วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

แบงก์รัฐ หน่วยงานรัฐ โดน “โจรออนไลน์” ปล่อยข่าวปลอมเพียบ ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 พฤศจิกายน 2567 ดีอี เตือน กลโกง “โจรออนไลน์” ปล่อยข่าวปลอม “ธ.ก.ส. เปิดลงทะเบียนสินเชื่อ ผ่านบัญชี TikTok baac.thailand5” ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมที่เกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์รายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธ.ก.ส. เปิดลงทะเบียนสินเชื่อ ผ่านบัญชี TikTok baac.thailand5” รองลงมาคือเรื่อง “ป.ป.ท. เปิดให้ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ผ่านเพจ สำนักงานรัฐภาคที่ 2” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความวิตกกังวล ความสับสน ความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 854,009 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 579 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 564 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 4 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 229 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 79 เรื่อง โดยในจำนวนนี้เป็นข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ธ.ก.ส. เปิดลงทะเบียนสินเชื่อ ผ่านบัญชี TikTok baac.thailand5

อันดับที่ 2 : เรื่อง ป.ป.ท. เปิดให้ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ผ่านเพจ สำนักงานรัฐภาคที่ 2

อันดับที่ 3 : เรื่อง ธ.ก.ส. เปิดบัญชีไลน์ Admin BAAC Thailand

อันดับที่ 4 : เรื่อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพิ่มช่องทางการติดต่อ ไอดีไลน์ pea1143

อันดับที่ 5 : เรื่อง ธนาคารออมสินเปิดเพจเฟซบุ๊ก สินเชื่อ ฉุกเฉิน

อันดับที่ 6 : เรื่อง ปปง. เปิดลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิ เพื่อเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหาย ผ่านเพจ Notify the public

อันดับที่ 7 : เรื่อง ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเพจ News releases for the economy and society รับให้คำปรึกษาออนไลน์

อันดับที่ 8 : เรื่อง กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดให้ประชาชนยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนผ่านเพจ เพื่อพี่น้องไทย

อันดับที่ 9 : เรื่อง สมัครกรุงไทยใจป้ำ สินเชื่อเพื่อเดอะแบก อนุมัติไวใน 1 วัน ดอกเบี้ย 5.50-11%

อันดับที่ 10 : เรื่อง CIB ร่วมกับเพจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดช่องทางให้ประชาชนติดต่อขอรับเงินคืนจากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อ และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความวิตกกังวล และอาจทำให้ประชาชน ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ธ.ก.ส. เปิดลงทะเบียนสินเชื่อ ผ่านบัญชี Tiktok baac.thailand5” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งเป็นการแอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากธนาคารไม่มีการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวแก่ลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ใดๆทั้งสิ้น และบัญชี TikTok ที่ใช้ชื่อว่า baac.thailand5 ไม่ใช่ช่องทางการติดต่อหรือเกี่ยวข้องกับ ธ.ก.ส. จึงขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารจาก ธ.ก.ส. สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.baac.or.th หรือโทร. 0-2555-0555

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)

|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

Advertisement

ภาคใต้ฝนหนัก

People Unity News : 10 พฤศจิกายน 2567 กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “หยินซิ่ง” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. 67 คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย

Advertisement

กระทรวงดีอี เตือน ข่าว “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” เป็นข่าวปลอม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงดีอี เตือน ข่าวปลอม “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่นสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” รองลงมาคือเรื่อง “ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความวิตกกังวล ความสับสน ความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 854,009 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 579 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 564 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 4 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 229 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 79 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 97 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 66 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 25 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 14 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 27 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐ และนโยบายของรัฐ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และสิทธิประกันสังคม ทั้งในเรื่องการเปิดสินเชื่อ และเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ สร้างความเข้าใจผิด สร้างความวิตกกังวล และอาจสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่

อันดับที่ 2 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT

อันดับที่ 3 : เรื่อง ผู้ประกันตนสามารถกู้เงินประกันสังคมได้ ผ่านเพจ Carroll Reyes

อันดับที่ 4 : เรื่อง ตำรายาแก้โรคมะเร็งหายใน 6 วัน

อันดับที่ 5 : เรื่อง โรงพยาบาลเอกชน 70 แห่ง เตรียมถอนตัวจากการเป็นคู่สัญญากับประกันสังคม เนื่องจากอัตราการจ่ายปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุน ทำให้ขาดทุน

อันดับที่ 6 : เรื่อง จะเกิดทอร์นาโด ระดับ 4 ในพื้นที่ แปดริ้ว กรุงเทพ และปริมณฑล

อันดับที่ 7 : เรื่อง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกเอกสารวงในบอกเลขก่อนวันออกรางวัล

อันดับที่ 8 : เรื่อง คลิกลิงก์ เพื่อแก้ไขแอปฯ ทางรัฐค้างอยู่ขั้นตอนที่ 3 และ 4

อันดับที่ 9 : เรื่อง ไปรษณีย์ไทยส่งอีเมลแจ้งให้อัปเดตข้อมูลการเรียกเก็บเงิน เพื่อขอจัดส่งพัสดุใหม่

อันดับที่ 10 : เรื่อง จำหน่ายบัตรราคาพิเศษพร้อมการเดินทางไม่จำกัดบนระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบเป็นเวลา 6 เดือน

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐและโครงการของรัฐถึง 8 อันดับ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความวิตกกังวล สำหรับข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ สิทธิประกันสังคม และข่าวเกี่ยวกับโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต อาจทำให้ประชาชน ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ธนาคารกรุงไทย เปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รอบใหม่” ซึ่งกระทรวงดีอี ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยธนาคารไม่ได้เปิดลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด เป็นการกระทำของมิจฉาชีพที่แอบอ้างถึงธนาคารกรุงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสร้างความสับสนแก่ประชาชน ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนควรระมัดระวังในการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์แปลก น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มาชัดเจน สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารกรุงไทย ได้ที่ www.krungthai.com หรือติดต่อ Krungthai Contact Center 02-111-1111 หรือแจ้งผ่าน Facebook : Krungthai Care

ด้านข่าวปลอม อันดับ 2 “ธนาคารกรุงไทย ส่งเอกสารแจ้งตรวจพบความผิดปกติแอปพลิเคชัน Krung NEXT” โดยกระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของมิจฉาชีพที่แอบอ้างถึงธนาคารกรุงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมที่ไม่ได้ออกโดยธนาคารกรุงไทยแต่อย่างใด จึงขอเตือนประชาชนควรระมัดระวังในการกรอกข้อมูลและไม่ควรกดลิงก์แปลก น่าสงสัยที่ส่งโดยไม่ทราบที่มาชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)

|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

Advertisement

อีสาน-เหนือ-กลาง-ตอ.ลมแรง ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-2 องศาฯ มีฝนฟ้าคะนอง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 พฤศจิกายน 2567 กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาฯ กับมีลมแรงในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ลมแรง และมีฝนฟ้าคะนอง 10%

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก

ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน และระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ในขณะที่มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทย มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีลมแรง และมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

Advertisement

ศปช. เตือนภาคใต้ 11 จังหวัด เฝ้าระวังอันตรายฝนตกหนักช่วง 2-8 พ.ย นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 พฤศจิกายน 2567 ศปช. เตือนภาคใต้ 11 จังหวัด เฝ้าระวังอันตรายฝนตกหนักช่วง 2-8 พ.ย นี้

วันนี้ (2 พ.ย. 67) เวลา 10.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ศปช. เตือนประชาชนพื้นที่ภาคใต้ช่วงวันที่ 2 – 8 พ.ย. 67 ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ใน 11 จังหวัดภาคใต้  ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อำเภอทับสะแก บางสะพาน และบางสะพานน้อย จ.ชุมพร อำเภอเมืองชุมพร สวี ทุ่งตะโก หลังสวน และพะโต๊ะ  จ.ระนอง อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ  จ.สุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี กาญจนดิษฐ์ พนม บ้านนาสาร บ้านนาเดิม พุนพิน เคียนซา พระแสง ดอนสัก และเกาะสมุย จ.พังงา อำเภอตะกั่วป่า และกะปง  จ.ภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง จ.กระบี่ อำเภอเมืองกระบี่ เหนือคลอง และคลองท่อม  จ.ตรัง อำเภอเมืองตรัง ย่านตาขาว ห้วยยอด นาโยง และวังวิเศษ จ.นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ ขนอม ทุ่งสง สิชล นบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา เชียรใหญ่ ชะอวด และหัวไทร   จ.พัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง และควนขนุน จ.สงขลา อำเภอเมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด นาทวี สิงหนคร หาดใหญ่ และรัตภูมิ

นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังน้ำในอ่างเก็บน้ำพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำรัชชประภา  และอ่างเก็บน้ำบางลาง นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กอีก 7 แห่ง อาทิ  อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น  อ่างเก็บน้ำบางกำปรัด  อ่างเก็บน้ำห้วยลึก  อ่างเก็บน้ำคลองหยา  อ่างเก็บน้ำบางวาด อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ  และอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ  รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 1 แห่ง  ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสวนหนังที่มีปริมาณน้ำมากกว่าความจุต้องมีการปรับระบายน้ำบางส่วน

Advertisement

อัปเดตเส้นทาง พายุ “จ่ามี” เคลื่อนเข้าฝั่งเวียดนาม เผยพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และฝนตกหนักบางแห่ง อัปเดตเส้นทาง พายุ “จ่ามี” เคลื่อนเข้าฝั่งเวียดนาม

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก หลังจากนั้นมีอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และด้านตะวันออกของภาคเหนือและภาคกลาง ประกอบกับมีพายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 27 – 28 ต.ค. 67

สำหรับลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

Advertisement

ศปช. เตือน “พายุจ่ามี” เข้าใกล้เวียดนาม ส่งผลไทยฝนตกหลายจังหวัด ช่วง 26-29 ต.ค

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 ตุลาคม 2567 ศปช. เตือน “พายุจ่ามี” เข้าใกล้เวียดนาม ส่งผลไทยฝนตกหลายจังหวัด ช่วง 26-29 ต.ค ด้านกรมชลฯ ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนป่าสักแต่ไม่กระทบ ปชช.ท้ายเขื่อน ส่วนเชียงใหม่ ฟื้นฟูคืบหน้า เร่งขนย้ายกระสอบทรายออกจากพื้นที่

วันนี้ (26 ตุลาคม 2567) เวลา 12.00 น. นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่  26 – 29 ต.ค 67  คาดการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” เคลื่อนตัวใกล้เข้าชายฝั่งเวียดนามมากขึ้น แต่ยังไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง  โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของภาคอีสาน (จ.สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ) ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้นในวันที่ 27 ต.ค.67   ในส่วนของภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักโดยเฉพาะด้านฝั่งอันดามัน

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สทนช.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณเทศบาล ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนบางวาด อ.กะทู้ และในวันนี้จะมีการประชุมหารือแนวทางบริหารจัดการน้ำร่วมกันเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รับมือในจุดเสี่ยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อประชาชนในช่วงฤดูฝนของภาคใต้ให้ได้มากที่สุด

สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี  หลังจากที่มีปริมาณน้ำสะสมจากฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก เพื่อบริหารจัดการน้ำสอดให้คล้องกับสถานการณ์ และควบคุมระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จะทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนี้ วันที่ 27 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 70 ลบ.ม./วินาที เป็น 100 ลบ.ม/วินาที และวันที่ 28 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 100 ลบ.ม./วินาที เป็น 120 ลบ.ม/วินาที ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 50-60 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจะยังอยู่ในลำน้ำและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน และหากมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จะรีบแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบเป็นระยะต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศปช. รับทราบรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึงข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรง  7 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ 2. การสร้างการรับรู้แก่ประชาชน 3. การดูแลสถานที่ท่องเที่ยว 4. กรณีมีแนวโน้มเกิดขึ้นลมแรงขึ้นซัดชายฝั่ง 5. การเผชิญเหตุ กรณีฝนตกหนัก ฝนตกสะสม รวมถึงคลื่นซัดชายฝั่ง 6. กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงในพื้นที่ และ 7. เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายแล้ว

ส่วนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยใน จ.เชียงใหม่ นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เจ้าหน้าที่และกำลังพลที่เดินทางมาจากอำเภอต่างๆ  ได้ลงพื้นที่ดำเนินการการฟื้นฟู ทำความสะอาด และเก็บถุงกระสอบทรายออกจากถนน ทางเท้า และบ้านเรือนประชาชน ที่ยังคงตกค้าง หลังจากสถานการณ์น้ำลดลง  ปัจจุบันยังนำออกจากพื้นที่ไม่หมด  จึงได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ ช่วยขนย้ายออกจากถนน ทางเท้า และหน้าบ้านเรือนประชาชน  เพื่อทำความสะอาดและไม่กีดขวางทางสัญจร  ถุงกระสอบทราย จะถูกขนย้ายไปไว้ตามที่ดินของหน่วยงานรัฐในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง  เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ และประชาชนที่มีความต้องการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ต่อไป เช่น การซ่อมแซมและการก่อสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ ใช้ในภาคการเกษตร หรือนำไปใช้ทำเป็นฝายกั้นน้ำเตรียมพร้อมสำหรับช่วงหน้าแล้ง เป็นต้น

Advertisement

สภาพอากาศวันนี้ ภาคกลาง-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันออก ฝนตกหนัก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ตุลาคม 2567 กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับฝนตกหนักบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านอ่าวไทยตอนบน ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

Advertisement

มาเหนือเมฆ มิจฯ อ้างสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หลอกดูดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับสิทธิคุ้มครองเงินฝาก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ตุลาคม 2567 สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) แจ้งเตือนภัยประชาชน อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกดูดข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับสิทธิการคุ้มครองเงินฝาก

เนื่องจากในขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพใช้ชื่อสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) ในการหลอกลวงประชาชนให้แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลและยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Scan) ผ่านช่องทางที่กลุ่มมิจฉาชีพกำหนด เพื่อลงทะเบียนและขอข้อมูลส่วนบุคคลโดยอ้างจุดประสงค์เพื่อการยกระดับความปลอดภัยของบัญชีเงินฝากและให้ได้รับสิทธิการคุ้มครองเงินฝากนั้น

DPA ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการขอข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ทั้งสิ้นจากผู้ฝากและประชาชน โดยการคุ้มครองเงินฝากเป็นนโยบายภาครัฐ ซึ่งผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองทันทีที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ไม่ต้องมีการยื่นข้อมูลใดๆ มายัง DPA เพื่อให้ได้รับสิทธิการคุ้มครอง นอกจากนี้ DPA จะดำเนินกระบวนการคุ้มครองผู้ฝากก็ต่อเมื่อมีกรณีสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังเพียงกรณีเดียวเท่านั้น

ในการนี้จึงขอแจ้งเตือนผู้ฝากและประชาชนโปรดเพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อรับสิทธิการคุ้มครองเงินฝาก โปรดอย่าหลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มมิจฉาชีพได้

หากผู้ฝากและประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลคุ้มครองเงินฝาก (DPA Contact Center) 1158 หรือ www.dpa.or.th

Advertisement

 

“จิราพร” เผย สคบ.เตรียมริบโล่ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” วันนี้เรียกผู้บริหารบริษัท ดารา เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 16 ตุลาคม 2567 ทำเนียบ – “จิราพร” เผย สคบ. เตรียมริบโล่ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” หลังตรวจแล้วใช้ผิดวัตถุประสงค์ สั่งตั้ง คกก. สอบ “เทวดา สคบ.” รับส่วย

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงระบุมีเทวดาที่ สคบ. เรียกรับผลประโยชน์ ขณะนี้มีการดำเนินการอย่างไรบ้างว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมมากที่สุด ในการตรวจสอบประเด็นนี้จะมีการเชิญคนนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการในการตรวจสอบ โดยได้มีการประสานบุคคลที่มีชื่อเป็นคณะกรรมการครบแล้ว

แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลายอย่างว่ามีการพาดพิงหน่วยงานและบุคคลภายนอกด้วย เพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพ จึงต้องยกระดับการตรวจสอบ เสนอให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูล รวมถึงหน่วยงานและบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมด้วย

สำหรับชื่อแคนดิเดตเลขาธิการ สคบ. อย่าง พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรองเลขาธิการ สคบ. จะมีการตรวจสอบอย่างไรบ้าง นางสาวจิราพร กล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับกรณีปรากฏภาพนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สคบ.จำนวนมากนั้น นางสาวจิราพร ชี้แจงว่า ในส่วนนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการ และนำคนนอกมาสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในอนาคต โดยคณะกรรมการชุดนี้จะให้ข้อเสนอแนะและนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป

ส่วนการขีดเส้นในการตรวจสอบ จากกรอบเวลาที่วางไว้คือไม่เกิน 30 วัน สำหรับโครงสร้างของคณะกรรมการ ในโครงสร้างใหญ่ จะมีตัวแทนอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และตัวแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่รับผลประโยชน์จะมีการสอบสวนในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นางสาวจิราพร ระบุว่า จะมีการสอบสวนรวมประเด็นทุกอย่างที่เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน เนื่องจากคณะกรรมการมีหน้าที่ศึกษาข้อเท็จจริง และจะมีการตรวจสอบทั้งหมด ทั้งเรื่องคลิปเสียง และกรณีอื่นๆ

นางสาวจิราพร เปิดเผยอีกว่า วันที่ 16 ต.ค. เวลา 10.00 น. ทาง สคบ. ได้เรียกผู้บริหารบริษัท และดารา เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูล ซึ่งผลการสอบจะต้องมีการส่งไปให้ สตช. เพื่อประกอบการพิจารณา

ทั้งนี้ สตช. แจ้งว่ามียอดผู้ร้องทุกข์เข้ามาทะลุพันคน จำนวนความเสียหาย 380 ล้านบาท อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล วัตถุ เอกสาร เพื่อให้เกิดความรัดกุมที่สุด ในการตั้งข้อกล่าวหา ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในประเด็นการโฆษณาต่างๆ

ส่วนกรณีผู้เสียหายบางคนที่กังวลเรื่องการสืบทรัพย์เพื่อเยียวยานั้น นางสาวจิราพร กล่าวว่า ประชาชนสามารถไปที่สำนักงานตำรวจ ในส่วนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ข้อมูลกับทางตำรวจ แต่ขั้นตอนหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ในเรื่องที่จะได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ เนื่องจากหากตำรวจได้ข้อเท็จจริง และข้อกล่าวหาที่ชัดเจนแล้วจะส่งให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ปปง. และหากเกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็จะส่งเรื่องต่อไปให้เช่นเดียวกัน ย้ำว่าทุกหน่วยงานกำลังรวบรวมสรรพกำลังในตอนนี้ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงให้กับประชาชน

นางสาวจิราพร เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการป้องกันในระยะยาว ซึ่ง สตช. เองก็เป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียนในการสอบสวนข้อเท็จจริงกับหน่วยงานอย่าง สคบ. และกระทรวงการคลัง ที่ดูแลเรื่องแชร์ลูกโซ่ ให้ไปดูกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ส่วนกรณีมีพระภิกษุสงฆ์เกี่ยวข้องด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องช่วยมาดูแลในประเด็นนี้อย่างไร นางสาวจิราพร กล่าวว่า เราทราบดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี เข้าใจความกังวลของประชาชนว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงาน ทางรัฐบาลเองจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ครอบคลุมทุกประเด็น ส่วนพระสงฆ์จะต้องเข้าให้ข้อมูลด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

ส่วนจำนวนคณะกรรมการที่วางไว้ ขณะนี้มี 7 คน และมีเลขาฯ 1 คน สำหรับรายชื่อคนนอก ต้องรอการลงนามให้เรียบร้อยก่อนแล้วจึงสามารถเปิดเผยชื่อได้

สำหรับกรณีการมอบโล่ให้บริษัทดังกล่าว จากการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สคบ. พบว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ยืนยันว่าโล่นี้เป็นรางวัลเกี่ยวกับกับสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่การประกอบธุรกิจ ซึ่ง สคบ. ได้มีการส่งหนังสือแจ้งเรียกคืนเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีความผิดเพิ่มเติมหรือไม่ คณะกรรมการจะสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

Advertisement

Verified by ExactMetrics