วันที่ 22 พฤศจิกายน 2024

ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่จัดงานวันเด็กปี 2562 “คิดส์ดี คิดส์คุณภาพ : Quality Kids”

People unity : ธนาคารออมสินจัดกิจกรรม “วันเด็กแห่งชาติ” ประจำปี 2562 ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ภายใต้แนวคิด “คิดส์ดี คิดส์คุณภาพ : Quality Kids” กิจกรรมมากมาย ลงทะเบียนล่วงหน้าลุ้นรับของที่ระลึกชิ้นพิเศษ ร่วมกิจกรรมลุ้นรับทุนการศึกษา เล่นสนุกเพลิดเพลิน กระทบไหล่ดารา-ซุปเปอร์ฮีโร่-นักกีฬาทีมชาติ พร้อมเปิดทุกสาขาทั่วประเทศให้เด็กฝากเงินเป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่ 8.30 – 12.00 น. เพียงฝากเงินหรือเปิดบัญชีด้วยตัวเอง ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป รับของที่ระลึกฟรี! “กระปุกออมสินตู้ ATM”

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในวันเด็กแห่งชาติของทุกปี หน่วยงานต่างๆ ได้จัดกิจกรรมให้เด็กไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งเพื่อสันทนาการ สนุกสนาน และท้าทายความคิด ซึ่งธนาคารออมสิน เป็นหนึ่งในหน่วยงานของภาครัฐได้จัดงานวันเด็กแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้จัดให้สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ว่า “เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ” โดยธนาคารออมสินจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “คิดส์ดี คิดส์คุณภาพ : Quality Kids” ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่เวลา 8.00-12.00 น.

โดยการจัดงานภายใต้แนวคิด “คิดส์ดี คิดส์คุณภาพ : Quality Kids” เป็นแนวคิดเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีคุณค่า โดยสอดแทรกสาระสำคัญด้วยแนวคิด 3 ออม คือ ออมเศรษฐกิจ ออมสังคม และออมสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆของธนาคาร พร้อมสร้างเสริมประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยได้จัดพื้นที่ภายในสำนักงานใหญ่แบ่งกิจกรรมเป็นโซนต่างๆ รวมทั้งสิ้น 6 โซน โดยกิจกรรมในแต่ละโซนยังคงเน้นส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเด็กที่จะเข้าร่วมงานที่ทำบัตรประชาชนแล้วให้นำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อรับ QR Code ยืนยันตัวตน และรับพาสปอร์ตสำหรับนำไปเพื่อร่วมเล่นเกมร่วมกิจกรรมในฐานต่างๆ โดยจะมีบันทึกรายละเอียดสำคัญของเด็ก ข้อมูลการเข้าร่วมเกมหรือกิจกรรม ข้อมูลสะสมคะแนน

ธนาคารฯได้จัดลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเด็กที่จะเข้าร่วมงานด้วยที่ http://gsbkids.com/ ตั้งแต่เที่ยงวันของวันที่ 8 มกราคม 2562 ถึงเที่ยงวันของวันที่ 11 มกราคม 2562 ได้รับสิทธิ์ลุ้นรับของที่ระลึกจากการจับรายชื่อผู้โชคดี

“ภายในงานนี้เด็กๆจะได้พบกับศิลปินนักร้องจากค่ายโมโนมิวสิค ศิลปินตลกจากรายการก่อนบ่ายคลายเครียด พิธีกรและโค้ชจากรายการเกรียนอัจฉริยะ รวมถึงรุ่นพี่คนเก่ง นักกีฬาทีมชาติ และไฮไลท์โชว์โดรนจากน้องมิลค์ แชมป์บินโดรนระดับโลก รวมถึงร่วมชมร่วมเชียร์การแข่งขัน E-Sport, ROV พบเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ ศิลปินตลกเดอะคอมเมอเดี้ยน จ๊ะทิงจา และพี่ออมจังพี่ตังค์ตรึม สติ๊กเกอร์ไลน์ของธนาคารออมสินขวัญใจน้องๆ ผ่านกิจกรรมที่เน้นความสุข สนุกสนาน ควบคู่ไปกับสาระที่ อาทิ กิจกรรมที่ถอดรูปแบบจริงจากโครงการของธนาคารออมสินที่มีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมจริงในทุกๆ ด้าน ทั้ง ด้านดนตรี กีฬา และวิชาการ ได้แก่ ธนาคารโรงเรียน Virtual School Bank เพลินพิพิธภัณฑ์ยุคใหม่ Digital Branch Studio โดยเล่นครบทุกฐานกิจกรรม ได้สิทธิ์ลุ้นรับทุนการศึกษา 5,000 บาท อีกด้วย” นายชาติชาย กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สำคัญ ด้วยการเปิดรับฝากเงินเป็นกรณีพิเศษ เพื่อปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่วัยเยาว์ พร้อมทั้งแจกของที่ระลึกให้แก่เด็กที่ฝากเงินหรือเปิดบัญชีด้วยตัวเองตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ได้รับของที่ระลึก “กระปุกออมสินตู้ ATM” 1 ชิ้น ต่อ 1 ราย (ของมีจำนวนจำกัด) ในเวลา 8.30-12.00 น. เท่านั้น ณ สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ รวมถึงสาขาอุ่นไอรักฯ ซึ่งเปิดภายในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาวฯ บริเวณสนามเสือป่า

สังคม : ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่จัดงานวันเด็กปี 2562 “คิดส์ดี คิดส์คุณภาพ : Quality Kids”

People unity : post post 9 มกราคม 2562 เวลา 23.10 น.

ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรเข้าพบขอบคุณ พล.อ.ประวิตร หลังแก้ปัญหาตลาดนัดจตุจักรสำเร็จ

People unity news online : ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร เข้าพบและขอบคุณ พล.อ.ประวิตร หลังประสบความสำเร็จช่วยแก้ไขปัญหาตลาดนัดจตุจักร

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา 15.00 น. ณ ห้องรับรอง สโมสรทหารบก (วิภาวดี) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำผู้แทนกลุ่มสหกรณ์บริการผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรและกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร เข้าพบเพื่อมอบดอกไม้ แสดงความขอบคุณรัฐบาลและคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 (กขป.5) เพื่อแสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรจนได้ข้อยุติที่เป็นที่พอใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสามารถช่วยลดค่าเช่าแผงค้ารายเดือน และปรับให้ กทม. เข้ามาบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการบริหารจัดการพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้มีความสมดุล และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่สอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินอยู่ในขณะนี้

สําหรับปัญหาความเดือดร้อนของผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรเป็นปัญหาที่เกิดจากการปรับระบบการบริหารจัดการตลาดตั้งแต่ปี 2555 และส่งผลให้ค่าเช่าแผงมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก (3,157 บาท/เดือน) จนกลายเป็นปัญหายืดเยื้อและผลส่งกระทบต่อผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ซึ่งมีอยู่ประมาณ 90,000 แผง จนเมื่อเดือนกันยายน 2561 ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรประมาณกว่า 2,000 ราย ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว และลดผลกระทบต่อประชาชาชนผู้ใช้บริการในตลาดนัดจตุจักร

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่เข้าพบและและขอบคุณหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ความร่วมมือเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรแล้วเสร็จ พร้อมกล่าวว่า การเร่งรัดขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนกระทั่งได้ข้อยุติ โดยกําหนดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ส่งมอบการบริหารตลาดนัดจตุจักรให้กับกรุงเทพมหานคร และลดค่าเช่าแผงลงจากเดิมเดือนละ 3,157 บาท เหลือเดือนละ 1,800 บาท ตามรายละเอียดที่กระทรวงคมนาคมได้รายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้วเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2561 สําหรับรายละเอียดอื่นๆอยู่ระหว่างการจัดทําบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศและกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ กรุงเทพมหานครสามารถเข้ามาเริ่มบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรได้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป

รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลไม่เพียงแต่ดูแลบรรเทาความเดือดร้อนของร้านค้าตลาดนัดจตุจักรเท่านั้น แต่ดูแลบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งมีหลายโครงการที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และได้ฝากให้ผู้ประกอบการร้านค้าตลาดนัดจตุจักรให้รักษาความสะอาด และขายสินค้าในราคาย่อมเยา ยุติธรรม กับประชาชนด้วย

People unity news online : post 28 พฤศจิกายน 2561 เวลา 11.04 น.

รัฐบาลจัดให้! ลูกจ้างราชการ 1 ล้านคน เฮ! สิทธิกองทุนเงินทดแทนคุ้มครอง มีผล 9 ธ.ค.นี้

People unity news online : รมว.แรงงาน แถลง พ.ร.บ.กองทุนเงินทดแทน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561 ลูกจ้างส่วนราชการ 1 ล้านคนรับอานิสงส์ได้รับความคุ้มครอง เพิ่มค่าทดแทนเป็นร้อยละ 70 จากเดิมร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายเดือน หยุดงาน 1 วันได้รับค่าทดแทน ทุพพลภาพได้รับค่าทดแทนไม่น้อยกว่า 15 ปี เสียชีวิตได้รับค่าทำศพ 40,000 บาทเท่ากองทุนประกันสังคม และทายาทได้รับค่าทดแทนนาน 10 ปี พร้อมอำนวยความสะดวกนายจ้าง ลดเงินเพิ่มเหลือร้อยละ 2 และลดการจ่ายเงินเพิ่ม กรณีภัยพิบัติ มีผลบังคับใช้ 9 ธันวาคมนี้

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2561) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการแถลงข่าว เรื่อง พระราชบัญญัติกองทุนเงินทดแทน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561 ณ ห้องประชุม ชั้น 7 อาคารสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 โดยกล่าวว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการเสริมสร้างความมั่นคง ให้ประชาชนของประเทศมีหลักประกันในชีวิต เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม มีสำนักงานประกันสังคมเป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนดูแลสิทธิประโยชน์แรงงานในระบบจำนวนประมาณ 12 ล้านคน และแรงงานนอกระบบประมาณ 22 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมมีกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน โดยกองทุนประกันสังคม ประกอบด้วย เงินสมทบที่มาจากลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล เพื่อให้ความคุ้มครองกรณีประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน รวมทั้งกรณีคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ส่วนกองทุนเงินทดแทน เป็นเงินที่จ่ายในกรณีที่ประสบอันตรายในการทำงานให้กับนายจ้าง โดยนายจ้างเป็นผู้จ่ายเข้ากองทุนฯ 480 บาท/คน/ปี ให้ความคุ้มครองการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน ค่าทำศพ จ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง เมื่อลูกจ้างประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ตาย หรือสูญหาย

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้กำหนดให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.เงินทดแทน เหตุเพราะบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของลูกจ้าง กระทรวงแรงงานจึงได้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.เงินทดแทนฯ ปี พ.ศ.2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ธันวาคม 2561 นี้ สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้าง อาทิ คุ้มครองลูกจ้างของส่วนราชการหรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไนทางเศรษฐกิจจำนวน 1 ล้านคน เพิ่มค่ารักษาพยาบาลจากเดิม 2 ล้านบาท จนถึงสิ้นสุดการรักษา เพิ่มค่าฟื้นฟูจากเดิม 24,000 บาท เป็น 40,000 บาท เพิ่มค่าทำศพ 33,000 บาทเป็น 40,000 บาท เพิ่มค่าทดแทนจากเดิม 60 % ของค่าจ้าง เป็น 70 % ของค่าจ้าง โดยจ่ายตั้งแต่จากเดิมหยุดงาน 3 วันเป็นตั้งแต่วันแรกที่เจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพจากเดิม 15 ปีเป็นตลอดชีวิต และกรณีตาย จะจ่ายค่าทดแทนแก่ทายาทจากเดิม 8 ปีเป็น 10 ปี ส่วนประโยชน์ของนายจ้าง ปรับลดเงินเพิ่มร้อยละ 2 ต่อเดือน จากเดิมร้อยละ 3 และเงินเพิ่มต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย ในกรณีที่ประสบภัยพิบัติ รัฐมนตรีมีอำนาจลดการจ่ายเงินเพิ่ม ตลอดจนเป็นการเพิ่มช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการยื่น – แจ้งเงินสมทบช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

People unity news online : post 15 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13.04 น.

รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เชื่อมโยงกับบัตรโดยสารสาธารณะ

People unity news online : “ประยุทธ์” สั่งการเดินหน้าปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เชื่อมโยงกับบัตรโดยสารสาธารณะ พร้อมสั่งให้กระทรวงดิจิทัลฯเร่งให้ทุกหน่วยงานบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลกันเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องความก้าวหน้าด้านดิจิทัลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า การดำเนินการดังกล่าวมีความคืบหน้าในหลายเรื่อง เช่น ที่ผ่านมาได้มีการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อของผ่านร้านค้าธงฟ้า แต่ปัจจุบันได้มีการปรับให้สามารถซื้อสินค้าที่อื่นได้ด้วย ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางการเงินในเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้งปัจจุบันได้นำไปเชื่อมโยงกับบัตรโดยสารสาธารณะซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างที่รัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่ออนาคตข้างหน้าของประเทศ

รวมถึงการพัฒนาการใช้ดิจิทัลทดแทนเอกสารในการติดต่อระบบราชการ โดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ในการทำธุรกรรมด้านต่างๆ ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ พร้อมทั้งได้ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันให้ได้ ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ ได้ประกาศและมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการขอใบอนุญาตต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

People unity news online : post 8 ตุลาคม 2561 เวลา 11.30 น.

นายกฯขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯสนับสนุนการทวงคืนโบราณวัตถุกลับสู่ไทยสำเร็จ

People unity news online : นายกฯชื่นชมทุกฝ่ายติดตามโบราณวัตถุกลับสู่ไทยสำเร็จ พร้อมขอบคุณการสนับสนุนของรัฐบาลสหรัฐฯ แนะบันทึกประวัติศาสตร์-เผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชน

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยที่ได้ร่วมกันติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย โดยล่าสุดสหรัฐฯได้ส่งคืนโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ 12 ชิ้น จากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี ให้แก่รัฐบาลไทย ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในความครอบครองของสตรีอเมริกันรายหนึ่ง

นายกรัฐมนตรียังขอบคุณไปยังรัฐบาลสหรัฐฯที่เข้าใจและให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งโบราณวัตถุกลับมายังประเทศไทย รวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีบทบาทสนับสนุนให้การดำเนินการสำเร็จลงด้วยดี

“นายกฯเน้นย้ำว่า การส่งคืนโบราณวัตถุครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่ควรบันทึกไว้ และเผยแพร่องค์ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้ได้รับทราบถึงความเป็นมาและขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ รวมทั้งควรนำโบราณวัตถุเหล่านี้ไปจัดแสดง เพื่อให้คนไทยได้เห็นถึงคุณค่าและภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าของประเทศไทย”

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังเตรียมงานหรือดำเนินการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศชิ้นอื่นๆอยู่ในขณะนี้ เช่น ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว พระโพธิสัตว์ไมเตรยะสำริด พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรมสำริด เศียรพระพุทธรูปหินทราย นาคปักหินทราย แผ่นทองคำดุนลวดลาย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของสหรัฐฯ โดยขอให้ภารกิจที่ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้โดยเร็ว

People unity news online : post 6 สิงหาคม 2561 เวลา 08.50 น.

ข่าวดี ..เปิดแล้วศูนย์ Job Ready Center 11 แห่งทั่วประเทศ ช่วยผู้จบ ป.ตรีมีงานทำครบวงจร

People unity news online : รองนายกรัฐมนตรีเปิดศูนย์ ที่นี่มีงานทำ Job Ready Center  ช่วยเหลือผู้จบปริญญาตรีให้มีงานทำ บริการให้คำปรึกษา พัฒนาทักษะฝีมือ แนะแนวอาชีพ จับคู่ตำแหน่งงาน เริ่มเปิดดำเนินการ 11 แห่ง พร้อมกันทั่วประเทศ ตามแนวทาง “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ”

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) ณ อาคารศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทยกระทรวงแรงงาน  โดยมี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้กล่าวรายงาน โดย พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ด้วยการยกระดับและปฏิรูประบบราชการ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้จัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) ขึ้น ภายใต้แนวคิด “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” โดยมีกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ยังไม่มีงานทำ เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในเบื้องต้น เพื่อส่งเสริมให้มีงานทำ มีรายได้ ตรงกับความต้องการและความสามารถของตนเอง สอดคล้องกับภารกิจหลักของกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งเน้นให้คนไทยมีงานทำอย่างมีศักดิ์ศรี ด้วยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งงานว่าง โอกาสในการพัฒนาทักษะอย่างเท่าเทียม ได้รับการคุ้มครอง และมีหลักประกันเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ คือรากฐานสำคัญในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า

พล.ต.อ. อดุลย์ กล่าวต่อว่า ศูนย์ที่นี่มีงานทำ จะให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ (19 ก.ค.61) เป็นต้นไป โดยศูนย์ดังกล่าว มีภารกิจหลัก 4 ประการ ประกอบด้วย 1. การแนะแนวงานที่เหมาะสมกับความสามารถ และความสนใจของผู้เข้ารับบริการ โดยจัดให้มีการทดสอบความพร้อม และความถนัดทางอาชีพเบื้องต้น 2. การจับคู่งาน (Matching) ระหว่างผู้ที่กำลังหางานกับนายจ้าง สถานประกอบการ โดยใช้ฐานข้อมูลของ ก.แรงงานและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งงานในประเทศ ต่างประเทศ ผ่าน Job fair, Mobile App, Line Jobs, Job Box เป็นต้น รวมทั้งการรับงานไปทำที่บ้าน 3. การพัฒนาทักษะ ในกรณีที่ต้องการยกระดับความสามารถของตนเอง (Up skill/Re-skill) โดยได้จัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ทั้งในระยะสั้น 18 – 60 ชั่วโมง และระยะยาว 60 วันขึ้นไป และ 4. การให้การคุ้มครองการจ้างงาน สภาพการทำงาน สวัสดิการที่ลูกจ้างพึงได้รับ และการนำเข้าสู่ระบบประกันสังคมเพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับชีวิต ซึ่งการดำเนินงานของศูนย์ที่นี่มีงานทำ ได้แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก คือระยะนำร่องมีการดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 11 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลา และกรุงเทพมหานคร และในระยะต่อไป จะขยายการดำเนินการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ภายในงานเปิดศูนย์ ได้มีกิจกรรม “นัดพบแรงงาน (JOBS FAIR)” เพื่อให้บริการจับคู่งาน (Matching) ระหว่างผู้ที่กำลังหางานกับนายจ้าง สถานประกอบการ โดยมีบริษัทชั้นนำกว่า 30 บริษัท มารับสมัครงานและสัมภาษณ์งาน อาทิ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ, บมจ.ซีพี ออลล์, บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น, บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเม้นต์, บจก.โตโยต้าบัสส์, บจก.อยุธยาแคปปิตอล เซอร์วิสเซส และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นต้น โดยมีตำแหน่งงานว่างพร้อมบรรจุกว่า 3,000 อัตรา นอกจากนี้ ยังได้จัดบริการให้คำแนะนำ/แนะแนวอาชีพ/ทดสอบความพร้อมทางอาชีพ/ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ/การรับงานไปทำที่บ้าน/หลักสูตรฝึกอบรม/สิทธิประโยชน์ประกันสังคม และให้ความรู้ด้านกฎหมายแรงงาน ฯลฯ

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ศูนย์ที่นี่มีงานทำ จะเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแนวทางประชารัฐ ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา เพื่อผนึกกำลังประสานข้อมูล และบูรณาการการทำงานให้คนไทยมีงานทำ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะเป็นการพัฒนากำลังคนให้พร้อมที่จะการนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามนโยบายของรัฐบาล”

ในท้ายนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เชิญชวนผู้ที่จบการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรี ที่กำลังหางานทำ มาใช้บริการศูนย์ที่นี่มีงานทำ ทั้ง 11 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งมีบริการที่ครบวงจร พร้อมเน้นย้ำ รัฐบาลได้วางแนวทางการสร้างคน ให้มีคุณภาพ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์ที่นี่มีงานทำของกระทรวงแรงงาน จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว อันนำไปสู่การยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

People unity news online : post 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.10 น.

นายกฯชื่นชม อีลอน มัสก์ ที่เดินทางมาให้ความช่วยเหลือหมูป่าอะคาเดมีด้วยตนเอง

People unity news online : นายกรัฐมนตรีชื่นชมนายอีลอน มัสก์ ที่เดินทางมาให้ความช่วยเหลือสำหรับการปฏิบัติการช่วยเหลือนักฟุตบอลและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมี ในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะของนายมัสก์ในการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดที่จะนำเทคโนโลยีสำรวจอวกาศมาปรับใช้อย่างสร้างสรรค์ นายกรัฐมนตรียังรู้สึกชื่นชมอย่างยิ่งที่นายมัสก์ได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงรายด้วยตนเอง เพื่อให้คำแนะนำ รวมทั้งมอบอุปกรณ์สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกซาบซึ้งถึงความปรารถนาดีและความมุ่งมั่นของนายมัสก์ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสำหรับการปฏิบัติการที่ถือว่ามีความยุ่งยากและซับซ้อนมากที่สุดในครั้งนี้

People unity news online : post 11 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.10 น.

ไทยติดอันดับ 4 ว่างงานน้อยที่สุดในโลก

People unity news online : นายกฯ ยินดีไทยติดอันดับ 4 ว่างงานน้อยที่สุดในโลก ย้ำรัฐบาลส่งเสริมการมีงานทำอย่างจริงจัง

วันนี้ (27 มิถุนายน 2561) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้รับทราบข้อมูลจากเว็บไซต์ Trading Economics.com และ Index mundi.com ซึ่งได้นำเสนออัตราการว่างงานของ 215 ประเทศทั่วโลก และปรากฏว่าประเทศไทยมีอัตราการว่างงานน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก โดยมีอัตราการว่างงานเพียงร้อยละ 1.2 จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 66.2 ล้านคน“นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลพยายามควบคุมอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ เข้าถึงการจ้างงานที่สะดวกรวดเร็ว เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว เช่น จัดตั้งศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทยทั่วประเทศ จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน จ้างงานผู้สูงอายุ คนพิการ และนักศึกษา บริการแนะแนวอาชีพ จัดตั้งกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน และบริการจัดหางานบนมือถือผ่าน Smart Job Application เป็นต้น จึงถือเป็นข่าวดีๆอีกครั้ง”อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานโดยเฉพาะผู้ที่จบปริญญาตรีให้มีงานทำโดยเร็วด้วย

People unity news online : post 27 มิถุนายน 2561 เวลา 12.20 น.

นายกฯขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

People unity news online : นายกรัฐมนตรียืนยันตรวจสอบโรงงานแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 เวลา 14.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันจากการตรวจสอบพบว่ามีโรงงานที่นำเข้าเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 7 โรงงาน แต่มีโรงงานเล็กๆที่ไม่ได้รับการอนุญาต ลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดปัญหาสร้างมลภาวะทีเป็นพิษ ซึ่งได้ระงับไปแล้วจำนวน 5 โรงงาน

ส่วนการนำเข้าขยะพลาสติกนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงงานนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 26 โรงงาน และได้มีการตรวจสอบไปแล้วจำนวน 17 โรงงาน ส่วนที่เหลืออีก 9 โรงงาน คาดว่าภายในวันศุกร์นี้จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างครบถ้วน จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้นำเข้าขยะพลาสติก สามารรถรวบรวมขยะพลาสติกได้ทั้งในและนอกประเทศ แต่มีการแอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจะได้ตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันข้างหน้าประเทศไทยจะพัฒนาสู่ประเทศที่มีเทคโนโลยี จะต้องประสบปัญหาขยะในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น จำเป็นจะต้องกำจัดขยะไปด้วย ทั้งนี้ ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแสขึ้นมา พร้อมกล่าวยืนยันว่า อะไรก็ตามที่ประชาชนร้องเรียน และได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ทำถูกต้องตามกฎหมาย

People unity news online : post 6 มิถุนายน 2561 เวลา 13.20 น.

ครม.เห็นชอบเปิด “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education)

People unity news online : ครม.เห็นชอบ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education) ครอบคลุมทั้งระบบการศึกษา รวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ คือ เห็นชอบ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education)

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวในระหว่างการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 11/2561 ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้

1.เห็นชอบหลักการเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักสูตรดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่ต้องนำหลักสูตรไปดำเนินการรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้

สำหรับภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับปีงบประมาณต่อๆไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

2.ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณานำหลักสูตรนี้ไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่ รวมทั้งให้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรโค้ชให้มีความชัดเจน โดยให้หมายความรวมถึงบุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ หรือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทั้งในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรอุดมศึกษาด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในการถ่ายทอดความรู้หรือช่วยในการจัดการเรียนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการและรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาทราบเป็นระยะๆด้วย

สาระสำคัญ  สำนักงาน ป.ป.ช.รายงานว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามีวัตถุประสงค์ในการปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ส่วนตนสิ่งใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวที่จะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบผ่านสถาบันการศึกษา

ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และสถาบันการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร สถาบันการศึกษาในสังกัด ตช. สถาบันการศึกษาทางทหาร เป็นต้น ต่อเนื่องไปจนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ครอบคลุมทั้งระบบการศึกษา นอกจากนี้ ยังรวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับบุคลากรของรัฐและพนักงานรัฐวิสาหกิจในหน่วยงานภาครัฐ

โดยแต่ละหลักสูตรประกอบด้วยเนื้อหา 4 ชุดวิชา ดังนี้

1.การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ชุดวิชาดังกล่าวเน้นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนระบบการคิดของคนในสังคมแยกแยะให้ได้ว่า “เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตน … เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม” โดยนำวิธีคิดแบบฐาน 10 (Analog thinking) และฐาน 2 (Digital thinking) มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืน

2.ความละอายความไม่ทนต่อการทุจริต เป็นชุดวิชาเกี่ยวกับการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพสังคมให้เกิดภาวะ “ที่ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกช่วงวัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ ผ่านทางสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนที่ทำหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม เพื่อให้เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ เกิดพฤติกรรมที่ละอายต่อการกระทำความผิด การไม่ยอมรับและต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ

3.STRONG: จิตพอเพียงต้านทุจริต เป็นชุดวิชาที่ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประกอบกับหลักการต่อต้านการทุจริตอื่นๆ เพื่อสร้างฐานคิดจิตพอเพียงต่อต้านการทุจริตให้เกิดขึ้นเป็นพื้นฐานความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลัก “STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต” ซึ่งคิดค้นโดยรองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ในปี 2560 มาเป็นแนวทางในการพัฒนาวัฒนธรรมหน่วยงาน

4.พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม พลเมืองศึกษาเป็นการจัดการศึกษาและประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ มีความภูมิใจในความเป็นพลเมืองตนเอง มีสิทธิมีเสียง สนใจต่อส่วนรวม และมีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมืองตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐบาล รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระบบการเมือง การปกครอง สิทธิและความรับผิดชอบของพลเมือง ระบบการบริหารจัดการสาธารณะและระบบตุลาการ

People unity news online : post 23 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00 น.

Verified by ExactMetrics