วันที่ 20 กันยายน 2024

คปภ.จับมือภาคธุรกิจ มอบ “ประกันภัย 10 บาท” ฟรี!!! เป็นของขวัญให้คนไทยเทศกาลสงกรานต์

People Unity News11 เมษายน 2565 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย “กรมธรรม์ประกันภัยสงกรานต์สุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์) สำหรับเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2565” เพื่อมอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยให้กับคนไทยทั่วประเทศ โดยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพียง 10 บาท ให้ความคุ้มครองหลักๆ คือ ความคุ้มครองที่ 1 กรณีเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้า สูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกายและ/หรืออุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท ความคุ้มครองที่ 2 กรณีเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้า สูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกายและ/หรืออุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 50,000 บาท ความคุ้มครองที่ 3 ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 15 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) จะได้รับความคุ้มครอง 5,000 บาท ความคุ้มครองที่ 4 ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ (สูงสุดไม่เกิน 30 วัน) จะได้รับความคุ้มครอง 200 บาทต่อวัน ความคุ้มครองที่ 5 ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในห้อง ICU กรณีได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ (ผลประโยชน์รวมความคุ้มครองที่ 4 ไม่เกิน 30 วัน) จะได้รับความคุ้มครอง 400 บาทต่อวัน

สำหรับเงื่อนไขการรับประกันภัยที่สำคัญ คือ ผู้ทำประกันภัยต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยแต่ละราย มีสิทธิได้รับกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1 กรมธรรม์ต่อผู้ประกอบการ 1 ราย เท่านั้น โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้ถือกรมธรรม์ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยให้กับคนไทยทั่วประเทศ และเนื่องจากประกันภัย 10 บาทดังกล่าวเป็นกรมธรรม์กลุ่มที่ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินซื้อกรมธรรม์ โดยสามารถรับสิทธิฟรีจากการไปใช้บริการตามเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการซึ่งเข้าร่วมโครงการกำหนด ได้แก่ ธนาคารออมสิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัท โลตัสส์ เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AIS) บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด Café Amazon บริษัท เคาน์เตอร์ เซอร์วิส จำกัด บริษัท แรบบิท อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด และบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด

หากบุคคลทั่วไปต้องการซื้อโดยตรงสามารถรวมตัวเป็นกลุ่มซื้อจากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอไอเอ จำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2565

“เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สำนักงาน คปภ. ขอส่งความสุขวันปีใหม่ไทยมาให้ทุกท่านและขอให้ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยว ขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท ผู้ที่ใช้รถยนต์อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย เมาไม่ขับ เตรียมสภาพร่างกาย และตรวจสภาพรถให้พร้อม ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญควรตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด และควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยเยียวยาความสูญเสียต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ด้วยความไม่ประมาท อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัยสามารถสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วง 7 วันอันตราย คือระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2565 ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Add Line Official @oicconnect ” เลขาธิการ คปภ. กล่าว

Advertisement

ศกพ.ประกาศแจ้งเตือน PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐาน งดกิจกรรมกลางแจ้ง 9 – 11 เมษายน

People Unity News : ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) รายงานคุณภาพอากาศวันที่ 9 เมษายน 2565 สรุปสถานการณ์ PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ สรุปได้ดังนี้

  • ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 43 – 114 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 43 – 94 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 49 – 78 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 43 – 54 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 10 – 17 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 38 – 105 มคก./ลบ.ม.

โดยการเพิ่มสูงขึ้นนี้มีสาเหตุจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่ รวมถึงพบจุดความร้อนที่กระจายตัวอยู่ทั้งในประเทศและประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ สภาพอากาศที่นิ่ง ลมอ่อน

ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พบว่าในช่วงวันที่ 9 – 11 เมษายน 2565 ควรมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง การยกตัวของมวลอากาศต่ำ หากจุดความร้อนมีจำนวนมากอาจส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นละอองสูงขึ้น ทั้งนี้หลังวันที่ 11 เมษายน 2565 สถานการณ์ฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งลดลงรวมถึงการยกตัวของมวลอากาศสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการควบคุมจุดความร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศควบคู่ไปด้วยกัน

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 9 – 11 เมษายน 2565 ศกพ. ขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด งดกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK

Advertisement

ศบค. คง 4 มาตรการป้องกันควบคุมโควิด เตรียมบุคลากร เตียง ยา เวชภัณฑ์ รับมือสงกรานต์

People Unity News : ที่ประชุม ศบค. (8 เม.ย. 65) เห็นชอบการคงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่สีฟ้า – เหลือง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ทั้งการจำกัดเวลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ไม่เกิน 23.00 น./ ร้านอาหารจำหน่ายแอลกอฮอล์ ต้องผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2-Plus และมาตรการ COVID Free Setting/ สถานบริการ สถานบันเทิง เปิดแบบร้านอาหารได้ โดยขออนุญาต คกก.โรคติดต่อจังหวัด – กทม./ Work From Home ตามความเหมาะสม

วันนี้ (8 เม.ย. 65) เวลา 09.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 6/2565 รับทราบร่างการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อที่ประชุมว่า ต่างประเทศชื่นชมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อน้อย และหลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ มีการเดินทางเข้าใหม่มากขึ้น โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มบุคลากรในการปฏิบัติงาน เพื่ออำนวยความสะดวกและประสิทธิภาพการบริการด้วย สำหรับการประชุม ศบค.วันนี้ เพื่อรับทราบสถานการณ์ ติดตามประเมินสถานการณ์ภายหลังจากที่ได้มีการผ่อนคลายหลักเกณฑ์มาตรการเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 แต่ยังคงมาตรการการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go ซึ่งเป็นภาวการณ์ที่หลายประเทศก็มีการผ่อนคลายการเข้าประเทศ และบางประเทศได้เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้การท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทันต่อสถานการณ์ นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ และการเดินทางเข้าประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยวันนี้จะเห็นว่าชาวต่างชาติได้ทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ถึงแม้จะมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็มีอัตราการติดเชื้อที่สูง ติดเชื้อได้ไว และหากการควบคุมทำได้ไม่ดีพอ จะส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก และจำนวนผู้เสียชีวิตที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น จากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ขอให้พิจารณาให้ผู้ป่วยกลุ่ม 608 และเด็ก สามารถเข้ารับการรักษาในระบบ UCEP Plus ในสถานพยาบาลได้ โดยไม่ต้องรอรักษาตามอาการ และขอให้ ศปก.สธ. ศปก.ศบค. และศปม. ช่วยกันระดมสรรพกำลังบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เตียง ยา และเวชภัณฑ์ ให้มีเพียงพอต่อการดูแลผู้ติดเชื้อทั้งในขณะนี้และช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่แนวทางการดูแลประชาชนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขอให้เพิ่มจำนวนคู่สายของสายด่วน 1330 เพิ่มช่องทางติดต่ออื่นๆ และเตรียมความพร้อมของระบบให้รองรับความต้องการในปริมาณมากได้ รวมถึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับเรื่องเข้าระบบและให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน คงจะยังไม่จบง่ายๆ และองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ที่สามารถแพร่เชื้อติดต่อได้ง่ายและเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ ในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะเกิดได้จากการเดินทางกลับบ้าน แล้วมีการพบปะสังสรรค์กันจำนวนมาก จึงอาจส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น มีผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงผู้ที่เคยป่วยโควิดแล้วก็อาจจะติดเชื้อซ้ำได้อีก ซึ่งเป็นข้อมูลจากทางสาธารณสุข ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนมาแล้วก็ตาม ถ้าหากไม่ระวังตัวเอง จึงขอให้ ศปก.สธ. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อในประเทศไทย เพื่อเตรียมการรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีย้ำให้เร่งให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับภาวะหลังติดเชื้อโควิด-19 (Long COVID) เพราะการติดเชื้อโรคโควิด-19 ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่ แม้หายแล้วก็จะมีโอกาสเกิดภาวะผิดปกติระยะยาวในผู้ป่วยบางราย จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการกำกับติดตาม เฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเต็มความสามารถต่อไป รวมถึงเตรียมแผนรับมือกับภาวะหลังติดเชื้อโควิด-19 เพื่อดูแลผู้ป่วยที่อาจประสบปัญหา Long COVID จนทำให้บั่นทอนสมรรถนะในการดำรงชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการติดตามความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-19 มีความสำคัญมาก ขอให้เป็นวาระรายงานในที่ประชุม ศบค. เป็นระยะๆ เป็นแนวทางให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนให้ป้องกันตัวเองและครอบครัวอย่างสูงสุดต่อไปอีก จะต้องไม่ประมาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สถานประกอบการต่างๆ ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ต้องไม่หละหลวม ไม่ปล่อยปละละเลย หากตรวจพบจะต้องลงโทษสถานหนักทุกพื้นที่ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตให้ได้ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกับโควิดได้โดยไม่เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคม ขอฝากทุกคนให้ช่วยกันดูแลด้วย และนายกรัฐมนตรียังกำชับให้มีการเตรียมความพร้อมมาตรการต่างๆที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการเปิดภาคเรียนวันที่ 17 พฤษภาคมนี้

สำหรับมติที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญมีดังนี้

1.รับทราบร่างการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ประเภท Test & Go Sandbox และ Quarantine ระยะ 2 (พฤษภาคม 2565) ที่มีแผนงาน ประกอบด้วย 1. ระบบการลงทะเบียน – ปรับหลักฐานที่ต้องใช้ในระบบ Thailand Pass 2. ผลตรวจก่อนเดินทาง – ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางทั้ง 3 กลุ่ม  3. ประกันภัย – ผ่อนคลายวงเงินประกัน หรืออื่น ๆ 4. ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อ เมื่อมาถึง และระหว่างพำนัก กรณี Test & Go – ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อฯ เมื่อเดินทางมาถึง กรณี Quarantine ลดระยะเวลากักตัว กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะฯ และลูกเรือ ลดระยะเวลากักตัว หรือผ่อนคลายอื่นๆ 5. กรณีผู้เดินทางติดเชื้อฯ และกรณีเป็นผู้เสี่ยงสูง (HRC) – ผู้ติดเชื้อฯ อาการเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ผ่อนคลายอื่นๆ – ผู้เสี่ยงสูง (HRC) ยกเลิกการกักตัว หรือผ่อนคลายอื่นๆ

2.เห็นชอบแผนการจัดหา Long-acting antibody (LAAB) สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่มีหลักการ ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Passive immunity) ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน มีรายละเอียดในเอกสารกำกับยา คือ 1) เป็น Antibody ชนิด long-acting antibody มีส่วนประกอบ 2 ชนิด (150 mg tixagemab co-packaged with 150 mg cilgavimab) 2) ผ่านการรับรองใช้แบบฉุกเฉิน EUA โดย US FDA เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 3) ขึ้นทะเบียนยาโดยบริษัท AstraZeneca ประเทศอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 มีข้อบ่งใช้ คือ กลุ่มเป้าหมายผู้มีความเสี่ยงสูงที่ภูมิคุ้มกันต่ำ โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค สำหรับเชื้อไวรัสโควิด ขนาดการใช้ ฉีดเข้ากล้ามทุก 6 เดือน ภูมิต้านทานสามารถป้องกันโควิด19 ได้ 6 -12 เดือนต่อการให้ 1 ครั้ง ประสิทธิผล ร้อยละ 83 ในการลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงของโควิด 19 สายพันธุ์ Omicron subvariants BA.1 BA.2 และ BA.1.1 สำหรับกระบวนการจัดหา หารืออัยการสูงสูงสุดแนะนำให้ปรับสัญญากับบริษัท AstraZeneca โดยเปลี่ยนจากวัคซีน AstraZeneca บางส่วน โดยอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม. อนุมัติแล้วและไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่ม (ข้อมูล ณ 8 เมษายน 2565)

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยนโยบายของรัฐบาล และ ศบค. ขอให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมของตัวเองในการเดินทาง เคารพกฎจราจร ปลอดภัยจากโควิดและเดินทางปลอดภัย พร้อมย้ำว่า ขอให้รักตนเอง รักครอบครัว รักผู้อื่น

Advertisement

เริ่มแล้ว! ห้ามนำโฟม-พลาสติกใช้ครั้งเดียวเข้าอุทยานฯทั่วประเทศ ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 1 แสนบาท

People Unity News : เริ่มแล้ว! ห้ามนำโฟม – พลาสติกใช้ครั้งเดียวเข้าอุทยานฯ ทั่วประเทศ ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 1 แสนบาท

7 เมษายน 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง ห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟมและบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single – use plastics) เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อปะการัง ระบบนิเวศ และเป็นการลดขยะในอุทยานแห่งชาติ เริ่ม 6 เม.ย. 65 เป็นต้นไป

โฟม – พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ห้ามนำเข้าอุทยานฯ ได้แก่ พลาสติกหูหิ้วความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องบรรจุอาหารพลาสติก แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) หลอดพลาสติก และช้อนส้อมพลาสติก หากผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มีโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท

Advertisement

ประยุทธ์ เห็นด้วยรีไซเคิลรถยนต์เก่าอายุ 20 ปีขึ้นไปทุกประเภท เผยทั่วประเทศมีกว่า 5 ล้านคัน

People Unity News :  ประยุทธ์ สนับสนุนการรีไซเคิลรถยนต์เก่าหวังลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และลดต้นทุน และลดการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ

วันนี้ (4 เมษายน 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการดำเนินการสนับสนุนการรีไซเคิลซากรถทั่วประเทศ ตามมาตรการรองรับขยะจากซากรถยนต์เก่าที่หมดอายุการใช้งานในประเทศ อีกทั้งช่วยลดปริมาณการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ และช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

จากสถิติประเทศไทยมีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ทุกประเภท รวมทั้งสิ้น 5,033,307 คัน ซึ่งหากไม่ได้รีไซเคิลให้ถูกต้องเหมาะสม ในอีก 20 ปีข้างหน้า รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี จะเพิ่มเป็น 16 ล้านคัน รถยนต์เก่าเหล่านี้หากนำมาใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาตามมาตรฐานจะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ประกอบกับ การรีไซเคิลที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ จะสามารถนำทรัพยากรจากการแยกซากรถมาหมุนเวียนให้กลายเป็นชิ้นส่วนที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม ซึ่งจะลดปริมาณการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ซึ่งในรถยนต์หนึ่งคันมีสัดส่วนเหล็กมากถึง 69%

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการสาธิตสำหรับการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนที่คำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานเพื่อการรีไซเคิลทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมสำหรับซากยานพาหนะที่หมดอายุใช้งานในประเทศไทย (ELV Project: End-of-life Vehicles in Thailand) ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO: New Energy and Industrial Technology Development) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า จะเป็นโอกาสสร้างศักยภาพ และการแข่งขันให้ไทย โดยไทยจะเป็นต้นแบบการรีไซเคิลทั้งในประเทศ และในภูมิภาคเอเชีย ต่อไปในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์ และการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการแก้ไขปัญหาในภาพรวม ซึ่งในการแก้ไขแต่ละปัญหานั้น สามารถสร้างโอกาส สร้างลู่ทางพัฒนาประเทศร่วมกันไปด้วย นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการทำงานหาแนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อให้ธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิลรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานขยายตัว ซึ่งนอกจากจะสร้างงานสร้างอาชีพ เกิดโอกาสการเติบโตของประชาชน ยังสามารถแก้ปัญหาลดขยะซากรถ นำรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานมาหมุนเวียนให้กลายเป็นชิ้นส่วนที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม และสามารถต่อยอดแนวความคิดให้ไทยเป็นต้นแบบเกิดระบบจัดการซากรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายกฯขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมหาแนวคิดต่อยอดทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Advertisement

WHO เตือน โอมิครอนลูกผสม XE อาจแพร่เชื้อได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยพบมา

People Unity News : 2 เมษายน 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกคำเตือนเกี่ยวกับเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอนลูกผสมเอ็กซ์อี (XE) ที่เชื่อว่าอาจสามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยพบมานับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปลายปี 62

สำหรับเชื้อโอมิครอน XE เป็นเชื้อลูกผสมระหว่างเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 กับสายพันธุ์ย่อย BA.2

โดย BA.2 นั้น กำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้วร้อยละ 86 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสายพันธุ์ย่อย BA.2 สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ได้ดีกว่าและแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์ BA.1 ถึงร้อยละ 30 ขณะที่สายพันธุ์ลูกผสม XE สามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าBA.2 ถึงร้อยละ 10

องค์การอนามัยโลกระบุว่า เชื้อโอมิครอน XE ถูกพบครั้งแรกในอังกฤษเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา และขณะนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้วไม่น้อยว่า 600 คน โดยยังจัดให้เชื้อลูกผสม XE เป็นสายพันธุ์ย่อยของเชื้อโอมิครอนต่อไป จนกว่าจะตรวจสอบพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการแพร่เชื้อ ลักษณะอาการป่วย และความรุนแรงของโรค

Advertisement

นายกฯ ย้ำเตือนประชาชน รู้ทันกลลวงใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดหลอกค่าเทอมผู้ปกครอง!!

People Unity News : นายกฯ ย้ำเตือนประชาชน รู้ทันกลลวงใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ “อย่าโอน” ล่าสุดหลอกค่าเทอมผู้ปกครอง แถมล้วงคองูเห่า ล้วงข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปหลอกเหยื่ออีกทอด

2 เมษายน 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำเตือนประชาชน รู้ทันกลลวงใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าหลงเชื่อ โอนเงินให้มิจฉาชีพ ซึ่งปัจจุบันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการหลอกลวงหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะในไลน์กลุ่มการศึกษา ไลน์รับนักเรียนหรือไลน์ต่างๆ ซึ่งได้มีการให้จ่ายค่าเทอมโดยอ้างว่าจ่ายแล้วได้เรียน 100% และมาควบคู่กับการทำประกันโควิด 19 โดยระบุให้โอนเข้าไปในบัญชีมิจฉาชีพ รวมทั้งมีมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นครูธุรการการเงินประจำโรงเรียน โดยใช้ชื่อและรูปโปรไฟล์ Facebook ของครูการเงิน เพื่อสร้าง open chat สำหรับติดต่อกับผู้ปกครองของนักเรียนเพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ

มากไปกว่านั้น “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ยังได้เปลี่ยนกลโกงใหม่ให้แยบยลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม ติดต่อไปยังหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนหลอกเอาข้อมูลของประชาชนไปหลอกเหยื่ออีกทอด โดยการหลอกลวง มุ่งเน้นไปยังหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชนมากขึ้น ซึ่งมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เช่น อัยการ ศาล ปปช. ปปท. และหน่วยงานอื่นๆ โทรเข้าไปยังหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ อ้างว่าต้องการประสานงาน หรือขอความร่วมมือในการติดตามบุคคลเพื่อขอหมายจับ หรือต้องการข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ของประชาชนที่เป็นเป้าหมาย บางครั้งอาจจะมีการหลอกให้ทางเจ้าหน้าที่ติดต่อไปหาเป้าหมายโดยตรง เพื่อสร้างความนน่าเชื่อถือก่อน จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโทรไปหาเป้าหมายเพื่อหลอกลวงเหยื่ออีกครั้ง

นายกฯ ขอให้ทุกคนมีสติ อย่าตื่นตระหนกหลงเชื่อเมื่อรับสายคนไม่รู้จัก อ้างและบอกให้ทำในสิ่งที่ผิดไปจากปกติ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ของรัฐ พร้อมชื่นชมประชาชนที่อัดคลิปแล้วนำมาเผยแพร่ผ่านโซเซียล ทำให้ประชาชนรับทราบรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆมากยิ่งขึ้น

Advertisement

ชัดแล้ว!! อธิบดีธนารักษ์ชี้ มูลนิธิชยันโตฯ เข้าใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ อ.สวนผึ้ง โดยมิชอบ

People Unity News : มูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี เข้าใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยมิชอบ เตรียมหารือกองทัพบกดำเนินคดีอาญา และคดีอื่นๆ

วันนี้ (23 มีนาคม 2565) นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย พลตรี มนิต ศิริรัตนากูล ผู้บัญชากองพลพัฒนาที่ 1 นายเตชสิทธิ์ สมประดี ปลัดอาวุโสอำเภอสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ราชพัสดุบริเวณที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยขอให้ตรวจสอบกรณีมูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี เข้าใช้ประโยชน์ เพื่อก่อสร้างมูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี โดยมิชอบ

ทั้งนี้ อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้สั่งการให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และได้รายงานผลว่าจากการตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 (บางส่วน) ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อยู่ในความครอบครองใช้ประโยชน์ของกองทัพบก เนื้อที่ประมาณ 38 ไร่และในบริเวณดังกล่าวมีอาคารประกอบต่างๆหลายรายการ ซึ่งปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เดิมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แจ้งความประสงค์ขอใช้เพื่อก่อสร้างวัดแต่ต่อมาได้จัดตั้งเป็นมูลนิธิ จึงไม่สามารถใช้ที่ราชพัสดุได้ เนื่องจากการขอใช้ที่ราชพัสดุจะต้องใช้เพื่อประโยชน์ในทางราชการเท่านั้น สำหรับกรณีนี้การดำเนินการจะต้องหารือร่วมกันระหว่าง กรมธนารักษ์ กองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาว่า สามารถจัดให้เช่าได้หรือไม่ หากสามารถจัดให้เช่าได้จะต้องได้รับความยินยอมจากกองทัพบกผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว

สำหรับการเข้าใช้ประโยชน์ของธรรมสถานฯ ต้องดำเนินการให้ถูกต้องภายใต้ระเบียบ หลักเกณฑ์ และกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ โดยวิธีการจัดให้เช่า (กรณีที่ทางราชการเห็นควรให้คงสภาพพื้นที่ไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชน) ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้ปรากฏว่า ยังไม่ได้มีการยื่นขอเช่าที่ราชพัสดุต่อสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีแต่อย่างใด ในเบื้องต้น กรมธนารักษ์จึงได้แจ้งให้มูลนิธิฯ ดำเนินการยื่นเรื่องขอเช่าที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ราชพัสดุ รวมทั้งได้สั่งการให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมร่วมกับกองทัพบก เพื่อประกอบการพิจารณาว่า มีการครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุมาตั้งแต่เมื่อใด มีเอกสารสิทธิหรือเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินของทางราชการหรือไม่ อย่างไร ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กองทัพบก โดยกองพลพัฒนาที่ 1 เห็นพ้องด้วย และได้กำชับให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีรายงานความคืบหน้าให้กรมธนารักษ์ทราบ ทั้งนี้ ในส่วนคดีอาญา หรือคดีอื่นใด ต้องหารือร่วมกับกองทัพบก เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อไป

Advertising

กรมธนารักษ์แจง ที่ดินราชพัสดุธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ยกเลิกขอสร้างวัดไปแล้ว ยังไม่ได้ขอเช่า!!

People Unity News : กรมธนารักษ์ตรวจสอบแล้ว ที่ดินราชพัสดุของธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ขอยกเลิกสร้างวัดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ยื่นขอเช่าทำมูลนิธิ

วันนี้ (21 มีนาคม 2565) ณ กรมธนารักษ์ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ เพื่อขอให้ตรวจสอบการยึดถือ ครอบครองที่ดินกว่า 70 ไร่ ของ “ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย” หรือมูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี ในพื้นที่หมู่ 7 ต.สวนผึ้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี ว่ามีการบุกรุกที่ดินราชพัสดุหรือไม่ และได้ดำเนินการขอใช้พื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยอธิบดีกรมธนารักษ์ ได้สั่งการให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นพื้นที่ราขพัสดุหรือเป็นพื้นที่ครอบครองของหน่วยงานใด และศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ดังกล่าวเข้าไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องหรือไม่

นายประภาศ กล่าวต่อว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ตั้งอยู่บนที่ดินราชพัสดุแปลงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินฯ พ.ศ. 2481 อำเภอจอมบึง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ประมาณ 500,000 ไร่ ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ รบ.553 อำเภอจอมบึง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ใช้ในราชการทหาร (กองทัพบก) ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัยว่ามีความประสงค์จะขอใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อสร้างวัด และขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบพื้นที่เพื่อสร้างวัดว่ามีจำนวนเนื้อที่เท่าใดและขอรูปที่ดินที่ใช้ประโยชน์ เพื่อจะได้ดำเนินการขออนุญาตใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อสร้างวัดให้ถูกต้องตามระเบียบ และต่อมาทางศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ได้ประสานสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีว่าไม่ประสงค์ที่จะขอใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อสร้างวัด โดยจะเปลี่ยนเป็นขอเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อทำเป็นมูลนิธิแทน ดังนั้น สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรีจึงได้ประสานแจ้งให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมวิโมกสิวาลัยไปดำเนินการขอยกเลิกการขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างวัดต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี และมายื่นคำร้องขอเช่าที่ดินราชพัสดุต่อสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินยื่นคำร้องขอเช่าที่ดินราชพัสดุแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตให้ขอใช้หรือให้เช่าที่ดินราชพัสดุของศูนย์ปฏิบัติธรรมสถานวิโมกสิวาลัยจะต้องได้รับการพิจารณาให้ความยินยอมจากหน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ (กองทัพบก) ก่อน และต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ

นายประภาศกล่าวในตอนท้ายว่า การขอใช้ที่ราชพัสดุ ผู้ขอใช้ที่ราชพัสดุจะขอใช้ได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ในทางราชการเท่านั้น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ กรณีที่ราชพัสดุที่ขอใช้เป็นที่ว่างและไม่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานใด โดยยื่นคำขอใช้ต่อกรมธนารักษ์ หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ และกรณีเป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ ซึ่งผู้ขอใช้ที่ราชพัสดุจะต้องทำความตกลงกับส่วนราชการที่ครอบครองอยู่ก่อนเมื่อได้รับความยินยอมแล้วจึงจะยื่นคำขอใช้ต่อกรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่

Advertising

ได้เวลามันแล้ว!! ค่าฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือตอนบนสูงสีแดง เตือนเด็กเล็กงดกิจกรรมกลางแจ้ง

People Unity News : ได้เวลามันแล้ว!! ค่าฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือตอนบนสูงระดับสีแดง กรมอนามัยเตือนเด็กเล็กควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง

20 มี.ค. 2565 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5  ในพื้นที่ภาคเหนือ เกินมาตรฐานในจังหวัดภาคเหนือตอนบน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ รวมทั้งการเผาป่าเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบาง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันและปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ อีกทั้งเด็กจะมีอัตราการหายใจมากกว่าผู้ใหญ่ หากอยู่ใกล้แหล่งกำเนิด PM2.5  อาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก การเจ็บป่วยตั้งแต่วัยเด็ก ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยแบบเรื้อรังตลอดในช่วงวัยผู้ใหญ่ได้

ช่วงนี้เด็กปิดเทอม ทำให้เด็กมีเวลาทำกิจกรรมนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น พ่อแม่ ผู้ปกครองจึงควรตรวจสภาพอากาศ หากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5  เกินมาตรฐาน ควรเปลี่ยนให้เด็กทำกิจกรรมในบ้านแทน ลดการออกนอกอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ปิดประตูหน้าต่าง หากพบเด็กมีอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคืองผิวหนัง แสบตา แสบจมูก น้ำมูกไหล ไอ คอแห้ง เจ็บคอ หายใจลำบาก อึดอัดแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน ให้รีบพาไปพบแพทย์ หรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน

กรมอนามัยได้จัดทำชุดข้อมูลความรู้ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซด์กรมอนามัย รวมถึงประเมินอาการจากการรับสัมผัสฝุ่นละออง เพื่อเฝ้าระวังอาการ และให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพของเด็กได้ที่ https://4health.anamai.moph.go.th/

Advertising

Verified by ExactMetrics