วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024

สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี

People unity news online : วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2561 สรุปผลสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ ดังนี้

1.ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และสมเกียรติ โดยร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ป้อมปราการทาชิโช ซึ่งภูฏานจัดขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง เดินนำหน้าขบวนรถยนต์ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

2.ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศสามารถกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีอยู่ให้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

3.การเดินทางเยือนภูฏานในครั้งนี้ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงสุด เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความใกล้ชิดทางพระพุทธศาสนา สังคม วัฒนธรรม และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยต่างมีความเคารพและชื่นชมในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานอย่างมาก

4.การพบปะกับนายกรัฐมนตรีภูฏานนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับการหารือครั้งนี้ เนื่องจากไทยมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาประเทศของภูฏาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนา สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเป็นสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและเอื้อประโยชน์แก่กันได้ จึงเห็นควรผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไทยและภูฏานยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – ภูฏาน (JTC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 30ปี ในปี 2562 รัฐบาลไทยยินดีสนับสนุนโครงการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษา หู ตา จมูก และคอ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ หู จมูก และคอ ในราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อให้บริการรักษา การถ่ายทอดความรู้ เทคนิคและวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงความร่วมมือของคณะแพทย์ ไทย-ภูฏาน ในการรักษาผู้ป่วยด้วย

5.การประกอบพิธีจุดตะเกียงเนยที่เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นเมืองของภูฏานที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่า การจุดตะเกียงน้ำมันเนยเป็นการจุดประกายปัญญาด้วย เพราะแสงสว่างที่จุดจากตะเกียง เปรียบเสมือนดวงไฟแห่งปัญญาที่ส่องสว่าง จึงหวังว่าการจุดตะเกียงเนยนี้จะเป็นแสงนำทางให้ประเทศไทยพบเจอแต่สิ่งดีๆ และไม่พบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ อีกต่อไป

6.เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product : OGOP) ที่ไทยมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการดังกล่าว การไปเยี่ยมชมครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ OGOP ที่สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วยได้

นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ไทยจะสานต่อความร่วมมือนี้อย่างใกล้ชิดกับภูฏานต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย SEP for SDGs Partnership ในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศด้วย

People unity news online : post 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.50 น.

นายกฯระบุรัฐบาลนี้แก้ปัญหาค้ามนุษย์จริงจัง อันดับไทยจึงดีขึ้น

People unity news online : นายกฯระบุรัฐบาลแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์จริงจัง ดึงอันดับไทยดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ยืนยันเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง คุ้มครองความเป็นมนุษย์ให้เสมอภาคเท่าเทียมกัน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2561 (TIP Report 2018) โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นอยู่ที่ Tier 2 จากเดิมอยู่ที่ Tier 2 Watch List เมื่อปีที่แล้ว ว่า

“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยมีแนวโน้มแย่ลงและถูกละเลย โดยในปี 2551 อันดับของไทยอยู่ที่ Tier 2 และตกลงมาอยู่ที่ Tier 2 Watch List ในปี 2553 จนถึงปี 2556 และตกลงอีกไปอยู่ที่ Tier 3 ในปี 2557 เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาจึงได้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยประกาศให้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งแก้ไข ทำให้อันดับของไทยดีขึ้นเป็นลำดับ”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลและทุกภาคส่วนทำงานกันอย่างหนักแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้สหรัฐฯเห็นถึงความจริงจัง ความพยายาม และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด การคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย และการป้องกันการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยพร้อมประสานความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

“แม้ไทยมีอันดับดีขึ้นแต่รัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องคุ้มครองคนไทยและชาวต่างชาติในไทย ให้เสมอกันด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่เรายึดถือตลอดมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

People unity news online : post 2 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

“เตีย บันห์” หวานใส่ “บิ๊กตู่” ระบุสัมพันธ์ไทย-กัมพูชายุคนี้ใกล้ชิดกันมากที่สุด

People unity news online : วันนี้ (21 มีนาคม 2561) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ (Somdech Pichey Sena Tea Banh ) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2561 โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้พบกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาอีกครั้ง หลังจากที่เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 และกล่าวว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชานับเป็นเพื่อนคนสำคัญและรู้จักกันมาอย่างยาวนาน พร้อมชื่นชมกับบทบาทของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือระหว่างกันมีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวอวยพรวันเกิดนายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในภารกิจทุกประการ สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 13 เป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบผลสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนับว่าเป็นช่วงที่ไทยและกัมพูชาใกล้ชิดกันมากที่สุด ความร่วมมือระหว่างกันมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน

นอกจากนี้ ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ซึ่งปัจจุบันสถิติการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาลดน้อยลง แต่ยังคงพบว่ามีการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาอยู่ ทั้งสองประเทศจึงควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการสกัดกั้นการลักลอบกระทำผิด นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่จะติดตามบุคคลที่กระทำกฎหมายและหลบหนีคดีเข้าไปอยู่ในทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลใดใช้ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นฐานในการก่อความไม่สงบและทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า แม้ไทยและกัมพูชายังมีพื้นที่บริเวณชายแดนที่ทับซ้อนและยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งสองประเทศควรร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสค้าขายระหว่างกันอย่างสะดวก ตลอดจนพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้มีความสงบสุขและมั่นคง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายหวังว่าความเชื่อมโยงด้วยเส้นทางรถไฟในอนาคต จะทำให้ทั้งสองประเทศมีการติดต่ออย่างสะดวกและเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทั้งทางด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน รวมถึงยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องสินค้าเกษตรระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องว่า ไทยและกัมพูชาควรจะดำรงความสัมพันธ์อันดี เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาลและประชาชน

People unity news online : post 21 มีนาคม 2561 เวลา 19.20 น.

พรุ่งนี้ “บิ๊กตู่” ไปประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 ที่กัมพูชา

People unity news online : นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2

วันนี้ (9 มกราคม 2561) พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภารกิจด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) ในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong-Lancang Leaders’ Meeting) จะจัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม 2561 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชาจะเป็นประธานร่วมกับจีน ภายใต้หัวข้อ แม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา (Our River of Peace and Sustainable Development) ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะทบทวนการดำเนินงานของประเทศสมาชิกจากการประชุมผู้นำฯ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมีนาคม 2559 พร้อมทั้งจะกำหนดทิศทางและกิจกรรมของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในอนาคต โดยสมาชิกทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม จะหารือร่วมกันเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ภายใต้หลักการการมีส่วนร่วม ความสมัครใจ และหลักฉันทามติ

ในการประชุมครั้งนี้ ไทยมุ่งมั่นที่จะ (1) พัฒนากรอบความร่วมมือดังกล่าวให้ทันสมัยมากขึ้น (2) ส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกรอบแม่โขง – ล้านช้างกับแนวคิดหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative – BRI) เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของอนุภูมิภาค (3) ไทยยังสนับสนุนให้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้อนุภูมิภาคเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแบบยั่งยืนผ่านการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและโครงการสำคัญของประเทศไทย อาทิ นโยบายประเทศไทย 4.0 ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนโยบายประเทศไทย+1 (4) การยกระดับความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศสมาชิก ให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน บนพื้นฐานของความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคการเกษตรของแต่ละประเทศมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป

เอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ (1) แผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี แม่โขง – ล้านช้าง พ.ศ. 2561 – 2565  (5 – Year Plan of Action 2018 – 2022) เป็นเอกสารที่จะกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ในระยะ 5 ปีข้างหน้า และ (2) ปฏิญญาพนมเปญ (Phnom Penh Declaration) เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำจะมุ่งสนับสนุนกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประชาชนในประเทศลุ่มน้ำโขงขอเพิ่มค่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนด้วย

People unity news online : post 9 มกราคม 2561 เวลา 13.50 น.

ไทยริเริ่มจัดการประชุมลดขยะในทะเลกลุ่มประเทศอาเซียน

People unity news online : เมื่อวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับอาเซียน เรื่องการลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน “ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region” เพื่อหาแนวทางและมาตรการร่วมกันในการลดปริมาณขยะลงทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน และเกิดการขับเคลื่อนร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียน

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขยะทะเลกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกที่องค์การสหประชาชาติกำลังให้ความสำคัญ เพราะได้กำหนดให้การจัดการทรัพยากรทางทะเลเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เนื่องจากทะเลทั่วโลกที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ ที่ต่างคนต่างตักตวงใช้โดยไม่คำนึงผลที่เกิดขึ้นในระยะยาว กำลังเผชิญกับขยะที่ล่องลอยจากแผ่นดินออกสู่ทะเล และจากฝั่งออกสู่ท้องทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกได้สร้างปัญหามากมาย ขยะพลาสติกขนาดใหญ่ เช่น แห อวน หรือซากสิ่งของ เป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศโดยทำให้แนวปะการังและพื้นท้องทะเลเสื่อมโทรม ทำลายทัศนียภาพของชายหาดส่งผลต่อการประมง และการท่องเที่ยวของหลายประเทศ

พลเอก สุรศักดิ์ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยริเริ่มจัดการประชุมเรื่องการลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน ก็เพื่อให้ประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมกันกำหนดแนวทางในการจัดการปัญหาขยะทะเล เพื่อเป็นกรอบในการจัดการแก้ไขปัญหาร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน  เพราะขณะนี้หลายๆประเทศได้ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะทะเล อาทิ จีน เพิ่งจัดการประชุมการจัดการขยะทะเลในเขตเมืองชายฝั่งในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ไปเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่อินโดนีเชีย กำลังจัดการประชุมเกี่ยวกับเรื่องขยะทะเล สำหรับประเทศไทย จากการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเลพบว่า ร้อยละ 80 ของขยะทะเลมาจากบนบก ส่วนขยะจากกิจกรรมทางทะเล มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ดังนั้น การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง

ไทยริเริ่มจัดการประชุมลดขยะในทะเลกลุ่มประเทศอาเซียน

People unity news online : post 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.20 น.

เผยรายละเอียดการประชุม BRICS ไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศนอกกลุ่มที่จีนเชิญ

People unity news online : พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ณ เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 – 5 กันยายน 2560

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการและวัตถุประสงค์การเข้าร่วมประชุม ดังนี้

สาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ประจำปี 2560 ได้จัดการประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets and Developing Countries Dialogue หรือ EMDCD) โดยจีนได้เชิญประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่มีความสำคัญ มีเอกลักษณ์ และมีความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ดีกับจีน จำนวน 5 ประเทศ ในฐานะแขกของประเทศเจ้าภาพ ได้แก่ (1) ไทย ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่มีบทบาทสำคัญและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน (2) สหรัฐเม็กซิโก ในฐานะประเทศสมาชิกกลุ่ม 20 และตัวแทนจากภูมิภาคลาตินอเมริกา (3) สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ในฐานะประเทศจากภูมิภาคตะวันออกกลาง (4) สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของจีน และ (5) สาธารณรัฐกินี ในฐานะประธานสหภาพแอฟริกา (African Union หรือ AU)

โดยหัวข้อหลักของการประชุม EMDCD คือ การเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งประเด็นหลักที่จีนให้ความสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมการปฏิบัติการเพื่อการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 และการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะความร่วมมือใต้–ใต้

ในโอกาสนี้ ไทยจะเน้นย้ำถึงบทบาทของประเทศกำลังพัฒนาที่มีบทบาทสำคัญที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก ต่อยอดจากการเป็นประธานกลุ่ม 77 และเป็นแขกรับเชิญพิเศษของจีนเมื่อจีนเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 ในปี 2559 รวมถึงบทบาทนำในการเป็นประเทศผู้ให้ภายใต้กรอบความร่วมมือใต้-ใต้

กำหนดการเข้าร่วมการประชุม มีดังนี้

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2560

08.00 น.         -นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ไปยังเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน

12.20 น.         -เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยเหมินเกาฉี (เวลาที่เมืองเซี่ยเหมินเร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง)

-การบรรยายสรุปการเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนา

16.15 น.         -นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

16.40 น.         -นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

วันอังคารที่ 5 กันยายน 2560

10.15 น.           -นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนา

12.30 น.           -นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ

15.30 น.          -นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยเหมินเกาฉี กลับประเทศไทย

17.50 น.          -เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) กรุงเทพฯ

People unity news online : post 1 กันยายน 2560 เวลา 14.00 น.

 

ออสเตรเลียปรับท่าที ส่ง รมว.กลาโหมจูบปากไทย

People unity news online : 23 สิงหาคม 2560 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า วันนี้ 23 ส.ค.60 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ให้การต้อนรับ นางสาว Marise Payne รมว.กห.เครือรัฐออสเตรเลีย และคณะ ณ ศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของ กห. ระหว่าง 22 – 24 ส.ค.60

นางสาว Marise ได้กล่าวแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งได้แสดงความยินดีกับประชาชนไทย ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและไทย ที่มีพัฒนาการอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะ กห.ของทั้งสองประเทศ ที่คงความต่อเนื่องในการสานต่อความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหารระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านการฝึก ศึกษา การรักษาสันติภาพ การลาดตระเวนทางทะเล และการแลกเปลี่ยนข่าวสาร พร้อมทั้งเสนอให้มีการฝึกการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกันในต้นปี 61 เพื่อพัฒนาศักยภาพความร่วมมือทางทะเล  ขณะเดียวกัน ก็ขอขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนออสเตรเลียในเวทีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ( ADMM Plus )  เพื่อร่วมกันรักษาความมั่นคงของภูมิภาค

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ นางสาว Marise ที่แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งขอบคุณออสเตรเลียที่ให้การสนับสนุนความร่วมมือทางทหารกับไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะได้ส่งเรือรบเข้าร่วมพิธีสวนสนามทางเรือที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีอาเซียนในเดือน พ.ย.60  และกล่าวว่า การเดินทางเยือนไทยของ รมว.กระทรวงต่างประเทศ และ รมว.กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ในระยะเวลาที่ใกล้กันที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นระหว่างกัน จะเป็นส่วนสำคัญให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายของภูมิภาคและของโลกร่วมกัน

People unity news online : post 23 สิงหาคม 2560 เวลา 21.20 น.

“หวัง อี้” รมว.ต่างประเทศจีน เข้าพบหารือ “ประยุทธ์”

People unity news online : วันนี้ (24 กรกฎาคม 2560) เวลา 10.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณจีนที่ได้มอบหมายให้ผู้แทนรัฐบาลจีนเดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อถวายความไว้อาลัย และมอบหมายให้ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีจีน เดินทางมาไทยเพื่อถวายสักการะพระบรมศพฯ

ไทยยินดีที่จีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เจริญก้าวหน้าและมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีต่างๆ โดยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือที่เกิดผลเป็นรูปธรรมมากมายทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค พร้อมย้ำว่าจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อีกทั้งจีนยังเข้าใจสถานการณ์ด้านการเมืองของไทย และเชื่อมั่นในประเทศไทย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินความสัมพันธ์กับไทยอย่างต่อเนื่อง

ไทยชื่นชมจีนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบกับผู้นำและผู้บริหารระดับสูงของจีนหลายท่านทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศและแนวทางการพัฒนาของจีน ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับไทย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยมุ่งมั่นส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับจีน และพร้อมกระชับความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน หรือยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนซึ่งเน้นเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และสินค้านวัตกรรม มีความสอดคล้องกับแนวนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย เช่น EEC หรือนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งจะทำให้ EEC กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค เป็นศูนย์กลางในการคมนาคม การสร้างนวัตกรรม และสนับสนุนการวิจัยเพื่ออนาคต และจะทำให้ไทยเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า จีนพร้อมมีส่วนร่วมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนจีนเข้ามาลงทุนใน EEC โดยเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับเศรษฐกิจของไทยในอนาคต รวมทั้งพร้อมกระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม เช่น e-commerce Internet Finance ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญและพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับไทย

People unity news online : post 24 กรกฎาคม 2560 เวลา 13.20 น.

จีนส่งผู้นำทางทหารมากระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารกับไทย

People unity news online : เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เวลา 15.30 น. พลเอก ฝาง เฟิงฮุย ประธานกรมเสนาธิการร่วม คณะกรรมาธิการทหารกลาง สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญของการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับประธานกรมเสนาธิการร่วมฯ ในโอกาสเยือนไทยในฐานะแขกของกองทัพไทย เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะมีช่องทางในการเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน ทั้งในระดับสูงและกองทัพอย่างดีในอนาคตต่อไป

ประธานกรมเสนาธิการร่วมฯ แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เข้าพบ และแสดงความชื่นชมการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในทุกด้าน พร้อมกล่าวว่าประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และ นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อ เฉียง ได้ฝากความระลึกถึงมายังนายกรัฐมนตรีด้วย

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกมิติมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ความสัมพันธ์ทางการทูตของสองประเทศจะครบรอบ 42 ปีในปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัจจุบันไทยและจีนกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกันที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ในด้านความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจีนและไทยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพิเศษ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับสูง ระดับผู้นำและระดับกองทัพ ความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยและจีนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าความร่วมมือทางการทหารจะพัฒนาต่อไปทุกมิติ ได้แก่ ด้านการศึกษา การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การฝึก การต่อต้านการก่อการร้ายและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

People unity news online : post 31 พฤษภาคม 2560 เวลา 23.23 น.

ลาวตอบรับแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจร่วมสองประเทศ 5 ปีที่ไทยเสนอ

People unity news online : นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม คมนาคม พลังงาน ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการค้าชายแดน การเงิน การลงทุน และท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชน 3 สถาบัน คณะนักธุรกิจรายใหญ่กว่า 30 ราย  และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร่วมเดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤษภาคม 2560

โอกาสนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของไทย ได้หารือเต็มคณะเพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับ นายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป.ลาว พร้อมกับทีมเศรษฐกิจ สปป.ลาว โดยประกาศสนับสนุนการก้าวไปสู่การเป็น Battery of Asia ของ สปป.ลาว และเป็น Land Bridge เชื่อมโยงภายในอาเซียน และอาเซียนสู่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ขณะที่ฝ่ายไทยพร้อมใช้ศักยภาพสนับสนุนความร่วมมือด้านพลังงาน คมนาคม โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม และการพัฒนา SMEs ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับถึงนโยบายสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลุ่มสมาชิก CLMVT เพื่อยกระดับการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ซึ่งในเวทีการประชุมทีมเศรษฐกิจระหว่าง สปป.ลาวและไทยในครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอแนวทางจัดทำมาสเตอร์แพลนหรือแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสองประเทศระยะ 5 ปี เพื่อให้เกิดการพัฒนา สร้างโอกาส นำไปสู่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทุกด้าน ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ทั้งนี้มั่นใจว่าแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระยะ 5 ปี จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งสำคัญ เอื้อประโยชน์ให้ CLMVT และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว ขึ้นอีกเท่าตัวหรือประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะ 5 ปีด้วย

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยได้กล่าวถึงแนวคิดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย -สปป.ลาว ระยะ 5 ปี ที่ได้เสนอต่อที่ประชุมทีมเศรษฐกิจสองฝ่าย  ซึ่งนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว  กล่าวเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับไทยจัดทำยุทธศาสตร์การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวดังกล่าว

สำหรับแผนการขับเคลื่อนได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับกระทรวงวางแผนการและการลงทุนของ สปป.ลาว เมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว จะเสนอ Master Plan ต่อการประชุม ครม.ไทย-สปป.ลาว เพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ ไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ สปป.ลาว ที่มีความใกล้ชิดกันแบบมิตรสหายที่แน่นแฟ้น ตลอดจนภูมิประเทศ ที่มีความยาวของเส้นเขตแดนประมาณ 1,810 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดต่อกับไทย 12 จังหวัด มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตและภาษาพูดที่คล้ายคลึงกัน สามารถเข้าใจกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ล่ามแปล ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับไทยและ สปป.ลาว ในการต่อยอดความร่วมมือกันในทุกมิติ

People unity news online : post 27 พฤษภาคม 2560 เวลา 23.23 น.

 

Verified by ExactMetrics