยชน์ทางการค้า และรัฐบาลประยุทธ์ ก็ไม่เคยบอกความจริงเรื่องนี้กับคนไทย จึงทำให้สังคมตื่นตระหนกและโยงเรื่องนี้กับเรื่องการแบน 3 สารพิษ เพราะเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน

ซึ่งอันที่จริง รัฐบาลประยุทธ์ ต้องเตรียมตัวรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐที่ต้องเปลี่ยนไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะข้อกำหนดเรื่อง GSP เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคสงครามเย็น เพื่อสร้างพันธมิตรทางการเมืองของโลกตะวันตกเพื่อต่อสู้กับค่ายคอมมิวนิสต์ดังนั้น จึงมีการหยิบยื่นความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้ประเทศกำลังพัฒนาเพื่อหาพวก แต่วันนี้ สถานการณ์การเมืองโลกเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น สิทธิพิเศษต่าง ๆ ในโลกยุคสงครามเย็นย่อมเปลี่ยนไปด้วย ซึ่ง รัฐบาล ประยุทธ์ ต้องใช้สติและใช้เวทีเจรจาเป็นหลักในการหาทางออกในเรื่องนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ อย่าใช้วิธีปลุกกระแสคลั่งชาติ แต่ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนจะได้ไม่ตื่นตระหนก เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาที่เกิดขึ้นลุกลามไปส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ ระหว่างไทยและสหรัฐ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาบนโต๊ะเจรจา ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยดูขี้ขลาด แต่เป็นการแก้ปัญหาอย่างมีสติแบบคนที่เจริญแล้ว

“ธนกร”วอนฝ่ายค้านใช้เวทีสภาฯสร้างสรรค์ไม่ใช่หลอกด่ารบ.รายวัน

People Unity : “ธนกร”มั่นใจรัฐบาลรับมือฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ วอนใช้เวทีสภาฯ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่หลอกด่ารัฐบาลรายวัน เพราะประชาชนจับตาดูอยู่

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงกลางเดือนธันวาคมว่า เป็นสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจงฝ่ายค้านในทุกเรื่อง แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นาน ตนยังนึกไม่ออกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องคอยไปชี้แจงฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นระยะๆ ทั้งกรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่ควรจะเอาเวลาเหล่านี้ไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ จึงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าฝ่ายค้านจะเอาเรื่องอะไรมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 รัฐบาลก็สามารถชี้แจงได้หมด ดังนั้นิหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ก้าวเข้าสู่โลกข้อมูลข่าวสาร การอภิปรายต่างๆ พี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่ หากการอภิปรายไม่สร้างสรรค์ ไม่มีสาระสำคัญ หรือมุ่งอภิปรายโจมตีรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนตัวแล้วอยากจะให้ฝ่ายค้านให้เวลาในการทำงานให้กับบ้านเมืองก่อนจะดีกว่าหรือไม่ เมื่อมีข้อมูลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลทำงานบกพร่อง หรือไม่ชอบมาพากล ก็ค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้พี่น้องประชาชนอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลาในการทำงานอย่างเต็มที่ คงไม่อยากเห็นการใช้วาทกรรมหรือสงครามน้ำลายโจมตีกันไปมา เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

Verified by ExactMetrics