วันที่ 21 พฤศจิกายน 2024

จัดสัมมนาบริการเพร็พเทิดพระเกียรติพระองค์เจ้าโสมสวลี

People Unity : กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสภากาชาดไทย จัดสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสทรงดำรงตำแหน่ง UNAIDS Goodwill Ambassador for HIV Prevention for Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคม 2562 ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ซึ่งประเทศไทยมีประสบการณ์และพัฒนาการต่อสู้กับปัญหาเอดส์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ว่าสามารถลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ปรีชา กล่าวว่า เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “เพร็พพระองค์โสมฯ” ซึ่งประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 ซึ่งมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีปีละไม่เกิน 4,000 ราย และลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศสภาวะลง ร้อยละ 90 โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินมาตรการที่สำคัญ คือ ขยายและจัดชุดบริการป้องกันแบบผสมผสาน พัฒนารูปแบบบริการใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เช่น Pre-exposure prophylaxis (PrEP) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีมาเสริมในชุดบริการ จัดระบบบริการให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการป้องกันและดูแลรักษา รวมทั้งเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่สังคม ในการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ

ในปี 2561-2562 กรมควบคุมโรค ได้เตรียมความพร้อมให้กับหน่วยบริการเพร็พทั่วประเทศ โดยดำเนินงาน ดังนี้ จัดทำแนวทางการจัดบริการยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีในประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2561 รวมถึงพัฒนาศักยภาพหน่วยบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เตรียมระบบบริการ เชื่อมโยงระบบภายในโรงพยาบาล โดยการอบรมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ ในการจัดบริการเพร็พ ให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง และสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กลุ่มผู้รับบริการทราบข้อมูลและหน่วยบริการที่จัดบริการเพร็พ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

นายแพทย์ปรีชา กล่าวอีกว่า เพร็พ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อเอชไอวี เช่น มีคู่นอนหลายคน และไม่สามารถใส่ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้ง โดยกรมควบคุมโรค มีเป้าหมายให้คนไทย สามารถเข้ารับบริการเพร็พ ได้ฟรี ในหน่วยบริการสาธารณสุข ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 21 จังหวัด 51 หน่วยบริการทั่วประเทศ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร 02-590-3215 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก

People Unity : ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ ขณะที่ รมว.ศธ. ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน เผย 1 ธันวาฯ ดีเดย์พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่น่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกท่านมีความมั่นใจ ได้คุยกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคมและเลขาธิการพรรค มั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคทุกท่านมีความพร้อม เพราะต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการทำงานในระบอบประชาธิปไตย มันต้องมีการตรวจสอบ คนเป็นรัฐมนตรีต้องตอบคำถามให้ได้

เมื่อถามว่าเป็นการอภิปรายที่เร็วไปหรือไม่ เพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน นายอนุทิน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ทำงาน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ต่างคนต่างหน้าที่ ถ้าหากเขาไม่ทำหน้าที่ ก็เหมือนเขาละเลยงาน ส่วนในฝ่ายที่ทำงาน ถ้าทำถูกต้อง ทำอย่าซื่อสัตย์ มันต้องมีตัวเลข ข้อมูลมาชี้แจง

“รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่โกงเสียอย่าง ก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไร”

ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน

นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ถึงแนวทางการพัฒนา และปัญหาในระบบให้บริการด้านสุขภาพ ว่า บริการประชาชน คือ งานของเรา ประชุม ระดมสมองหาแนวทางพัฒนาห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล สร้างมาตรการ และมาตรฐานบริการประชาชน จาก ประสบการณ์ทุกๆ ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข ผู้ป่วย และ ญาติผู้ป่วย เริ่มต้นวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ปรับปรุงศักยภาพ 21 โรงพยาบาล ก่อน ตามงบประมาณที่มี แล้วรองบประมาณปี 2563 ออกมา เพื่อจะพัฒนาให้ได้มากที่สุด

ปัญหาสำคัญ ประการหนึ่ง ของห้องฉุกเฉิน คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ ยังแยกแยะไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจคำว่า ฉุกเฉิน เกือบทุกคนรู้สึกฉุกเฉินกันทั้งหมด แต่บางราย ทางการแพทย์ ยังไม่จัดว่าฉุกเฉิน ส่งผลให้คนไข้ไม่ฉุกเฉิน ล้นห้องฉุกเฉิน และกระทบกระทั่งกันระหว่างญาติผู้ป่วย กับ เจ้าหน้าที่ อยู่บ่อยครั้ง

ปัญหาสำคัญที่สุด คือ งบประมาณยังไม่เพียงพอ ทั้งบุคลากร อาคารสถานที่ เครื่องมือ และ ระบบการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย ทั้ง รถพยาบาล และ Telemed
ต้องขอความกรุณาท่านกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ได้โปรดเห็นใจ และ เข้าใจความจำเป็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ โปรดอย่าตัด และ อยากจะขอเพิ่ม ด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้า มา ณ ที่นี้

รมว.คมนาคม พร้อมแจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตอนนี้รอฟังข้อมูล เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องใด ขณะนี้ยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็น ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่า มีเรื่องอะไรที่ตนเองทำเพื่อเอื้อประโยชน์กับใคร

“ก็ดี ผมจะได้ชี้แจงให้หมดว่าทำอะไรไปบ้างแล้วถ้ามองในแง่ดี ผมก็จะได้พูดเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้พูดถึงภาพรวมเป็นฝั่งชี้แจงเสียมากกว่า หรือไม่แน่ ฝ่ายค้านอาจจะมองว่าผมทำงานมากเกินไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว

“ธนาธร”ชูฮก”จีน”พัฒนาก้าวกระโดดเพราะมีเทคโนโลยี

People Unity : “ธนาธร” ขึ้นเวที ส.สื่อไทย-จีน ยกบทเรียน “จีน” พัฒนาก้าวกระโดดได้เพราะมีเทคโนโลยีของตัวเอง-กระจายอำนาจ- ตลาดภายในขนาดใหญ่ ชงพัฒนานโยบายอุตสาหกรรมอาเซียน​สร้างตลาดภายในภูมิภาค

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 ตุลาคม​ 2562 ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นายธนาธร จึง​รุ่งเรือง​กิจ​ หัวหน้า​พรรค​อนาคต​ใหม่​ ร่วมวงเสวนา “เปิดมุมมอง​ ปรับความคิด​ ความร่วมมือ​ไทย-จีน” จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ 70 ปีจีนใหม่ โดยผู้ร่วมวงเสวนาประกอบไปด้วยตัวแทน​จากภาคธุรกิจ​ นักกฎหมาย​ และภาคการเมือง ทั้งชาวไทยและชาวจีน โดยเริ่มต้น​ได้เล่าถึง​ประสบการณ์​การทำงานในภาคธุรกิจและการได้ไป​ลงทุน​ใน​ประเทศ​จีน​ นายธนาธร กล่าวว่า ตลอด​การทำงาน​ที่​ผ่าน​มา ตนได้​เดินทางไปจีน​มาแล้ว​มากกว่า 40 ครั้ง ครั้งแรกที่เดินทางไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจ​คือปี 2006 แต่โชคร้ายเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ​เสียก่อน​จึงได้ชะลอ​ไป จนได้กลับไป​อีกครั้งในปี 2008 นับตั้งแต่ได้ไปลงทุนมาจนถึงวันนี้ บริษัทที่ตนเคยบริหารมีฐานการผลิตถึง 3 แห่ง ที่ซูโจว ฟุเจี้ยน และกวางตุ้ง ใน 3 โรงงานมีพนักงานคนไทยที่เป็นผู้บริหารโรงละ 3-5 คน ส่วนตนเองได้มีโอกาสไปปีละมาณ 4-5 ครั้ง รู้จัก​เจ้าหน้าที่ๆ ดูแล​มณฑล ลูกค้าบริษัทต่างชาติ มีพันธมิตรมากมาย เม็ดเงินลงทุนวันนี้น่าจะตกประมาณ 4 พันล้านบาท ลงทุนในสินค้าไฮเอนด์ บางตัวเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยใช้มาก่อน

นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า บริษัทในจีนเองมีการส่งเสริมธุรกิจจากประเทศไทยหลายอย่าง การผลิตสินค้าในจีนขึ้นชื่อในเรื่อง​ ถูก, เร็ว, ดี หลายผลิตภัณฑ์ในช่วงเศรษฐกิจดีเรานำเข้าสินค้าจากจีนกว่า 300 ล้านบาท บางสิ่งเราไม่มีเรานำเข้าจากจีน บางอย่างจีนไม่มีเราก็นำไปลงทุน ตนเห็นว่ายังมีโอกาสอีกมากที่บริษัทจีนจะมาสร้างเสริมความสัมพันกับบริษัทไทยให้ก้าวไกลได้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราควรเรียนรู้จากจีนอยู่​ 2-3 ข้อ​ ประเด็นแรก คือการก้าวข้ามจากประเทศกำลังพัฒนาหรือการก้าวพ้น​จากกับดัก​ประเทศ​รายได้​ปานกลางเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังไม่สามารถสร้างเทคโนโลยีในประเทศไทย​ได้เอง เราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านกับดักรายได้​ปานกลางได้เลย

“ประเด็นต่อมา คือ ปัจจัยความสำเร็จที่​คนไทยยังไม่ค่อยมองเห็น เรื่องกระจายอำนาจ​ แต่ละมณฑลของจีนสามารถบริหารจัดการตัวเองได้ สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ไม่ได้ถูกรวมศูนย์ที่ปักกิ่งอย่างเดียว หลายๆ บริษัท​ใหญ่​มีสำนักงาน​ใหญ่​อยู่​ที่ต่างจังหวัด ความเป็นอิสระของแต่ละมณฑลทำให้การพัฒนาไม่ถูกรวมศูนย์​ เกิดการกระจายรายได้กระจายงานไปสู่แต่ละมณฑล ถ้าเรามองย้อนไปยังรูปแบบการพัฒนาของจีน จะเห็นว่าในช่วง 20 ปีแรกการพัฒนาถูกเน้นหนักไปทางจังหวัดชายฝั่งภาค​ตะวันออกเสียส่วนใหญ่ แต่ระยะหลังก็เริ่มมีการพัฒนากระจายไปสู่ทางตะวันตกเป็นหลัก​ นี่คือสิ่งที่ตนอยากเห็น คือการพัฒนาเอางานเอาความมั่งคั่งไปยังต่างจังหวัดให้มากขึ้น” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบทเรียนสำหรับประเทศ​อาเซียน​ ส่วนหนึ่ง​ที่​จีน​สามารถ​เติบโต​ได้​ขนาดนี้ ก็เพราะจีนมีตลาดภายในที่ใหญ่มาก นโยบายอุตสาหกรรม​ของ​จีน​ก็สอดรับกับความ​ต้อง​การ​ เมื่อย้อนกลับ​มา​ดู​อาเซียน​ จะเห็นได้ว่าต่างคนต่างมีการผลิต​แข่งกันเอง ไม่เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าภายใน ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายอุตสาหกรรมในระดับอาเซียน ต้องมีการค้าภายในอาเซียนที่เยอะขึ้น ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ การเมืองระดับประเทศและกฎหมายของแต่ละประเทศ​จะต้องไปด้วยกัน

นายธนาธร ทิ้งท้ายว่า ขณะที่ตนชื่นชมในความสำเร็จของ​จีน​ แต่ตนก็มีข้อที่ต้องวิจารณ์​ด้วย​เช่นกัน​ แน่นอนว่าในฐานะประเทศ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย​ อียู สหรัฐอเมริกา​ ฯลฯ​ เราต้องรักษาความสัมพันธ์​ที่ดีเอาไว้​ การที่จีนขึ้นมามีบทบาทนำเป็นเรื่อง​ที่น่ายินดี​ เราไม่สามารถเพิกเฉยกับจีนและอาเซียนได้ แต่เราจะไปฝากความหวังไว้กับเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นโลกทั้งโลกควรจะยินดีการเข้ามามีบทบาทของจีน แต่ก็มีสิ่งที่จีนควรจะพัฒนาปรับปรุง นั่นคือการเติบโตของจีนต้องควบคู่ไปกับการเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบด้วย เช่น นโยบายการอุดหนุน​สินค้าจีนให้ส่งออกได้อย่างเต็มที่ เรื่องนี้จีนเองก็ควรจะต้องค่อยๆ เปิดให้มีความโปร่งใส ไม่ควรอุดหนุนมากเกินไปจนทำให้ประเทศคู่​ค้า​เสียเปรียบ​ ไม่​ใช่ว่าจีน​ไปลงทุนในประเทศ​อื่นได้หมด แต่มีข้อจำกัดในการเปิดให้ประเทศอื่นเข้าไปลงทุน ต้องแฟร์ คือปฏิบัติ​ต่อ​ประเทศอื่นอย่างเท่าเทียมกันด้วย

สธ.เดินหน้าจัดตั้ง”สถาบันกัญชาทางการแพทย์”ทำหน้าที่วิจัย

People Unity : สธ.เดินหน้าจัดตั้ง “สถาบันกัญชาทางการแพทย์” ทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม วิจัย พัฒนา การใช้กัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาล

วันที่ 28 ต.ค.2562 ที่สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธเนศ ดุสิตสุนทรกุล ว่าที่ผู้อำนวยการสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ได้เปิดเผยว่า หลังจากสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระดมความคิดวางแผนจัดตั้ง “สถาบันกัญชาทางการแพทย์” ขึ้น เพื่อความยั่งยืนกัญชาทางการแพทย์ไว้ในกระทรวงสาธารณสุข การจัดตั้ง สถาบันกัญชาทางการแพทย์ ทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม วิจัย พัฒนา การใช้กัญชาทางการแพทย์ในโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการใช้กัญชามากขึ้น เพราะปัจจุบันกัญชาได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากและสนใจปลูก แต่ไม่เข้าใจข้อกฎหมาย รวมไปถึงการขออนุญาติในการปลูก

ที่สำคัญที่สุดยังมีประชาชนไม่เข้าใจข้อกฏหมายพากันปลูกและถูกเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปจับกุม ประชาชนบางส่วนบางกลุ่มที่ยังไม่ขึ้นมามาบนดินยังแอบปลูกกัญชา ปัญหาเหล่านี้สำนักปลัดกระทรวงเป็นห่วงพี่น้องประชาชน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ทำงานเร่งด่วนเพราะท่านห่วงพี่น้องประชาชนได้ใช้กัญชาอย่างถูกต้อง

วันนี้จึงได้มีการประชุมครั้งแรก เพื่อตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนให้พี่น้องประชาชนเข้าใจเรื่องของกัญชา มีองค์ความรู้เรื่องกัญชา ที่มีหลายหน่วยงานเข้ามาเป็นกรรมการและองค์กรภาคเอกชนมาระดมความคิด เพื่อก่อตั้งสถาบันกัญชาทางการแพทย์ โดยมีนายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลและเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต นายสุกษม อามระดิษ เลขานุการสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากสภาเกษตรกรแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ซึ่งการระดมคนทำงานเพื่อให้เกิดสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ทางคณะทำงานต้องการให้ประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะพี่น้องประชาชนรอเรื่องนี้อยู่

“เพื่อไทย”เผยรัฐเตรียมมอบกองทัพทำถนนพาราซอยหวั่นซ้ำรอยงบขุดลอกคูคลอง

People Unity : พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หวั่นซ้ำรอยงบขุดลอกคูคลอง เผยรัฐเตรียมมอบกองทัพทำถนนพาราซอย

วันที่ 28 ตุลาคม 2562 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากสภาวะปัญหายางพารา ที่มีราคาตกต่ำลง รัฐบาลมีนโยบายนำยางพารามาใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างทางหรือพื้นผิวจราจร โดยมีหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ โดยการส่งเสริมการใช้พาราซอยซีเมนต์ ช่วงที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม มีการนำน้ำยางข้นประมาณ 17,913 ตันไปทำถนนพาราซอยซีเมนต์ และสระเก็บน้ำ วงเงินงบประมาณทั้งหมดประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ หวังดูดซับผลผลิตน้ำยางที่ออกสู่ตลาด เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้ชาวสวนยางที่ขายน้ำยางสด มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจภาคครัวเรือน

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินการที่ผ่านมาประชาชนในหลายพื้นที่ ร้องเรียนกับส.ส.ของพรรคว่า ถนนพาราซอยซีเมนต์ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของกองทัพ ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์พอ งานที่ดำเนินการไม่เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ไม่กระจายรายได้สร้างงานในพื้นที่

พลโทภราดร กล่าวด้วยว่า มีรายงานข่าวออกมาว่าในปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลเตรียมก่อสร้างถนนพาราซอยซีเมนต์อีกทั่วประเทศภายใต้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้มีรายงานว่ารัฐบาลเตรียมมอบหมายให้กองทัพบกรับผิดชอบโครงการดังกล่าว

การดำเนินการในรูปแบบเดิมๆ หวั่นจะเกิดข้อครหาเช่นเดียวกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ที่รัฐบาลคณะรักษารักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.อนุมัติงบประมาณกว่า 4,800 ล้านบาท ให้องค์การทหารผ่านศึก ดำเนินการขุดคลองทั่วประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ผลออกมามีการร้องเรียนเรื่องทุจริตเป็นจำนวนมาก ทั้งเรียกรับเงิน หักค่าหัวคิว จนผู้รับเหมาทิ้งงานในหลายจังหวัด จนสุดท้ายกระทรวงการคลังต้องยกเลิกสิทธิพิเศษในที่สุด

“การดำเนินการถนนพาราซอยซีเมนต์เป็นเรื่องที่ดี แต่ควรให้บริษัทเอกชนที่มีความรู้ความสามารถดำเนินการดีกว่า เพราะเงินงบประมาณจะได้กลับไปสู่ท้องถิ่นจากการจ้างงานคนในพื้นที่ ซึ่งดีกว่าให้หน่วยงานทหารที่เงินก็ไม่กระจายและไม่เกิดการจ้างแรงงานในพื้นที่แต่อย่างใด”พลโทภราดร กล่าว

“อนุทิน”อัดพวกเสียประโยชน์แบน 3 สารพิษ มโนโยงสหรัฐฯตัดจีเอสพีการค้าไทย

People Unity : “อนุทิน”ยันไทยถูกตัดจีเอสพีไม่เกี่ยวเรื่องแบน 3 สารพิษ อัดพวกเสียประโยชน์มโนบิดเบือน ย้ำจุดยืนหนุนมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย

วันที่ 28 ต.ค.2562 กรณีที่ประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางการค้า ซึ่งมีบางฝ่ายเชื่อมโยงว่ามีสาเหตุมาจากที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน 3 สารพิษนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ฝ่ายที่เสียหาย ก็มโนไปเรื่อย หาทางบิดเบือนให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์ ทั้งที่การตัดสิทธิ์นั้น ทางนั้นจะจัด จะให้เมื่อไร ตอนไหนก็ได้ ล่าสุด อ้างเหตุผลเรื่องสิทธิมนุษยชน ก็ต้องไปดูว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องอธิบาย สำหรับคนไทย ก็ต้องเชื่อมั่นใจสินค้าไทย โดนตัดสิทธิ์ ก็บริโภคกันเอง ส่งขายตลาดอื่น ถ้าของเราดี ย่อมไม่ต้องกังวล ทางด้านสหรัฐฯเอง ก็ต้องได้รับผลกระทบเหมือนกัน เขาขึ้นภาษีของไทย ของก็ต้องแพงขึ้น เดี๋ยวผู้บริโภคในสหรัฐฯ ก็ส่งเสียงมาเอง

เมื่อถามถึงโอกาสในการเปลี่ยนมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เรายืนยันมติเดิม ที่ให้ตัวแทนของกระทรวงไปแสดงจุดยืนในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งนี้แม้ทางสหรัฐฯ จะอ้างผลการวิจัยว่าสารบางตัวที่ถูกแบนไม่มีอันตราย แต่ที่ตนเห็นด้วยตาคือแผลที่เน่าจนจะเห็นกระดูก การขึ้นป้ายสนับสนุนการแบนสารพิษของโรงพยาบาล อันเกิดจากการตระหนักถึงอันตรายของสารพิษ ให้คนไทยใช้และกินของดีๆ มิได้หรือ

“ในส่วนของคณะกรรมการวัตถุอันตรายตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติมีมานานแล้ว ไม่ใช่การรวมกลุ่มเฉพาะกิจเพื่อแบนสารพิษ แต่การโหวตเกิดจากการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี เมื่อคณะกรรมการมีมิตอย่างไร ก็เป็นกฎหมาย ว่าไปตามนั้น ยิ่งคะแนนฝ่ายแบนขาดลอย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว หรือจะให้กลับมติ แล้วจะมีคณะกรรมการวัตถุอันตรายไว้ทำไม”

“เศรษฐพงค์”ยัน”ภท.-รัฐบาล”ทำงานมีเอกภาพ

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาตัดจีเอสพี เพราะการแบนด์ 3 สารพิษ เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าเพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ซึ่งไม่ว่าเขาจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใด ตนต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าที่เราผลักดันการแบนด์ 3 สารพิษได้สำเร็จ เป็นเพราะการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของรัฐบาล เราเห็นชัดเจนว่าสารดังกล่าว มีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยจริงๆ แล้วในเมื่อพรรคภูมิใจไทย มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว. สาธารณสุข รวมถึงน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ก็ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แล้วเมื่อเราผลักดันสำเร็จ ก็ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเช่นกัน ที่ได้ทำเรื่องที่ดีเพื่อชีวิตในอนาคตของประชาชนคนไทย และพรรคภูมิใจไทยยังจะยืนยันหลักการทำงานเพื่อชีวิต ความเป็นอยู่ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนต่อไป

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนการที่มีบางประเทศจะตัดสิทธิจีเอสพีนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เรื่องดังกล่าวตนขอพูดในหลักการโดยไม่เจาะจงไปยังประเทศใดประเทศหนึ่ง ว่าหลักการบริหารประเทศในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก่อนอื่นเลยประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ควรใช้วิธีการในเชิงแทรกแซง หรือกดดันการบริหารงานของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เล็กกว่า มีศักยภาพน้อยกว่า แต่ควรให้ความเคารพในการบริหารงานของประเทศไทย ที่ผ่านมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในภาวะอ่อนไหวทางการเมืองหลังการรัฐประหาร อยู่ในวิกฤต ก็ไม่เห็นประเทศยักษ์ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยอะไร มาถึงตอนนี้เมื่อไทยดำเนินการเพื่อประโยชน์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ตนจึงอยากเห็นการสนับสนุนจากประเทศยักษ์ใหญ่ เพราะจะเป็นท่าทีที่ชี้ว่าเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า ตนคิดว่าเรื่องที่มีผลกระทบชีวิตประชาชนไม่ควรนำมาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องรู้จักได้ รู้จักเสีย

“ผมหวังว่าการแบนด์ 3 สารพิษ จะไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดจีเอสพีประเทศไทย แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยเราก็ขอยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง เราก็จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพี่น้องประชาชนมาก่อนเป็นลำดับแรก เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

“อุ๋ม” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนเด็กเยาวชนเขตบางซื่อ-ดุสิต

People Unity : “อุ๋ม ธณิกานต์” ร่วมฉลองวันเกิด “แอฟ ทักษอร” มอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในเขตบางซื่อ-ดุสิต

วันที่ 28 ต.ค.2562 น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขตบางซื่อ-ดุสิต  พรรคหลังประชารัฐ และ” แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ดารานักแสดงชื่อดัง ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา จำนวน 23 ทุน พร้อม อุปกรณ์การเรียน และอุปกรณ์กีฬา แก่นักเรียนเรียนดี ประพฤติดี และยากไร้ คัดเลือกโดยฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตบางซื่อ และเครือข่ายประธานชุมชน มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมทั้งหมด 92 คน

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า งานในวันนี้เกิดขึ้นจาก คุณแอฟ ทักษอร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท มีความตั้งใจที่จะทำบุญฉลองวันเกิด ร่วมสร้างสังคมแบ่งปัน ประสงค์จะมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนแก่เด็กและเยาวชน เพราะเราเห็นตรงกันในเรื่องความสำคัญของการศึกษา อันเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคมและประเทศอย่างยั่งยืน สามารถนำสู่การประกอบอาชีพ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อดูและตัวเองและคนรอบข้างได้ ดังนั้นจึงอยากเป็นอีกแรงในการสนับสนุน โดยมอบทุนทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆและเยาวชนให้ดีขึ้น ยกระดับคุณภาพสังคมและประเทศชาติต่อไป

โดยวันนี้ได้ทีมงานผู้ช่วย ส.ส. พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางซื่อ และคณะครู ในฐานะเจ้าบ้านและเจ้าของพื้นที่ ร่วมนำกิจกรรมสร้างความสุขให้กับน้องๆนักเรียน บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยรอบยิ้มและความสนุกสนาน

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากร่วมสนับสนุน โครงการ “สังคมแบ่งปัน” ช่วยเหลือแบ่งปันทุนทรัพย์หรือองค์ความรู้แก่เด็กและสตรี หรือพร้อมสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ด้านอื่นๆ #เขตบางซื่อดุสิต ยินดีต้อนรับทุกท่าน สามารถติดต่อส.ส.อุ๋มและทีมงาน ได้ที่ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ) หรือ โทร. 065-694-2245

“อุตตม”ร่วมถก ธ.ก.ส.เร่งเสริมมาตรการช่วยเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย

People Unity : รมว.คลัง ร่วมประชุมคณะกรรมการธ.ก.ส. เร่งเสริมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยปี2562 ทั้งขยายเวลาชำระหนี้ 2 ปี และลดดอกเบี้ยเงินกู้อีกร้อยละ 3 ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ภาคชนบท ทั้งการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว การดำเนินโครงการประกันรายได้ปาล์ม ข้าว ที่จ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้วกว่า 34,600 ล้านบาท พร้อมเตรียมโอนประกันรายได้ยาง งวดแรก 1 พฤศจิกายนนี้

วันที่ 28 ต.ค.2562 ที่ ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานในการประชุม ติดตามการดำเนินงานของธนาคารในการช่วยเหลือเกษตรกรและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ได้สรุปมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในระยะสั้นที่ดำเนินการไปแล้ว (ข้อมูล ณ 24 ตุลาคม 2562) ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ในอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงิน 24,810 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านครัวเรือน ดำเนินการโอนเงินแล้ว จำนวน 3.99 ล้านครัวเรือน เป็นเงิน 23,929 ล้านบาท โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562-2563 วงเงิน 13,000 ล้านบาทเป้าหมายเกษตรกร 263,107 ครัวเรือน ดำเนินการโอนเงิน รอบที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ไปแล้ว 254,667 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,351 ล้านบาท โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2562/63 รอบที่ 1 วงเงิน 20,940 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านราย มีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องได้รับเงินในรอบที่ 1 ทั้งสิ้น 349,300 ครัวเรือน โดย ธ.ก.ส. โอนเงินเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ไปแล้วกว่า 9,411 ล้านบาท รวมเงินที่โอนไปแล้วทั้ง 3 โครงการ จำนวน 34,691 ล้านบาท

สำหรับการประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในครั้งนี้ นายอุตตม ได้พิจาณาเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลการปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ระยะที่ 1 เพื่อเป็นการให้ช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยาง วงเงิน 24,278 ล้านบาท โดยเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไป ที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่ ปริมาณผลผลิตยาง (ยางแห้ง) 240 กิโลกรัม/ปี หรือ 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน กำหนดราคาประกันยางแผ่นดินคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50 %) 23 บาท/กิโลกรัม ซึ่งแบ่งสัดส่วนการจ่ายเงินให้กับเจ้าของสวนยาง 60% และ คนกรีดยาง 40% โดยคาดว่าจะสามารถโอนเงินในงวดแรกให้เกษตรกรได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

นายอภิรมย์ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ยังเตรียมพิจารณาให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2562 จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการขยายเวลาชำระหนี้ต้นเงินกู้เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่ 1 กันยายน 2562- 31 สิงหาคม 2564 และขยายเวลาชำระดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 – 31 สิงหาคม 2563 และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า โดยคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MRR-3 (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.875 ต่อปี) วงเงินกู้ไม่เกิน 300,000 บาทแรก เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 – 31 สิงหาคม 2563 และมอบหมายให้ ธ.ก.ส. เตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลเพื่อดูแลเกษตรกรตามมาตรการต่าง ๆ ที่จะทยอยออกมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตโดยเฉพาะพืชหลักชนิดต่าง ๆ ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

ทั้งนี้ ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมจัดโครงการประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ซึ่งมีชุมชนจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเข้าร่วม ตามนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบสินเชื่อให้ลูกค้าของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ การจัดตลาดชุมชนทางน้ำ และการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน ณ เทศบาลตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่

กมธ.งบฯ63 เตรียมถกปม”ธนาธร”ไทยโดนตัดสิทธิ์ GSP

People Unity : “วิรัช”เผยกมธ.งบฯ63 เตรียมถกประเด็นสถานะ “ธนาธร” เย็นนี้ เตรียมคุยปัญหาตัดสิทธิ์ GSP กับกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 กล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ก็จะมีการสอบถามกรณีประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง

สำหรับสถานะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ ที่ศาลสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าดูเบื้องต้น นายธนาธรสามารถลงชื่อและร่วมออกความเห็นในที่ประชุมได้ ส่วนบทบาทอื่นๆ ต้องรอความชัดเจน โดยหลังจากการพิจารณางบประมาณกระทรวงพาณิชย์แล้ว ในช่วงเย็น นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมาธิการฯ ก็จะเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ร่วมกัน และเป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการที่จะทำหนังสือหารือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หากต้องการให้มีการวินิจฉัยสถานะของนายธนาธร แต่ไม่สามารถตอบแทนนายอุตตมได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องมีการหารือกันในที่ประชุม

นายวิรัช เปิดเผยด้วยว่า นอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์แล้ว กรรมาธิการยังต้องมีการหารือกันถึงกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด พิจารณาไม่น้อยกว่า 280 ชั่วโมง โดยสิ้นสุดภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

“ธนาธร”ไม่หวั่น! สมาชิก “อนค.” เตรียมลาออก ทำใจมีเข้าออกเป็นสัจธรรม

People Unity : “ธนาธร-ปิยบุตร” พบพนักงานอัยการคดีวิจารณ์พลังดูด -ดูหมิ่นศาล ขอสังคมติดตามด้วยใจเป็นธรรม 20 กว่าคดี “อนาคตใหม่” เพราะผิด กม.จริง หรือขัดใจผู้มีอำนาจ? ไม่หวั่นสมาชิกพรรคเตรียมลาออกเป็นสัจธรรมมีเข้าออก

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 09.00น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ เพื่อฟังคำสั่งในคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีจัดรายการผ่านเฟซบุคไลฟ์วิจารณ์พลังดูดของรัฐบาล คสช. ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาทำความเห็นกลับมา ว่าจะยืนยันฟ้องต่อหรือไม่ หากยืนยันสั่งฟ้องตามสำนวน ก็จะต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาต่อไป พร้อมกันนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการเช่นเดียวกัน ในคดีที่กองบังคับการปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ได้ยื่นฟ้องนายปิยบุตรในข้อหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีแถลงข่าววิจารณ์การยุบพรรคไทยรักษาชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบพนักงานอัยการ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความของทั้งสองคน ระบุว่า จากการพบพนักงานอัยการวันนี้ ในส่วนคดีของนายธนาธร ล่าสุดปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงไม่ทำความเห็นกลับมา โดยพนักงานอัยการจะนัดนายธนาธรมาพบอีกครั้งในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ซึ่งหากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเห็นด้วยกับอัยการก็จบ หากมีความเห็นยืนยันสั่งฟ้อง ก็จะเป็นการพิจารณาของพนักงานอัยการต่อไป ส่วนคดีของนายปิยบุตรนั้น วันนี้เป็นวันที่ ปอท.ต้องนำส่งตัวให้สำนักงานอัยการสูงสุด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นฟ้องเพียงข้อหาดูหมิ่นศาล ตาม ป.อาญา มาตรา 198 แต่ไม่ฟ้องในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งพนักงานอัยการจะขอนัดเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 โดยในคดีนี้ ทางทีมทนายความจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมในการสอบพยานเพิ่มเติม เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมในส่วนของผู้ถูกร้องตามที่ได้ขอไปตั้งแต่ต้น

ด้าน ปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตนอยากเรียนให้ทราบว่าคดีต่างๆ ที่พรรคอนาคตใหม่โดนฟ้องรวมๆ 20 กว่าเรื่องในขณะนี้ ทุกคนคงวิเคราะห์กันได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งๆที่เรายังไม่ได้มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินเลย แต่กลับมีความคิดความเชื่อเต็มไปหมดว่าจะถูกยุบพรรค ตัดสิทธิ จำคุก ฯลฯ ทำให้ตนต้องขอถามกลับไปตรงๆ ว่าทุกคนรู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจริงๆ หรือ หรือว่าเพียงเพราะมีแนวทางที่ผู้มีอำนาจไม่สบายใจจึงต้องโดนกระทำเช่นนี้ อย่างในกรณีหุ้นสื่อที่นายธนาธรโดนอยู่ในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมิต้องการให้ ส.ส.หรือรัฐมนตรีมีอิทธิพลในการครอบงำสื่อ นี่คือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ต้องดูว่ากิจการที่ถือหุ้นนั้นเป็นสื่อหรือไม่ และการถือหุ้นนั้นมีมากน้อยเพียงใดถึงขั้นมีอิทธิพลครอบงำสื่อ แต่ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ไม่ได้เป็นสื่อมวลชน เป็นเพียงบริษัทที่รับจ้างผลิตรูปเล่ม ไม่ได้กำหนดเนื้อหา และก็ปิดกิจการเรียบร้อย และนายธนาธรก็ได้โอนหุ้นไปหมดตั้งแต่ 8 มกราคม แต่นายธนาธรกลับถูกเล่นงานตามมาตรานี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี ส.ส.คนหนึ่ง ไม่ได้ถือหุ้นสื่อเลย แต่มีคู่สมรสถือหุ้นสื่อ เป็นเจ้าของสื่อโดยตรง มีอิทธิพลครอบงำสื่อ นำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ ส.ส.คนนี้กลับไม่โดนอะไรเลย ตกลงแล้วรัฐธรรมนูญมาตรานี้ ต้องการจัดการนักการเมืองที่ครอบงำสื่อจริงๆหรือกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้กลั่นแกล้งกันแน่

“หรืออย่างคดีของตน หลักฐานที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ใช้ในการร้องทุกข์กล่าวโทษก็อ่อนมาก ถอดเทปมาแบบผิดๆถูกๆ ไม่ตรงกับที่ตนพูด ตนสอนกฎหมายมา วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญมาทั้งชีวิตไม่เคยโดนคดีอะไรเลย แต่พอมาเป็นนักการเมืองกลับโดนคดีทันที” นายปิยบุตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีอดีตผู้สมัครของพรรคจะรวมตัวกันลาออกกว่า 50 คน ซึ่ง นายธนาธร กล่าวว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน ไม่มีผลกระทบอะไรกับพรรค พรรคอนาคตใหม่มีสมาชิกกว่า 60,000 คน เรายืนยันจะก้าวไปข้างหน้าโดยที่ให้สมาชิกมีบทบาทและมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ส่วนตนไม่มีความกังวลใจอะไร ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตนขอยืนยันว่าการสร้างพรรคที่ทำมาเพียง 1 ปีครึ่ง แน่นอนว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เราจะนำประสบการณ์และความผิดพลาดมาเรียนรู้สร้างสรรค์พรรคให้ดีขึ้น

“การลาออกของสมาชิกพรรคเป็นกระบวนการปกติ มีคนเข้า มีคนออก ยอมรับว่าแน่นอนการเลือกผู้สมัคร ส.ส.ที่ผ่านมามีเวลาสั้นมาก มีเวลาเพียง 2 เดือนในการคัดสรรผู้สมัคร จึงทำให้เราไม่สามารถคัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ได้ 100% สถานการณ์และเวลาจะพิสูจน์คน ดังนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกพรรคการเมืองย่อมเป็นแบบนี้ มีคนเดินเข้าก็มีคนเดินออก ทุกวันนี้คนจำนวนมากอยากเข้ามาเป็นสมาชิก อยากเข้ามาร่วมทำงานกับพรรค กรณีนี้จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร จึงขอให้ทุกคนตัดสินด้วยใจเป็นธรรม คำถามที่ตนอยากถามกับสังคมอย่างตรงไปตรงมา การเข้ามาทำงานการเมืองในระบบ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ เป็นสิ่งที่ผิดบาปมากขนาดนั้นเลยหรือ” นายธนาธร กล่าว

Verified by ExactMetrics