วันที่ 24 พฤศจิกายน 2024

ด่วน!! แผ่นดินไหวในอ่าวเบงกอลเช้านี้ เกิดจากรอยเลื่อนสะกายเคลื่อนตัว

People Unity News : 19 มิถุนายน 2566 กรมทรัพยากรธรณีเผย แผ่นดินไหวในทะเลขนาด 6.0 บริเวณอ่าวเบงกอล ประเทศเมียนมาเช้านี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนตัวประมาณ 2 เซนติเมตรต่อปี ส่วนที่รับรู้แรงสั่นไหวได้หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและใกล้เคียงเนื่องจากรองรับด้วยชั้นดินเหนียวอ่อน

นายสุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า เกิดแผ่นดินไหวในทะเลขนาด 6.0 (15.266°N , 96.248°E ) เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร บริเวณอ่าวเบงกอล นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ประมาณ 289 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 490 กิโลเมตร และมีแผ่นดินไหวตาม (Aftershock) จำนวน 1 ครั้ง ขนาด 3.6 เวลา 08.57 น. โดยสาเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว เกิดจากการเคลื่อนตัวของแนวรอยเลื่อนสะกาย ในประเทศเมียนมา ตามแนวระนาบแบบเหลื่อมขวา ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนตัวประมาณ 2 เซนติเมตรต่อปี

สำหรับรายงานผลกระทบต่อประชาชนที่สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว มีดังนี้

1) กรุงเทพมหานคร 22 เขตได้แก่ พื้นที่เขตดุสิต จตุจักร บางเขน สีลม ลาดพร้าว บางพลัด ราชเทวี ทุ่งครุ ปทุมวัน ห้วยขวาง หลักสี่ ดินแดง พญาไท คลองเตย ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน หนองแขม คลองสาน สาทร บางรัก สวนหลวง และคันนายาว

2) จังหวัดนนทบุรี อำเภอปากเกร็ดและอำเภอเมือง

3) จังหวัดปทุมธานีที่เทศบาลนครรังสิต

สำหรับสาเหตุที่สามารถรับรู้แรงสะเทือนได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเนื่องจากกรุงเทพมหานครรองรับด้วยชั้นดินเหนียวอ่อน เมื่อมีแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวจากระยะไกล จะสามารถขยายคลื่นแผ่นดินไหวได้มากถึง 3 เท่า ส่งผลให้ประชาชนบนอาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้ได้ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณราบอ่าวเบงกอลในรอบ 5 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 – 2566 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 3.1 – 5.4 รวมจำนวนทั้งสิ้น 28 ครั้ง โดยมีขนาดมากกว่า 5.0 จำนวน 3 ครั้ง

Advertisement

เริ่มพรุ่งนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เปิดให้บริการครบทั้ง 23 สถานี

People Unity News : 18 มิถุนายน 2566 รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง เปิดครบ 23 สถานีวันพรุ่งนี้ ​แต่สถานีลาดพร้าว เปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และขยายช่วงเวลาบริการ 06.00-21.00 น. ในทุกสถานี ตั้งแต่ 20 มิ.ย. บีทีเอสคาดเริ่มเก็บค่าโดยสาร 3 ก.ค.

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ​แจ้งว่ารถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง จะเปิดให้บริการถึงสถานีลาดพร้าว ในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป หรือครบ 23 สถานี รวมระยะทาง 30.4 กิโลเมตร หลังจากเริ่มเปิดทดสอบครั้งแรกวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ จะขยายช่วงเวลาให้บริการเป็นระหว่างเวลา 06.00-21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนเป็นต้นไป เพื่อรองรับความต้องการเดินทางในช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็นของประชาชน

ทั้งนี้วันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตลอดสายอย่างเป็นทางการ โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ณ ศูนย์ซ่อมบำรุง-สถานีลาดพร้าว-สถานีศรีเอี่ยม โดยจะมีการเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง

โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ถือเป็นหนึ่งในโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในความรับผิดชอบของ รฟม. ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรอง (Feeder Line) ที่จะใช้ขนส่งผู้โดยสารจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ และพื้นที่บางส่วนในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายหลักอื่นๆ โดยมีอาคารจอดแล้วจรให้บริการได้บริเวณสถานีศรีเอี่ยม และสถานีลาดพร้าว

ก่อนหน้านี้นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และผู้รับสัมปทานในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นหนึ่งในโครงการที่มีข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานที่จำเป็นต้องติดตั้งระบบตั๋วร่วม อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางเชื่อมต่อระบบรางอย่างสะดวก โดยขณะนี้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้มีการติดตั้งระบบ EMV Contactless รองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่มีสัญลักษณ์ EMV (Europay, MasterCard and VISA) นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองด้วยบัตรแรบบิทในเครือ BTS ซึ่งจะมีการจัดทำโปรโมชันราคาพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้ประชาชนปรับเปลี่ยนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโดยสารสามารถออกบัตรโดยสารดังกล่าว ณ ตู้จำหน่ายบัตรโดยสาร และห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะมีอัตราค่าโดยสาร 15-45 บาท

โดย รูปแบบการชำระค่าโดยสารในเบื้องต้นนั้น หากเปรียบเทียบแล้วจะพบว่าการชำระค่าโดยสารด้วยการใช้บัตร EMV เป็นทางเลือกของประชาชนที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายจากการจัดเก็บค่าแรกเข้า กรณีต้องเปลี่ยนระบบรถไฟฟ้าระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในจำนวนประมาณ 15 บาท โดยหากประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนราว 600 บาท คำนวณจากค่าแรกเข้าที่ถูกลดหย่อนจากการเดินทางวันทำงานไปกลับจำนวน 30 บาทต่อวัน

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังคงให้บริการประชาชนโดยไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งเบื้องต้นมีการประเมินว่าอาจจะมีการเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในวันที่ 3 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนขออนุมัติอัตราค่าโดยสารจาก รฟม.และออกประกาศกำหนดใช้ต่อไป

Advertisement

แบงก์ชาติเตือน แบงก์ปลอมระบาด แนะ “แบงก์จริงต้องกลิ้งได้”

People Unity News : 15 มิถุนายน 2566 ธปท.เตือนธนบัตรปลอมระบาดหลายพื้นที่ แนะวิธีสังเกตุ “แบงก์จริงต้องกลิ้งได้”

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งเตือนเรื่องธนบัตรปลอม หลังมีการพบธนบัตรปลอม หลายฉบับในหลายพื้นที่  จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการรับธนบัตร สังเกตก่อนรับเงินทุกครั้ง

โดยวิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดคือ แบงก์จริงต้องกลิ้งได้ เมื่อพลิกเอียงธนบัตร ลายดอกไม้สีทองและแถบสีจะกลิ้งและเปลี่ยนสีได้  แต่หากพลาดได้รับธนบัตรปลอมมาแล้วให้รีบไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามจับคนร้าย และอย่านำธนบัตรดังกล่าวไปใช้ต่อ เพราะมีความผิดตามกฎหมาย

ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเรื่องธนบัตร สามารถติดต่อได้ที่ Facebook: ธนบัตรทุกเรื่อง Line: http://nav.cx/iVLA6Yr หรือ @BanknoteGuru โทร: 023568687 – 90 https://www.bot.or.th/th/our-roles/banknotes.html

Advertisement

ข่าวปลอม อย่าแชร์!  ข่าว ปตท.เปิดลงทุนซื้อหุ้นน้ำมัน

People Unity News : 15 มิถุนายน 2566 ตามที่มีข้อมูลเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เรื่องเพจ Get Market เปิดลงทุนซื้อหุ้นน้ำมัน ปตท. ราคา 187 บาท ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีโฆษณาเชิญชวนที่ระบุถึง ปตท. เปิดลงทุนซื้อหุ้นน้ำมัน ราคาพื้นฐาน 187 บาท ผ่านเพจ Get Market ทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ทาง ปตท. ไม่มีการดำเนินการดังกล่าวตามที่แอบอ้าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจดังกล่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pttplc.com หรือโทร. 1365 Contact Center

Advertisement

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-ตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก

People Unity News : 14 มิถุนายน 2566 กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

Advertisement

อุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก

People Unity News : 11 มิถุนายน 2566 กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

Advertisement

 

3 การไฟฟ้า เตือนระวังมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อ ชักชวนลงทุน!!!

People Unity News : 9 มิถุนายน 2566 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตือนภัย อย่าหลงเชื่อ! ผู้แอบอ้างชื่อหน่วยงาน หรือแอบอ้างเป็นพนักงาน ชักชวนลงทุน ระวังเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

3 การไฟฟ้าย้ำว่า จากกรณีที่มีการคนแอบอ้างใช้ชื่อหน่วยงาน และ พนักงาน ของ 3 การไฟฟ้า ในการชักชวนลงทุนหรือทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทาง Facebook / เว็บไซต์ /แอปพลิเคชัน / ข้อความ SMS / LINE หรือ Social Media ใดๆ

ขอชี้แจงว่า กฟผ. กฟน. และ กฟภ. เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบบริษัท และไม่มีการชักชวนให้ลงทุนใดๆทั้งสิ้น

Advertisement

ข่าวดี รัฐบาลชวนคนไทยไปฝึกงานญี่ปุ่น พร้อมเบี้ยเลี้ยงและอื่นๆ

People Unity News : 8 มิถุนายน 2566 โอกาสมาแล้ว รัฐบาลชวนคนไทยไปฝึกงานญี่ปุ่น พร้อมรับเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟฟรี ฝึกครบ 3 ปี รับเงินกลับบ้านกว่า 1.5 แสนบาท

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อนโยบายพัฒนาฝีมือแรงงานทัดเทียมกับมาตรฐานของนานาชาติ โดยการจัดส่งผู้ฝึกงานให้กับประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้หางานได้พัฒนาฝีมือ และผู้ฝึกงานยังได้รับเบี้ยเลี้ยงสูงกว่าค่าจ้างที่ได้รับในประเทศ

ทั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีที่กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง ผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 4 จึงขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครทางออนไลน์ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้-18 มิถุนายน 2566 สอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคฯ เดือนแรกจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 80,000 เยน หรือประมาณ 19,893 บาท ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟ ฟรี และเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่น และเมื่อฝึกครบตามกำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพ จำนวน 600,000 เยน หรือประมาณ 149,170 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2566) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม พี่น้องประชาชนที่ประสงค์สมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น สามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th โดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ทางเว็บไซต์ doe.go.th/prd หรือเว็บไซต์ doe.go.th/overseas และเพจ facebook : IMthailand สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9428 หรือ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

Advertisement

นายกฯ ชื่นชมความสำเร็จการวิจัยพัฒนา “ไซทิซีน” ยาเลิกบุหรี่

People Unity News : 5 มิถุนายน 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมความสำเร็จภาครัฐ องค์การเภสัชฯ ร่วมมือคณะแพทยศาสตร์ มศว วิจัยพัฒนายาเม็ด “ไซทิซีน” ยาเลิกบุหรี่ ช่วยผู้ติดบุหรี่เข้าถึงยาเลิกสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ คาดผลิตจำหน่ายได้ต้นปี 2567

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของหน่วยงานภาครัฐ โดยองค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข ได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ คือ ยาเม็ด ไซทิซิน จีพีโอ (1.5 มิลลิกรัม) เป็นรายแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการช่วยผู้ที่ติดบุหรี่ได้เข้าถึงยาเลิกสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ ฯลฯ ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัยพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศ รวมถึงการวิจัยพัฒนาในเรื่องของยาและด้านการแพทย์ด้วย เพื่อให้ประชาชนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2564 พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ถึง 9.9 ล้านคน และเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย มียา 5 รายการที่ใช้สำหรับเลิกบุหรี่ ได้แก่ ยาเม็ด Varenicline ยาเม็ด Bupropion นิโคตินทดแทน (Nicotine replacement therapy) ยาเม็ด nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว ปัจจุบันมีเพียงยา 2 รายการ ที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาเม็ด Nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว ดังนั้น การที่องค์การเภสัชกรรมได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ คือ ยาเม็ด ไซทิซิน จีพีโอ ที่มีคุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองในประเทศไทย จึงถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการเลิกบุหรี่ในประเทศที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น

“สำหรับยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศึกษาวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ ผลการวิจัยมีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลดี ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเภทยาควบคุมพิเศษ ที่จำหน่ายได้ในสถานพยาบาลเท่านั้น โดย พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลระบุว่า หากเปลี่ยนมาใช้ยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ ในการรักษาแทนการรักษาในปัจจุบันที่ใช้ยาเม็ด Varenicline จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่ายาต่อคอร์ส และลดระยะเวลาในการรักษาได้ 3-4 เท่า รวมทั้งลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ประมาณ 12 ล้านบาท/ปี โดยองค์การเภสัชกรรม จะเริ่มผลิตจำหน่ายยาในเดือนมกราคม 2567” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

โควิดกลับมาระบาด แนะผู้สูงอายุ-กลุ่ม 608 รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น

People Unity News : 31 พฤษภาคม 2566 โฆษกรัฐบาล เผยอัตราการติดเชื้อโควิดใน กทม.-ปริมณฑล สูงขึ้น นายกฯ ห่วงกลุ่ม 608 ย้ำลูกหลานพาผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีนประจำปี ลดความรุนแรง สูญเสีย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 29 พ.ค. 66 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยใน กทม. และปริมณฑล พบการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่นและผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยกลุ่มเสี่ยง 608 ขอให้ลูกหลานพามารับวัคซีนประจำปี กระทรวงสาธารณสุขแนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ขอให้พาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีนประจำปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

“การประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าสถานการณ์การระบาดเป็นไปตามคาดการณ์ คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้ในเขต กทม. และปริมณฑลพบการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงมอบหมายให้กรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่าง ๆ ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม.ยังเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน

“การฉีดวัคซีนเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ หากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น หากมีอาการแต่ตรวจ ATK ไม่พบ อาจสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แม้เป็นกลุ่มเสี่ยง ก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้ามีอาการไม่มาก สามารถใช้การรักษาตามอาการไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น สูงอายุ มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics