วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ชวน “รถเก่า” เข้า “คลินิกรถ” ลดฝุ่น PM2.5

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการ คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5 เพื่อบำรุงรักษารถยนต์ ลดควันดำ ต้นเหตุ PM2.5

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  ชวนผู้ใช้รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เข้าตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี  ที่ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM 2.5”  เพื่อลดการปล่อยฝุ่นละออง PM 2.5 จากรถยนต์ใช้งาน หลังกรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ช่วง 1-2 วันนี้ หลายจังหวัดทั่วประเทศมีปริมาณฝุ่น pm2.5 เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะอาศัยในเขตเมือง โดยโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถยนต์ 9 ราย ประกอบด้วย TOYOTA , ISUZU , MITSUBISHI , NISSAN , MAZDA , FORD , HONDA , SUZUKI และ HINO ร่วมให้บริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี ซ่อม บำรุงรักษาและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยให้ส่วนลดราคาทั้งค่าน้ำมันเครื่อง ค่าอะไหล่และค่าแรงให้กับรถยนต์ใช้งานที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เพื่อลดการปล่อยฝุ่นละออง PM 2.5 จากรถยนต์ใช้งาน พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของประชาชนทั่วไป หากรถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานจะได้รับส่วนลดที่เพิ่มมากขึ้น โดยโครงการนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ถึง เดือนเมษายน 2566

“รถบรรทุก รถเมล์ขนาดใหญ่ควรมีการตรวจสภาพรถอย่างเข้มงวด เพราะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากกว่า และรถยนต์เก่าอายุมากกว่า 20 ปี ในบ้านเราตัวเลขเมื่อสิ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว มีมากกว่า 3 ล้านคัน ก็ควรหมั่นตรวจเช็คสภาพ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดควันดำแล้ว ยังจะช่วยผู้ใช้รถประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซ่อมแซมรถด้วย” นายสุรพงษ์ กล่าว

ที่ผ่านมาบริษัทรถยนต์ได้ร่วมมือกันให้ส่วนลดค่าบำรุงรักษา เพื่อลดควันดำมากกว่า 252,414 คัน รวมเป็นงบประมาณกว่า 160 ล้านบาท

สำหรับผู้ใช้รถที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถประสานศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อตรวจสอบรายละเอียดส่วนลดและระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ เนื่องจากแต่ละบริษัทให้การสนับสนุนที่แตกต่างกัน โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่ shorturl.at/ejqKT

Advertisement

ฝุ่นยังคลุ้ง! เช้านี้ PM 2.5 ยังสูงเกินค่ามาตรฐาน 43 จังหวัด

People Unity News : 3 กุมภาพันธ์ 2566 ฝุ่นยังคลุ้ง! เช้าวันนี้ (3 ก.พ.66) ปริมาณ PM 2.5 ยังเกินค่ามาตรฐาน 43 จังหวัด ด้าน รมว.ทส. ขอความร่วมมือลดการเผา บริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร

ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ วันนี้ พบว่า ปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 43 จังหวัด อาทิ ปทุมธานี กรุงเทพฯ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ส่วนผลการตรวจวัดตามรายภาคพบเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ตรวจวัดได้ 54 – 119 มคก./ลบ.ม. ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 34 – 154 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วัดได้ 29 – 96 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 48 – 117 มคก./ลบ.ม. ส่วนภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 4 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 32 – 79 มคก./ลบ.ม. โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุถึงมาตรการลดฝุ่นพิษ ว่า ได้ขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริหารจัดการเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการชิงเก็บ ลดการเผา

คพ.ชี้สถานการณ์ PM 2.5 กทม. รุนแรงระดับ 3 ต่อเนื่องอีก 2 วัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. คพ. เผยดัชนีคุณภาพอากาศใน กทม. อยู่ระดับ 3 เหตุมีการสะสมของฝุ่น PM 2.5 โดยจะมีสภาพเช่นนี้ไปอีก 2 วัน แนะเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง รวมถึงพิจารณา WFH เพื่อลดการจราจรและลดความเสี่ยง หากรุนแรงถึงระดับ 4 จะแนะนำให้ปิดโรงเรียน

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)  กล่าวว่า ดัชนีคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครวันที่ 2 ก.พ.อยู่ที่ระดับ 3 (ระดับสีส้ม) ซึ่งเป็นระดับที่ประชาชนทั่วไปยังสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ แต่เพื่อลดความเสี่ยงจึงแนะนำให้ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง อุปกรณ์ที่สำคัญคือ หน้ากากอนามัย หากสวมใส่ถูกวิธีจะลดการรับฝุ่น PM2.5 ได้ 50-60% ย้ำถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์

สำหรับการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขอความร่วมมือ Work from home (Wfh) ระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ เป็นคำแนะนำของกรมควบคุมมลพิษเนื่องจากการลดการเดินทางจะลดฝุ่น PM2.5 จากยานยนต์และลดความเสี่ยงของประชาชนด้วย พร้อมย้ำว่า หาก ศกพ. คาดการณ์ว่า ดัชนีคุณภาพอากาศจะรุนแรงระดับ 4 ต่อเนื่อง 3-4 วันจะแนะนำให้ปิดโรงเรียน เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ซึ่งแนะนำให้ออกมาตรการพื้นที่อื่นๆ แนะนำให้กำหนดมาตรการตามสถานการณ์ในพื้นที่

นายปิ่นสักก์กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้การสะสมของฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นในระยะนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในฤดูหนาว เมื่อประกอบกับการเผาในพื้นที่เกษตรและพื้นที่ป่าจึงทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น

ภาครัฐได้ยกระดับมาตรการแก้ปัญหาที่เข้มข้นขึ้นในการลดแหล่งกำเนิด PM2.5 โดยในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากการจราจรได้กำหนดมาตรฐานรถยนต์ให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 ส่วนในต่างจังหวัดมีแหล่งกำเนิดจากการเผา ได้กำหนดแนวทางในการเปลี่ยนวัสดุทางการเกษตรเป็นปุ๋ยหรือพลังงานชีวมวล ตลอดจนมาตรการจัดระเบียบการเผา โดยบางช่วงต้องหยุดเผาและการลงทะเบียนขออนุญาตเผาเพื่อไม่ให้เผาพร้อมๆ กัน พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนเพื่อลดจุดความร้อน ซึ่งทุกหน่วยงานกำลังเร่งแก้ปัญหาอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน

Advertisement

ศิริราชฯ เปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่ รักษาผู้ป่วยโรคสั่น-AI อ่านค่าวินิจฉัยโรคทรวงอก

People Unity News : 1 กุมภาพันธ์ 2566 ศิริราชพยาบาล เปิดตัว 2 นวัตกรรมการแพทย์แบบใหม่ ช่วยผู้ป่วยโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ รักษาหายได้ทันที เพียงแต่ยิงรังสีอัลตราซาวด์เข้าไปเฉพาะจุดผ่านชั้นผิวหนังลงไปในเนื้อสมอง ไม่ต้องผ่าตัดเปิดสมอง ในอนาคตจะนำนวัตกรรมนี้ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ส่วนอีกนวัตกรรมนำเทคโนโลยี AI อ่านค่าเอกซเรย์วินิจฉัยเกี่ยวกับ 8 กลุ่มโรคทรวงอก ได้อย่างแม่นยำ

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ ศ.คลินิก พญ.อัญชลี ชูโรจน์ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา และ อ.พญ.ยุวดี พิทักษ์ปฐพี สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ แถลงข่าวเปิดตัว 2 นวัตกรรม การพัฒนาการวินิจฉัยเอกซเรย์ด้วย AI และรักษาโรคสั่นที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย MRI และอัลตราซาวด์ โดยการรักษาพัฒนาใช้ AI ทำให้การอ่านและแปลผลการรักษาด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นเป็นสีขาวดำ การอ่านผลจะเปลี่ยนเป็นแสดงสีและตำแหน่ง ทำให้การวิเคราะห์ภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งระยะเวลาในการอ่านผลใช้เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ที่ผ่านมามีการใช้ในการวินิจฉัย 8 กลุ่มโรค ได้แก่ สภาวะปอดแฟบ, หัวใจโต, ปอดเป็นฝ้าขาว, ก้อนเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ กว่า 3 ซม., ก้อนเนื้องอกที่มีขนาดเล็กกว่า 3 ซม. สภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด, สภาวะของปอดที่บวมน้ำ และสภาวะที่คล้ายวัณโรค

อ.พญ.ยุวดี กล่าวว่า ส่วนรักษาโรคสั่นที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย MRI และอัลตราซาวด์ มีการนำเครื่องที่ทันสมัย และเริ่มใช้ในต่างประเทศมารักษาผู้ป่วย โรคสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือจากพันธุกรรม โดยผู้ป่วยต้องมีการสั่นที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการรับประทานอาหาร เขียนหนังสือ หรือ ธุรกรรมการเงิน จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ เดิมการรักษาแบบนี้จะใช้การผ่าตัดเปิดสมอง แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้จะมีการยิงรังสีที่มีความร้อนลงไปตำแหน่งของเนื้อสมองใต้ผิวหนัง เพื่อให้เกิดรอย ลดอาการสั่น โดยที่ผ่านมาศิริราชมีการรักษาผู้ป่วยไปแล้ว 3 รายด้วยกัน ซึ่งการรักษานี้สามารถลดอาการสั่นได้ทันทีหลังรักษา ซึ่งการรักษาผู้ป่วยจะใช้ในผู้ที่มีอาการมือสั่นทั้ง 2 ข้าง และไม่ต้องการผ่าตัด ปัจจุบันพบให้พบดี แต่จะเป็นการรักษาอาการสั่นของมือข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น และยังไม่ครอบคลุมสิทธิการรักษา แต่ในอนาคตมีแนวโน้มนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสัน

ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลนี้ เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ จึงราคาตก 200,000 บาท แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับและเข้าถึงการรักษาด้วยวิธีการนี้ ทางศิริราชพยาบาลนำเข้าสู่ โครงการช่วยเหลือและรักษาของโรงพยาบาลศิริราช

Advertisement

แพทย์แนะสังเกตสัญญาณเตือนมะเร็งหัวใจ เพื่อการรักษาทันท่วงที

People Unity News : 1 กุมภาพันธ์ 2566 กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี เผย “มะเร็งหัวใจ” โรคร้ายที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบได้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่แน่ชัด ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองเพื่อการรักษาที่ทันท่วงที

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งหัวใจ (Cardiac cancer หรือ Heart cancer) เป็นโรคที่พบได้น้อยมาก แต่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยส่วนใหญ่เป็นมะเร็งของอวัยวะอื่นๆ แล้วกระจายมาที่หัวใจ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม ซึ่งสามารถแพร่กระจายมาที่หัวใจได้ แต่ถ้าเป็นมะเร็งหัวใจเองส่วนใหญ่เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือดที่เรียกว่า Angiosarcoma ส่วนที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจเรียกว่า Rhabdomyosarcoma ซึ่งมะเร็งหัวใจของทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่ค่อยตอบสนองต่อการฉายแสงและยาเคมีบำบัด จึงต้องใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกให้หมด

โดยมะเร็งหัวใจแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งหัวใจปฐมภูมิ ได้แก่ มะเร็ง Angiosarcoma, Rhabdomyosarcoma, Fibrosarcoma, Malignant schwannoma, Mesothelioma และมะเร็งหัวใจทุติยภูมิ (Secondary cardiac cancer หรือ Metastatic cardiac cancer) ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา มะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น

นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค รวมถึงยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่แน่ชัด โดยอาการของมะเร็งหัวใจมักจะมาด้วยอาการเหล่านี้ ได้แก่ เหนื่อยง่าย หอบ ไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำๆ หน้าบวม คอบวม หลอดเลือดดำที่คอโป่ง ตับโต ท้องมานเพราะมีน้ำในช่องท้อง หรือขาบวมกดบุ๋มทั้งสองข้าง

สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งหัวใจทำได้โดยการตรวจประวัติทางการแพทย์ต่างๆ ที่สำคัญคือประวัติอาการของผู้ป่วย การตรวจสัญญาณชีพ การตรวจฟังเสียงเต้นของหัวใจด้วยหูฟัง การตรวจร่างกาย การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจเอคโคหัวใจ การตรวจสืบค้นอื่นๆ เพิ่มเติมตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การตรวจภาพหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และหรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) การตรวจภาพและหลอดเลือดหัวใจด้วยการฉีดสีเข้าหลอดเลือดแดง (Cardiac angiography) และการตรวจก้อนเนื้อหรือรอยโรคด้วยการดูดเซลล์มาตรวจที่เรียกว่า การตรวจทางเซลล์วิทยา และหรือการตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

ทั้งนี้ การรักษาจะเป็นการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกให้หมด ด้วยการผ่าตัดเปิดหัวใจโดยตรง (Open heart surgery) และรักษาต่อเนื่องด้วยการให้ยาเคมีบำบัดตามชนิดของแต่ละเซลล์มะเร็ง ซึ่งการรักษาร่วม ทั้งผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง จะขึ้นกับระยะของโรค ขนาดและชนิดของมะเร็ง อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างกายเกิดความผิดปกติควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

Advertisement

 

เตือนอย่าหลงเชื่อ “ปลาเหล็ก-กระทะเหล็ก” รักษาโรคโลหิตจาง ชี้อาหารที่มีธาตุเหล็กดีที่สุด

People Unity News : 24 มกราคม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนอย่าหลงเชื่อกรณีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับปลาเหล็กและกระทะเหล็กช่วยเพิ่มธาตุเหล็กจากการปรุงประกอบอาหาร เนื่องจากยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันแก้ไขปัญหาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ชี้ร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กจากการกินอาหารที่มีสารอาหารครบในปริมาณที่เพียงพอ และวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์

ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับปัญหาการขาดธาตุเหล็ก โดยมีข้อมูลงานวิจัยที่ระบุว่าการนำปลาเหล็กลงไปร่วมปรุงประกอบอาหาร เพื่อจะช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในอาหารนั้น จากข้อมูลเชิงวิชาการพบว่า ปลาเหล็กที่ได้รับการเตรียมตามสูตรดังกล่าว (Lucky Iron Fish) สามารถให้ธาตุเหล็กเมื่อต้มในน้ำเดือดได้จริง แต่ผลจากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การดูดซึมและการที่ร่างกายนำธาตุเหล็กไปใช้ (Iron Bioavailability) น้อยมาก เมื่อเทียบกับการได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็ก Ferrous Sulfate จึงไม่พบการเพิ่มขึ้นของระดับเฟอร์ริติน (Ferritin) ที่เป็นโปรตีนที่จับกับธาตุเหล็กในเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดธาตุเหล็กหรือโรคโลหิตจางได้ ดังนั้น ปลาเหล็กจึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันแก้ไขปัญหาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า มีการส่งต่อข้อมูลการขายสินค้ากระทะเหล็ก ที่อวดอ้างสรรพคุณว่ามีธาตุเหล็กและช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในอาหาร ถือเป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะยังไม่มีงานวิจัยใดสามารถยืนยันได้ สาเหตุหลักที่ผู้ปรุงอาหารนิยมนำกระทะเหล็กมาใช้ปรุงประกอบอาหาร เพราะร้อนเร็ว ให้ความร้อนสูง ใช้เวลาในการปรุงอาหารน้อย และยังทำให้อาหารสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง แต่ข้อเท็จจริงคือ ความร้อนสูงที่ใช้ในการปรุงจะทำให้อาหารไขมันสูงบางชนิดก่อให้เกิดสารเคมีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หากไม่ระวังให้ดี การปรุงอาหารด้วยกระทะเหล็กอาจทำให้อาหารไหม้ได้ง่าย ดังนั้น การปรุงอาหารด้วยกระทะเหล็กจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้ ปริมาณ และชนิดของน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารอีกด้วย

ดร.นพ.สราวุฒิ กล่าวต่อไปว่า การขาดธาตุเหล็กส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดกับผู้หญิง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการมีประจำเดือน และในกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพื่อนำมาสร้างเม็ดเลือดแดง โดยสามารถสังเกตอาการของการขาดธาตุเหล็ก คือ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ตัวซีด เปลือกตาด้านในซีด เจ็บป่วยง่าย เนื่องจากเลือดไม่มีธาตุเหล็กเพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง ข้อมูลจากการสำรวจด้านโภชนาการของเด็กในภูมิภาคเอเชีย Southeast Asian Nutrition surveys (SEANUTS) ปี 2554-2555 พบว่าเด็กไทยอายุ 6 เดือน-12 ปี มีความชุกภาวะโลหิตจางร้อยละ 10.4 โดยพบความชุกในเขตชนบทสูงกว่าเขตเมืองถึง 2 เท่า และจากรายงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย

ครั้งที่ 5 พ.ศ.2556-2557 พบความชุกโลหิตจางในกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15-45 ปี ร้อยละ 22.7 รวมถึงข้อมูลจากระบบคลังสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข ยังพบความชุกโลหิตจางในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ ปี 2562-2564 พบร้อยละ 16.4, 15.1 และ 14.6 ตามลำดับ

“การส่งเสริมสุขภาพในทุกกลุ่มวัย มีผลต่อการพัฒนาศักยภาพของประชากรไทยในระยะยาว กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงเร่งดำเนินงานแก้ไข ผลักดันนโยบายและรูปแบบการบริการต่างๆ เพื่อให้หญิงไทยได้รับการส่งเสริมภาวะโภชนาการป้องกันภาวะโลหิตจาง โดยตั้งแต่ปี 2562-2564 เด็กอายุ 6 เดือน-5 ปี ได้รับยาน้ำเสริมธาตุเหล็กร้อยละ 47.28, 62.77 และ 70.57 ตามลำดับ และตั้งแต่ปี 2562-2564 เด็กอายุ 6-12 ปี ได้รับยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก ร้อยละ 43.20, 32.51 และ 30.02 ตามลำดับ นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ยังได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีน ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ร้อยละ 75.89, 79.46 และ 80.61 ตามลำดับ รวมทั้งการส่งเสริมพฤติกรรมการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ 1) เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง เลือด ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ปลา เป็ด ไก่ และอาหารทะเล 2) ธัญพืช เช่น ซีเรียล ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี แป้ง และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เป็นต้น และ 3) ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น และควรกินผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ส้มโอ กีวี เป็นต้น ร่วมกับอาหารในมื้อนั้น จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้ง่ายขึ้น” รองอธิบดีกรมอนามัยกล่าว

Advertisement

อันตราย!! อย.เตือน “ขนมควันทะลัก” ใส่ไนโตรเจนเหลว

People Unity News : 22 มกราคม 66 จากกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียเตือนภัย พบเด็กป่วยหลังกินขนมผสมไนโตรเจนเหลว โดยทำตามคลิปที่มีการกินขนมพร้อมพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก อย.มีความห่วงใย ขอให้หลีกเลี่ยงการกิน สัมผัส หรือสูดดมไนโตรเจนเหลวโดยตรง เสี่ยงอันตรายโดยคาดไม่ถึง

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียเตือนการใช้ไนโตรเจนเหลวในอาหารพร้อมรับประทาน หลังพบเด็กมีอาการแสบท้องและท้องเสีย หลังกินขนมท้องถิ่น “ชิกิ เกบุล” ซึ่งทำตามคลิปวิดีโอกินขนมพร้อมพ่นควันสีขาวออกมาจากปากนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใย การใช้ไนโตรเจนเหลวในอาหารพร้อมบริโภค เพื่อให้เกิดควันพวยพุ่งออกมา ซึ่งเป็นการปลุกกระแสสร้างความแปลกใหม่ ดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าไปรับประทาน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ขนมควันทะลัก” หรือการดัดแปลงนำไนโตรเจนเหลวมาใช้ใส่ในอาหาร เพื่อทำให้แข็ง เช่น ราดหรือผสมลงในไอศกรีม ราดลงบนขนมให้แข็งตัว การใช้ในลักษณะดังกล่าว ผู้ใช้ต้องมีความระมัดระวัง และต้องใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีคุณภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร และปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่กำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2563 หากตรวจพบว่ามีการใช้ไนโตรเจนเหลวในปริมาณมากจนเกินเหตุและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ถือว่าเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองเลขาธิการ อย. กล่าวย้ำว่า สำหรับผู้บริโภค ขอให้หลีกเลี่ยงการกิน สัมผัส หรือสูดดมโดยตรง เสี่ยงได้รับอันตรายโดยคาดไม่ถึง เพราะไนโตรเจนเหลวมีอุณหภูมิที่ต่ำมาก เมื่อสัมผัสถูกผิวหนังหรือเนื้อเยื่อ ไนโตรเจนเหลวจะดูดซับความร้อนจากผิวหนัง เพื่อการระเหยอย่างรวดเร็ว และทำให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อถูกทำลายจากความเย็นจัด หรือหากสูดดมโดยตรงอาจทำให้หมดสติได้ การกินอาหารประเภทนี้ ต้องรอให้ควันของไนโตรเจนเหลวระเหยออกไปให้หมดก่อน จึงจะกินได้ หากผู้บริโภคไม่แน่ใจในคุณภาพหรือความปลอดภัยของอาหาร พบเห็นผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. 1556 Line @FDAThai, Facebook FDAThai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

Advertisement

ธ.ออมสินแนะวิธีป้องกันตัว มิให้ถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวง

People Unity News : 18 มกราคม 66 รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพใช้กลอุบายหลากหลายสารพัดรูปแบบหลอกลวงประชาชนทำให้มีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้น ทั้งการส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือล่อลวงว่าได้รับวงเงินฟรีโดยให้กดลิงก์เพื่อดูดข้อมูลและเงินในบัญชี หรือ การแอบอ้างชื่อและโลโก้ของธนาคารทำโฆษณาหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย หากหลงเชื่อลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook  Line ทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่เป็นส่งมาทางข้อความหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.เข้า ประชาชนจะสูญเสียเงินแบบไม่ทันตั้งตัว โดยที่ธนาคารหรือหน่วยงานรัฐไม่อาจช่วยเหลือป้องกันใด ๆ ได้ทัน

ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนให้ลูกค้าและประชาชนเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ไม่พูดคุยโทรศัพท์กับคนที่ไม่รู้จัก อย่าหลงเชื่อกดรับสิทธิ์จากลิงก์เงินกู้ผ่าน SMS หรือ Line ในเฟซบุ๊ก ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมนอกเหนือจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store อาทิ Play Store หรือ App Store ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว เลขรหัส OTP เลขที่บัญชีเงินฝาก เลขบัตรประจำตัวประชานชนในแอปพลิเคชันที่ส่งมาให้โดยที่ไม่รู้จักเด็ดขาด อัพเดท Mobile Banking ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ และขอย้ำอีกครั้งว่าธนาคารไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลจากลูกค้าและไม่มีนโยบายแจ้งอนุมัติสินเชื่อให้ทำรายการผ่าน SMS หรือ Line ในเฟซบุ๊ก ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการปรับปรุงพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยบน Mobile Banking อย่างต่อเนื่อง ขอให้สังเกต Line Official Account ของจริงจะปรากฏโล่สีเขียวหรือโล่สีน้ำเงินตรงกลางมีดาวสีขาว และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารที่ถูกต้องผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารออมสิน อาทิ เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or..th , แอปพลิเคชั่น MyMo , Social Media ช่องทาง GSB Society , GSB NOW หากผู้ใดพบพฤติกรรมเป็นที่น่าสงสัยไปในทางแอบอ้างหรือทุจริตหลอกลวง ให้รีบแจ้งธนาคารทาง GSB Contact Center โทร.1115

สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถขอคำแนะนำได้ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โทร.1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และเพื่อความรวดเร็วในการยับยั้งความเสียหายและติดตามผู้ก่อเหตุควรแจ้งความ Online ทางเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ https://www.thaipoliceonline.com ทันทีจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องได้โดยเร็ว

Advertisement

“นอท กองสลากพลัส” แถลงตั้งพรรคการเมือง แก้ปัญหาหวยแพง

People Unity News : 16 มกราคม 2566 ที่บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) เลขที่ 555/57 อาคารเอสเอสพี ทาวเวอร์ 1 (SSP Tower 1) ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. นอท พันธ์ธวัช CEO กองสลากพลัส หรือ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ประกาศเตรียมเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ภายใต้ชื่อ “พรรคเปลี่ยน” เปลี่ยนเพื่ออนาคต เปลี่ยนได้ ถ้ากล้าพอ ซึ่งได้ยื่นจดแจ้งพรรคต่อ กกต. แล้วตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชุมรับรองพรรคการเมือง ซึ่งหลังจากรับรองพรรคแล้ว จะเปิดรับสมัครสมาชิกต่อไป ส่วนนโยบายหลักที่พรรคเปลี่ยนจะผลักดัน คือ เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล และอาชีพคนขายหวย

ซีอีโอกองสลากพลัส กล่าวอีกว่า พรรคดังกล่าวเกิดจากความตั้งใจแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีราคาแพง

นายพันธ์ธวัช กล่าวต่อว่า ในเร็วๆนี้ ตนจะเปิดแพลตฟอร์มให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเพื่อกำหนดนโยบายพรรค โดยพรรคเปลี่ยนเน้นเป็นปากเสียงให้กับประชาชน โดยพูดถึงปัญหาที่มีอยู่ในสังคมและเรื่องที่พรรคอยากจะแก้ไขมากที่สุด คือ ปัญหาของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทย ใครไม่กล้าพูด ใครไม่กล้าแก้ พรรคเปลี่ยนจะขออาสาทำเอง

Advertisement

ประธานสำนักงานสลากฯ ลั่นเอาผิดแพลตฟอร์มออนไลน์ ทุกฐานความผิด

People Unity News : 11 มกราคม 2566 สำนักงานสลากฯ เผยสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตังผลตอบรับดี สลาก 80 บาทมีอยู่จริง พร้อมเตรียมเพิ่มจำนวน ในปี 2566 ส่วนปัญหาสลากเกินราคาและแพลตฟอร์มออนไลน์ จะดำเนินการอย่างจริงจังในทุกฐานความผิดจากทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (11 มกราคม 2566) นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงการจำหน่ายสลากดิจิทัลงวด 17 มกราคม 2566 ซึ่งมีจำนวนสลากมากถึง 17,129,000 ใบ เป็นสลากของตัวแทนรายย่อย 34,258 ราย ได้รับความสนใจซื้อสลากเป็นอย่างมาก สลากขายหมดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ซื้อเลือกซื้อเลขที่ต้องการได้ในราคาไม่เกิน 80 บาท  จากผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2566 สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อเป็นทางเลือกในการซื้อสลากราคา 80 บาท ปัจจุบันรูปแบบการขายสลากในราคา 80 บาท มีหลากหลายมากขึ้น ทั้งขายผ่านแอปเป๋าตัง และจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80 ซึ่งขณะนี้กระจายอยู่เกือบ 2,000 จุดทั่วประเทศมีจำนวนสลากมากกว่า 2 ล้านใบ

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการแก้ปัญหาสลากเกินราคาและแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น สำนักงานสลากฯ จะมีการดำเนินการอย่างจริงจังในทุกฐานความผิดจากทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการประชุมร่วมกับกรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 เพื่อวางกรอบแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งจากนี้ไปจะเห็นการดำเนินคดีออกมาอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของการจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตัง ของสำนักงานสลากฯ ขอยืนยันว่า เป็นการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน มีการขออนุญาตประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 สลากทุกใบเป็นของตัวแทนรายย่อยและทุกใบราคา 80 บาท

Advertisement

6-8 ม.ค.นี้ ไทยตอนบน เย็นลง 1-3 องศาฯ

People Unity News : 6 มกราคม 2566 กรมอุตุฯ เผยวันที่ 6-8 ม.ค.66 ไทยตอนบน อากาศเย็นถึงหนาวตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคอีสานตอนล่างและภาคตะวันออก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันนี้ (6 มกราคม 2566) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าใกล้ปลายแหลมญวน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กในบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่ง จนถึงวันที่ 8 มกราคม 2566 รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

กทม.-ปริมณฑล : อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคเหนือ : อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง : อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก : อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) : ตอนบนของภาค อากาศเย็นในตอนเช้า ตอนล่างของภาค มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) : มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

Advertisement

Verified by ExactMetrics